NaiNai in New York, NY >___<"

ชีวิตนักเรียนไทยในนิวยอร์ก

วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เล็กๆ ของชีวิตนักเรียนไทยในนิวยอร์กค่ะ โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องทำงาน จ่ายค่าเช่าห้อง ค่าครองชีพเอง อย่างเรา Smiley ถ้ามาแบบพ่อแม่ส่งมาเรียน จ่ายให้ทุกอย่างก็คงดี แต่.... ก็อาจจะไม่ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตจริงๆ ก็ได้นะ เออ... พยายามคิดในแง่บวก 5555



อันนี้คือ ภาพรวมๆ ในห้องเรียนค่ะ ตอนนี้เราเรียนที่ Embassy CES อยู่ติดกับ Times Square เลย เดินไปไม่ไกลก็ถึงล่ะ Smiley

พูดถึงค่าเรียนภาษาที่นี้ก็โหดเกินไป เพราะเรามาจากไทย เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถามพี่ๆ ที่รู้จักกันที่เค้าอยู่ที่นี้ เค้าก็บอกเราตลอดว่า "ทำเองเหอะ ประหยัดกว่าเยอะ" แต่คือ ไม่มีใครว่างมาอธิบายเราทีละขั้น ทีละตอน ว่าต้องทำยังไง อะไรบ้างที่จำเป็นต้องเตรียม เราเลยเดินเข้าเอเจนซี่ ซึ่งถ้าเทียบกับค่าเรียนที่เราหรือเพื่อนคนอื่นมาลงเรียนที่โรงเรียนอื่น ถูกกว่าโรงเรียนเราครึ่งหนึ่งเลยอ่ะ Smiley แถมที่บอกว่าต้องเลือกโรงเรียนที่ดูดีไว้ก่อน จะได้วีซ่า โรงเรียนอื่นก็ได้ค่ะ ที่ค่าเรียนถูกกว่านี้ การสอนพอๆ กัน ดังนั้น ถ้าใครจะมาเรียนต่อภาษาที่นี้นะ แนะนำว่า ทำมาเองโลดดด <<<< เดี๋ยวรายละเอียดแบบเจาะลึก จะเขียนในบล็อกหน้านะคะ Smiley



กลับมาเรื่องเรียนต่อ ที่ห้องเรามีเพื่อนคนไทยแค่คนเดียวเอง นอกนั้นเป็นเกาหลี โคลัมเบีย เวเนซูเอล่า ฟินแลนด์ รัสเซีย ประมาณนี้ค่ะ ที่โรงเรียนก็จะมีนักเรียนเข้ามาใหม่ทุกวันจันทร์ เราก็ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรม และภาษาของแต่ละคน แต่ละประเทศด้วย ซึ่งก็สนุกดีนะคะ เปิดโลกกว้างงงงงเลยล่ะ อิอิ

เรื่องการเรียนการสอน ส่วนตัวเลยนะ บ้านเราสอนโหดกว่า อัดให้เยอะอ่ะ ว่าง่ายๆ อัดจนเรียนมาสิบกว่าปี ยังไม่เก่งสักทีเลยว่าอย่างนั้นเหอะ 5555 แต่ที่นี้จะสอนอะไรง่ายๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้ง่ายยยยสุดๆ อย่างนั้นนะ ก็คือ ไม่อัดแกรมม่าเหมือนบ้านเรา แต่เค้าจะสอนการออกเสียง และ วัฒนธรรมบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับอเมริกาด้วยค่ะ Smiley

ถามว่านักเรียนชาติอื่นเค้ามาทำงานเหมือนเรามั้ย??? ไม่เลยยยย 5555 มีแต่เด็กนักเรียนกะเหรี่ยงไทยเนี่ยแหละ ทำงานงกๆ ส่งตัวเองเรียน จ่ายค่ากินอยู่ ค่าเช่าบ้านเอง 5555 มันโหดนะ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย บางคนทำงานเลิกกลับถึงบ้าน ตีสาม ต้องมาเรียนต่อตอนแปดโมงเช้า สรุปได้นอนกันกี่ชั่วโมงเนี่ยยยย แต่อีกโรงเรียนที่เรากำลังจะไปลงเรียนใหม่ เค้ามีให้เลือกช่วงเวลาเรียนได้สะดวกกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นโรงเรียนเถื่อน ไม่ต้องไปเรียน เพื่อ keep i-20 นะ แต่มันก็แล้วแต่คนอ่ะ อยากจะมาเรียน หรือว่าทำงานเก็บเงิน หรืออยากจะทั้งทำงานเก็บเงินแล้วเรียนไปด้วย อย่างน้อยก็มีอะไรติดตัวกลับไปบ้าง แล้วแต่คนแต่ละความคิดค่ะ แต่ถ้ามาใหม่ๆ ก็เรียนกันไปก่อนเถอะะะะ ค่ะ อย่างน้อยก็คุ้มนะ ได้รู้จักเพื่อนใหม่ด้วย!!! Smiley



(คนเสื้อสีเหลือง เพื่อนสาวแอนนา จากรัสเซีย ตัวจริงสวย เซ็กซี่มากก มี facebook ชีด้วยแหละ แต่ใครสนใจไม่ต้องมาขอหลังไมค์นะคะ ไม่ให้ค่ะ 5555)

เดี๋ยวคราวหน้าจะมาคุยถึงรายละเอียด ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนภาษาที่นิวยอร์ก ว่ามาด้วยเอเจนซี่ หรือว่า ทำด้วยตัวเอง แบบไหนดีกว่ากันนะคะ (เพราะเห็นมีคนหลังไมค์มาถามด้วย ขอเป็นคราวหน้านะคะ จะมาแจงให้ได้อ่านกันจ๊ะ ^^)

สำหรับวันนี้ สวัสดีนิวยอร์กค่ะ ทุกคน!!!! Smiley




 

Create Date : 09 มีนาคม 2556   
Last Update : 9 มีนาคม 2556 13:00:29 น.   
Counter : 13232 Pageviews.  

ทำงานเป็นกะเหรี่ยงไทยใน NYC "รุ่งหรือว่าร่วง"

ไม่ได้มาเล่าเรื่องให้เพื่อนๆ ฟังนานมาก เพราะเหนื่อยจากการไปทำงานแล้วก็เรียน ไหนจะหาเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ และ Shopping อีก อิอิ Smiley เอาเป็นว่าวันนี้ นายจะมาเล่าเรื่องแบบฟันธงกันไปเลยว่า การที่กะเหรี่ยงไทยแบบเราจะมาทำงานที่นิวยอร์กนี้ จะรุ่งหรือว่าร่วงนะคะ ^^

ส่วนตัวนายเชื่อว่า การที่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ เป็นประสบการณ์ที่ล่ำค่ามาก อย่างที่เคยบอกว่า ถ้ามีเงินสักก้อนพอที่จะซื้อรถยนต์คันแรกได้ กับเลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก นายเลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์กค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความฝันและความต้องการของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ในเมื่อได้โอกาสมาที่นี้แล้ว นายก็จะมาขอแชร์เรื่องเกี่ยวกับงานและเงิน ที่เชื่อว่าทุกคนก็คงอยากรู้กันว่า คนไทยในนิวยอร์กทำงานอะไรได้บ้าง ได้เงินเท่าไหร่ยังไง พอส่งกลับบ้านหรือเปล่า หรือพอตั้งตัว ลองมาดูกันค่ะ ^^

เริ่มจากงานในร้านอาหารไทย
ตำแหน่ง pack ของ to go ได้ประมาณ $50-$70 ต่อวัน
ตำแหน่ง app ได้ประมาณ $70-$80 ต่อวัน
ตำแหน่งมือผัด ได้ประมาณ $80-$120 ต่อวัน
ตำแหน่งกุ๊ก ได้ประมาณ $150 ต่อวัน

ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ เงินดีสุด ได้อย่างต่ำ $80 ถึง $200 ต่อวัน
(เป็นเหตุผลว่าทำไมคนอยากจะมาเสิร์ฟกันนัก 55555)

เราลองมาคิดของพนักงานเสิร์ฟกันดีกว่า
รายได้เฉลี่ยของที่รวบรวมข้อมูลมา พนักงานเสิร์ฟได้เงินเดือน ประมาณ $3,000 - $3,500
จ่ายค่าห้อง $500 ต่อเดือน (พักอยู่ย่าน Queens)
ค่าบัตร Subway $104 ต่อเดือน
ค่าอาหารการกิน ประมาณ $300 -$400 บางคนไม่เสียเพราะกินของที่ร้านเลย ประหยัดดี ^^
รวมค่าจิปาถะและอื่นๆ ไปแล้ว จำไม่ได้ว่ายังไง แต่พี่ที่รู้จักกันกระซิปบอกมาว่า
"ฉันเหลือ $2,000 ทุกเดือนย่ะ" เค้ากำลังเก็บเงินเรียนต่ออีกทีค่ะ ^^

แล้วจากประสบการณ์พี่พนักงานเสิร์ฟต่างรัฐคนหนึ่ง ที่เราแอบถามจริงๆ พี่เค้าพักอยู่ที่ร้านอาหารไทยด้วยเลยไม่เสียค่าที่พัก เค้าบอกว่ารายได้ที่เค้าทำ ในหนึ่งปี มีเก็บถึงล้านบาทไทยเลยนะ Smiley

ดังนั้นไม่ต้องบอกเลยค่ะ ว่าการเป็นพนักงานเสิร์ฟ รุ่งหรือว่าร่วง
คำตอบคือ รุ่ง!!!! ฟันธง!!!!
(ตำแหน่งอื่นก็รุ่งนะ อิอิ)

ยังมีอีกงานที่พี่ที่รู้จักกันทำ ก็คืองานเลี้ยงเด็ก ซึ่งตรงนี้ใครเป็น Au pair มาก่อนสบายเลย
พี่เราที่รู้จักมีสามคนที่ทำงานนี้ บางคนได้ week ล่ะ $1000 บางคนได้ week ล่ะ $500
ถ้าคิดเป็นชั่วโมงจะได้ประมาณ $10-$15 ถึง $25 ในบางครอบครัว
แล้วได้หยุดเสาร์ อาทิตย์ ตารางเวลาทำงานจะไม่โหดแบบพนักงานเสิร์ฟ และได้ใช้เวลาส่วนตัว

และถ้าถามว่าทำงานเลี้ยงเด็กดีมั้ย เราว่าดี คือ 1) ไม่เหนื่อย 2) ได้ใช้ภาษาอังกฤษ 3) มีเวลาว่าง ส่วนตัว และพักผ่อน ซึ่งมันก็แล้วแต่คนชอบอีก แต่เราว่ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก รุ่งหรือว่าร่วง
คำตอบคือ รุ่ง!!!! ฟันธง!!!!

นอกจากนี้ถ้าเพื่อนๆ คนไหนมีความสามารถส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น แต่งหน้า ทำผม ถ่ายภาพนอกสถานที่ ซ่อมคอมได้ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ลองมาประกาศรับจ้างได้อีกทีนะคะ เห็นมีคนทำเหมือนกัน บางคนรับจ้างเรียนยังมีเลย 55555 จริงๆ ก็คือ อยากให้ลองทำอย่างอื่นดู บางทีอาจจะไม่ชอบงานที่ใครๆ มาก็ต้องทำ ลองอะไรใหม่ๆ เปิดตลาด ก็ดีค่ะ เผลอๆ ได้เงินดี ก็แวะมาแชร์ข้อมูลกันได้นะ ^^

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเท่าที่นายทราบมาจากข้อมูลอ้างอิง
จากประสบการณ์ที่ได้ฟังมาจากพี่ๆ ที่รู้จักอีกทีค่ะ ^^
แต่เอาเป็นว่า สิ่งหนึ่งเลยคือ ถ้าจะมาทำงานที่นี้ หรือจะมาอยู่ที่นี้จริงๆ นายอยากให้เพื่อนๆ วางแผนชีวิตของตัวเองก่อนเลยว่า จะมาทำงานเก็บเงิน เรียนต่อ หรือว่าอยากมีแฟนฝรั่ง แต่งงานแล้วอยู่ที่นี้ ความคิดของแต่ละคนต่างก็มีเหตุผลของตัวเอง ไม่มีใครผิดใครถูกค่ะ แล้วถ้าพร้อมวางแผนชีวิตได้แล้ว ก็เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาผจญภัยที่นี้กันเลยยยยย แต่อย่าลืมว่าเราต้องการอะไรจากการที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ก็พอ  ^^

ปล. สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะชมภาพบรรยากาศ หรือเรื่องราวของนิวยอร์ก รวมถึงการอัพเดทข้อมูลงานและบ้านเช่าจากร้านน้ำตาล ที่นายรวบรวมมาแล้วล่ะก็ ลองเข้าไปดูกันได้ที่นี้เลยนะคะ https://www.facebook.com/SawasdeeNewYork
จะพยายามอัพเดทบ่อยๆ ค่ะ ^^

อยากให้คนไทยที่นี้รักกัน และช่วยเหลือกันจริงๆ ยังไงมีอะไรลองไปแชร์กันได้นะคะ
สำหรับวันนี้สวัสดีนิวยอร์กค่ะ ^^




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2556   
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2556 9:39:48 น.   
Counter : 7401 Pageviews.  

ทำงานที่ร้านอาหารไทยในนิวยอร์ก

กลับมาแล้วค่ะ.... หายไปนาน คิดถึงกันบ้างหรือเปล่า 5555
คราวที่แล้วหายไปนานเพราะไข้หวัดทำพิษ วันนี้หายดีแล้ว ก็เลยได้โอกาสกลับมาเล่าเรื่องราวให้เพื่อนๆ ฟังกันต่อแล้วค่ะ สำหรับการทำงานที่ร้านอาหารไทยในนิวยอร์ก จะเป็นยังไงบ้าง ลองติดตามกันได้เลยค่ะ Smiley

งานร้านอาหารไทยในนิวยอร์กก็จะมีร้านที่เค้ารับนักเรียนอย่างเราเข้าทำงาน แต่บางร้านอาจจะไม่รับเพราะเราไม่มีใบ หรือกรีนการ์ด แต่ส่วนใหญ่เค้าก็รับนะ แต่เราไม่เคยหางานเองจริงๆ สักที ที่ได้งานเพราะเพื่อนแนะนำ คือ เพื่อนทำอยู่แล้วที่ร้านนี้ แล้วคนเก่ากำลังจะย้ายไปอีกรัฐ ตำแหน่งเลยว่าง เราเลยได้เข้าทำงานค่ะ แต่ถ้าถามว่า หางานยากมั้ย ไม่ยากหรอก แต่ที่ดีและจ่ายเงินเราจริงๆ อ่ะ หายากอยู่ในช่วงแรก เพราะส่วนใหญ่ที่นี้ก่อนที่เค้าจะรับคนเข้าทำงาน เค้าจะมีเทรนก่อน 2-3 วัน บางร้านให้เงิน บางร้านไม่ให้ ส่วนใหญ่ไม่ให้ แต่เราโชคดีมากกก เราเทรน 3 วัน ได้เงินเต็มๆ เลย 3 วัน เพราะจริงๆ เหมือนไม่ได้เทรนนะ เหมือนทำจริงๆ เลยอ่ะ เพราะคนที่เค้ากำลังจะออก แล้วเราจะไปแทนเค้า เค้าลาพอดี เราเลยได้เงินในส่วนของเค้าแทน 5555

เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยไหวหรอ? คำตอบคือ "ไหวค่ะ"
เราเข้าเรียน 8.30 น. เรียนถึงเที่ยงครึ่ง เข้างานเลย ไปกินข้าวฟรี 5555
แล้วก็ทำงานเลิกงานกลับถึงบ้านก็ประมาณสี่ทุ่ม บ้านอยู่ห่างจากที่เรียน 20 นาที และที่ทำงาน 15 นาที ทำเวลาได้ดีมาก เพราะที่เรียน ที่ทำงานและบ้านอยู่ใกล้กันหมดเลยค่ะ Smiley

ถามว่าเหนื่อยมั้ย เราว่า "ปกติ" นะ
เราทำงานที่กรุงเทพ เราเหนื่อยกว่านี้อีก หมายถึงรวมเรื่องรถติดด้วย กลับถึงบ้านอย่างกะซอมบี้ทุกวัน เราอยู่แถบศรีนครินทร์ นั่งรถเมล์ต่อ BTS ไปทำงานที่ CentralWorld รวมแล้วชั่วโมงงานก็พอๆ กัน แต่รายได้แบบว่า ทำงาน 3 วันได้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนที่ไทยอ่ะ ว่ากันง่ายๆ เลย เลยเข้าใจเลยว่าทำไมคนไทยเราถึงอยากมาทำงานที่นี้กัน แต่ก็มีแต่คนไทยนะ ที่เราเห็น เพราะเพื่อนเราที่โรงเรียน ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี โคลัมเบีย เวเนซุเอลา เค้ามาเรียนก็คือเรียน ไม่มีใครทำงาน เหมือนกะเหรี่ยงไทย (อันนี้พี่ที่อยู่ที่นี้มานานเค้าเรียกพวกเราว่ากะเหรี่ยงไทย 5555)

มาต่อเรื่องงาน.....
จริงๆ เราพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะเคยใช้ เคยพูด ตอนที่อยู่อังกฤษ
แต่ช่วงนี้คือ เดือน มกราคม - กุมภาพันธ์ ทุกปีของนิวยอร์กเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เงียบหรือ slow มาก ร้านส่วนใหญ่จะตัดชั่วโมงหรือคัดคนออกก็มี งานที่ว่างตอนนี้คือ พนักงานหั่นผักและแพ็คของ ซึ่งเราก็ไปรับหน้าที่ตรงนี้ค่ะ ชั่วโมงล่ะ $7 วันหนึ่งทำประมาณ 9-10 ชั่วโมง ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ อาหารทานฟรีทุกมื้อถ้าอยากจะทาน ร้านนี้ค่อนข้างดีเลย สวัสดีการเยี่ยม 5555 แต่ต้องเข้างานตรงเวลานะ เข้างานสายก็โดนหักค่าชั่วโมง ต้องระวัง!!!

 มาดูในส่วนของโต๊ะทำงานเราดีกว่า (มีโต๊ะทำงานส่วนตัวด้วยนะเออ 5555) Smiley



กำลังนั่งจัดเรียง puff ไก่อยู่ค่ะ หลังจากที่อบเสร็จแล้ว ตัว puff เราทำเองเลยนะ ลองไปดูฝีมือกัน ขอบอกว่าสวยน่าทาน แล้วก็อร่อยด้วย 5555



จริงๆ เป็นคนมีความรู้ทางด้านการทำขนมอยู่บ้างแล้ว ส่วนอาหารทำไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ค่ะ ถ้าแม่รู้แม่คงภูมิใจ ที่ลูกสาวสุดขี้เกียจอย่างเรา ที่ต้องให้แม่เข้าครัวทำอาหารให้ทานทุกวัน มาวันนี้อยู่ในครัว ทำขนม เตรียมอาหาร และมีหั่นผักด้วย 5555 แต่ที่หั่นผักอ่ะ ขอบอกมือเราโดนมีดบาดเต็มไปหมดเลย แต่ก็ต้องทนต่อไป ครั้งแรกก็แบบนี้แหละม้าง Smiley ไม่ค่อยกล้าเอารูปให้ดูแอบน่ากลัว เราไม่ระวังเองแหละ แต่รูปต่อไปนี้ มือยังสวยอยู่ค่ะ มีดยังไม่บาด 5555



งานนะคะ วันหนึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นหั่นผัก หั่นไก่บ้าง เตรียมของ เช็คของว่ามีหรือเปล่า ต้องทำเพิ่มมั้ย อย่าง puff ไก่ข้างบน ก็ไม่ได้ทำทุกวันค่ะ จากนั้นช่วงเย็นๆ ก็ขึ้นไปแพ็คของ ช่วงนี้ร้านอาหาร slow ก็จริง แต่ดิลิเวอร์รี่ขายดีมาก เราแพ็คแทบไม่ทัน แต่ตอนช่วงแพ็คเนี่ยแหละ ที่ต้องพอมีความรู้ภาษาอังกฤษบ้าง ต้องรู้ว่าอาหารชื่ออะไร ลูกค้าต้องการอะไรพิเศษมั้ย เพราะเราเนี่ยแหละที่ต้องคอยเช็คของให้ถูกต้องอีกทีก่อนแพ็คส่งให้ลูกค้า อย่างกะพนักงาน QC อ่ะ 5555 ต้องรู้จักอาหารว่าอันนี้คืออะไร หน้าตาเป็นยังไง มันไม่ค่อยเหมือนบ้านเราหรอกนะ ต้องมาเรียนรู้กันอีกที แต่ไม่ยากหรอกค่ะ Smiley ปล. ช่วงแพ็คยุ่งมาก เลยไม่สามารถถ่ายรูปมาให้ดูได้ เอาเป็นว่าเอารูปหลังจากครัวใกล้ปิดมาให้ดูแทนล่ะกัน....



ปกติเราจะยืนแพ็คของอยู่ที่ด้านที่โล่งๆ นั้นแหละค่ะ ส่วนอีกด้านจะเป็นส่วนของครัว ที่เค้าทำอาหารแล้วจะส่งมาให้เราแพ็คอีกที รูปที่เห็นคือ ตอนนี้เพื่อนเรากับพี่ที่ครัวกำลังแอบเม้าท์อยู่ เราเลยแอบถ่ายรูปมา 5555



อันนี้เป็นรูปในครัวหลังจากผ่านมรสุมมาทั้งวันค่ะ....

มาพูดกันต่อเรื่องหางาน นอกจากจะไปดูตามบอร์ดที่ร้านน้ำตาลแล้ว อีกอย่างที่เค้าทำกันก็คือ นั่งหารายชื่อร้านอาหารไทยทั่วนิวยอร์กแล้วเดิน walk-in เข้าไปขอสมัครงานเลย ส่วนใหญ่จะให้ทิ้งชื่อเบอร์โทรไว้ แล้วเค้าจะโทรตามอีกที คนหน้าตาดีส่วนใหญ่จะได้เป็นพนักงานเสิร์ฟ แล้วทำไมเราไม่ได้หรือเราหน้าตาไม่ดีพอ 5555 เอาเป็นว่าเดี๋ยวคราวหน้าเราจะมาพูดถึงเรื่องงานเสิร์ฟและงานอื่นๆ ที่เพื่อนๆ พี่ๆ ที่เรารู้จักทำกันเพื่อหาเลี้ยงตัวเองที่นี้นะคะ แล้วจะมาแจงกันเลยว่า ทำงานที่นิวยอร์ก แบบกะเหรี่ยงไทยอย่างเราเนี่ย "รุ่งหรือว่าร่วง" สำหรับวันนี้ สวัสดีนิวยอร์กค่ะ Smiley




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2556   
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2556 10:52:33 น.   
Counter : 12477 Pageviews.  

ห้องพักในนิวยอร์ก

ช่วงนี้ไข้หวัดระบาดทั่วเมือง เราก็อุตสาห์รอดมาได้นานพอสมควร ทั้งเพื่อนๆ ทั้งพี่ๆ รอบตัวเราเป็นกัน 4 คน เราก็รอดมาแล้ว แถมยังโชว์พลังว่า อย่างเราไม่ป่วยง่ายๆ หรอก ไหนได้ในที่สุดก็ไม่พ้นจริงๆ มันคงถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องเป็นหวัด 5555 แบบไม่บอกล่วงหน้าด้วยนะ เป็นแล้วก็ทรุดหนักเลย Smiley วันนี้เลยหยุดงาน มานั่งเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการหาห้องในนิวยอร์กสักนิด ก่อนจะไปนอนพักต่อค่ะ Smiley

ก่อนอื่นที่เราจะหาห้องเราจะต้องรู้จักสถานที่ต่างๆ ในนิวยอร์กก่อนนะคะ.....



มาดูกันก่อนจากข้างบน สีเหลืองที่เห็นคือ Bronx จะเป็นย่านคนผิวดำ ซึ่งหลายคนไม่แนะนำให้ไปอยู่เลย เพราะเป็นอะไรที่มีข่าวอาชญากรรมเยอะ เราก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เค้าว่ามากันอีกที ก็โอเคตัดไป ที่นี้มาดูสีน้ำเงินเล็กๆ นั้นก็คือ Manhattan เป็นย่านที่ดีแหละ คนผิวขาวหรือฝรั่งอยู่เยอะ ถือเป็นย่านไฮโซเลย ถ้าใครดูพวก Sex and the city หรือไม่ก็ Gossip Girl ก็จะรู้จักย่านนี้ดีค่ะ

ต่อไปมาดูที่ Queens เป็นย่านที่เราว่าโอเคเลยนะ มีคนผิวขาวอยู่บ้างบางแห่ง แต่ก็มีเราชาวเอเชียอยู่เยอะด้วยเหมือนกัน ร้านน้ำตาลก็อยู่ที่นี้แหละค่ะ สรุปว่า ส่วนใหญ่คนไทยที่มาใหม่ หรือจะอยู่มานานแล้วก็ตาม ก็จะเลือกอยู่ที่นี้แหละค่ะ ต่อไปคือ Brooklyn เป็นย่านที่มีทั้งคนผิวขาว ผิวดำและเอเชีย แต่เพื่อนๆ เราไม่ค่อยแนะนำ เพราะมีคนผิวดำอยู่เยอะ อันตรายว่าอย่างนั้น เราเคยไปแค่ครั้งเดียว มันก็เยอะจริงๆ แต่ไม่รู้สิ เราว่าเค้าก็ดูดีนะ ไม่ได้แย่อะไร อย่าไปยึดติดดีกว่า ส่วนอันสุดท้าย Staten Island ไม่ค่อยมีข้อมูลอ่ะค่ะ เอาเป็นว่าขอข้ามไปล่ะกัน 5555

ช่วงแรกที่เรามาถึง เราก็ไปร้านน้ำตาลทุกวันเลย เพื่อหาห้องให้ได้ก่อน ถ้าใครยังไม่มีห้องเนี่ย ยังไงก็ต้องหาห้องให้ได้ก่อนหางานนะ การที่จะคิดว่าเรามีเพื่อนมีพี่ที่รู้จักกันอยู่ที่นี้ แล้วจะไปอยู่กับเค้าสักเดือนแบบฟรีๆ อ่ะเลิกคิดไปได้เลย แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนอีกนั้นแหละ แต่ของเรา เราทั้งเกรงใจและอยากพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด เราก็เลยเริ่มจากหาห้องก่อน ซึ่งไปดูมาหลายที่มาก แถวๆ Queens นั้นแหละ ก็ไม่เจอที่ถูกใจเลย อันที่ถูกใจราคาโอเคเลยนะ $500 ต่อเดือน ห้องกว้างมาก สะอาดด้วย ก็บอกว่าไม่ให้เอาแขกเข้ามาเลย ไม่ไหวอ่ะ เราเป็นคนมีเพื่อนนะ จะห้ามอะไรกันขนาดนั้นเนี่ย แต่เวลาดูห้องก็ต้องเลือกดีๆ หลายอย่าง สอบถามให้ครบว่า น้ำ ไฟ อินเตอร์ รวมแล้วใช่มั้ย ซึ่งส่วนใหญ่จะรวมแล้วนะ แต่ก็ต้องถามเพื่อความชัวร์อีกที โดยเฉพาะใครที่มีเพื่อนเยอะ หรือมีเพื่อนๆ แวะมาหา ต้องถามเค้าด้วยว่าเค้าโอเคมั้ย

ย่าน Queens ที่แนะนำนะ เอาประเด็นแรกสำหรับคนที่อยากออกมาจากบ้านแล้วเจอฝรั่งบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องเลือกแถวๆ Astoria หรือ Sunnyside เป็นต้น แต่ถ้าแบบออกมาแล้วเจอแต่เอเชียเนี่ยก็นี่เลย Elmhurst ประมาณนั้น ซึ่งคนไทยอยู่เยอะนะ ใกล้ๆ กับวัดไทยด้วย น่าจะไม่ค่อยมีปัญหาหรอก

ก่อนมาเคยคิดว่าอยากจะอยู่ Manhattan อยากดูหรูหรา อารมณ์แบบมีอพาร์เม้นท์ติด Central Park ประมาณนั้น 5555 แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง!!!! Smiley ช่วงที่กำลังหาห้องอยู่ เพื่อนก็โทรมาถามว่า "แกยังหาห้องอยู่เปล่าว่ะ" เราก็ตอบกลับ "อืมมม ดูๆ อยู่เนี่ย ยังไม่เจอที่ถูกใจเลย บางอันประตูห้องก็ไม่มี บางอันนอนพื้น ห้องน้ำสกปรก อันที่ดีสุดก็ห้ามคนนอกเข้า จะบ้าตาย" เพื่อนเลยตอบกลับมาว่า "มีห้องอยู่ที่ Manhattan สวยมาก อพาร์เม้นท์ใหม่ ติด Central Park และ 2 Subway จะลองมาดูมั้ย.... เจ้าของห้องเป็นเชฟไทยที่ร้านที่เราทำอยู่ แล้วจริงๆ ที่ร้านก็ขาดคนด้วย ร้านกับบ้านห่างกันแค่สิบนาทีเองถ้านั่ง Subway ไม่แน่แกอาจจะได้งานทำด้วย สนใจหรือเปล่า" คือ....???? ต้องถามอีกหรอ ได้ทั้งห้อง ได้ทั้งงาน ก็ไปสิค่ะ เลยรีบตอบกลับเพื่อน นัดดูห้องเลยทันทีค่ะ

พอไปดูเสร็จ เราชอบมาก ก็เลยตัดสินใจเอาห้องนั้นเลยค่ะ 5555 Smiley

ห้องที่เราอยู่ เค้าจะเรียกกันในย่านนี้ว่า Upper west side ค่ะ ราคาก็แพงขึ้นมาแน่นอน อย่างห้องเราคือ $1200 รวมแล้วทุกอย่าง อินเตอร์เน็ต น้ำ ไฟ ฮีตเตอร์ รวมไปถึงแอร์ในหน้าร้อนด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ได้รูมเมทมาแชร์คนละ $600 แล้ว เลยพอไหว จริงแล้วราคา $600 ใน Queens ได้ห้องส่วนตัวเลยนะ แต่มันมีเหตุผลว่าทำไมเราอยากได้ที่นี้อยู่ค่ะ เอาเป็นว่าลองมาดูภายในห้องกันค่ะ....



อันนี้เป็นภาพตอนที่เพิ่งขนกระเป๋าเข้ามาอยู่ใหม่ ซึ่งตอนนี้ใส่เตียงเดี่ยวสองเตียง แทนเตียงควีนไซส์ที่เห็นในรูปไปแล้ว เพื่อต้อนรับรูมเมทค่ะ



ส่วนนี้ก็จะเป็นห้องน้ำกับห้องครัวค่ะ...
อพาร์ทเม้นท์นี้จริงๆ มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ แล้วที่นี้เจ้าของเค้าก็จะแบ่งให้เช่าเป็นห้องๆ ไปค่ะ ถามว่าหาแบบอพาร์ทเม้นท์เดี่ยวๆ ของเราเองไม่ได้หรอ ก็ได้นะ แต่ราคาก็แพงมากก แล้วก็การแบ่งห้องแชร์อยู่รวมกันแบบนี้ เราก็จะสามารถเห็นได้ทั่วไปที่นี้ค่ะ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย ยังไงมาที่นี้แล้วก็ต้องประหยัดเอาไว้ก่อนแหละดี Smiley เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต จริงมั้ย???

ไม่ไหวแล้วค่ะ สงสัยตอนนี้ต้องไปพักแล้ว หวัดกิน Smiley
แต่เรายังมีเรื่องราวจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่ออีกเยอะเลย โดยเฉพาะบางเรื่องที่มันดูดีเกินไปอ่ะ ทำให้เราต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น (ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ทำให้เกิดความสงสัยในความโชคดีของตัวเองไปแล้ว 555 ) แต่เพราะมันมีประเด็นหรอก เอาไว้คราวหน้าจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ไปพร้อมๆ กับเรื่องงานในร้านอาหารไทยที่นิวยอร์กนะคะ สำหรับวันนี้ "สวัสดีนิวยอร์ก" ค่ะ Smiley




 

Create Date : 29 มกราคม 2556   
Last Update : 29 มกราคม 2556 3:06:32 น.   
Counter : 13952 Pageviews.  

ร้านน้ำตาล.... จุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตของชาวไทยในนิวยอร์ก

เหมือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เราชาวไทย เมื่อได้มาเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ในมหานครแห่งนี้แล้วจะต้องแวะมาที่ร้านน้ำตาล หรือ Sugar Club แห่งนี้ค่ะ Smiley



ทำไมต้องมา? ที่นี้มีดีอะไร?
เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังค่ะ Smiley

เมื่อเราเดินทางมาถึงที่นิวยอร์กครั้งแรก เราก็นั่งแท็กซี่จากสนามบิน JFK มาที่บ้านพี่ที่นับถือกันมาก เผอิญว่าเจอกันมาประมาณ 2-3 ปีก่อน ตอนไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน (เห็นอย่างนี้แต่จริงๆ เป็นคนธรรมะ ธัมโมอยู่นะ Smiley อิอิ) พี่เค้าใจดีให้เราพักอยู่ก่อนจนกว่าจะหาที่อยู่ได้

ตอนไปถึง Taxi ดันส่งผิดบ้าน มันบอกว่าบ้านนี้แหละยู ไปเคาะได้เลย ส่งแค่นี้นะ ไปล่ะ
พูดจบมันก็ไปจริงๆ ค่ะ Smiley แต่ปรากฏว่าผิดบ้าน!!!! บ้านที่ราจะไปอยู่ห่างไปอีกหนึ่งบล็อค ถามว่าไกลมั้ย ไม่ไกลหรอก แต่เผอิญว่าแบกของมารวมกันทั้งหมด 50 กว่ากิโล แล้วอากาศก็โคตรหนาวด้วยนะสิ เฮ้อออ..... สรุปก็ลากกระเป๋าคนเดียว ล้มบ้าง ลุกบ้าง สลับกันไป ในใจนึกว่า "กรูทิปเมิงไป 5 เหรียญเสือกส่งกรูผิดบ้าน หอกหัก" คือ ตอนนั้นอารมณ์นี้เลยนะ 5555 โมโหอย่างแร๊งงส์

แต่พอไปถึงบ้านพี่เค้าทุกอย่างก็ดีขึ้น คำแรกที่พี่เค้าแนะนำก็คือ "อันนี้แผนที่ Subway นั่ง M หรือ R ก็ได้ จากตรงนี้ ไปตรงนี้ สอง Stop ก็ลงสถานีที่ชื่อ Elmhurst ไปร้านน้ำตาล ที่นั้นจะมีทุกอย่างที่แกต้องการ ทั้งประกาศหาที่อยู่ และงาน รวมไปถึงขนมและอาหารไทย.... ไม่หลงนะ?" ตอบกลับทันทีว่า "สบายมากค่ะ" แต่ในใจเรานะ อะไรว่ะนั้น??? 55555 งง ตั้งแต่ M กะ R ล่ะ Smiley แต่สุดท้ายก็หลงค่ะ แต่ก็ไปถูกจนได้อ่ะนะ อิอิ ซึ่งเราว่าหลงอ่ะดีนะ จะได้เก่ง จะได้รู้ทาง Smiley

อย่างที่พี่เค้าบอกนั้นแหละค่ะ ที่นี้มีทุกอย่าง
บ้าน อพาร์ทเม้นท์ ห้องเช่า หรือใครอยากจะประหยัดหน่อยก็ไปอยู่กับรูมเมท ราคาก็แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่คือ จะรวมน้ำไฟฮีตเตอร์ อินเตอร์เน็ต ตั้งแต่เดือนล่ะ พันเหรียญ จนถึง สามร้อยสองร้อยเหรียญก็มี อันนี้ต้องลองหาดู ไม่ยากและก็ไม่ง่ายที่จะเจอแบบที่ถูกใจด้วย....



ส่วนงานก็มีประกาศเอาไว้เหมือนกัน ตำแหน่งอะไร ทำงานอะไร ให้ไปทำวันไหน ที่ไหน มีบอกหมด เดี๋ยวจะมาเจาะลึกลงกันไปทีละเรื่อง ทั้งงานและที่อยู่อีกที วันนี้เอาแค่คราวๆ ก่อนล่ะกันค่ะ Smiley



ว่าแล้วก็ตามไปดูรูปภายในร้านกันดีกว่า....



ภายในร้านไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็พอซื้อของกินจากไทยที่เราอยากกินได้เหมือนกัน มาม่าก็มีนะ ใครที่กำลังคิดจะหอบมาม่ามาก็ไม่ต้องนะค่ะ ที่นี้มีเยอะ ราคาก็ไม่แพงมาก หอบอย่างอื่นมาดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เปลื้องเนื้อที่กระเป๋านะ Smiley



มุมอาหารไทย ราคาประมาณหกเหรียญก็อิ่มท้อง ถ้าใครเบื่อมาม่าอยากกินอาหารไทย แต่ไม่อยากเข้าร้านอาหารไทย ให้วุ่นวายต้องมานั่งจ่ายทิปบวกภาษีอีก ก็ซื้อจากที่นี้ได้ค่ะ ข้อดีอีกอย่างคือ ของภายในร้าน ไม่บวกเพิ่มภาษีนะ ดีเริ่ดสุดๆ

แต่ก่อนจะหาบ้าน หางาน ที่สำคัญเลยคือ ต้องมีเบอร์โทรของที่นี้ เอาไว้ติดต่อ และอะไรหลายๆ อย่าง!!!! ง่ายๆ เลย ออกมาจากร้านน้ำตาล ร้านข้างๆ จะเป็นร้านมือถือ ก็เดินเข้าไปเลยค่ะ



แจ้งความประสงค์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะรู้สึกว่าเจ้าของร้านน่าจะเป็นคนจีนนะ ใครจะพูดจีนเราว่าเค้าก็คงรู้เรื่องอ่ะ เค้าจะจัดการให้เราหมดเลยที่นี้ ใครที่กลัวว่าเอา iPhone มาใช้จะหาซิมที่นี้ไม่ได้ ไม่ต้องห่วงเจ๊แกจะจัดการให้เอง ยื่นเครื่องไปให้ก็เท่านั้นแหละ เจ๊จัดได้ สบายหายห่วงค่ะ
ส่วนค่าโทรที่นี้ก็จะเป็นแบบ โทร+text+internet แบบอันลิมิเตท ราคา 50 เหรียญ ต่อเดือน ของ T-mobile แต่ถ้าถามว่าเครือข่ายนี้ดีสุดแล้วมั้ย ตอบเลยว่า ไม่อ่ะ 5555 เพราะเพื่อนเราที่เป็นชาวอเมริกันที่นี้ ใช้ iphone 5 เหมือนเราเลย ตัวเครื่อง สีเดียวกัน แต่เค้าใช้ verizon แบบ contact 2 ปี สัญญานดี แรง สุดๆ ในขณะที่โทรศัพท์เรา no service ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ verizon สัญญาณเต็มอ่ะ แต่เอาเป็นว่าเพิ่งมาอยู่ก็ใช้อะไรแบบนี้ ง่ายๆ ไปก่นล่ะกัน เพราะอีกอันมันก็วุ่นวายใช่ย่อยล่ะ แต่ถามว่า ใช้ได้โอเคมั้ย ก็ facebook อินสตาแกรม บลาๆ ตามแบบของเรา วัยรุ่นไทย 5555 (กล้าเรียกตัวเองว่าวัยรุ่น!!!) ทุกวันนี้ก็บอกได้เลยว่าไม่มีปัญหาค่ะ Smiley

เดี๋ยวคราวหน้าจะมาเล่าเรื่องห้องที่อยู่แล้วก็งานที่ทำนะ.....
ขอบคุณสำหรับทุก Comments มากเลยนะคะ Smiley
ขอบอกเลยว่า มีกำลังใจเขียนต่อ เพราะ comments เนี่ยแหละค่ะ อิอิ
แล้วติดตามกันต่อในตอนหน้านะคะ
สำหรับวันนี้ "สวัสดีนิวยอร์กค่ะ"
นาย Smiley

"ร้านน้ำตาล" Sugar Club
81-20 Broadway Elmhurst New York 11373
Tel. 718-565-9018
www.namtanthai.com
www.facebook.com/namtanthai

Operation Hours
Monday - Saturday
9.15 a.m. - 9.00 p.m.
Sunday
9.15 a.m. - 8.00 p.m.






 

Create Date : 25 มกราคม 2556   
Last Update : 25 มกราคม 2556 12:52:57 น.   
Counter : 17330 Pageviews.  

1  2  

WitCh_nai*
Location :
New York, NY United States

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




[Add WitCh_nai*'s blog to your web]