....หลังคืนผ่าคลอดฉุกเฉินแสนฉุกละหุก แม้แต่คนที่เคยคลอดลูกมาแล้วยังไม่สามารถห้ามความหวาดหวั่นได้
ท้องแรกที่ผ่านมา เธอทนความเจ็บปวดเพียงแค่สองชั่วโมง แต่ความเจ็บนั้นร้าวรานเหมือนสองปี
ท้องสอง... เธอไม่กลัวความเจ็บ เพราะยังจำได้ดีว่ามันเป็นยังไง
แต่... กลับเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ปากมดลูกไม่เปิด ถุงน้ำคร่ำแตก
เด็กกำลังขาดอากาศหายใจ...
หมอจึงต้องใช้สิทธิ์ของวิชาชีพตัดสินใจไม่รออีกต่อไป จึงเรียกทีมวีสัญญีแพทย์ร่วมมือในการผ่าคลอดครั้งนี้
ฉันกำลังถูกผ่าท้อง... ณ วินาทีนั้น...คิดแค่นี้จริงๆ
ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบไร้ความรู้สึก ยาชาที่ฉีดเข้าสันหลังทำงานได้ดี มันแปลงความรู้สึกว่าฉันให้กลายเป็น
"ลูกโป่ง" เหมือนร่างกายพองๆ หน่วงๆตรงที่มีคนมุงดูพุงของตัวเอง
และในที่สุด เด็กน้อยตัวจ้อยร่อย ต้นเหตุแห่งรอยแผลเป็นบนผิวก็ถูกอุ้มออกมาให้ฉันเห็นใบหน้าที่คงยังไม่รู้ตัวว่า
"นี่ฉันออกมานอกโลกเก่า แล้วเข้าสู่โลกหใม่แล้วนะ"
.....................
สองสามคืนแรกของคนที่ตั้งมั่นจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แต่ขอมีนมผสมเป็นตัวช่วยก็เริ่มขึ้น
นมน้อยรึ ช่างมัน เดี๋ยวถ้าไม่นอนก็ชงนมให้ได้
แต่ทำไมเขาอึไม่หยุด แถมเหลว มีกลิ่น และเป็นมูก
ใจคอไม่ดี รีบเก็บอึลูกชายที่ร้องโยเยไม่หยุด อุ้มใส่เปล พาไปโรงพยาบาลทันที
...
"ลูกคุณแพ้นมวัว แป้งสาลี ไข่ ถั่วเหลือง และอาหารทะเล" ผลวินิจฉัยจากปากคุณหมอหญิงท่าทางเคร่งขรึม
เหวอ... จริงดิ กระพริบตาปริบๆ ใส่หมอสองสามที ไร้คำถาม ฉันเดินออกจากห้องโดยพกเอางูสองตัวกลับบ้านพร้อมกับเด็กน้อยหลับปุ๋ยกับแขนเป็นตุ่มๆจากการสะกิดผิวพิสูจน์ผลแพ้
เดินหัวว่างเปล่ากับลูกในอก รอสามีจ่ายเงินและรับนม
"ลูกแพ้อาหารเหรอคะ" คนที่นั่งข้างๆ ถามด้วยใบหน้ายิ้ม
ลูกฉันแพ้อาหาร มีอะไรน่ายินดี "ค่ะ หมอบอกว่า แพ้ แพ้ระเบิดระเบ้อ"
"อ้อ... แบบนี้ต้องนมแม่เท่านั้น"
"ฉันนมน้อยค่ะ กลัวนมไม่พอ"
"ไม่น้อยค่ะ และพอกับลูกของเราแน่ อย่าให้ทานนมนั่นเลย นมที่หมอจัดให้น่ะ ไม่อร่อย สู้นมแม่ไม่ได้ อาหารมีชีวิต"
"อาหารมีชีวิต"
"คุณมีสองทาง ทางแรกคือให้เด็กทานนมสำหรับเด็กแพ้นมวัว หมอจะให้ตัวอย่างไปหนึ่งกระป๋อง ราคก็ค่อนข้างแพง ส่วนทางที่สองคือ... ให้เด็กทานนมแม่ และนั่นหมายความว่าคุณต้องงดอาหารเสี่ยงแพ้ทุกชนิด"
และคำถามที่หมอฝากไว้ให้คิด ฉันถึงบ้าน วางลูกไว้บนเปล หยิบถุงใส่กระป๋องนมสีขาวขึ้นส่องดู มีแต่ภาษาอังกฤษ และอ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
เอาไงดีวะ... ถามตัวเองแล้วก็ลองชงนมราคาแพงระดับของนอกชิม...แล้วบ้วนคืนลงแก้ว
...นี่มัน... เป็นรสชาติที่ทาโร่(หมาที่บ้าน) ยังเมิน
หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ หันไปมองหลังเด็กตัวเล็กยังหลับนิ่งสนิท... ตัดสินใจ ลองมันสักตั้ง
ตั้งปณิธานว่า จะเป็นมนุษย์นมแม่ร้อยเปอร์เซนต์
ตั้งแต่นั้นมา ผู้หญิงที่ชื่นชอบขนมปัง เค้ก ไอศครีม กุ้งเผา ปูอบ หอยย่าง ก็ต้องเก็บความอยากฝังลงไหกลบดิน
เธอเลือกกินแต่ผักผัดกับเกลือและพริกไทย หมูและไก่ย่างเกลือ ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่กินเหล่านีจะเป็นเมนูฮิตติดปากเซเลบในภายหลังว่า "อาหารคลีน"
และปั๊ม ปั๊ม ปั๊มนม ดึกดื่น ง่วงแค่ไหนก็ตื่นมาปั๊มทำสต๊อกไว้สำหรับตอนที่กลับไปทำงาน
มนุษย์นมแม่จึงมีอุปกรณ์คู่ชีพคือเครื่องปั๊มนมขนาดใหญ่ในกระเป๋าเป้เดินทางที่ต้องแบกไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลาเพื่อผลิต "อาหารมีชีวิต"ให้ลูก
อาหารของลูกก็เพิ่มพูนสะสม และไม่น่าเชื่อว่าจากคนไม่มั่นใจในปริมาณนมตัวเองก็ทำได้(เว้ย)
.................................
จนผ่านไปหนึ่งปีกับการการปั๊มและกินแต่ของจำกัด
...
ด้วยผลนั้นจึงทำให้เด็กชายหายจากการแพ้อารหารทุกสิ่ง เธอก็ทานมันเสียทุกสิ่ง ราวกับไม่เคยลิ้มรส ขนมปัง เค้ก
ไอศครีม กุ้ง หอย ปู ปลา
... ต้องการทดแทนที่ขาดหายไป ว่างั้น...
.................................
ยังไงก็ตาม...
ก็ภูมิใจที่ทำได้ เด็กน้อยเจริญเติบโตสมวัย มีรอยยิ้มน่ารักให้แม่ใจละลายได้ทุกวัน
อดซาบซึ้งไม่ได้จนทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้คุยกับเธอในวันนั้น ก็คงไม่ทำให้เด็กชายคนนี้เป็นเด็กนมแม้ร้อยเปอร์เซนต์หนึ่งปีเต็ม
"อาหารมีชีวิต"
จำขึ้นใจ
ออกไปเดินตลาดหาสามีกลับมาบ้านดีก่านะ