โจทย์ตะพาบ 174 : (เด็ก) แก่แดด
โจทย์ตะพาบครั้งที่ 174
(เด็ก)แก่แดด งานมึงยังไม่เตะตาไว้กูรอผลงานชุดใหม่ ตอนนี้มีเจ้าอื่นเขาจองจนเต็มถึงปลายปีแล้วยังตอนนั้นมึงค่อยเอามาเสนอกูอีกที คำพูดของรุ่นพี่ที่นับหน้าถือตากันมาสมัยเรียนช่างศิลป์ด้วยกันทำให้ผมนิ่งงันไป เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมเอางานมาฝากพี่แสดงพี่ก็พูดแบบนี้ ผมกลับไปทำงานใหม่ตามที่พี่แนะนำ แล้วก็ยังไม่ผ่านมันเป็นที่งานของมันห่วยฝีมือยังไม่ถึงขั้นพอที่จะขึ้นแขวนในแกลอรี่พี่ได้หรือครับ มันก็ไม่ได้ห่วยหรอกรุ่นพี่พ่นลมหายใจ คิ้วขมวดเข้าหากัน แต่มึงควรรู้ว่าแกลอรี่กูไม่ได้เป็นที่ ๆให้ศิลปินโนเนมมาจัดแสดงฟรี ๆ มึงอยากนำเสนองาน กูต้องการเงินแต่มึงยังไร้ชื่อไร้นาม แล้วจะให้กูลงทุนทำสื่อโพรโมตให้มึงที่มันไร้... ไร้อะไรพี่ความคุกรุ่นเริ่มกลายเป็นเดือดปุเหมือนน้ำต้ม ไร้อารมณ์ดึงดูด คำตอบทิ่มแทงเข้าสู่ก้นบึ้งของหัวใจศิลปินไร้อารมณ์อย่างนั้นรึ งานที่ทุ่มเทมาเกือบปีมันไร้อารมณ์ ผมกลัดกลั้นความโกรธไม่ให้มันระเบิดออกเพราะถึงใช้คำว่าพยายามมากี่ครั้ง สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องเงินทองที่ในอดีตมันเคยเป็นของนอกกายระหว่างความสัมพันธ์แต่ในตอนนี้กลับเป็นสิ่งสำคัญที่จะผูกใจคนที่ไม่ใช่พี่น้องแท้จริง ผมเดินออกจากแกลอรี่ด้วยความรู้สึกไร้ค่าหย่อนถุงกระดาษที่ใส่แฟ้มผลงานลงถังขยะ ทิ้งความฝันที่เคยคิดว่ายิ่งใหญ่ทิ้งอุดมการณ์ให้สาบสูญไปรวมกับปฏิกูลที่ไม่มีใครต้องการพาร่างที่มีเศษความหวังค่อย ๆ ร่วงหล่นตกพื้นตามทางที่สิ่งที่เพิ่มพูนขึ้นมาคือไฟโทสะปะทุที่จากความน้อยเนื้อต่ำใจของศิลปินที่ไม่มีคุณค่าพอที่จะคิดงานที่ต้องเพิ่มมูลค่าทางการเงินให้ใคร ผืนผ้าใบ จานสี น้ำมันสนและขาตั้ง กลายเป็นสินทรัพย์ที่หมดค่าเสื่อมราคา ภาพงานทีสิสที่แขวนข้างฝาบ้านก็เป็นแค่ตำนานของนักศึกษาจิตรกรรมที่เคยมีฝันอันสดใสแต่ตัวผมในวันนี้รู้แล้วว่าฝันบ้า ๆ ลม ๆ แล้ง ๆ มันไม่ทางสานไปสู่ความจริง ผมตรงไปเหวี่ยงขาตั้ง กวาดจานสีปาขวดน้ำมันสนสาดใส่รูปทีสิสที่ผมคิดว่าได้ทุ่มพลังทั้งหมดใส่ความรู้สึกลงไปในทุกอณูของเนื้อสีผมหายใจสั่นสะท้าน มองคราบน้ำมันสนไหลเป็นทางอาบภาพวาดแห่งอานุสรณ์ พลันเกิดความสะท้านซาบซ่านขึ้นมาในบัดดลผลของการระบายความรุนแรงออกไปทำให้ผมเกิดพลัง พลังทำลายที่ไม่ว่าจะฉีกผลงานใช้มีดกรีดหรือกระชากลงมากระทืบเท่าไหร่ก็ไม่อาจคลายความสะใจที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกนาทีจนผมเกิดความคับแน่น ร้อนรุ่ม แทบบ้า ความรู้สึกที่คาบเกี่ยวระหว่างสัมปชัญญะกับโทสะมันเป็นแบบนี้เองหากแต่ผมเลือกก้าวกระโดดข้ามเส้นความอดทนที่มีมานานเกินทนผมลากงานทีสิสออกไปหน้าบ้านรวมถึงผลงานที่เพิ่งทำเสร็จหวังให้พวกมันถูกจัดแสดงต่อสาธารณะชนแต่กลับพบกับความผิดหวังสุดท้ายที่เป็นดั่งกรรไกรตัดเส้นด้ายภายในจิตใจให้ขาดผึง ผมยืนกลางแดดจ้าหน้ากองผลงานที่สุมรวมกันอีกทั้งเครื่องมือสร้างสรรค์ความฝันของศิลปินไร้นาม วันนี้คือวันลาจากกันจากอุดมการณ์ที่ทำให้ไส้แห้ง ผมราดน้ำลงไป ชูไฟแช็คขึ้นเหนือหัว หัวใจเต้นหายใจแรง แหงนดวงอาทิตย์จ้าเปล่งรัศมียามเที่ยงอยากให้รู้เห็นเป็นพยานการอำลาครั้งนี้ น้า ๆ จะเผาทำไมอะ มือที่ยังชูไฟแช็คเหนือหัวและเตรียมโยนลงไปหยุดชะงักผมหันองศาหน้าไปมองเจ้าของเสียงจ้อย เธอเป็นเด็กหญิงผมเปียข้างบ้านที่ผมมักเห็นเล่นบทบาทสมสุมติเจ้าหญิงกับเจ้าชายคนเดียวหน้าบ้านทุกบ่าย เผาประชดความเหลวแหลกของระบบทุนนิยมที่มันกำลังทับถมอุดมการณ์ของคนมีฝันให้มันจมหายไปกับค่าของน้ำเงิน เด็กหญิงวัยประถมทำหน้าฉงนใส่ผม แล้วน้าไม่ใช้แล้วเหรอ เธอถามคำถามอื่นไม่ได้แสดงความเห็นต่อคำพูดที่ผมพ่นออกไป มันไร้ซึ่งคุณค่าหาไม่ได้แล้วกับความอิ่มเอม ไม่เหลือแล้วความรู้สึกที่อยากเสพ น้าวาดเจ้าชายหล่อ ๆ ได้มะ เจ้าเด็กคนนี้ช่างกระไรผมพ่นลมหายใจแรง ดับไฟแช็ค ได้แต่นั่นไม่ใช่แนวทาง วาดให้หนูดูหน่อย ดูเหมือนยายหนูไม่ได้สนใจฟังผมพูดสักนิดเธอปีนข้ามรั้วที่สูงราวหน้าอกข้ามเข้ามายังเขตบ้านของผมเพื่อขัดจังหวะการเผาผลาญไฟที่ร้อนรุ่มสุมทรวงผมมองชายชุดกระโปรงลายสตรอเบอรี่เลิกขึ้นแต่ด้วยวัยเด็กของแม่แก่แดดข้างบ้านจึงไม่ทำให้เธอรู้สึกเขินอายที่จะโชว์กางเกงในลายตัวการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ วาดให้หนูดูหน่อย เมื่อข้ามรั้วสำเร็จก็เดินรี่มาเซ้าซี้ราวกับผมเคยติดหนี้อะไรเธอไว้ เจ้าชายอะไร เจ้าชายขี่ม้าขาวใช่ไหม แม้จะรู้สึกขัดใจและไฟร้อนยงไม่มอดหาย แต่ก็อยากให้ยายเด็กคนนี้รีบ ๆ ไป บีสต์ อะไร บีสต์ ผมถามกลับ ก็บีสต์ไง บีสต์ที่เป็นแฟนบิวตี้อะไม่รู้จักเหรอ นั่นเรียกว่าหล่อรึผมกังขากับรสนิยมทางหน้าตาของยายเด็กตัวเล็ก หล่อกว่าน้า วุ้ย ผมชักจะมีน้ำโหเล็ก ๆ แต่ก็ไม่เท่ากับตอนที่เหวี่ยงขาตั้งภาพเพราะความร้อนเริ่มปรับระดับเพดานลง โตไปขอให้มีแฟนหน้าตาแบบนี้แล้วชี้หน้าตัวเอง ไม่เป็นไรถ้าหาตังค์ให้หนูใช้ได้ก็พอ นี่ไม่คิดบ้างหรือว่าผู้ชายเขาก็อยากได้ผู้หญิงหาเลี้ยงเหมือนกัน "ผู้ชายก็ต้องทำงานหาเงินไม่ใช่เหรอ" เธอตอบด้วยเสียงมั่นใจ ผมพ่นลมหายใจแรงนั่งลงขัดสมาธิกับพื้นดิน แล้ววาดบีสต์บนกระดาษากับดินสอที่เธอพกติดมาเป็นรูปบีสต์เจ้าชายอสุรกายของดิสนีย์ แต่ยังไม่ทันวาดเสร็จดีก็มีเสียงขัด นั่นรูปอะไร เจ้าของคำถามชี้ไปที่ซากผลงานต่างต่างที่กำลังถูกเผา ผมหันไปมองแล้วตอบอย่างไม่แยแส รูปนิมิตทับซ้อนของตัวเองที่ว่างเปล่ากับไฟแผดเผาในจิตใจ น้าวาดรูปตัวเองเหรอไม่เห็นเหมือนน้าเลย เขาเรียกว่าการมองแบบแอ๊ปสแตรคผมแก้ต่าง ไขความเข้าใจเธอเสียใหม่ น้าโตมาอยากเป็นคนวาดรูปเหรอ คำถามใหม่ของเธอทำให้ผมรู้ว่าจะเอาอะไรกับเด็กประถมคงไม่เข้าใจความหมายของชื่อภาพ อย่าว่าแต่เด็กวัยเธอ ผู้ใหญ่หลายคนก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อภาพรูปวาด เราเรียกนักวาดภาพว่าจิตรกรตอบพลางมือก็ขยับไปด้วยเริ่มเพลินเพลินกับบีสต์ที่ตัวสร้างสรรค์จากดินสอราคาถูกขึ้นมาแล้ว ไม่เห็นเหมือน อะไร นี่เหหมือนอย่างกับวอล์ทดิสนีย์มาวาดเอง วอล์ทตายแล้วเธอเถียงกลับอย่างรู้ดี ดูใหม่ ๆ เหมือนจะตายไปผมใช้ดินสอจิ้ม ๆ ที่ใบหน้าของบีสต์ ตาดุไป บีสต์ต้องตาใจดีกว่านี้ งั้นเอาไปวาดเองผมเสือกกระดาษคืน แล้วก็ส่งเสียงจิ๊บจั๊บเมื่อยายแก่แดดทำตาหม่นจึงต้องดึงกลับมาวาดต่อ ลบดวงตาบีสต์ที่เธอว่าดุไปออก แล้วเขียนใหม่ลงเส้นให้นุ่มขึ้น เป็นไง ใจดีพอยังผมถามไม่มองหน้าคนเรื่องมาก พอแล้ว เธอว่า วาดให้เสร็จแล้วก็ไปได้นู่นปีนกลับไปทางเดิมผมส่งผลงานตามคำสั่งให้แล้วชี้ไปที่รั้วตำแหน่งเปื้อนรอยเท้าที่เธอข้ามมา พอน้าเผารูปที่น้าวาดแล้วน้าจะวาดใหม่หรือเปล่าเธอกอดภาพบีสต์ในแน่น ผมหาคำตอบให้เธอไม่ได้เอาเข้าจริง ตอนที่โทสะยังมี ผมแค่รู้สึกอยากทำอะไรเพื่อความสะใจล้วน ๆและรูปพวกนั้นไม่มีวาดใหม่ได้เหมือนเดิม อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่จึงตอบอะไรไปที่สิ้นคิดสำหรับผู้ใหญ่ที่หาเหตุผลอธิบายแก่เด็กไม่ได้ แล้วถ้าหนูมาให้น้าวาดบีสต์ให้อีกน้าจะวาดให้มั้ย แต่ก็มีเด็กบางคนก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาว่าต้องฟังผู้ใหญ่พูดไม่รู้ดูก่อน ดูอะไร เห็นทีผมคงไม่ต้องทำอะไรกันล่ะวันนี้อยากเผางานตัวเองยังทำไม่ได้เลย ดูว่าถ้าเธอยังแก่แดดอยู่แบบนี้ก็ไม่วาดให้ แก่แดดแปลว่าอะไร ผมพ่นลมหายใจแรง มันหมายความว่าทั้งเธอและฉันมานั่งตากแดดยามบ่ายจนหน้าแก่เกินวัยยังไงล่ะ ยายชอบว่าหนูแก่แดดแสดงว่าที่ยายหน้าแก่ก็เพราะยายตากบ่อยใช่ไหมถ้าอย่างนั้นหนูก็พูดกับยายว่ายายแก่แดดได้เหมือนกัน ขืนพูดไปสิแล้วรู้ว่าน้าข้างบ้านที่เป็นศิลปินไส้แห้งสอนมาล่ะมีหวังไม่ได้หยิบยืมกะปิน้ำปลายายแน่ๆ ผมยกมือทั้งสองลูบหน้าที่เคยคิดว่าวาดบีสต์ให้แม่หนูเสร็จก็แล้วกันไป แก่แดดคือการที่เด็กทำอะไรเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ อ้าวแล้วทำไมแม่ถึงชอบพูดว่าอยากให้หนูโตเร็ว ๆ ล่ะ ตกลงว่าหนูควรแก่แดดดีกว่าใช่ไหม โธ่ถัง ผมอยากวิ่งไปร้องตะโกนบนยอดเขาสูงเอาแต่บีสต์ ไม่เอาบิวตี้เหรอ การเปลี่ยนเรื่องคุยจึงเป็นวิธีการดีที่สุด ไม่เอา บิวตี้ให้แม่วาดแม่วาดสวย อ๊อเหรอ ไหนแม่วาดยังไงสวย เธอจับดินสอเขียนขยุกขยิกบนกระดาษลายเส้นของเด็กประถมทำให้ผมอยากหัวร่อในใจ โครงสร้างผิดรูปผิดทางบิดเบี้ยวของคนคล้ายกับมนุษย์ประหลาด...ที่พาโบลพิกัสโซ่วาดตัวเอง... เธอกำลังวาดตัวเอง ดวงตาโตเกินครึ่งหน้าปากยิ้มกว้างจนถึงหู และผมเปียสองข้าง นี่ไง บิวตี้ แม่หนูวาดให้แบบนี้สวยใช่ไหม พูดพร้อมรอยยิ้มเต็มภาคภูมิ อืม... สวย ผมชื่นชมแววตากระจ่างใสแล้วถามตัวเองว่าผมกำลังทำอะไรอยู่...ผมลืมความสุขที่เกิดจากการวาดภาพไปตั้งแต่เหมือนไหร่ผมอยากกลายเป็นศิลปินมือชื่อไปเพื่ออะไร และที่ฝันอยากเป็นนักวาดภาพในวัยเด็กตอนนั้นคืออะไร นั่นเป็นประกายความคิดที่ผมต้องตอบตัวเองหลังจากวาดรูปบีสต์ให้เด็กแก่แดดข้างบ้านคนหนึ่งที่ในวันต่อมาเธอได้ย้ายไปอยู่กับพ่อของเธอหลังจากศาลตัดสินให้พ่อของเธอมีสิทธิ์ในการเป็นผู้ดูแลบุตร ไม่มีบิวตี้ ไม่มีบีสต์ มีแต่ชีวิตจริงของศิลปินที่ยังไส้แห้งเหมือนเดิมแต่แตกต่างตรงที่ผมตระหนักรู้แล้วว่าในวันนี้ ผมวาดภาพไปเพื่ออะไร --------------------------------
Create Date : 12 มีนาคม 2560 |
Last Update : 12 มีนาคม 2560 22:45:31 น. |
|
7 comments
|
Counter : 932 Pageviews. |
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog
ชลบุรีมามี่คลับ Literature Blog ดู Blog
แวะมาอ่านและแวะมาโหวต
ให้ก่อนนอนจ๊ะ