Chiwuji ดินแดนแห่งความฝัน

Cake Hunt แผนล่าหัวใจ พี่ชายร้านขนมหวาน Prologue

Cake Hunt แผนล่าหัวใจ พี่ชายร้านขนมหวาน By Chiwuji

Prologue

“ไม่!!! ผมเพิ่งสอบเสร็จนะ ได้หยุดแค่วันเดียวก็ต้องไปค่ายอาสาอีกขอผมพักหน่อยไม่ได้เหรอไง”

เสียงตวาดอย่างหัวเสียดังขึ้นกลางโรงอาหารในมหาวิทยาลัย หากแต่เพียงเวลานี้นักศึกษาคณะทันตแพทย์ศาสตร์ที่เพิ่งสอบเสร็จต่างสนทนากันอย่างออกรสถึงข้อสอบที่เพิ่งทำไป ส่งผลให้เสียงตะโกนของชายหนุ่มไม่เป็นจุดสนใจมากนัก

“เถอะน่า ถือว่าเฮียขอ เฮียติดธุระด่วนจริงๆนี่หว่า แกช่วยเฮียซักหน่อยจะเป็นไรไป”

ชายวัยสามสิบต้นๆ ที่อีกฟากของโทรศัพท์พูดด้วยน้ำเสียงแบบไม่ยี่หระนักกับท่าทีของผู้เป็นน้อง คล้ายว่าจะเคยชินและรู้จักวิธีรับมือเป็นอย่างดี

“เฮียโบ๊ท แต่ว่าผม...”ชายหนุ่มผู้เป็นน้องเสียงอ่อนลงทันทีเมื่อเห็นว่าการขึ้นเสียงข่มพี่ชายนั้นไม่ได้ผลแ ต่ยังไม่ทันจะพูดแก้ตัวก็ถูกดักทางเอาไว้ซะก่อน

“บีม แกคิดว่าค่าเทอม ค่าหอ ค่ากินเที่ยวที่แกใช้จ่ายได้ตามใจไม่เคยขาดมือ ใครเป็นคนหามาให้แก ไหนลองบอกมาสิ”

“....”

ความเงียบเข้าแทรกการสนทนาของสองพี่น้องเมื่อคนพี่หงายไพ่เหนือกว่าลงมาประดุจท่าไม้ตายที่ใช้กำราบน้องชายตัวดีได้ชะงัดนักไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม

“ตอบสิ” โบ๊ทคาดคั้นเอาคำตอบจากน้อง เปรียบเสมือนการรุกฆาตหมากกระดานนี้อย่างชัดเจน

“เฮียโบ๊ทกับเฮียเบสท์เป็นคนให้ครับ”บีมตอบด้วยเสียงเนือยๆ ที่แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“บีม เฮียก็รู้นะว่าแกเหนื่อย เรียนทันตแพทย์มันไม่ง่ายหรอก แถมปีสามก็ต้องเรียนเรื่องใหม่อย่างพรีคลินิกอะไรนั่นอีก แต่แกอย่าลืมนะว่าพวกเฮียก็เหนื่อยทำงานกันทุกวันส่วนนึงก็เพื่อแกด้วย แถมไม่มีวันหยุดปิดเทอมเหมือนแกอีก แล้วตอนนี้แกก็เป็นคนเดียวที่เฮียจะพึ่งพาได้ เฮียขอรบกวนเวลาแกแค่วันเดียวเอง”

โบ๊ทรู้ดีว่าบีมรู้สึกยังไงที่วาดฝันไว้ว่าวันหยุดหลังสอบเสร็จจะนอนพักผ่อนบนเตียงสบายๆ ก่อนออกไปใช้แรงงานกับค่ายอาสาซ่อมแซมโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร แต่ตัวเขาเองกลับติดธุระด่วนของบริษัทจึงต้องบินไปสิงคโปร์เย็นนี้ เบสท์น้องชายคนรองก็ต้องอยู่ดูแลงานที่ไทย จึงจำต้องวานให้คนที่ไว้ใจได้อย่างน้องชายคนเล็กเป็นสารถีขับรถพาภรรยาและสูกสาวของเขาไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่พักอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่บีมเรียนอยู่ ซึ่งถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากใช้ข้ออ้างเรื่องเงินมาบังคับน้องหรอก ให้ตายสิ

“เห้ออออ ก็ได้ครับเฮีย ผมช่วยก็ได้”นักศึกษาหนุ่มตอบอย่างจนใจ รู้สึกผิดเล็กน้อยกับอารมณ์หุนหันพลันแล่นของตัวเอง

อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากขนาดต้องมาโวยวายอะไรหรอกตั้งแต่ป๊าเสียไปก็มีเฮียโบ๊ทนี่แหละที่ขึ้นมาคุมบังเหียนดูแลกิจการไร่ผลไม้และโรงงานแปรรูปส่งออก ส่วนเฮียเบสท์นั้นยอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักดนตรี เข้ามาเรียนรู้งานบริหารจัดการเพื่อแบ่งเบาภาระของพี่ชายคนโตเพื่อที่จะสามารถรับผิดชอบชีวิตคนงานในไร่และในโรงงานอีกหลายร้อยคนรวมถึงดูแลแม่และกรุยทางให้น้องชายคนเล็กได้เลือกชีวิตในแบบที่ตนเองฝันไว้ เฮียทั้งสองคนรักบีมมากที่สุดใครๆ ก็รู้ รวมถึงตัวบีมเองด้วย

“เฮียขอบใจมากนะบีม เดี๋ยวขากลับเฮียซื้อหนมมาฝาก”

“คร๊าบ คร๊าบ”

ชายหนุ่มทั้งสองคุยตกลงนัดแนะเรื่องเวลาและสถานที่อีกเล็กน้อยก่อนที่จะวางสาย บีมได้แต่ถอนใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะเริ่มตักอาหารตรงหน้าเข้าปากก็พบว่าเพื่อนสนิทแสนดีทั้งสองคนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันนั้นตอนนี้เสนอหน้ามาทำตาปริบๆ อย่างพร้อมเพรียงด้วยความอยากเผือก

“ท่าทางแผนนอนขึ้นอืดทั้งวันของน้องบีมจะพังทลายไม่เป็นท่าแล้วนะครับ”กราฟ เพื่อนหนุ่มจอมทะเล้นเอ่ยแซว และก็เป็นตามที่คาด บีมหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที ส่งผลให้เพื่อนทั้งสองหัวเราะพรืดออกมาอย่างพร้อมเพรียง

“แค่ขับรถไปส่งพี่สะใภ้จะเหนื่อยซักแค่ไหนกันวะ ทำหน้าดีๆ หน่อยดิมึง คิ้วหมวดชนกันจนจะผูกเป็นเงื่อนพิรอดได้อยู่แล้ว หล่อซะเปล่า แม่ง เสียของหมด” คีย์ เพื่อนสนิทอีกคนพูดพลางเอานิ้วมาจิ้มที่กลางหน้าผากของบีมจนบีมต้องขยับหนี ก่อนจะส่ายหน้าด้วยความระอาแล้วจัดการกับอาหารในจานตรงหน้าต่อ

............................

บีมขับรถเข้าไปจอดในบ้านหลังโต เขาเปิดประตูลงจากรถและถอดแว่นกันแดดราคาแพงเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนเปิดประตูเข้าบ้านไป ยังไม่ทันจะเปิดได้สุดดีก็มีเสียงใสตะโกนเรียกเขามาแต่ไกล

“อาบีมมมมมมมมมมมม”

เด็กหญิงตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มอายุห้าขวบในชุดกระโปรงสีชมพูหวานมัดผมทวินเทลวิ่งปรี่เข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม

“ว่าไงยัยตัวแสบ ตอนอาบีมไม่อยู่บ้านหนูเป็นเด็กดีรึเปล่า หืม”ชายหนุ่มอ้าแขนรับหลานสาวตัวน้อยขึ้นมาหอมแก้มฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง

“หนูปลาไม่แสบซะหน่อย แถมยังเป็นเด็กดีไม่ดื้อกับปะป๊ามะป๊า แล้วก็เอาข้าวให้ชิฟฟอนทุกวันด้วยค่ะ หนูเก่งมั้ยคะอาบีม”เด็กน้อยกอดอกพูดอย่างภาคภูมิใจโดยเฉพาะประโยคที่แสดงให้เห็นว่าเธอดูแลลูกหมาชิวาว่าขนยาวสีขาวที่คุณอาคนนี้ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเธอเมื่อสองเดือนก่อนเป็นอย่างดี ท่าทางที่แสนจะน่ารักนั้นทำให้คนโตกว่าอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกฟอดนึงและเอามือลูบหัวเป็นการชมเชย

“เก่งมากเลยค่ะหลานอา แบบนี้ต้องให้รางวัลซะแล้วสิ รอแปปนึงนะ”

“เย้”

ชายหนุ่มอุ้มหลานสาววางลงกับพื้นอย่างทะนุถนอมก่อนเปิดประตูหลังรถเพื่อหยิบขนมในถุงที่ซื้อเตรียมไว้ให้หลานระหว่างการเดินทางในวันนี้ เป็นเวลาเดียวกับที่มีเสียงฝีเท้าของอีกคนเดินออกมาจากบ้าน

“หนูปลา แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าวิ่งตรงพื้นหินอ่อนในบ้าน เดี๋ยวหกล้มไปเป็นแผลแล้วไม่สวยนะลูก” หญิงสาวสวยสมวัยสามสิบต้นๆ เดินออกมาพร้อมกระเช้าของฝากในมือที่จะเอาไปฝากเพื่อนในวันนี้

“ขอโทษค่ะมะม๊า” เด็กหญิงหน้าจ๋อยลงทันทีด้วยเพิ่งจะบอกคุณอาว่าไม่ดื้อไปหยกๆ แต่มาโดนคุณแม่ดุแบบนี้คงต้องอดได้รางวัลแหง

“สวัสดีครับซ้อกุ้ง แหมเจอกี่ทีก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ มาครับเดี๋ยวผมเอาใส่รถให้” บีมยกมือขึ้นสวัสดีพี่สะใภ้ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระเช้ามาวางไว้ในรถ

“ขอบใจมากนะจ๊ะบีม แล้วก็เห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดหลังสอบใช่มั้ย พี่ขอโทษจริงๆ นะที่ต้องรบกวน พอดีพี่นัดเค้าไว้แล้วก็ไม่อยากผิดคำพูดน่ะจ้ะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เธอเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าสามีเจ้ากรรมของเธอจะมาติดธุระด่วนเอาวันที่เธอมีนัดซะได้

“ไม่เป็นไรครับซ้อกุ้ง อย่าคิดมากเลย ดีซะอีกผมจะได้มาเจอหลานด้วย ไปอยู่หอตั้งนานคิดถึงจะแย่” พอพูดจบก็หันไปมองหลานที่หน้าจ๋อยหดเหลือครึ่งนิ้วไปเรียบร้อยเมื่อเห็นมือว่างเปล่าปราศจากรางวัลใดๆ ของคุณอา เขาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนยองตัวลงไปนั่งให้มีความสูงใกล้เคียงกับหลานก่อนยื่นนิ้วก้อยออกมาตรงหน้าเด็กหญิงที่ดูจะงุนงง

“หนูปลาสัญญากับอาบีมได้มั้ยว่าจะไม่วิ่งบนพื้นหินอ่อนตรงหน้าบ้านอีก แล้วก็จะเชื่อฟังที่มะม๊าบอกด้วย”คุณอารูปหล่อยิ้มและขยับตาส่งซิกให้หลานตัวน้อยซึ่งมีรอยยิ้มระบายบนสีหน้าทันทีก่อนจะยื่นมือขวาของตัวเองออกมาเกี่ยวก้อยสัญญากับคุณอา

“ค่ะ หนูปลาจะไม่วิ่งบนพื้นหินอ่อนแล้วก็จะเชื่อฟังคุณแม่ด้วย อ้อแล้วก็หนูปลาจะไปเตือนชิฟฟอนไม่ให้วิ่งเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวมันหกล้มแล้วจะไม่สวย”คำพูดน่ารักไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่สองคนยิ้มออกมาพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ

“ดีมาก เป็นเด็กดีแบบนี้ไม่ให้รางวัลคงไม่ได้แล้วสิ”บีมเอื้อมมือเข้าไปในรถหยิบเค้กสามเหลี่ยมชิ้นโตที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีขาวที่เขาซื้อจากร้านประจำออกมายื่นให้หลานสาว

“ชิฟฟอนเค้กนี่นา เย้ ขอบคุณค่ะอาบีม”เด็กหญิงรีบยกมือไหว้ขอบคุณก่อนรับเค้กของโปรดมาแกะแล้วส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างมีความสุข ผู้เป็นแม่เห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ขอบใจนะบีมวันหลังไม่ต้องลำบากขับรถไปซื้อมาก็ได้ ร้านก็อยู่ตั้งไกล แถมที่บ้านก็ยังมีขนมของยัยปลาเต็มตู้ไปหมด”

“ไม่เป็นไรหรอกครับซ้อกุ้ง ผมอยากกินขนมให้หายเหนื่อยหลังสอบเสร็จอยู่แล้วด้วย ซื้อมาฝากหลานซักสองสามชิ้นไม่มีปัญหาหรอกครับ”

“เพราะมีอาคอยตามใจแบบนี้ไง ลูกสาวพี่ก็เลยติดนิสัยชอบกินขนมหวานๆ ตามคนแถวนี้ไปแล้วเนี่ย ขนาดลูกหมายังตั้งชื่อเป็นขนมของโปรดที่บีมชอบซื้อมาฝากอีก ส่วนคนพ่อก็ตามใจลูกสาวเหลือเกินไปห้างทีไรลูกชี้จะกินนั่นกินนี่ก็หยิบลงตะกร้าให้ซะหมด นี่ถ้าโตไปเป็นสาวทั้งอ้วนทั้งฟันผุ บีมต้องรับผิดชอบหาแฟนให้หลานเลยนะ”ซ้อกุ้งพูดแซว บวกกับปลาที่ไม่รู้เรื่องยืนกินชิฟฟอนเค้กตาแป๋วอยู่ข้าง ทำให้บีมหัวเราะออกมา

“เรื่องอ้วนนี่ไม่น่าห่วงครับ พวกผมพี่น้องกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนกันซะที ซ้อกุ้งก็เหมือนกันนี่ครับส่วนเรื่องฟันผุนี่ยิ่งหายห่วง ผมเรียนทันตแพทย์นะครับเดี๋ยวอุดฟันให้ฟรีตลอดชีพเลย”

บีมพูดพร้อมยิงฟันแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฟันขาวสวยของตัวเอง ซ้อกุ้งได้แต่ขำแล้วเอามือตบไหล่เป็นเชิงปราม

“โอเค พี่ว่าเราไปกันดีกว่า ธุระเสร็จเร็วบีมจะได้กลับไปพักผ่อน หนูปลาขึ้นรถได้แล้วลูก”

“ค่าาาาา”

ขณะที่ขับรถออกจากตัวบ้าน บีมก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงเอ่ยถามกับพี่สะใภ้

“ซ้อกุ้งครับเพื่อนของซ้อกุ้งนี่เป็นคนยังไงหรอครับ”

“หืม ทำไมหรอจ๊ะ กลัวการเจอคนแปลกหน้าเหรอ” ซ้อกุ้งเอ่ยแซว ขณะที่คนขับรถได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ

“เปล่าครับแค่อยากรู้ว่าเป็นเพื่อนซ้อแล้วจะโหดเหมือนซ้อมั้ย ผมจะได้เตรียมตัวรับมือถูก” บีมอธิบาย เพราะเรื่องกิตติศัพท์ความโหดคงไม่มีใครเกินซ้อกุ้ง ลูกสาวคนโตของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศที่สามารถสยบคาสโนวาหนุ่มหล่อลากดินตัวแสบอย่างเฮียโบ๊ทไว้แทบเท้าตัวเองได้อย่างง่ายดาย คนฟังหลุดขำพรืดออกมาทันที ก่อนจะให้คำตอบไปว่า

“เรื่องความโหดนี่อาจจะห่างชั้นกับพี่อยู่หลายขุมไม่ต้องห่วง แต่พี่มั่นใจว่าบีมต้องชอบคนที่อยู่กับเค้าแน่นอนจ้ะ”

“หืม ชอบยังไงเหรอครับ” บีมถามด้วยความสงสัยแต่ซ้อกุ้งก็เพียงปรากฏยิ้มบางบนใบหน้ากับคำพูดทิ้งท้าย

“เดี๋ยวเจอกันก็รู้เองแหละจ้ะ”

............................

บีมขับรถมาจนถึงย่านมหาวิทยาลัยใจกลางเมืองของตนเอง จากการบอกทางและจุดสังเกตของซ้อกุ้งที่ฟังมาจากเพื่อนอีกทีทำให้เขาขับรถมาถึงที่หมายได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะมันตั้งอยู่ริมถนนใหญ่เยื้องๆ กับประตูข้างมหาวิทยาลัยนี้เอง เมื่อเปิดประตูลงจากรถเบื้องหน้าของเขาคือร้านกาแฟที่ทาสีครีมตัดกับน้ำตาลเรียบๆ แต่ตกแต่งด้วยต้นไม้และของประดับอย่างสวยงามพร้อมกับป้ายร้านฟ้อนท์น่ารักที่เขียนไว้ว่า ‘DREAMMADE CAFɒ

ปกติแล้วบีมเป็นคนชอบกินขนมหวานเอามากๆ แถมยังเป็นเซียนร้านเค้กทั่วกรุงเทพฯอีกด้วย แต่เขาไม่ยักรู้ว่ามีร้านนี้อยู่ด้วย แต่พอมองเข้าไปก็พบว่าภายในร้านยังตกแต่งไม่เสร็จดี นึกๆ ไปก็ถึงบางอ้อว่าเขาเคยผ่านร้านนี้ตอนที่ยังเป็นแค่ห้องกระจกโล่งๆทาสีขาวรองพื้นเท่านั้น เขากับเพื่อนยังคิดว่าจะเปิดเป็นร้านกิ๊ฟช็อปหรือไม่ก็แนวเครื่องเขียนสเตชั่นเนอรี่ทำนองนั้น แต่ดูเหมือนช่วงที่เหล่านิสิตหมอฟันกำลังคร่ำเคร่งกับการสอบปลายภาคร้านนี้ก็ได้รับการทาสีและตกแต่งจนสวยงามน่าเข้าขึ้นเป็นกอง

ซ้อกุ้งหันมาพยักหน้าให้บีมเป็นเชิงบอกให้ตามเข้าไปก่อนจะจูงมือปลาเดินนำโดยมีบีมที่หิ้วกระเช้าของฝากเดินตามหลังไป เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้านกลิ่นสีจางๆ ก็ลอยเข้ามาปะทะจมูกของบีม พื้นที่ยังคงโล่งปราศจากโต๊ะเก้าอี้ใดๆ ส่วนผนังด้านในนั้นดูแตกต่างจากภายนอกอยู่มากเนื่องจากถูกวาดระบายด้วยสีสดใสโทนต่างๆ จัดเป็นมุมหลากอารมณ์ได้อย่างลงตัว คาดว่าพอมีเฟอร์นิเจอร์มาลงแล้วคงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาสาวๆ นักถ่ายรูปอย่างแน่นอน

ไม่ทันไรประตูสีขาวที่มีป้ายแปะไว้ว่า ‘STAFF ONLY’ ก็ถูกเปิดออกโดยหญิงสาวผมบ๊อบในชุดคลุมท้อง

“อ้าวยัยกุ้ง มาถึงแล้วหรอ มาๆ เข้ามาในนี้ก่อนข้างนอกเหม็นสี” เธอเอ่ยปากเชื้อเชิญเพื่อนเก่าให้เข้าไปในห้องสีขาวสะอาดสะอ้าน มีเครื่องครัวมากมายรวมถึงเตาอบขนาดใหญ่สองตัวและชั้นพักขนมปัง มีโต๊ะเคานท์เตอร์ตัวใหญ่สำหรับทำขนมอยู่ตรงกลาง ส่วนบริเวณรอบๆ ก็จัดให้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ สมกับที่เป็นครัวร้านขนมจริงๆ

“สวัสดีค่ะน้าพาย”ปลายกมือขึ้นไหว้เพื่อนของคุณแม่ ซึ่งเดินเข้าไปลูบหัวและชมว่าโตขึ้นเป็นกองก่อนจะพาไปยังโซฟาที่มีตุ๊กตาหลายตัวให้เด็กหญิงนั่งเล่น บีมเดินตามเข้าไปก่อนที่ซ้อกุ้งจะหันมารับกระเช้าผลไม้และนมบำรุงสำหรับคนท้องไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ

“นี่ของฝากนะพาย ทานเยอะๆ ล่ะลูกออกมาจะได้แข็งแรง”

“ขอบใจมากนะกุ้ง” หญิงสาวยิ้มรับก่อนหันมามองบีมซึ่งยกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาท

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ” พายรับไหว้ด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนที่ซ้อกุ้งจะแนะนำให้รู้จัก

“พาย นี่บีมเป็นน้องชายคนเล็กของเฮียโบ๊ทที่เคยเล่าให้ฟังไง พอดีวันนี้เฮียโบ๊ทต้องบินไปสิงคโปร์ด่วน แล้วบีมเค้าเรียนอยู่ที่นี่ก็เลยขอให้ช่วยพามาน่ะ” พายพยักหน้ารับก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับบีม

“แหม หล่อไม่แพ้พี่ชายอีกสองคนเลยนะจ๊ะบีม แต่ดูดีๆ นี่หล่อกว่าพี่อีกนะ ว่ามั้ยกุ้ง” พายกล่าวพร้อมพยักเพยิดไปทางเพื่อนสาวเพื่อขอความเห็น

“ถ้าเรื่องหล่อ บีมหล่อกว่าจริงๆ นั่นแหละแต่เรื่องความแสบ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พี่ชายสองคนนี่เขี้ยวเล็บเต็มตัวไปหมดส่วน บีมกลับเป็นเด็กที่สุภาพและน่ารักมาก โชคดีจริงๆ ที่เป็นลูกหลงเลยไม่ได้ติดนิสัยแย่ๆ จากพวกพี่ชายมาด้วย”

“กุ้งก็ว่าไป เขี้ยวเล็บเยอะแค่ไหนก็โดนเธอถอดทิ้งหมดไม่ใช่เหรอ แต่เห็นน้องบีมเพอร์เฟคขนาดนี้ชักอยากจะจีบมาเป็นน้องเขยซะแล้วสิ หล่อขนาดนี้ มีแฟนรึยังจ๊ะ”

“อ ... เอ่อ ยังไม่มีครับ”

บีมผู้ซึ่งถูกรุมชมจนเขินไปหมดตอบด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนจนสองสาวตรงหน้าอดขำไม่ได้ก่อนที่พายจะต้องออกหน้าช่วยแก้เขิน

“อย่าถือสาพวกพี่เลยนะบีมพี่ก็แซวเราเล่นไปงั้นเองแหละ”

“ครับ”

“แต่เรื่องจีบมาเป็นน้องเขย พี่เอาจริงนะ”พูดแล้วพายก็ขยิบตาเจ้าเล่ห์ให้ทีนึง จนบีมทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ กลับไป

ทันใดนั้นก็มีคนเปิดประตูพรวดเข้ามา ท่าทางจะไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าตอนนี้กำลังมีแขกอยู่

“พี่พายครับผมเอาขนมที่จะให้เพื่อนพี่เทสต์มาแล้วครับ เพื่อนพี่มาถึงรึยัง จะให้ผมแช่ไว้ก่อนมั้ย หรือว่าจะ ... เอ่อ สวัสดีครับพี่กุ้ง”

ชายหนุ่มผู้มาใหม่มัวแต่หันไปปิดประตู กว่าจะรู้ตัวว่าในห้องมีคนอื่นอยู่ด้วยก็จ้อไปซะเยอะแล้วจึงทำได้เพียงยกมือขึ้นสวัสดีคนตรงหน้าแก้เขิน

“สวัสดีจ้ะเจ้าของร้านคนเก่ง ไม่เจอกันตั้งหลายปีโตเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัวแล้วนะ” ซ้อกุ้งเอ่ยชมพร้อมเดินเข้าไปหาน้องชายของเพื่อนรัก ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอคงเป็นเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เขาเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ และได้ทุนไปเรียนทำขนมหวานชั้นสูงที่ประเทศฝรั่งเศส ในตอนนั้นเธอไปเป็นเพื่อนพายและครอบครัวเพื่อส่งน้องชายคนเดียวที่สนามบิน เพื่อนของเธอร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรราวกับน้องชายคือลูกน้อยที่ถูกพรากไปจากอกแม่ ทำเอาเธอและพี่สาวของพายต้องปลอบใจเป็นการใหญ่

ท่ามกลางการทักทายของคนที่ไม่เจอกันนานกลับมีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองผู้มาใหม่อย่างไม่วางตา เพียงบีมได้เห็นใบหน้าเรียว ขาวเนียนดุจผิวเด็ก ดวงตาสองชั้นเป็นประกายสดใสรับกับคิ้วที่ไม่บางและไม่เข้มจนเกินไป จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบาง เส้นผมถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อนปรกใบหน้าไว้บางส่วน เสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาเดฟนั้นเผยให้เห็นรูปร่างสมส่วนไม่ผอมและไม่อ้วนจนเกินไป ตอนนี้คำๆ เดียวที่สมองบีมสามารถนึกออกได้ก็คือ ‘สวย ...สวยมาก’

“บีม คนนี้น้องชายคนเล็กของพี่เอง ชื่อโรลเป็นพี่เราอยู่ซักห้าปีได้ล่ะมั้ง” เสียงของพายเรียกสติของบีมกลับมาก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นไหว้ หากแต่ชายหนุ่มตรงหน้ารีบยกมือขึ้นปรามเสียก่อน

“เอ่อ ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ คือ ผมไม่ชินน่ะ” ด้วยความเป็นลูกคนเล็ก โรลจึงไม่คุ้นชินกับการถูกไหว้เท่าไหร่นักซึ่งจุดนี้บีมก็เข้าใจได้ดีในฐานะลูกคนเล็กเช่นกัน ทั้งสองจึงได้เพียงยิ้มให้กันตามมารยาท

“เอ้า ของกินมาแล้วจะรออะไรอยู่ล่ะ ไปๆ โรลจัดขนมใส่จานมาเสิร์ฟแขกพี่หน่อย หนูปลามานี่เร็วลูก น้าพายจะให้ลองชิมขนมฝีมือน้าโรล อร่อยอย่าบอกใครเชียว”

“ครับผม” โรลรับคำก่อนจะเดินตรงไปยังเคานท์เตอร์ด้านใน ซึ่งบีมก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน

“ให้ผมช่วยนะครับพี่โรล” เมื่อยืนอยู่ข้างกันจึงได้รู้ว่าส่วนสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรและร่างกายที่มีกล้ามเนื้อในแบบของคนเล่นกีฬาอย่างบีมทำให้โรลดูตัวเล็กและบางกว่าเขาเล็กน้อย เขาช่วยแกะขนมใส่จานที่โรลหยิบมาวางไว้ให้ก่อนจะทยอยช่วยกันยกออกมาวางไว้บนโต๊ะ

“รสชาติเป็นยังไงก็ติชมได้เต็มที่เลยนะครับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุง” เป็นคำพูดของพ่อครัวผู้สร้างสรรค์ขนมหวานในมื้อนี้ ซึ่งจะเรียกว่าขนมทานเล่นก็คงไม่ใช่เพราะบนโต๊ะในขณะนี้เต็มไปด้วยขนมหวานหน้าตาหรูหรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเค้ก เอแคลร์ ชูครีม สโคน มูส ทาร์ต รวมไปถึงช็อคโกแลตเงาวับรูปร่างต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นร้านบุฟเฟ่ต์เค้กแบบย่อมๆ เลยก็ว่าได้ ส่งผลให้แฟนขนมหวานอย่างสองอาหลานจอมป่วนนั่งน้ำลายสอเต็มที่

“โชคดีนะเนี่ยที่วันนี้เฮียโบ๊ทไม่ว่างเลยได้เซียนขนมหวานตัวยงมาช่วยชิมพอดี นี่โรล บีมเค้าชอบทานขนมเป็นชีวิตจิตใจเลยนะ แถมช่ำชองร้านขนมในกรุงเทพฯพอตัวเลย ให้เดี๋ยวลองให้บีมวิจารณ์ดูก็แล้วกัน” ซ้อกุ้งพูดด้วยน้ำเสียงยินดีเป็นอย่างยิ่ง ราวกับนี่เป็นเหตุการณ์ที่ฟ้ากำหนดเอาไว้แล้ว

โรลเองเมื่อได้ยินดังนั้นก็หันมามองบีมด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวังจนบีมต้องแอบหลบสายตาเล็กน้อยไม่กล้ามองตรงๆ จาดนั้นจึงเริ่มตักของโปรดซึ่งก็คือเค้กครีมสดที่ดูนุ่มฟูเข้าปากก่อนที่จะนิ่งเงียบไปพักนึง ทุกคนในห้องแม้แต่ปลาก็เงียบตามเช่นกันหากแต่ส่งสายตาลุ้นมายังบีม โดยเฉพาะโรลที่ดูท่าทางกระอักกระอ่วนคิดไปแล้วว่าบีมคงจะกำลังคิดหาคำพูดอ้อมๆ ที่จะไม่ทำให้เขาเสียน้ำใจอยู่แน่ๆ

บีมหลับตาปี๋ลงหนึ่งทีก่อนที่จะลืมตาคู่สวยหันไปมองพ่อครัวขนมหวานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที

“อร่อยยยย! ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยทานเค้กที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลยครับพี่โรล เค้กแพงที่สุดที่ผมเคยซื้อกิน ยังเทียบไม่ได้กับเค้กชิ้นนี้เลยครับ พี่ทำได้ยังไงเนี่ย” ชายหนุ่มพูดชมยกใหญ่ ก่อนจะจัดแจงตักขนมแบบอื่นๆ เข้าปากตามไปแล้วก็ชื่นชมในรสชาติอย่างไม่ขาดสาย เล่นเอาคนถูกชมเขินจนแทบจะมุดดินหนีอยู่แล้ว

“ขอบคุณที่เลี้ยงนะครับ” บีมกล่าวหลังจากที่เพิ่งฟาดขนมตรงหน้าให้อันตรธานหายไปหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วท่ามกลางสีหน้าตกใจของพายและโรลซึ่งแทบไม่อยากเชื่อว่าคนที่ทานแต่ขนมหวานเยอะขนาดนี้กลับมีหุ่นนักกีฬาแบบที่ผู้หญิงเห็นก็ต้องหลง ผู้ชายเห็นก็ต้องอิจฉา ส่วนซ้อกุ้งที่ชินแล้วก็ได้แต่ขำในท่าทีของเพื่อนสลับกับหันไปมองลูกสาวตัวแสบที่กินอิ่มจนพุงกางต้องนั่งลูบพุงอยู่บนเก้าอี้เด็กตัวเล็กนั่น ก่อนที่จะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ

“... อ้าว แล้วโรลจะไหวหรอ แต่เธอเองก็ใกล้คลอดแล้วนะพาย ทำงานหนักไม่ไหวหรอก”ซ้อกุ้งพูดกับเพื่อนด้วยสีหน้าอ่อนใจ

“ผมก็บอกพี่พายแล้วครับว่าไม่ต้องมาช่วย ทั้งแม่ทั้งพี่เนยก็ห้าม แต่พี่พายเค้าก็ยังดื้อจะมาให้ได้ ผมก็จนใจครับ” โรลพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ต่างจากซ้อกุ้ง

“แล้วจะให้พี่อยู่เฉยได้ไง น้องชายคนเดียวของพี่จะเปิดร้านทั้งคน คนอื่นก็ไม่ว่างมาช่วยเราจัดร้าน ไหนจะทำความสะอาดแล้วก็เตรียมของอีก ยังไงสองหัวก็ต้องดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว” พายตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ถ้าหากทำได้คงจ้างหมอมาทำคลอดในร้านเสร็จแล้วก็ลุกไปช่วยน้องชายต่อแน่ๆ

“ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าผมจะจ้างเด็กมาช่วยทำงานเอง พี่พายก็ควรพักผ่อนเยอะๆ นะครับ” โรลยืนยันเสียงแข็งว่ายังไงพี่สาวท้องแก่ของตัวเองก็ต้องพัก

“พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าพี่ไม่ไว้ใจคนอื่นน่ะโรล ช่วงยังจัดของไม่เข้าที่เข้าทางเกิดโดนขโมยของหรือขโมยเงิน หรือถ้าเค้าเป็นสายให้พวกโจรเข้ามาปล้นแล้วเราจะทำยังไง หือ?” พายยังคงไม่ลดละความพยายามซึ่งพื้นฐานก็มาจากความเป็นห่วงน้องชายของเธอมากจริงๆ

“แต่ว่าพี่พาย ถ้ามัวแต่กังวลแบบนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดีสิครับ”

“ยังไงกันไว้ก็ดีกว่าแก้นั่นแหละโรล ถ้าเป็นคนอื่นยังไงพี่ก็ไม่ไว้ใจหรอก”

สองพี่น้องยังคงเถียงกันไปมา จนแม้แต่ซ้อกุ้งก็ลำบากใจที่จะแทรกเข้าไประหว่างสองพี่น้องจนกระทั่ง

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้น ให้ผมมาช่วยดีมั้ยครับ”เสียงบีมที่ขัดขึ้นมากลางวงสนทนาอันดุเดือด เรียกความสนใจจากทุกคนบนโต๊ะไปได้ทันทียกเว้นเจ้าตัวเล็กที่ฟาดขนมอิ่มจนหลับไปเรียบร้อยแล้ว

“บีมแน่ใจหรอ เรามีเรียนไม่ใช่รึไง”เป็นซ้อกุ้งที่ยิงคำถามใส่

“ซ้อกุ้งอย่าลืมสิครับว่าผมเพิ่งสอบปลายภาคเสร็จ แถมปิดเทอมใหญ่นี้ผมก็ลงซัมเมอร์ไว้สามวิชายังไงก็ต้องพักที่หออยู่ดีไม่ได้กลับบ้านหรอกครับ เวลาว่างเยอะขนาดนั้นผมก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอยู่ดี” บีมตอบอย่างไม่ยี่หระ ซึ่งถ้าเป็นความสมัครใจของเจ้าตัวจริงๆ ซ้อกุ้งก็เห็นด้วยที่จะให้คนที่ไว้ใจได้อย่างบีมมาช่วย เพราะอย่างน้อยจะได้คลายความกังวลของคุณเพื่อนท้องแก่ให้ปลดระวางไปเตรียมตัวคลอดลูกได้อย่างหมดห่วงซักที

“จะดีหรอครับน้องบีม เอาจริงๆพี่หาคนมาทำได้นะครับ ไม่ต้องลำบากหรอก งานในนี้ค่อนข้างหนักพอควรเลยนะครับ” โรลพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวลไม่คิดว่าการถกเถียงกันระหว่างพี่น้องซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรกระทำต่อหน้าแขกอยู่แล้วจะมาลงเอยด้วยการที่แขกของพี่สาวต้องเสนอตัวเข้ามาช่วยยุติข้อพิพาทนี้ คิดแล้วก็น่าละอายใจจริงๆ

“ผมไม่ได้ลำบากอะไรจริงๆ ครับยกเว้นแต่ว่าพวกพี่ไม่สะดวกใจที่จะให้ผมมาช่วย อันนั้นก็อีกเรื่องครับ” บีมพูดเสียงอ่อน ทำเอาคุณแม่ท้องแก่ต้องรีบแก้ตัวออกมาทันควัน

“ไม่เลยจ้ะบีม อย่าคิดอย่างนั้น บีมมีน้ำใจจะมาช่วยน้องชายพี่แค่นั้นก็ขอบคุณมากแล้ว ถ้าได้คนที่ดูพึ่งพาได้อย่างบีมมาคอยช่วยโรลพี่ก็วางใจได้สนิทเลยล่ะ”พี่พายพูดกับผมอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะหันไปหาโรล “เหลือก็แต่โรลแล้วล่ะว่าจะตัดสินใจยังไง”

โรลยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ทั้งรู้สึกผิดทั้งเกรงใจ แต่ก็ลังเลเพราะนั่นก็ดูจะเป็นหนทางเดียวที่พี่สาวของเขาจะยอมรามือจากการทำงานหนักก่อนคลอด ฝ่ายบีมเมื่อเห็นท่าทางอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนใจก่อนจะเรียกชื่อพ่อครัวขนมหวานตรงหน้า

“พี่โรลครับ” บีมมองโรลด้วยสีหน้าจริงจังขณะเรียกชื่อ ซึ่งเมื่อโรลหันมาก็ได้พบกับแววตาที่เปลี่ยนเป็นอ่อนลงพร้อมรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยคำถาม

“เป็นผม...ไม่ได้งั้นเหรอครับ” บีมพูดเสียงอ่อนพร้อมกับส่งสายตามองลึกลงไปในแววตาฝั่งตรงข้ามหวังให้ความรู้สึกอยากช่วยด้วยความจริงใจของเขาส่งไปถึง ทำเอาคนตรงหน้าชะงักและได้เพียงเบนสายตาหลบออกจากการมองนั้น ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เห้อ เอางั้นก็ได้ยังไงจากนี้ก็ฝากด้วยนะครับน้องบีม” ริมฝีปากบางของโรลยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับมือขวาที่ยื่นมาข้างหน้า บีมยื่นมือของตัวเองออกไปจับก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำเอาคนตรงหน้าต้องแอบหลบสายตาอีกครั้ง

บีมเองก็ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรคนที่ไม่ชอบเรื่องวุ่นวายอย่างเขาถึงยอมเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับงานจุกจิกแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นความเห็นใจ ความเหนื่อยใจ ความสงสาร ความใจดีหรืออาจเป็นความประทับใจที่มีต่อบางสิ่งหรือบางคน รู้แต่ว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธเสียงเรียกร้องในใจลึกๆของเขาที่คอยเร้าให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้ลงไป ซึ่งมันเป็นการตัดสินใจที่ได้เปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาไปตลอดกาล

Prologue END

To Be Continued


Create Date : 05 มกราคม 2559
Last Update : 5 มกราคม 2559 10:28:56 น. 0 comments
Counter : 357 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 2213551
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สมาชิกหมายเลข 2213551's blog to your web]