อร่อยขั้นเทพกับซูชิได (Sushi Dai) @ ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Fish Market) Tokyo
ทริปเก่าๆ ยังคงค้างไว้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นทิเบต-เนปาล เกาหลี ฮ่องกง ปากีสถาน ภูเก็ต และเชียงใหม่ยังเล่าไม่จบ วันนี้มาเปิดทริปใหม่อีกแล้ว ^^ "ญี่ปุ่น" จองตั๋วโปรการบินไทยไว้ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ตอนนั้นยังไม่มีประกาศฟรีวีซ่าเลย แต่ยังไงก็จะไป ทริปนี้เดินทางกัน 2 สาวตามเคย เป็นครั้งแรกสำหรับพวกเราที่แบคแพคมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ก็เลยเลือกเมืองใหญ่หลักๆ ของที่นี่ก่อน นั่นก็คือ "โตเกียว" เป้าหมายหลักของทริปนี้คือ มากินซูชิอร่อยๆ ที่ตลาดปลาสึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ก่อนอื่นต้องเช็ควันเวลาเปิด-ปิดตลาดให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นจะมาเสียเที่ยว http://www.tsukiji-market.or.jp/tukiji_e.htm ร้านซูชิที่เราหมายมั่นปั้นมือเอาไว้เปิดตอนตี 5 พวกเราก็เลยตื่นกันตั้งแต่ตี 4 (ตี 2 ของเมืองไทย) เพื่อให้ทันรถไฟใต้ดินเที่ยวแรกตอนตี 5 เดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสาย Toei Subway Oedo Line มาลง Tsukijishijo Station (E18) Exit A1 เลี้ยวซ้ายเจออาคารจอดรถสองชั้น เป็นปากทางเข้าตลาดปลาสึกิจิ รวบรวมแผนที่จากเว็บไซด์ต่างๆ ที่เราได้หาเอาไว้ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เข้ามาหาข้อมูลบ้าง ร้านซูชิดังๆ ในตลาดปลา เท่าที่เห็นคนพูดถึงกันมีอยู่ 3 ร้าน คือ ซูชิได (Sushi Dai)เปิดบริการ 05.00-14.00 น. ไดวะซูชิ (Daiwa Sushi) เปิดบริการ 05.00-14.00 น. อุไมซูชิคัง (Umai Sushikan) เปิดบริการ 06.00-15.00 น. ร้านที่เราเลือกมาชิม และคนเยอะที่สุด ก็ร้านนี้นี่ล่ะ ซูชิได (Sushi Dai) อ่านไม่ออก ก็อาศัยจำป้ายชื่อร้านไว้ว่าหน้าตาประมาณนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ เดินเข้ามาปุ๊บก็รู้เลยว่าร้านไหน ก็ร้านที่คนยืนเข้าแถวเยอะที่สุดนั่นล่ะ หน้าร้านนี้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมียืนเข้าคิวอยู่ตรงมุมตึกอีกเพียบเลย แค่เห็นจำนวนคนรอก็เกิดอาการท้อแล้ว แต่ไหนๆ มาถึงที่นี่ทั้งที อดทนรอต่อไป ยืนตากแดดรออยู่ตรงมุมตึกเกือบ 3 ชั่วโมง ในที่สุดก็ได้มายืนรออยู่ข้างหน้าซะที แต่ยังไม่ได้เข้าไปนั่งในร้านนะ มาอยู่รอหน้าร้านถึงได้เห็นสภาพความเป็นไปข้างใน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแถวถึงได้ขยับช้านัก ร้านเล็กมาก....... และเชฟจะคอยทำมาให้ทีละชิ้นๆ ครั้งนึงเข้าไปได้ไม่ถึง 10 คนเลย คนยืนรออยู่ข้างนอกตั้งหลายสิบคน กว่าจะมาถึงคิวเราจริงๆ สรุปรวมระยะเวลาการรอคอยทั้งหมด 3.5 ชั่วโมง ที่ร้านมีให้เลือก 2 เซ็ต 1. Omakase Course หรือเราเรียกว่า ตามใจเชฟ ราคา 3,900 เยน (1,300 บาท) คือแล้วแต่ว่าเชฟอยากจะทำซูชิหน้าไหน แบบไหนมาให้เราชิม 10 ชิ้น + 1 ชิ้น ชิ้นสุดท้ายเราเลือกได้ตามใจชอบว่าอยากกินหน้าอะไรเป็นพิเศษ 2. Jyou หรือ Standard Course ราคา 2,500 เยน (800 บาท) มีทั้งหมด 7 ชิ้น แน่นอน! บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงดินแดนปลาดิบซะที พวกเราต้องเลือกชุดใหญ่อยู่แล้ว กินซะให้สะใจกันไปเลย เข้ามานั่งในร้าน เชฟจะถามก่อนเลยว่า Wasabi OK? คือถามว่าเรากินวาซาบิได้มั้ย เพราะที่นี่เค้าจะป้ายวาซาบิมาที่ชิ้นซูชิเลย พื้นที่ตรงหน้าของเราแคบๆ แต่ไม่รู้สึกอึดอัดเลยนะ หรือเป็นเพราะความตั้งใจที่เราอยากมาชิมมากจนลืมใส่ใจกับความคับแคบของร้านไปเลย มีเชฟอยู่ 3 คน ที่คอยปั้นซูชิมาเสิร์ฟลูกค้า นั่งประจันหน้ากันเลย ตอนมานั่งเค้าจะยกมิโสะซุป หรือซุปเต้าเจี้ยวมาเสิร์ฟ 1 ถ้วย พร้อมชาเขียวร้อน 1 แก้ว หลังจากนั้นก็นั่งรอลุ้นกันว่าเราจะได้ชิมซูชิหน้าไหนกันบ้าง จำไม่ได้หรอกว่าแต่ละชิ้นเลือกว่าอะไร ที่จริงเชฟเค้าก็บอกทุกชิ้นนั่นล่ะ แต่ว่าลืม ^^ และเค้าจะแนะนำด้วยว่าชิ้นนี้กินเข้าไปทั้งคำเลยนะ ไม่ต้องจิ้มซอส ปลาดิบชิ้นโตๆ กับข้าวปั้นคำเล็กๆ กินเข้าไปคำแรกรู้สึกฟินมาก ไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจยืนรอ 3.5 ชั่วโมง แลกกับซูชิอร่อย ราคา 3,900 เยน คุ้มค่าสุดๆ แถมท้ายอีกนิดกับชื่อปลาดิบภาษาญี่ปุ่นที่สแกนมาจากในหนังสือ เผื่อไปญี่ปุ่นแล้วที่ร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ เราจะได้ลองเอาตัวหนังสือมาเทียบเคียงให้พอเข้าใจกันได้บ้าง
Create Date : 25 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 30 ตุลาคม 2556 6:38:30 น. |
|
16 comments
|
Counter : 41554 Pageviews. |
|
|
ซูชิแต่ละอย่างน่าทานมาก ๆ ค่ะ
ข้าวผัดสะตอ พี่อ่านมาจากสูตรของ อ.ศรีสมรค่ะ
แต่จริง ๆ แล้วชาวใต้เขาก็ทานสะตอดิบ ๆ กันนะคะ
ตอนนี้น้ำท่วมคงจะลดแล้วเนาะ
พี่ก็ได้ดูข่าวว่าท่วมอมตะเหมือนกันค่ะ