MY VIP Friend

บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 16
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: เหตุผลน่ะมีอยู่แล้ว แต่จะฟังขึ้นหรือเปล่านี่ต้องถามองค์หญิงแล้วล่ะค่ะ ฮาาาาาาาาา



บทที่ 16

เมื่อเรื่องวุ่นวายในคิเรบัสได้จบลงแล้ว ภายในแคว้นก็กำลังอยู่ในภาวะเตรียมงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่อีกหนึ่งงานนั่นก็คือพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์องค์ใหม่ของแคว้นซึ่งเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากทีนิส

จุดจบของเลกัสไม่ได้ทำให้ทีนิสรู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขารู้ว่ากีเธอร์นั้นรู้สึกเสียใจมากเพียงใดที่จะต้องสูญเสียพ่อบุญธรรมไปด้วยเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำนัก แต่ด้วยความเป็นชายชาติทหารกีเธอร์ก็ปกปิดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้และคอยช่วยเขาจัดการไต่สวนและลงโทษพวกขุนนางฝ่ายสนับสนุนเลกัสทั้งหมดจนทีนิสต้องรู้สึกขอบคุณกับความจงรักภักดีของกีเธอร์ที่มีต่อพระบิดาของเขาและการยึดในคุณธรรมของกีเธอร์ที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นดึงทีนิสให้เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารรายงานที่จัดบันทึกเกี่ยวกับความเป็นไปทั้งหมดของคิเรบัสในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีที่เขาไม่อยู่

“นั่นใคร”

“ท่านแม่ทัพกีเธอร์มาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้เข้ามาได้”

กีเธอร์เดินเข้ามาในห้องและพบกับร่างสูงของทีนิสยืนหันหลังให้กับตนเอง แม่ทัพหนุ่มโค้งคำนับทีนิสก่อนจะเอ่ย

“หม่อมฉันมีเรื่องจะมาทูลถามความเห็นของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะตอบ “ว่ามาสิ”

“เกี่ยวกับเรื่องแคว้นดาร์ซีพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงแน่พระทัยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะที่จะประกาศให้แคว้นดาร์ซีเป็นเอกราช”

“พวกเขาได้ช่วยเหลือข้ามามาก และข้าก็ได้ให้คำมั่นกับพวกเขาไว้แล้ว” แล้วทีนิสก็หรี่ตามองกีเธอร์ “เจ้าจะให้ข้าตระบัดสัตย์ที่ข้าให้ไว้กับพวกเขาหรืออย่างไร”

กีเธอร์ก้มหน้าหลบสายตาของเขา “แคว้นดาร์ซีเป็นแคว้นในปกครองที่ใหญ่ที่สุดของเรา ถ้าหากว่าปลดปล่อยให้แคว้นดาร์ซีเป็นเอกราชไปหม่อมฉันเกรงว่าแคว้นอื่นอาจจะเอาเยี่ยงอย่างได้ และนั่นจะส่งผลต่อความมั่นคงของแคว้นเรานะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้ามีวิธีแก้ไขปัญหานี้แล้วล่ะ เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย”

“ถ้าหากฝ่าบาททรงไตร่ตรองแล้วหม่อมฉันก็คงไม่มีข้อสงสัยอะไรแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ว่าในระหว่างนี้ข้าก็คงต้องให้เจ้าช่วยคอยดูแลเรื่องความสงบไปชั่วคราวจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง”

กีเธอร์ค้อมศีรษะรับคำสั่ง “ฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้หม่อมฉันทำอะไรนอกเหนือจากนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีแล้วละ เจ้าไปเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันทูลลา”

เมื่อกีเธอร์ออกไปแล้วเขาลุกจากโต๊ะเขียนหนังสือไปยังหน้าต่างเพื่อมองภาพของเมืองทาลีนแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด นับตั้งแต่กลับมาอยู่ในปราสาทของเขาอีกครั้งนั้นทีนิสไม่เคยนอนหลับได้สนิทเลยสักครั้ง เพราะถึงแม้ว่าจะมีหลายเรื่องที่รอให้จัดการแต่เขาจิตใจของเขาก็ยังคงนึกถึงผู้ที่เขามอบดวงใจให้ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป

ป่านนี้นางจะเป็นเช่นไรนะ นางอาจจะโกรธที่เขาหลอกนางอยู่ก็เป็นได้ เขายิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้างามนั้นยามโกรธ เขายอมให้นางโกรธไปทั้งชีวิตถ้านั่นแลกกับการที่เขาแน่ใจว่านางจะปลอดภัย และเขาก็ได้แต่แอบหวังไว้ในใจว่านางคงจะยอมให้อภัยเขาในสักวันหนึ่ง



*****************************



ก่อนถึงงานราชาภิเษกจะเริ่มขึ้นในอีกสามวัน ภายในเมืองทาลีนอันเป็นเมืองหลวงของแคว้นคิเรบัสก็เต็มด้วยผู้คนจากต่างแคว้นที่เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานครั้งสำคัญในการขึ้นครองราชย์ของทีนิส บรรดากษัตริย์และราชนิกูลผู้ครองแคว้นต่างๆ ทั้งที่เป็นแคว้นในปกครองและแคว้นสัมพันธมิตรต่างก็เดินทางมาเพื่อแสดงความยินดีเช่นกัน ภายในปราสาทของผู้ครองแคว้นจึงมีความคึกคักมากเป็นพิเศษ ทีนิสที่ยังอยู่ในฐานะรัชทายาทนั้นก็ต้องคอยต้อนรับผู้มาเยือนจากแคว้นต่างๆ จนแทบจะไม่ได้พักกันเลยทีเดียว

แต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้สึกเบื่อหน่ายทั้งที่เหนื่อยล้าจากการต้อนรับผู้มาเยือนตลอดทั้งวัน หัวใจของเขาก็ต้องเร่งจังหวะขึ้นเมื่อข้ารับใช้ที่คอยดูแลท้องพระโรงประกาศว่า ราชาผู้ครองแคว้นดาร์ซีและองค์หญิงรัชทายาทเดินทางมาถึงแล้ว

ทีนิสแทบจะควบคุมตัวเองให้ยืนนิ่งๆ แทบไม่ไหวเมื่อเห็นร่างสูงระหงที่เดินตามหลังร่างสูงสง่าของโลเอลเข้ามาในท้องพระโรง นางขโมยลมหายใจของเขาไปจนหมดสิ้นด้วยการแต่งกายอย่างงดงามสมกับฐานะรัชทายาท และแน่นอนว่าไม่ใช่มีเพียงแค่ทีนิสเท่านั้นที่ตกตะลึงในความงามของนาง เพราะกีเธอร์ที่ยืนอยู่ข้างกายเขานั้นก็กำลังมองรัชทายาทหญิงของแคว้นดาร์ซีอย่างไม่วางตาเช่นกัน

ทีนิสโค้งให้กับโลเอลก่อนจะกล่าวคำทักทาย “คิเรบัสขอต้อนรับพ่ะย่ะค่ะ”

“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้มาเป็นสักขีพยานในงานสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นเช่นนี้” แล้วโลเอลก็ผายมือมาทางไบรโอเนีย “นี่คือธิดาของข้า นางชื่อไบรโอเนีย”

ไบรโอเนียที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นอย่างสำรวมกิริยานั้นก็ย่อตัวทำความเคารพแก่เขาพร้อมกับกล่าวคำทักทาย “เป็นเกียรติที่ได้พบองค์รัชทายาทเพคะ”

เพราะเรื่องการช่วยเหลือทีนิสนั้นเป็นความลับพวกเขาจึงต้องทำเป็นเหมือนเพิ่งเคยพบกันมาก่อน ทีนิสจับมือของนางที่ยื่นมาให้เพื่อจะจุมพิตตามธรรมเนียม แต่ทว่าเขาเองก็จงใจที่จะประทับริมฝีปากแนบแน่นลงบนหลังมือของนางในขณะที่สายตานั้นก็จับจ้องนิ่งที่นาง แล้วเขาก็เห็นว่าแววตาของนางนั้นวูบไหวอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเหินห่างเหมือนดังไม่เคยพบเจอกันมาก่อน

“ข้าเองก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบท่านเช่นกัน องค์หญิงไบรโอเนีย”

ไบรโอเนียชักมือกลับแล้วก็บีบมันเข้าหากันแน่นเพื่อระงับความหวั่นไหวที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจ แล้วนางก็ปั้นยิ้มให้กับเขา “หม่อมฉันของแสดงความยินดีกับพระองค์ด้วยนะเพคะ”

“ลำพังข้าคนเดียวคงไม่สามารถทำได้หรอก ต้องขอบคุณผู้มีพระคุณของข้าทุกคนที่คอยช่วยเหลือจนข้าได้กลับมายืนอยู่ในปราสาทแห่งนี้อีกครั้งด้วย” เขากล่าวแฝงความนัยพร้อมกับจ้องมองนางอย่างไม่วางตา ซึ่งนั่นก็ทำให้ไบรโอเนียแกล้งหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาของเขาก่อนจะเอ่ยตอบ

“เป็นโชคดีของพระองค์แล้วเพคะ แต่หม่อมฉันว่าความสำเร็จในการกลับคืนสู่คิเรบัสได้นั้นก็น่าจะเป็นเพราะพระปรีชาอันปราชญ์เปรื่องของพระองค์มากกว่า”

ทีนิลอบถอนหายใจเมื่อรับรู้ถึงถ้อยคำเสียดสีที่แฝงในคำพูดของนาง แต่ต่อหน้าผู้ครองแคว้นต่างๆ เช่นนี้เขาไม่อาจจะพูดจาอะไรได้อย่างที่คิดเพราะเรื่องการช่วยเหลือจากแคว้นดาร์ซีนั้นจำเป็นจะต้องปกปิดเอาไว้เป็นความลับเพื่อความมั่นคงของทั้งสองแคว้นนั่นเอง และทีนิสก็จำต้องปล่อยให้โลเอลและไบรโอเนียเดินจากไปเมื่อมีเสียงประกาศมาว่าผู้มาเยือนคนใหม่เดินทางมาถึงแล้ว

“เห็นทีพวกข้าจะต้องขอตัวก่อน แล้วค่อยพบกันในงานเลี้ยงคืนนี้ก็แล้วกันนะองค์รัชทายาท”

ทีนิสค้อมศีรษะรับก่อนจะมองตรงไปยังไบรโอเนียแล้วเอ่ย “หวังว่าหม่อมฉันจะได้สนทนากับพระองค์มากกว่านี้ในงานเลี้ยงนะพ่ะย่ะค่ะ”

โลเอลหัวเราะหึ “ได้สิ ข้ารอที่จะพูดคุยกับท่านในหลายๆ เรื่องเชียวล่ะ ใช่ไหมไบรโอเนีย”

“หม่อมฉันคิดว่าองค์รัชทายาทน่าจะมีเรื่องที่จะสนทนากับเสด็จพ่อมากกว่าหม่อมฉันนะเพคะ” แล้วนางก็ย่อตัวให้กับเขา “ถ้าจะทรงกรุณา หม่อมฉันต้องขอตัวก่อน”

แล้วไบรโอเนียก็สอดมือเข้าไปในแขนของโลเอลแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งเพื่อให้ผู้มาเยือนใหม่ได้เข้ามากล่าวทักทายแก่ทีนิสต่อไป

ทีนิสมองร่างระหงที่เดินจากไปแล้วก็ลอบถอนใจเมื่อรับรู้ถึงความหมางเมินทั้งในน้ำเสียงและกิริยาของนางได้ ไม่แปลกใจเลยที่นางจะมีท่าทางแบบนั้นเพราะนางคงยังโกรธเขาอยู่ แต่เขาจะต้องอธิบายให้นางเข้าใจว่าเพราะอะไรเขาจึงต้องปิดบังนางเรื่องแผนการที่ไม่ได้บอกให้นางรู้ซึ่งโอกาสนั้นก็คงจะเป็นงานเลี้ยงรับรองแก่บรรดาผู้ครองแคว้นทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้นั่นเอง



*****************************



ทีนิสได้จัดให้แขกผู้มาเยือนนั้นได้พักกันอย่างเป็นสัดส่วนในปีกด้านตะวันออกของปราสาท และงานเลี้ยงรับรองนั้นถูกจัดขึ้นในห้องจัดเลี้ยงที่ถูกประดับประดาไว้อย่างงดงามด้วยโคมไฟและภาพวาดจากจิตรกรชื่อดังของแคว้น ภายในโถงภายนอกห้องจัดเลี้ยงนั้นเหล่าผู้ครองแคว้นและผู้ติดตามต่างก็จับกลุ่มสนทนากันกระจายอยู่โดยรอบ

ร่างสูงระหงเดินตามหลังโลเอลเพื่อทักทายและสนทนากับเหล่าผู้ครองแคว้นต่างๆ และบรรดาขุนนางระดับสูงของแคว้นคิเรบัสด้วยความรู้สึกที่ทั้งอึดอัดและไม่คุ้นเคย แม้ว่าเวลาปกติที่ไม่ได้ทำภารกิจไบรโอเนียก็แต่งกายเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ทั่วไปอยู่แล้ว แต่ว่าการที่นางจะต้องแต่งตัวเต็มยศด้วยชุดออกงานราตรีสโมสรเช่นนี้กลับดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อต้องกลายเป็นเป้าสายตาของคนในงาน ด้วยฐานะที่นางเพิ่งปรากฏตัวสู่สายตาของวงสังคมชั้นสูงเป็นครั้งแรก

แค่เพียงตอนที่นางปรากฏตัวเมื่อตอนกลางวัน ข่าวเรื่องความศิริโฉมงดงามของนางก็แพร่กระจายไปทั่ว พอโลเอลแยกไปยืนพูดคุยกับกษัตริย์ผู้ครองแคว้นอื่นแล้ว ไบรโอเนียต้องแสร้งปั้นหน้ายิ้มทักทายและพูดคุยกับทั้งผู้ครองแคว้นและเจ้าชายจากต่างแคว้นที่เวียนเข้ามาสนทนากับนางตามหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ

“หม่อมฉันเพิ่งรู้ว่าแคว้นดาร์ซีมีเจ้าหญิงรัชทายาทที่งดงามราวกับเทพธิดาเช่นนี้” เจ้าชายคาเด็น รัชทายาทของแคว้นบาฮารีหนึ่งในแคว้นในปกครองของคิเรบัสเอ่ยชมนางหลังจากที่ได้ทักทายแนะนำตัวกันแล้ว

“ขอบพระทัยสำหรับคำชม แต่หม่อมฉันไม่ได้มีความงามในถึงระดับเช่นนั้นหรอกเพคะ” นางกล่าวตอบรับคำชมอย่างถ่อมตนพลางลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเจ้าชายคาเด็นทำสายตาโปรยเสน่ห์ใส่นาง

“แล้วทำไมตลอดเวลาที่ผ่านถึงไม่ยอมออกงานสมาคมระหว่างแคว้นหรือพ่ะย่ะค่ะ เพราะหม่อมฉันจำได้ว่าแคว้นดาร์ซีนั้นไม่ค่อยมีโอกาสได้มางานแบบนี้สักเท่าไร แถมหม่อมฉันก็เคยได้พบเฉพาะพระบิดาของพระองค์เท่านั้น”

“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก ก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสติดตามพระบิดาไปที่ไหนไกลๆ”

ไบรโอเนียแสร้งทำหน้าเศร้ากับโชคชะตาของตัวเอง ทั้งที่สาเหตุแท้จริงนั้นก็เป็นเพราะนางมัวแต่ยุ่งกับงานสายลับที่ต้องคอยไปลักลอบสืบข้อมูลตามภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายมาต่างหาก และนางก็หันไปขึงตาใส่เอ็ดการ์เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากราชองครักษ์ประจำตัวของตนที่คอยยืนอารักขาอยู่

“ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ แต่หม่อมฉันหวังว่าองค์หญิงจะทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงขึ้นแล้วถึงได้มาร่วมงานนี้ได้”

“เพคะ พระบิดาของหม่อมฉันให้แพทย์หลวงช่วยดูแลหม่อมฉันอย่างใกล้ชิดจนแข็งแรงขึ้นมาก”

“หรือนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตที่หม่อมฉันได้มาพบเจอกับองค์หญิงในงานนี้ก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ” ไม่พูดเปล่า เจ้าชายคาเด็นยังยกมือของนางมาแตะริมฝีปาก ซึ่งนั่นก็ทำให้ไบรโอเนียรีบส่งสัญญาณให้กับเอ็ดการ์มาพานางออกไปจากการตกอยู่ในวงล้อมของการเกี้ยวพาราสีจากเจ้าชายต่างเมืองเสียที

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ องค์ราชาทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันมาทูลเชิญองค์หญิงให้ไปร่วมสนทนาด้วย”

เอ็ดการ์กล่าวพร้อมกับโค้งให้กับเหล่าราชนิกูลอย่างนอบน้อม แล้วก็ผายมือเชิญให้ไบรโอเนียเดินเลี่ยงไป และเมื่อหนีออกมาได้โดยทิ้งรอยยิ้มหวานให้เจ้าชายเหล่านั้นเก็บเอาไปเคลิ้มฝันได้แล้ว ไบรโอเนียก็ต้องทำท่าโล่งอกออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ดูท่าทางจะทรงเพลิดเพลินกับงานนี้พอสมควรนะพ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียตวัดตาค้อนใส่เอ็ดการ์ “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นเช่นนั้นหรือ”

ราชองครักษ์หนุ่มหัวเราะหึ “หม่อมฉันก็เห็นองค์หญิงทรงยิ้มแย้มอยู่ได้ตลอดเลยไม่ใช่หรือ”

“ข้าก็แค่ทำตัวเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทผู้งดงามแห่งแคว้นดาร์ซี เสด็จพ่อคงเสียหน้าแน่ถ้าหากว่าข้าไม่ทำตัวดีๆ เข้าไว้ แต่ข้ากำลังเบื่อกับการเกี้ยวพาราสีของพวกเจ้าชายจากแคว้นอื่นก็เท่านั้นเอง” แล้วนางก็ปั้นหน้ายิ้มอีกครั้งเมื่อพระราชาจากแคว้นทางตะวันออกเดินเข้ามาสนทนากับนาง

เอ็ดการ์โคลงศีรษะแล้วยิ้มด้วยกึ่งขบขันและกึ่งเห็นใจองค์หญิงของตนอย่างเหลือประมาณ แต่ทว่าเขาก็ต้องหันไปทางด้านหนึ่งเมื่อมีการประกาศว่าขอเชิญแขกที่อยู่ในโถงนั้นเข้าไปในห้องรับรองเพื่อร่วมโต๊ะเสวยกับว่าที่กษัตริย์องค์ใหม่ได้แล้ว และเมื่อแขกทุกคนเข้าไปยืนอยู่ตรงเก้าอี้ประจำที่ของตนเองแล้ว นักดนตรีก็บรรเลงเพลงเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าองค์รัชทายาทของคิเรบัสกำลังจะเสด็จมาถึงแล้ว

ทีนิสในชุดแต่งกายเต็มยศดูสง่างามสมกับตำแหน่งรัชทายาทแห่งแคว้นคิเรบัสที่เดินออกมาจากประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงทิศเหนือของโต๊ะอาหารกล่าวทักทายทุกคนและเชิญให้ทุกคนนั่งลงได้ และในขณะที่พวกข้ารับใช้กำลังเสิร์ฟทั้งอาหารและไวน์ เหล่าผู้ครองแคว้นในแต่ละคนก็ผลัดกันลุกขึ้นยืนและกล่าวแสดงความยินดีต่อทีนิสทีละคนจนครบ และท้ายที่สุดทีนิสก็ยืนขึ้นและกล่าวขึ้นมาบ้าง

“หม่อมฉันขอขอบพระทัยผู้ครองแคว้นทุกพระองค์ที่อุตส่าห์เดินทางไกลมาเพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในวันอีกสองวันหลังจากนี้ และหม่อมฉันก็หวังว่าหลังจากนี้ไปทุกแคว้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและถ้าหากแคว้นใดแคว้นหนึ่งต้องการความช่วยเหลือ คิเรบัสก็ยินดีที่จะช่วยเหลือถ้าหากไม่เกินความสามารถของเรามากเกินไป” เขาชูแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับผู้ร่วมงานทั้งหมด

“หม่อมฉันหวังว่าอนาคตในภายหน้าทั่วทุกแคว้นคงจะมีสันติภาพซึ่งกันและกัน”

พอมีนิสพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นเกรียวกราว ซึ่งเขาก็ยิ้มรับด้วยความรู้สึกพึงพอใจกับปฏิกิริยาตอบรับของผู้นำแคว้นทั้งหลาย แล้วโค้งให้กับทุกคนก่อนที่จะนั่งลงและเริ่มรับประทานอาหารพร้อมกับสนทนากับเหล่าผู้นำแคว้นต่างๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่คงจะมีเพียงองค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีเท่านั้นที่เอาแต่นั่งยิ้มเฉยและไม่หันมามองเขาเลยสักนิด ซึ่งสิ่งที่ทีนิสเห็นเช่นนั้นก็ทำให้เขาลอบถอนหายใจพลางรอคอยโอกาสว่าเมื่อไรเขาจะได้พูดคุยกับนางตามลำพังเสียที



*****************************



หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อค่ำแล้วเหล่าผู้นำแคว้นก็ถูกเชิญออกมาสังสรรค์กันต่อในโถงรับรอง โดยโอกาสที่ทีนิสรอคอยอยู่นั้นดูเหมือนจะไกลห่างออกไปทุกทีเมื่อเขาต้องพูดคุยกับกษัตริย์ผู้ครองแคว้นและตัวแทนของแต่ละแคว้นตามธรรมเนียมเจ้าบ้านที่ดี แต่ทว่าในขณะเดียวกันจิตใจและสายตาของเขากลัวพะวักพะวงอยู่กับรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีที่กำลังยืนยิ้มแย้มอยู่ในวงล้อมของเจ้าชายต่างแคว้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ใจของเขาร้อนรุ่มจนนึกอยากจะผละจากคู่สนทนาไปลากนางออกมาจากตรงนั้นเสียแต่ทว่าก็ไม่อาจจะทำได้เมื่อดูเหมือนราชาของแคว้นในปกครองของเขาจะมีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดคุยกับเขามากกว่าที่คิดเอาไว้

กว่าที่ทีนิสจะปลีกตัวออกมาได้ ไบรโอเนียก็หายลับไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว เขาเดินหานางไปทั่วงานอย่างร้อนใจแต่ทว่าก็ไม่พบแม้แต่เงาของนางเลย เขาหงุดหงิดตัวเองนักที่ปล่อยให้นางคลาดสายตาไปได้แล้วเดินเลี่ยงไปสงบสติอารมณ์ตัวเองตรงชานระเบียงที่ปลอดผู้คนเสียแทน แต่แล้วทีนิสก็หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

ร่างสูงระหงในชุดราตรีแบบเปิดไหล่สีเขียวมรกตสีเดียวกับดวงตาของนางนั้นถูกตัดเย็บอย่างปราณีตด้วยการแซมลูกไม้ที่ปักเป็นลายฉลุระบายเป็นเส้นสายเน้นกรอบทรวดทรงของนางอย่างน่าดู ผมสีน้ำตาลแดงล้อประกายแสงจันทร์เป็นสีแดงเงินของนางถูกเกล้าไว้เป็นมวยตลบขึ้นสูงอวดผิวขาวเนียนละเอียดตรงต้นคอของนางที่ส่งให้รูปหน้าของนางดูงามล้ำยิ่งไปกว่าเดิม และเมื่อได้แสงเงินยวงจากดวงจันทร์มาสาดส่องอาบไล้ร่างนางเช่นนี้แล้วมันก็เหมือนกับเขากำลังมองภาพวาดของเทพธิดาที่งดงามที่สุดที่เท่าจิตรกรจะรังสรรค์ได้

“ทำไมถึงมายืนคนเดียวเช่นนี้ล่ะ”

ไบรโอเนียสะดุ้งเฮือกแล้วก็หันขวับมามองเขา “ท่านทำให้ข้าตกใจ”

“ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้า”

“แต่ข้า... หม่อมฉันรู้สึกเหนื่อย อยากจะไปพักผ่อนแล้ว”

แล้วนางก็เดินเลี่ยงเขาเพื่อจะกลับเข้าไปในงาน หากทีนิสก็คว้าแขนของนางเอาไว้ได้ทัน

“เดี๋ยวสิไบรโอเนีย”

“ปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้าแล้วจะไม่ดี” นางบอกเขาแล้วพยายามสะบัดมือให้หลุดออกเหมือนจะรังเกียจในสัมผัสของเขาจนทำให้ทีนิสอดน้อยใจกับการกระทำของนางไม่ได้

“เจ้ายังโกรธที่ข้าโกหกเจ้าอยู่หรือ”

“หม่อมฉันมิบังอาจไปโกรธพระองค์หรอกเพคะ” แล้วนางก็ตวัดตามองเขา “ปล่อยหม่อมฉัน ไม่เช่นนั้นหม่อมฉันจะไม่เกรงพระทัยแล้วนะ”

“ฟังข้าอธิบายสิ่งที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดก่อนไม่ได้หรือ” ทีนิสอ้อนวอนนาง “ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าทำมันยากเกินที่จะขอร้องให้เจ้าอภัยให้ข้า แต่ขอให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังเสียก่อนเถอะว่าทำไมข้าถึงได้ตัดสินใจทำเช่นนั้น”

ไบรโอเนียมองดูเขาที่อ้อนวอนนางทั้งคำพูดและสายตาอย่างชั่งใจ แต่แล้วนางก็ถอนใจแล้วก็พยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงปล่อยมือหม่อมฉันก่อนสิ”

ทีนิสยิ้มก่อนที่จะปล่อยมือนางให้เป็นอิสระ “ขอบใจที่เจ้ายอมรับฟัง”

“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดเถอะเพคะ หม่อมฉันอยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว”

ทีนิสทำหน้านิ่วกับคำพูดที่ฟังดูเหินห่างของนาง แต่เขาก็ต้องทำใจยอมรับมันเมื่อรู้ว่านางยังคงรู้สึกเช่นไร เขาถอนใจยาวก่อนจะเริ่มพูด

“ข้ารู้ว่าแผนการที่ข้าคิดเอาไว้นั้นจะทำให้เจ้าโกรธข้ามากที่หลอกเจ้า แต่ว่าข้ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น ข้ายอมให้เจ้าโกรธดีกว่าที่จะปล่อยให้เจ้าและพวกของเลโอน่าไปเสี่ยงภัยกับข้า”

“แล้วที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ยังไม่เสี่ยงพออีกหรือ” นางย้อนเขาเสียงหยัน “หม่อมฉันช่วยเหลือพระองค์ทุกอย่าง ทั้งสอนการต่อสู้ให้ ทั้งหาคนมาคอยช่วยเหลือ ทำทุกๆ อย่างที่ทรงต้องการ พระองค์เก่งกาจจนถึงขั้นที่เห็นว่าหม่อมฉันไร้ความสามารถในการปกป้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกเจ้าหรอกนะไบรโอเนีย” เขาพยายามอธิบายให้นางเข้าใจ

“ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมจึงไม่บอกความจริงให้หม่อมฉันรู้เล่า หรือคิดว่าถ้าหากหม่อมฉันรู้เรื่องแล้วจะทำให้แผนการของฝ่าบาทพังหรืออย่างไร”

เขาพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี “นั่นมันเป็นความผิดพลาดของข้าเองที่ไม่ยอมให้เจ้ารู้ ข้าขอยอมรับผิดในข้อนั้น แต่สิ่งที่ข้าตัดสินใจทำลงไปก็เป็นเพราะข้าห่วงเจ้าหรอกนะไบรโอเนีย เจ้าลองคิดกลับดูว่าถ้าหากเจ้าเป็นข้าล่ะ เจ้าจะตัดสินใจจะยอมเอาชีวิตของคนที่เจ้ารักสุดหัวใจไปเสี่ยงอันตรายพร้อมกับเจ้าได้หรือ”

แล้วเขาก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนาง “ข้าสูญเสียคนที่ข้ารักไปหมดและตอนนี้ข้าก็เหลือเพียงแค่เจ้าคนเดียว... ข้าทนไม่ได้หรอกที่จะต้องสูญเสียใครไปอีก”

“แต่ข้าเสียใจที่ท่านทำแบบนั้นนะทีนิส” นางบอกเขาหลังจากที่นางเงียบไปนาน ความหมางเมินของนางลดลงไปด้วยการกลับมาใช้คำพูดกับเขาเหมือนอย่างเมื่อก่อน

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะเสียใจ แต่ขอได้โปรดรู้เอาไว้ว่าข้าเองก็รู้สึกไม่ต่างกันเลย” แล้วเขาก็เชยปลายคางนางให้เงยขึ้นมาสบตากับเขา

“ถ้าหากข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเจ้าข้าก็คงทำอะไรได้ง่ายกว่านี้”

นางเบี่ยงหน้าหลบสายตาของเขาแล้วก็ถอนลมหายใจออกมายาวเหยียด “ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันจบลงด้วยดีข้าก็ยินดีกับท่านด้วย และหน้าที่ของข้าที่มีต่อท่านก็จบลงเช่นกัน”

“แต่ข้าไม่อยากให้เรื่องของเราสองคนจบลงแค่ตรงนี้” แล้วเขาก็กุมมือของนางเอาไว้ “ข้าอยากให้เจ้ามาเป็นราชินีของข้า”

นางนิ่งงันด้วยความตกใจกับคำพูดของเขาก่อนจะถอยห่าง “ท่านพูดว่าอะไรนะ”

“ข้ารักเจ้านะไบรโอเนียและข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้าเองก็รักข้า”

ไบรโอเนียส่ายหน้า “ข้าไม่ได้รักท่าน”

ทีนิสทำหน้านิ่วกับปฏิเสธของนาง “เจ้าโกหกหัวใจของเจ้าเองได้อย่างไรกัน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นเช่นไรตอนที่เอ็ดการ์พาเจ้าไปจากข้า”

“นั่นมันก็เป็นเพราะว่าข้าไม่อยากจะทำให้ภารกิจของข้าล้มเหลวต่างหาก” นางแย้งทั้งที่ในใจกรีดร้องบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่ความจริง

“ท่านคิดไปเองฝ่ายเดียวมากกว่า”

“ข้าไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวหรอกไบรโอเนีย ดวงตาของเจ้าก็กำลังบอกข้าอยู่ว่าเจ้ากำลังรู้สึกเช่นไรอยู่” แล้วเขาก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อดูว่ามีอะไรกันที่ทำให้นางไม่คิดจะยอมรับความจริงในข้อนี้

นางหลบสายตาของเขาก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว “ต่อให้ข้ารักท่านจริงเราก็ไม่อาจจะอยู่ด้วยกันได้หรอกทีนิส ท่านอย่าลืมสิว่าข้าเป็นรัชทายาทเพียงคนเดียวของแคว้นดาร์ซี ถ้าหากข้าต้องมาอยู่กับท่านแล้วใครที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากเสด็จพ่อ”

“เรื่องนี้ข้าจะคุยกับเสด็จพ่อของเจ้าเอง เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก” แล้วเขาก็รั้งร่างนางเข้ามากอด

“แต่งงานกับข้านะไบรโอเนีย ข้าอยากจะให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้านับจากนี้และตลอดไป”

ไบรโอเนียหลับตาลง ความเข้มแข็งที่นางอุตส่าห์สร้างเอาไว้เพื่อป้องกันความรู้สึกที่แท้จริงของนางนั้นมันพังทลายไปจนหมดสิ้นเพียงเพราะแค่เขาโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ แต่ไม่นานนักก็ผลักเขาออกห่างเมื่อนึกถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นย้ำเตือนในใจของนาง

“ข้าอยู่กับท่านไม่ได้หรอกทีนิส” นางปฏิเสธเขาเสียงพร่าสั่น

“แต่เจ้าก็รักข้าไม่ใช่หรือ” ทีนิสย้อนถามนาง

“มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้นทีนิส ถึงแม้ว่าข้าจะรักท่าน แต่ข้าก็ไม่อาจเห็นแก่ความสุขของตัวเองแล้วทิ้งเสด็จพ่อและแคว้นของข้าไปอยู่กับท่านได้หรอก” แล้วนางก็ยิ้มเศร้า

“ข้าเคยบอกแล้วว่าท่านไม่ใช่หรือว่าไม่มีใครที่จะสุขสมหวังไปหมดเสียทุกอย่าง”

น้ำตาหยดหนึ่งก็ร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวยของนาง “หน้าที่ของข้าจบแล้วทีนิส เมื่อถึงเวลาที่ท่านประกาศให้ดาร์ซีเป็นเอกราชเราก็คงไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”

ทีนิสมองนางด้วยใจที่ปวดร้าว ยิ่งได้เห็นน้ำตาของนางแบบนี้เขาก็ยิ่งเจ็บในหัวใจเหมือนกับใครเอามีดมากรีดให้มันเป็นแผลลึก แต่เขาจะไม่ยอมให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนดหรอกว่าเขาควรจะต้องทำอะไร หลังจากนี้ไปเขาจะกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตด้วยตัวของเขาเอง

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่ประกาศให้ดาร์ซีเป็นเอกราช”

ไบรโอเนียเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่อยากจะได้ยิน “นี่ท่านคงไม่ได้พูดจริงหรอกใช่ไหม”

“ข้าเคยพูดเล่นหรือ” เขาตอบนางด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป “ถ้าเจ้าไม่เลือกที่จะอยู่กับข้า ข้าก็จะไม่ยอมให้แคว้นดาร์ซีเป็นเอกราช”

น้ำตาของนางเหือดแห้งขึ้นมาโดยทันทีก่อนที่ดวงตาสีเขียวสว่างของนางจะเรืองรองไปด้วยไฟโทสะ “นี่ท่านคิดจะตระบัดสัตย์ต่อพวกข้าอย่างนั้นหรือ”

“ถ้าเช่นนั้นก็จงยอมเป็นราชินีของข้าสิไบรโอเนีย แล้วข้าจะประกาศให้แคว้นของเจ้าเป็นเอกราช”

ไบรโอเนียกัดฟันแน่นจนคางของนางสั่นระริก ไม่นึกเลยว่าเพียงแค่เรื่องความรู้สึกส่วนตัวจะทำให้เขากล้าตระบัดสัตย์เช่นนี้

“ถ้าท่านคิดว่าจะบังคับข้าอยู่กับท่านด้วยวิธีการแบบนี้ท่านคิดผิดถนัดแล้วล่ะ” แล้วนางก็ล้วงเอามีดสั้นที่ซ่อนในกระเป๋ากระโปรงออกมา

เขาหรี่ตามองนางพลางแค่นหัวเราะ “ข้าเชื่อแล้วล่ะว่าเจ้าสามารถซ่อนอาวุธให้อยู่กับตัวได้ทุกที่จริงๆ”

“ข้าไม่ตลกไปกับท่านด้วยหรอก” แล้วนางก็หันปลายมีดไปทางเขา “ล้มเลิมความคิดแบบนั้นเสีย!”

แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้ขู่อะไรเขา กีเธอร์ก็โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้พร้อมกับดาบในมือเตรียมพร้อมเข้าโจมตี หากทีนิสก็ยกมือห้ามเอาไว้ “ไม่เป็นไรหรอกกีเธอร์”

“ไม่เป็นไรแน่หรือพ่ะย่ะค่ะ” กีเธอร์มองที่ไบรโอเนียอย่างไม่แน่ใจ

“ข้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เจ้าไปเถอะ”

พอทีนิสยืนยันมาเช่นนั้นกีเธอร์ก็จำใจต้องเสียบดาบกลับเข้าฝักแล้วก็ถอยห่างออกไปแต่ก็ยังไม่วายหันกลับมามองเขาอย่างระวัง

“เจ้าจะทำร้ายข้าก็ได้ถ้าหากเจ้าพอใจที่จะทำเช่นนั้น”

“ใครบอกว่าข้าจะทำร้ายท่าน” นางว่าพลางเหยียดยิ้มหยันใส่เขา แล้วทีนิสก็ต้องตกใจเมื่อนางจรดปลายมีดที่ลำคอของนาง ซึ่งเขาก็รีบคว้าคมมีดเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะบาดเข้าที่ผิวตรงลำคอของนาง

“เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้ากัน” เขาเอ็ดนางในขณะที่ทำหน้านิ่วเมื่อคมมีดนั้นบาดลึกเข้าไปในมือของเขาจนเลือดไหลซึมออกมา

“ในเมื่อท่านบีบคั้นให้ข้าต้องเสื่อมเสียเกียรติ ข้าก็ขอตายตรงนี้จะดีกว่า”

ทีนิสมองสายตาของนางที่มองเขาด้วยความโกรธระคนเสียใจแล้วเขาก็ต้องถอนใจออกมายาวเหยียด และยอมปล่อยมือออกจากมือของนาง

“ถ้าหากเจ้ายืนกรานเช่นนั้น ข้าก็มีข้อเสนอให้กับเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน”

นางมองเขาอย่างระแวง “ท่านจะเสนออะไร”

“ข้าขอท้าประลองกับเจ้า ถ้าหากเจ้าเอาชนะข้าได้ข้าจะยอมทำตามที่เจ้าต้องการทุกอย่างโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าหากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องแต่งงานกับข้าโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ตกลงไหม”

“ข้าจะแน่ใจได้ยังไงว่าท่านจะไม่เล่นตุกติกในการประลอง”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กำหนดการแข่งขันมาได้เลย หรือจะเอาเอ็ดการ์มาเป็นผู้ตัดสินระหว่างการประลองก็ได้”

เมื่อได้ยินข้อเสนอเพิ่มเติมของเขาไบรโอเนียก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง “แล้วท่านไม่คิดหรือว่าข้าอาจจะโกงการแข่งขันเพื่อเอาชนะท่านก็ได้”

เขายิ้ม “ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ทำเช่นนั้นหรอก เอาเป็นว่าข้าถือว่าเจ้าตกลงนะ”

นางพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่นางจะต้องคว้าเอาไว้ “ถ้าหากท่านคิดจะทำตามที่ท่านว่ามาจริงๆ ข้าก็ตกลง เพราะข้าไม่คิดว่าข้าจะแพ้ท่านหรอก”

ทีนิสหัวเราะหึก่อนจะยื่นศอกให้นางจับ “ถ้าเช่นนั้นก็มากับข้า”

นางเลิกคิ้วมองเขาด้วยความสงสัยว่าทีนิสคิดจะทำอะไรต่อไป หากเมื่อเขาเร่งเร้านางก็ยอมสอดมือเข้าไปควงแขนเขาแต่โดยดี



************************



พวกเขากลายเป็นจุดสนใจทันทีที่เดินกลับเข้าไปในโถงรับรอง ทีนิสพานางเดินมาจนถึงใจกลางงานแล้วยกมือเป็นสัญญาณบอกให้วงดนตรีที่กำลังบรรเลงเพลงนั้นหยุดลงก่อน แล้วก็ประกาศต่อแขกในงานว่าเขาและไบรโอเนียจะทำการประลองฝีมือกันเพื่อเป็นการกระชับมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของคิเรบัสและดาร์ซี ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงฮือฮาให้กับแขกที่อยู่ในงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโลเอลที่จ้องเขาเขม็งแม้ยามที่เขาได้ปล่อยให้ไบรโอเนียเดินจากไปแล้ว

“องค์ชายคิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ ถึงได้มาท้าประลองกับลูกสาวของข้า”

ทีนิสยิ้มก่อนจะค้อมศีรษะให้กับโลเอล “หม่อมฉันก็แค่อยากจะท้าประลองกับองค์หญิงเพื่อความบันเทิงเท่านั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น” โลเอลหรี่ตามองเขาก่อนจะถามต่อ “ท่านทำข้อตกลงอะไรไว้กับนางใช่ไหม”

เขายิ้มกับความเฉียบแหลมของโลเอลก่อนจะพยักหน้ารับ “เมื่อใดที่การประลองเสร็จสิ้นก็จะทรงทราบเองแหละพ่ะย่ะค่ะ”

แล้วทีนิสก็โค้งให้กับโลเอลก่อนจะเดินจากไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มผิดกับในหัวใจของเขาที่กำลังหนักอึ้ง เมื่อนึกถึงการประลองในวันพรุ่งนี้ การประลองที่มีหัวใจและแคว้นดาร์ซีเป็นเดิมพันนั้นดูเหมือนจะเป็นแรงจูงใจชั้นเลิศที่ไม่ว่าเขาหรือเธออยากที่จะเอาชนะให้ได้



Be Continued


นางเอกจะใจอ่อนกับพระเอกตอนไหนน้อ ฮี่ๆๆๆๆ

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 29 เมษายน 2558
Last Update : 29 เมษายน 2558 23:10:25 น.
Counter : 483 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


เมษายน 2558

 
 
 
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
28
30
 
 
All Blog