MY VIP Friend

บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 14
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: นั่นสิคะ พอโดนทักแล้วก็นึกได้เลย ฮ่าๆๆๆๆ (ขอบคุณค่ะ)



บทที่ 14

“ข้าไม่ได้รักท่าน” นางตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้มันราบเรียบไร้ความรู้สึกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ทีนิสหรี่ตามองนางด้วยไม่เชื่อในสิ่งที่นางเอ่ยออกมาซึ่งขัดกับท่าทางก่อนหน้านี้ที่นางแลดูสับสนกับความรู้สึกของตนเองเสียเหลือเกิน

“เจ้าแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองพูดมาแล้วจริงหรือ” เขาเอ่ยถามพลางจับปลายคางของนางที่เบือนหน้าหนีให้หันกลับมาหาเขาพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของนางอย่างจะค้นหาความจริงที่แอบซ่อนอยู่ในนั้น

“ปากของเจ้าบอกว่าไม่รักข้า แต่ว่าตาของเจ้าไม่ได้บอกกับข้าเช่นนั้น”

ไบรโอเนียเม้มริมฝีปากแน่นพลางสะบัดหน้าหนีสายตาเขาอีกครั้งก่อนจะกระชากเสียงใส่เขา

“ข้ายังไม่แน่ใจเลยว่าข้ารู้สึกเช่นไรกับท่านกันแน่ แล้วจะให้ข้ายอมรับว่ารักท่านได้อย่างไรกัน”

“ถ้าเช่นนั้นจงมองข้า” แล้วทีนิสก็ประคองหน้าของนางให้หันกลับมาประสานสายตากับเขาอีกครั้ง “ถ้าหากว่าเจ้าไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับข้าจริงๆ ก็จงปฏิเสธข้าด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของเจ้า”

ไบรโอเนียรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเขาวงกตยามเมื่อได้สบตากับเขา นางไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำปฏิเสธออกมาได้อย่างที่ต้องการด้วยเพราะความรู้สึกที่อยู่ภายในใจมันมีอิทธิพลเหนือกว่าความคิดของนางมากนัก

ริมฝีปากของทีนิสบิดยิ้มเมื่อเห็นคำตอบที่แท้จริงซึ่งปรากฏอยู่ในดวงตาของนาง เขาเกลี่ยปลายนิ้วไล้ริมฝีปากของนางที่เม้มเข้าหากันแน่นและก้มลงไปประทับริมฝีปากตรงหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน สัมผัสอุ่นจัดจากริมฝีปากเขาทำให้ความคิดสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นปลิวหายไปราวกับใบไม้ที่ถูกลมพายุพัดผ่าน นางเอาแต่ยืนนิ่งเมื่อเขาแตะจุมพิตไล่เรื่อยไปทั่วทั้งใบหน้า ก่อนที่จะมาหยุดที่เหนือริมฝีปากของนาง

“ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังจะบอกอีกหรือว่าเจ้าไม่ได้รักข้า”

ทีนิสกระซิบถามชิดริมฝีปากของนาง ก่อนที่เขาจะปิดระยะห่างที่เหลือเพียงน้อยนิดด้วยจุมพิตที่นุ่มนวลและอ่อนหวาน ไบรโอเนียหลับตาลงและเผยอริมฝีปากรับจุมพิตของเขาอย่างยอมจำนนต่อความรู้สึกที่แท้จริงในหัวใจ ทีนิสช้อนร่างของนางขึ้นอุ้มและวางลงบนแท่นเตียงหินก่อนที่เขาจะทาบทับร่างของเขาตามลงมา

ไบรโอเนียระบายลมหายใจออกมาช้าๆ เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักของร่างกายเขาที่กดทับลงมา แสงสีส้มแดงจากกองไฟที่ก่อเอาไว้ตกกระทบกับใบหน้าด้านข้างของเขาซึ่งทำให้เหลี่ยมสันกรามของเขาดูคมเข้มยิ่งขึ้นจนนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปแตะสัมผัสกับแก้มของเขาที่มีรอยบาดเล็กๆ จากการต่อสู้กับทหารของคิเรบัส

“ข้าเพิ่งเห็นว่าท่านมีแผล”

“สงสัยว่าข้าคงยังต้องฝึกเรื่องการต่อสู้อีกมาก” ทีนิสกล่าวพร้อมกับกระตุกริมฝีปากยิ้ม

“ท่านต่อสู้กับทหารได้ถึงขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว”

ดวงตาของทีนิสทอประกายเข้มจัดขึ้นกว่าเดิมเมื่อไบรโอเนียยันกายขึ้นแตะริมฝีปากตรงแผลที่แก้ม ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนตามเดิมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอายกับการกระทำของตน

“ข้ารักเจ้า”

เขากล่าวย้ำก่อนจะยกมือยกมือของนางขึ้นมาแนบประทับที่ริมฝีปาก การแสดงออกที่บ่งบอกถึงความจริงใจกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางนั้นทำให้ไบรโอเนียไม่อาจปฏิเสธหัวใจของตัวเองได้อีกต่อไป นางหลับตาลงเมื่อทีนิสเคลื่อนใบหน้าต่ำลงมาจนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่พานพบกันอีกครั้ง สิ่งรอบข้างดูเหมือนจะเลือนรางหายไปจากความรู้สึก รับรู้เพียงแต่สัมผัสจากริมฝีปากและสัมผัสของทีนิสที่มอบให้เท่านั้น

นางสอดแขนโอบรอบลำคอของทีนิสเอาไว้เมื่อจุมพิตของเขาเริ่มทวีความดื่มด่ำจนกลายเป็นเร่าร้อนจนไบรโอเนียสั่นสะท้านรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังมีพลุไฟแตกระเบิดในกายนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นานราวชั่วกัลป์กว่าทีนิสถอนริมฝีปากออกแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนข้างกายนางแล้วใช้วงแขนโอบกอดนางเอาไว้ ไบรโอเนียซุกหน้ากับอกกว้างของเขาเพื่อซ่อนสีหน้าที่แดงก่ำเพราะความเขินอายที่แล่นเข้ามาจู่โจม

“ท่านบอกว่ารักข้าก็เพียงเพราะอยากทำเช่นนี้เองน่ะหรือ”

“เพราะข้ารักเจ้าถึงได้แสดงออกให้เจ้ารู้ด้วยการกระทำต่างหาก” ทีนิสกระชับอ้อมแขนกอดร่างบางให้แน่นขึ้น “ข้าอาจจะต่อสู้ได้ไม่เก่งเท่าเจ้าแต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าต้องถูกจับหรือบาดเจ็บอีก แต่เจ้าก็ไม่ยอมเข้าใจความคิดของข้าเลยสักนิด”

ไบรโอเนียถอนหายใจ “แต่การที่ท่านผลักไสพวกข้าให้ไปไกลห่างแล้วยอมถูกทหารจับไปเช่นนั้นมันไม่เป็นความคิดที่เขลาไปหน่อยหรือ?”

“ถ้าข้าถูกจับไปก็ยังพอมีโอกาสที่จะเกลี้ยกล่อมให้กีเธอร์มาร่วมมือกับข้าได้ มันเป็นเดิมพันที่ข้าจะต้องเสี่ยง ถ้าหากมันไม่เป็นไปตามที่ข้าคิดข้าเองก็แค่ถูกฆ่าตายแต่พวกเจ้าจะปลอดภัย”

ไบรโอเนียหนาวยะเยือกเมื่อนึกว่าถ้าหากเขาจะต้องตายไปจริงๆ นางจะรู้สึกเช่นไร ทีนิสยิ้มกับสีหน้าของนางก่อนจะเอ่ยต่อ

“ถ้าหากข้าล้มเหลว เจ้าก็ยังสามารถหาทางอื่นในการเรียกร้องเอกราชคืนมาได้ แต่ถ้าหากเจ้าถูกจับไปหรือเป็นอะไรไป ดาร์ซีจะเป็นเช่นไร ยังไม่นับถึงพระบิดาของเจ้าอีก”

ไบรโอเนียเงียบไปอีกครั้งพร้อมกับนึกทบทวน อาจจะเป็นเพราะนางยึดมั่นในเป้าหมายมากเกินไปจนกระทั่งลืมนึกไปว่าทีนิสอาจจะมีเหตุผลที่ตัดสินใจทำเช่นนั้น นางพลิกตัวหันหลังให้แก่เขาแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว

“ข้าก็แค่อยากทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเลยไม่ทันได้คิดว่าคนที่อยู่รอบข้างข้าจะเป็นเช่นไร”

“การที่มุ่งหน้าเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่การจะปกครองคนนั้นเจ้าต้องคิดให้รอบด้านมากกว่านี้” แล้วเขาก็ทอดแขนข้างหนึ่งให้นางหนุนก่อนจะโอบเอวของนางไว้หลวมๆ

“ทำไมท่านถึงได้รักข้า”

ทีนิสเลิกคิ้วในขณะที่มือไล้เส้นผมสีน้ำตาลแดงที่นุ่มละเอียดราวกับแพรไหมของนางเล่น “คงจะเป็นเพราะเจ้าไม่เหมือนกับเจ้าหญิงทั่วๆ ไปกระมัง”

“ไม่เหมือนกับเจ้าหญิงทั่วๆ ไปน่ะหรือ” นางขมวดคิ้วพลางทวนคำพูดเขา แล้วก็หันขวับมาทำตาขวางใส่เขา

“อ้อ... เพราะว่าข้าแตกต่างจากเจ้าหญิงแคว้นอื่นที่เคยมีความสัมพันธ์กับท่านสินะ”

เขาหัวเราะหึเมื่อเห็นท่าทางของนางที่หันมาทำตาขวางใส่อย่างหาเรื่อง

“เจ้าหึงข้าหรือ?” เขาถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นาง “ข้าควรดีใจสินะที่เจ้ารู้สึกหึงข้า”

ไบรโอเนียหน้าแดงก่ำเมื่อเขารู้ทันความคิดนาง ก่อนที่จะทุบอกเขาเบาๆ พร้อมกับตวัดเสียงใส่ “ใครหึงท่านกัน พูดจาอะไรไร้สาระอยู่เรื่อย”

ทีนิสหัวเราะด้วยความชอบใจก่อนจะกระชับอ้อมกอดที่กอดนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางแผลงฤทธิ์ใส่เขาอีก

“ข้าไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับเจ้าหญิงแคว้นอื่นอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ ข้าพบปะกับผู้ครองแคว้นต่างๆ และพวกทายาทก็เพื่อการทูตในงานเลี้ยงต่างๆ เท่านั้น ข้าไม่รู้เหตุผลหรอกว่าเพราะอะไรข้าถึงรักเจ้า อาจจะเป็นเพราะความมุ่งมั่น เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวที่เจ้ามี หรืออาจจะเป็นเพราะข้าได้รู้จักตัวตนของเจ้าภายใต้เปลือกนอกที่แข็งกร้าวไม่เหมือนอิสตรีทั่วไปก็ได้”

แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ “ยิ่งข้าได้รู้จักและรักเจ้า ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าข้าไม่อาจเทียบเคียงอะไรกับเจ้าได้เลยสักอย่าง แม้กระทั่งฝีมือการต่อสู้ที่จะปกป้องเจ้าก็ยังไม่อาจทำได้”

ไบรโอเนียแตะนิ้วที่ริมฝีปากของเขาแล้วส่ายหน้า “อย่าพูดเช่นนั้นเลย ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเป็นคนไร้ค่าหรือไร้ความสามารถเช่นนั้นเลยนะ”

ทีนิสยกมือนางขึ้นมาจรดริมฝีปากด้วยความรักใคร่ “แต่ถ้าหากไม่มีเจ้า ข้าก็คงไม่สามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้”

ไบรโอเนียหน้าแดงซ่านด้วยความเขินก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้กับเขาอีกครั้ง “ส่วนหนึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านด้วย ถ้าหากท่านไม่ตกลงใจร่วมมือกับพวกเรา ข้าก็ไม่สามารถบังคับท่านได้เช่นกัน แล้วก็เลิกคิดเหมือนกับข้าทำอะไรมากมายเพื่อท่านเสียทีเถอะ เพราะเท่าที่ข้าทำมาตลอดคือตีท่านให้น่วมเวลาฝึกต่อสู้เท่านั้นเอง”

แล้วนางก็รู้สึกว่าแผ่นอกกว้างที่แนบชิดกับหลังของนางนั้นกระเพื่อมขึ้นเหมือนกับกำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ

“ท่านหัวเราะอะไร”

“เปล่า... ไม่มีอะไรหรอก รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่จะต้องทำอีกมาก”

นางครางในลำคอก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย น่าแปลกใจที่ไบรโอเนียรู้สึกเหมือนกับว่าการนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนนางเช่นนี้มาตลอดชีวิตทั้งที่มันเป็นครั้งแรกที่นางปล่อยให้ชายคนไหนได้ใกล้ชิดนางมากถึงเพียงนี้ นางแตะต้นแขนเขาก่อนจะถอนใจยาวแล้วปล่อยให้ความง่วงงุนเข้ามาครอบงำและจมดิ่งไปสู่ห้วงนิทรา แต่นางก็ยังได้ยินเสียงกระซิบของเขาลอดผ่านเข้ามาในความรู้สึกอันรางเลือน

“ขอให้เจ้าจำเอาไว้ว่าข้ารักเจ้ามากเพียงใด แค่นั้นข้าก็ไม่ต้องการอะไรอีกต่อไปแล้ว และถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากให้เจ้าอยู่เคียงข้างข้าในยามหลับเช่นนี้ตลอดไป”



*************************



เสียงกิ่งไม้หักปลุกให้ไบรโอเนียที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วรีบยันตัวลุกขึ้นจากอ้อมแขนของทีนิสซึ่งสะดุ้งตื่นทันทีที่นางขยับตัว ร่างบางหยิบอาวุธของตัวเองมาถือเอาไว้ ก่อนที่จะโยนดาบให้แก่ทีนิสแล้วทำมือเป็นสัญญาณให้เขาเงียบเพื่อฟังเสียงจากภายนอกถ้ำ

เสียงกิ่งไม้หักดังใกล้เข้ามาอีกพร้อมกับเสียงย่ำเท้าของม้าทำให้ไบรโอเนียกระชับอาวุธในมือเตรียมพร้อมที่จะโจมตีหากมีใครบุกเข้ามา แต่แล้วท่าทีของนางก็ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเสียงผิวปากเป็นสัญญาณที่คุ้นเคย

“เอ็ดการ์น่ะ เขาคงพบม้าของข้าแล้วแน่ๆ จึงได้ตามมาถึงที่นี่” นางผิวปากส่งสัญญาณตอบกลับไปภายนอกแล้วก็บอกให้ทีนิสช่วยจัดการเก็บข้าวของทุกอย่างลงในลังไม้และปิดให้สนิท ก่อนที่จะออกมานอกถ้ำซึ่งราชองครักษ์ประจำตัวนางยืนรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ

“องค์หญิงทรงทำให้หม่อมฉันเป็นห่วงมากนะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากเกิดเป็นอะไรไปหม่อมฉันจะมีหน้าไปพบองค์ราชาได้เช่นไรกัน” เอ็ดการ์เริ่มเปิดฉากบ่นใส่ไบรโอเนียทันทีที่เห็นหน้านาง

องค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกองครักษ์ประจำตัวบ่นเข้าให้ “ข้าไม่เป็นอะไรหรอกน่า แล้วพวกเลโอน่าล่ะ เป็นยังไงกันบ้าง”

“หม่อมฉันส่งเด็กพวกนั้นไปถึงชายแดนคิเรบัสแล้วก็รีบเปลี่ยนม้าแล้วกลับมาตามหาพระองค์ ซึ่งหม่อมฉันก็คาดเอาไว้ไม่ผิดว่าพระองค์จะประทับอยู่ที่นี่ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้บ้างหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียหน้าแดงซ่านเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ทว่าตอนนี้ก็ถึงเวลาที่นางจะต้องละทิ้งเรื่องราวเมื่อคืนนั้นเอาไว้เบื้องหลังและออกมาพบกับความเป็นจริงได้แล้ว

“นอกจากหนีกองทหารของคิเรบัสมาที่นี่แล้วก็ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจเจ้ามากที่เป็นห่วง” นางบอกเอ็ดการ์เพียงแค่นั้นแล้วก็หันไปทางทีนิสที่ยืนมองนางอย่างไม่วางตา “แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป”

ทีนิสถอนใจเมื่อเห็นสีหน้าของนางกลับมาเหินห่างเหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบนางทีนิสก็ต้องหันไปมองอีกด้านหนึ่งด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกว่านอกจากพวกเขาแล้วยังมีใครคนอื่นอีกที่อยู่ในบริเวณนั้น

“ในที่สุดหม่อมฉันก็หาพระองค์พบจนได้” เป็นกีเธอร์ที่เดินออกมาจากพุ่มไม้ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่นาน

ไบรโอเนียและเอ็ดการ์ชักอาวุธออกมาเตรียมต่อสู้ ซึ่งกีเธอร์จำนางได้ในทันทีว่าเป็นใคร

“เจ้าคือสายลับที่ข้าเจอตอนนั้นนี่”

เอ็ดการ์เดินมาขวางหน้าไบรโอเนียโดยทันทีพร้อมกับกล่าวเสียงห้วน “ระวังคำพูดของท่านด้วยท่านแม่ทัพ”

ไบรโอเนียขมวดคิ้ว “ท่านแม่ทัพ? ชายคนนี้ก็คือแม่ทัพกีเธอร์อย่างนั้นน่ะหรือ”

“ใช่แล้ว ข้าก็คือกีเธอร์ แม่ทัพใหญ่ของแคว้นคิเรบัส และท่านคงจะเป็นองค์หญิงไบรโอเนีย รัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีกระมัง” กีเธอร์ค้อมศีรษะรับแล้วก็ชักดาบออกมา “ข้าไม่ได้มีธุระกับพวกท่าน ทิ้งองค์ชายทีนิสไว้ที่นี่แล้วรีบกลับดาร์ซีไปเสียก่อนที่ข้าจะให้สัญญาณมาจับพวกท่านไปทั้งหมด”

“ฝันไปเถอะ คิดหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้าจับตัวไปง่ายๆ” ไบรโอเนียกระโจนออกมาประจันหน้ากับเขาพร้อมกับตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ “ข้าจะผากรอยแผลที่ร้ายแรงกว่าที่เจ้าทำไว้กับข้าแน่นอน ข้าขอสาบาน”

“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับท่านหรอกนะองค์หญิง” กีเธอร์แกล้งถอนใจก่อนจะยกมือยิงพลุสัญญาณขึ้นท้องฟ้าเพื่อเรียกกำลังเสริม ทีนิสรีบชักดาบออกจากฝักก่อนจะตะโกนบอกเอ็ดการ์

“เอ็ดการ์พาไบรโอเนียหนีไปจากทีนี่ ข้าจะอยู่คอยถ่วงเวลาให้กับพวกเจ้าเอง”

“ไม่นะ ข้าจะทิ้งให้ท่านถูกจับได้ยังไง” ไบรโอเนียส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้าไปหาทีนิส หากเอ็ดการ์ก็ฉุดแขนนางเอาไว้

“องค์ชายทีนิสทรงตรัสถูกต้องแล้วพย่ะย่ะค่ะ พวกเราคงไม่มีทางเอาชนะทหารทั้งกองได้แน่ ทรงคิดถึงความปลอดภัยของพระองค์เองก่อนเถอะนะพ่ะย่ะค่ะ”

“รีบไปเถอะเอ็ดการ์ เดี๋ยวพวกทหารจะมาแล้วเจ้าจะหนีไปลำบาก” ทีนิสบอกแล้วหันไปประจันหน้ากับกีเธอร์ “ข้าไม่ยอมให้เจ้าจับพวกเขาไปหรอก”

เอ็ดการ์ทั้งดึงทั้งฉุดให้ไบรโอเนียให้เดินตามตัวเองไปที่ม้า แต่นางกลับดิ้นขัดขืนและร้องโวยวายไม่ยอมหยุดปาก

“ปล่อยข้านะเอ็ดการ์! นี่เจ้าไม่ฟังคำสั่งของข้าแล้วหรือไรกัน”

“ถ้าหากพวกเราถูกจับไปหมดจะแย่เอานะพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าทำกับข้าเช่นนี้” นางกล่าวกับทีนิสเสียงแผ่วเบา

ทีนิสยิ้มหากแววตากลับฉายแววเศร้าออกมาจนนางรู้สึกได้ “ข้าจะไม่เป็นไรหรอกไบรโอเนีย เจ้ารีบไปเถอะ”

“ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ท่านลืมสิ่งที่ท่านพูดกับข้าเมื่อคืนไปแล้วหรือไงกัน” นางสะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมของเอ็ดการ์จนได้ แล้วก็พุ่งเข้าไปหาทีนิส แต่ทว่าเอ็ดการ์ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าที่อาบน้ำยาบางอย่างเอาไว้มาปิดทั้งปากและจมูกของนางเอาไว้ ซึ่งพอได้สูดดมเข้าไปไบรโอเนียก็รู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีนั้นได้สูญหายไปจนหมดสิ้น

“เจ้ากล้าดีเช่นไรถึงทำกับข้าแบบนี้” ไบรโอเนียเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็นในขณะที่พยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม

“ขอประทานอภัยที่ต้องทำเช่นนี้” เอ็ดการ์กล่าวขอโทษแล้วประคองร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของนางไว้ในอ้อมแขน

“ฝากดูแลไบรโอเนียด้วยนะเอ็ดการ์” ทีนิสแตะแก้มนางพร้อมกับส่งรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนซึ่งนั่นก็แทบจะฉีกกระชากหัวใจของไบรโอเนียเป็นเสี่ยงๆ เมื่อนางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาบ้าง “เราจะได้พบกันอีกครั้งแน่ไบรโอเนีย ข้าให้สัญญา”

แล้วทีนิสก็ผละออกห่างและปล่อยให้เอ็ดการ์ประคองไบรโอเนียไปถึงม้าที่ยืนคอยอยู่ แม้ว่าสติของนางนั้นจะเลือนรางเต็มทีแต่นางก็ยังพยายามดิ้นขัดขืนและก่นด่าให้เอ็ดการ์ปล่อยนาง หากราชองครักษ์ประจำตัวนางนั้นกลับไม่นำพาต่ออาการดิ้นรนขัดขืนอันไร้เรี่ยวแรงของไบรโอเนียแต่อย่างใด เขาส่งตัวนางขึ้นไปบนหลังม้าก่อนจะโหนตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“รักษาพระองค์ด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์ตะโกนบอกทีนิสแล้วกระตุ้นม้าให้วิ่งหายไปในป่า



***************************



หลังจากที่เอ็ดการ์และไบรโอเนียจากไปแล้วกีเธอร์ที่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นนั้นเอ่ยถาม “ทีนี้ก็หมดเรื่องแล้วใช่ไหม”

ทีนิสมองพวกเอ็ดการ์ที่ขี่ม้าหายลับไปในป่าแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับมาที่กีเธอร์ ใบหน้าของเขาแข็งกระด้างขึ้นพร้อมกับตั้งท่าพร้อมต่อสู้

“ถึงเวลาที่เราจะต้องสะสางเรื่องนี้เสียทีใช่ไหมกีเธอร์”

แม่ทัพหนุ่มหัวเราะหึก่อนจะยกดาบขึ้นมา “ยอมให้หม่อมฉันจับกุมก่อนที่จะต้องเจ็บตัวไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่ยอมให้เจ้าจับข้าได้ง่ายเช่นนั้นหรอกกีเธอร์”

แล้วทีนิสก็กระชับดาบในมือแน่นเมื่อเห็นพวกทหารที่กีเธอร์ส่งสัญญาณเรียกไปนั้นมาถึงแล้ว เขากวาดสายตามองพวกทหารที่มีอาวุธครบมือแล้วก็ยกมุมปากยิ้มหยัน

“อย่างน้อยข้าก็คงทำให้ทหารของเจ้าบาดเจ็บได้ไม่น้อย”

กีเธอร์หัวเราะกับคำขู่ของทีนิสก่อนจะหันไปสั่งทหารของเขาที่ตั้งวงล้อมทีนิสเอาไว้พร้อมกับอาวุธครบมือ

“พวกเจ้าคอยล้อมบริเวณนี้เอาไว้ ข้าจะเป็นผู้จับองค์ชายทีนิสเอง” แล้วเขาก็โยนดาบไปอีกทางหนึ่ง “ถ้าโค่นหม่อมฉันได้หม่อมฉันจะยอมปล่อยพระองค์ไป”

“เจ้าสบประมาทข้ามากเกินไปแล้วกีเธอร์” ทีนิสคำรามเสียงลอดไรฟันแล้วบุกเข้าไปหากีเธอร์โดยทันที

แต่ด้วยความแตกต่างกันทั้งฝีมือและประสบการณ์นั้นทำให้กีเธอร์สามารถตั้งรับทีนิสได้โดยง่าย แม้ว่าในมือจะไม่มีอาวุธอยู่เลยก็ตามที แม่ทัพหนุ่มเบี่ยงตัวหลบดาบของทีนิสที่พุ่งแทงเข้ามาไปด้านทางด้านข้างก่อนจะสับสันมือไปที่ข้อมือของอีกฝ่าย

ทีนิสทำหน้านิ่วเมื่อความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วแขนและเขาจำเป็นจะต้องปล่อยดาบให้หลุดมือไป กีเธอร์แสยะยิ้มใส่ทีนิสก่อนจะกางแขนออกเหมือนกับท้าให้เขาบุกเข้ามาอีก

ทีนิดกัดฟันแน่นก่อนจะหยิบดาบมาถือต่อ แต่แล้วก็ตัดสินใจโยนดาบทิ้งแล้วสู้กับกีเธอร์ด้วยมือเปล่าแทน “ข้าจะไม่ยอมตกเป็นที่ครหาหรอกว่าโค่นเจ้าได้เพราะใช้อาวุธกับคนมือเปล่า”

“อย่าได้ทรงเป็นกังวลไปเลย เพราะว่าต่อให้ทรงใช้ดาบพระองค์ก็เอาชนะหม่อมฉันไม่ได้หรอก”

และเป็นจริงอย่างที่กีเธอร์พูดไว้เพราะทีนิสไม่อาจทำอะไรแม่ทัพหนุ่มได้เลย เพราะไม่ว่าจะบุกโจมตีด้วยวิธีใดกีเธอร์ก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดายจนทีนิสเริ่มเหนื่อย และในจังหวะนั้นเองกีเธอร์ก็ฉวยโอกาสในจังหวะที่เขาโหมบุกเข้ามาจนลืมระวังตัวถอยหลบไปจนทำให้เสียหลัก แล้วสับสันมือลงไปที่ท้ายทอยของทีนิสความเจ็บปวดนั้นแล่นผ่านเข้าไปถึงสมองและทำให้ทีนิสหมดสติในทันที

“มัดเอาไว้ให้ดีแล้วพาขังไว้ที่ปราสาทของข้า” กีเธอร์สั่งทหารแล้วมองดูพวกทหารใต้บังคับบัญชาหามร่างไร้สติของทีนิสขึ้นหลังม้า ส่วนตัวเขาเองก็เหวี่ยงตัวเองขึ้นบนหลังม้าแล้วควบกลับไปยังปราสาทด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งในใจเมื่อรู้สึกสับสนว่าสิ่งที่เขาลงไปนั้นมันถูกต้องแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ

หวังว่าสิ่งที่เขาเลือกทำลงไปนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็แล้วกัน



**************************



“องค์ชายทีนิสถูกจับตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ส่วนพวกผู้ร่วมแผนการทั้งหมดก็ถูกพวกทหารจับเรียบเหมือนกัน” เอ็ดการ์กล่าวรายงานให้กับไบรโอเนียฟังหลังจากที่ตนได้รับข่าวมาจากสายสืบที่อยู่ในตัวเมืองคิเรบัส และพอเงยหน้ามองเขาก็เห็นนางเอาแต่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ลอบถอนใจออกมาเบาๆ

นับตั้งแต่กลับมาจากคิเรบัส ในวันนั้นที่เขาพานางกลับมาที่ดาร์ซีโดยทิ้งทีนิสเอาไว้เบื้องหลัง เอ็ดการ์เพิ่งเคยเห็นองค์หญิงของเขาร้องไห้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พระราชินีได้สิ้นพระชนม์ซึ่งมันก็เป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว เขายอมฟังนางประนามตัวเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวไปตลอดทาง และเมื่อกลับมาถึงปราสาท องค์หญิงของเขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงาน ไม่แม้แต่จะไปร่วมโต๊ะเสวยกับองค์ราชาเลยแม้แต่น้อย

“จะให้หม่อมฉันทำเช่นไรถึงจะทำให้องค์หญิงทรงกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าไม่ต้องทำอะไรหรอก ข้าไม่ได้เป็นอะไรไปสักหน่อย” ไบรโอเนียตอบโดยที่ยังไม่ยอมหันกลับมามองเอ็ดการ์ “แล้วมีข่าวอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ออกไปจากห้องข้าได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว”

“องค์หญิงจะทรงโทษตัวเองไปถึงเมื่อไรพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์เอ่ยถามนางด้วยทนไม่ไหวแล้วที่จะเห็นองค์หญิงของตนจะต้องมีสภาพเช่นนี้ไปตลอด

นางตวัดสายตามามองเอ็ดการ์ทันทีก่อนที่จะกระชากเสียงใส่เขาด้วยความโกรธ “ถ้าหากเจ้าไม่อยากเห็นข้าเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไม่ควรพาข้ากลับมาโดยที่ทิ้งเขาไว้คนเดียวเช่นนั้น!”

เอ็ดการ์ทำหน้านิ่วกับการแสดงออกทางอารมณ์อันรุนแรงของนาง

“หม่อมฉันจำเป็นต้องทำพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงอย่าลืมสิว่าทรงดำรงตำแหน่งรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีอยู่ ถ้าหากทรงเป็นอะไรไปแล้วทรงคิดหรือว่าองค์ราชาจะยอมให้อะไรเกิดขึ้นโดยที่ไม่ทรงทำอะไรสักอย่าง”

“เจ้าก็เลยเลือกที่จะปล่อยให้เขาถูกจับไปง่ายๆ เช่นนั้นหรือ” นางย้อนเอ็ดการ์เสียงหยัน

“ภารกิจของพระองค์ล้มเหลวไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันว่าน่าจะเอาเวลามาคิดถึงเรื่องที่ควรจะต้องทำหลังจากนี้ไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเอ็ดการ์ก็หรี่ตามองนางอย่างจับสังเกต “นอกเหนือจากว่าองค์หญิงไม่ได้ทรงคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ภารกิจ”

“ใช่สิ! มันเป็นเพียงแค่ภารกิจเท่านั้น” นางรีบแย้งทันทีแม้ว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่นางรู้สึกมันไม่ใช่แค่นั้น

“ถ้าเช่นนั้นก็ทรงเลิกทำตัวเช่นนั้นแล้วคิดถึงหาทางที่จะรับมือถึงผลที่ตามมาหลังจากนี้เถอะพ่ะย่ะค่ะ เพราะหม่อมฉันได้ยินมาว่าเลกัสมีคำสั่งให้ประหารองค์ชายทีนิสโดยที่ไม่ต้องไต่สวนคดีความอะไรอีก” และเอ็ดการ์ไม่ได้คิดไปเองที่เห็นดวงตาสีเขียวสว่างนั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาค้อมศีรษะทำความเคารพนาง

“หมดเรื่องที่จะถวายรายงานแล้ว หม่อมฉันขอทูลลา”

ราชองครักษ์หนุ่มกล่าวตัดบทก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันทีที่ประตูปิดลงไบรโอเนียก็ซบหน้ากับฝ่ามือตัวเองแล้วสะอื้นไห้ออกมา อย่างที่เอ็ดการ์พูดเอาไว้ ที่นางอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะนางรู้อยู่เต็มอกว่าเรื่องระหว่างนางกับทีนิสไม่ใช่เพียงแค่ภารกิจที่ล้มเหลว แต่เป็นเพราะเรื่องอื่น...

จะให้นางรู้สึกเช่นไรเมื่อคนที่นางรักกำลังจะถูกฆ่าตายโดยที่นางไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ รอฟังข่าวว่าเขาตายแล้วหรือยังเท่านั้น

“เราจะได้พบกันอีกครั้งแน่ไบรโอเนีย ข้าให้สัญญา”

คำพูดสุดท้ายของทีนิสยังดังก้องอยู่ในหัวใจที่ปวดร้าวของนาง เขาคิดบ้าอะไรถึงได้อาจหาญจะต่อสู้กับกีเธอร์ทั้งที่เขาเพิ่งหัดจับดาบได้ต่อสู้ได้แค่สองสามปี และเขากล้าดีเช่นไรที่มาให้สัญญาที่ไม่อาจทำให้เป็นจริงได้

“คนโกหก ข้าจะได้พบกันท่านอีกได้เช่นไรในเมื่อท่านกำลังจะตาย” นางกระซิบถามเขาเสียงพร่าสั่นท่ามกลางความเงียบงัน

สุดท้ายแล้วสิ่งที่นางอุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปทั้งหมดมันก็สูญเปล่า ไม่เหลืออะไรไว้เลยนอกจากดวงใจที่กำลังแหลกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย



******************************



หนาวและมืดมิด...

ทีนิสมองสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวซึ่งเป็นคุกที่จองจำเขาอยู่ เขาแค่นยิ้มเมื่อดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วเขาก็กลับมาสู่สภาพแวดล้อมเดิมๆ อีกจนได้ แต่ก็ยังดีที่กีเธอร์นั้นแค่จองจำเขาเอาไว้ไม่ได้ลากเขาไปทรมานหรือทำร้ายร่างกายเหมือนอย่างที่เคยโดนเมื่อสมัยที่ถูกขังอยู่ในคุกหลวง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเขาแตกต่างจากการถูกจองจำเมื่อสามปีก่อนเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาก็ขยับตัวอย่างระวังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ไม่นานนักประตูห้องขังก็ถูกเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างจากไฟคบเพลิงที่ทำให้ทีนิสต้องหรี่ตามอง

“มีคำสั่งประหารออกมาแล้ว ออกมาได้”

ทีนิสถอนหายใจเมื่อรู้ว่าจุดจบของเรื่องราวทั้งหมดกำลังใกล้เข้ามา เขายอมเดินตามทหารที่กำลังลากแขนเขาให้ออกเดินไปแต่โดยดีด้วยที่ไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม เสียงตรวนที่ถ่วงขาอยู่ดังสะท้อนเข้าไปถึงจิตวิญญาณของเขา น่าแปลกที่เขายังสงบใจได้ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น และเมื่อเดินออกมาถึงนอกคุกทีนิสก็พบว่ากีเธอร์กำลังยืนรอเขาอยู่แล้วพร้อมกับทหารอีกจำนวนหนึ่ง

“กลับไปอยู่ในคุกอีกครั้งคงไม่ใช่เรื่องลำบากเหมือนตอนที่แรก แต่อย่างน้อยหม่อมฉันว่าคุกในปราสาทของหม่อมฉันน่าจะดีกว่าคุกใต้ดินของปราสาทที่เคยประทับอยู่กระมัง”

ทีนิสแค่นหัวเราะ “ขึ้นชื่อว่าคุกคงไม่มีอะไรน่าพิศมัยนักหรอก ทำไมเจ้าไม่ลองมานอนเล่นดูบ้างล่ะ เผื่อจะแยกความแตกต่างได้ว่าที่ไหนดีกว่ากัน”

กีเธอร์หัวเราะหึในขณะที่ดวงตาเป็นประกายวาววับ “เอาเป็นว่าถ้าหากมีโอกาสหม่อมฉันจะลองดูก็แล้วกัน แต่ว่าคงไม่มีเวลาที่จะพูดจาเรื่องไร้สาระกันแล้ว... เอานักโทษขึ้นรถได้”

ทีนิสกัดฟันแน่นในขณะที่ถูกพวกทหารดันให้เข้าไปกรงขังนักโทษและปิดประตูใส่อย่างกระแทกกระทั้น กีเธอร์เดินเข้ามาตรวจกลอนของประตูกรงขัง

“สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็ดำเนินมาจนถึงจุดจบจนได้... หวังว่าองค์ชายจะเข้าใจในสิ่งที่หม่อมฉันต้องกระทำ” แล้วกีเธอร์เดินไปขึ้นม้าของตนแล้วออกคำสั่งให้เริ่มออกเดินทางไปยังลานประหารซึ่งเลกัสและพวกขุนนางทั้งหมดรออยู่แล้ว



***************************



“เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้หม่อมฉันไปช่วยองค์ชายทีนิสที่แคว้นคิเรบัสด้วยเถอะเพคะ” ไบรโอเนียเอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกเมื่อนางเดินเข้ามาในห้องทรงงานของโลเอล

ราชาผู้ครองแคว้นดาร์ซีเหลือบสายตามองพระธิดาแล้วก็ส่ายหน้าพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปช่วยองค์ชายทีนิสในตอนนี้ก็เท่ากับเจ้าไปฆ่าตัวตายเสียเปล่าๆ พ่อไม่อนุญาต”

“แต่ว่าองค์ชายทีนิสกำลังจะถูกประหารนะเพคะ ถ้าหากเขาเป็นอะไรไปแคว้นของเราก็คงไม่มีวันเป็นเอกราชจากคิเรบัสได้”

“ไม่มีองค์ชายทีนิสเราก็ยังสามารถต่อสู้กับคิเรบัสได้ ถ้าหากสงครามจะเกิดมันก็ต้องเกิด” โลเอลตอบก่อนจะมองนางด้วยสายตาจริงจัง “ภารกิจของเจ้าที่ล้มเหลวไปนั้นพ่อไม่โทษว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหรอก เจ้าไม่จำเป็นจะต้องรับผิดชอบอะไรแล้วละ ที่เหลือพ่อจะเป็นคนจัดการเอง”

“แต่ว่า...”

“ไม่มีแต่ใดๆ ทั้งสิ้นไบรโอเนีย นี่คือคำสั่งขอพ่อ” โลเอลสวนกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ก่อนจะเรียกเอ็ดการ์ให้เข้ามา ซึ่งราชองครักษ์ประจำตัวนางก็เดินเข้ามาแทบจะทันทีก่อนจะเอ่ยถาม

“ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะให้หม่อมฉันถวายการรับใช้อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“พาไบรโอเนียกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ลูกข้าทำงานหนักมานานแล้วนางสมควรได้พักผ่อนเสียบ้าง และระวังอย่าให้ออกจากปราสาทไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว ไม่เช่นนั้นข้าจะสั่งประหารเจ้าและข้ารับใช้ที่ดูแลนางทั้งหมด เข้าใจไหม”

เอ็ดการ์บิดริมฝีปากยิ้มเครียดด้วยรู้ว่าคำขู่ของโลเอลนั้นเอาไว้ขู่ไบรโอเนียไม่ใช่เขา “ถ้าหากเป็นพระประสงค์ขององค์ราชา หม่อมฉันก็ยอมรับโทษประหารโดยไม่มีเงื่อนไขพ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อนางรู้สึกว่าถูกต้อนให้จนมุมเข้าให้แล้ว และคงไม่มีทางไหนที่นางจะไปช่วยทีนิสได้เลย

เอ็ดการ์มองนางแล้วก็ลอบถอนใจก่อนจะค้อมศีรษะให้กับนาง “เชิญองค์หญิงเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

นางหันมามองเอ็ดการ์ด้วยสายตาเย็นชา หากก็พยักหน้าและเดินออกไปจากห้องทรงงานของโลเอลแต่โดยดี แต่ยังไม่วายที่โลเอลจะกล่าวดักคอพระธิดาเอาไว้เสียก่อนที่จะออกไป

“แล้วอย่าคิดว่านอกจากเอ็ดการ์แล้วจะมีคนอื่นมาช่วยเหลือเจ้านะ เพราะถ้าหากพ่อรู้ว่าใครช่วยเจ้าออกไปได้ล่ะก็ พ่อจะสั่งประหารให้หมดทุกคน”

ไบรโอเนียชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินออกจากห้อง นางกัดริมฝีปากตัวเองแน่นแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องโดยมีเอ็ดการ์เดินตามหลังนางไปติดๆ

“องค์หญิงทรงเข้าใจด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ที่องค์ราชามีรับสั่งก็เพราะทรงเป็นห่วงพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์กล่าวเพราะพอจะเดาความรู้สึกของไบรโอเนียได้ว่านางกำลังรู้สึกเช่นไร

“ข้าเข้าใจดีเอ็ดการ์ เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย” นางตอบเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง “ข้าอยากอยู่คนเดียว เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ”

เอ็ดการ์เห็นสีหน้าของนางแล้วก็รู้สึกหนักใจ เขารู้ว่าองค์หญิงกำลังเก็บกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้รอเวลาที่มันจะระเบิดออกมาเท่านั้น ถึงแม้ว่านางจะบอกว่าสิ่งที่นางทำลงไปเป็นเพราะหน้าที่แต่เขารู้ว่าแท้จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทีนิสและไบรโอเนียอย่าไม่ต้องสงสัย และยิ่งตอนที่เขาพานางกลับมาที่ดาร์ซีนั้นก็ยิ่งเด่นชัดว่าข้อสงสัยของเขานั้นมันเป็นจริง

ราชองครักษ์หนุ่มถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะปิดประตูห้องให้นางแล้วก็สั่งการให้พวกข้ารับใช้คอยดูแลไบรโอเนียอย่าให้คลาดสายตา ส่วนตัวเขานั้นยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ

“ป่านนี้การประหารก็คงจะเริ่มแล้วกระมัง” องครักษ์หนุ่มถอนใจอีกครั้งก่อนจะเดินจากห้องของไบรโอเนียไป



Be Continued


นางเอกจะใจอ่อนกับพระเอกตอนไหนน้อ ฮี่ๆๆๆๆ

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 19 เมษายน 2558
Last Update : 19 เมษายน 2558 21:32:27 น.
Counter : 511 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


เมษายน 2558

 
 
 
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
28
30
 
 
All Blog