MY VIP Friend

บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 12
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: รอลุ้นดูก็แล้วกันค่ะว่ากีเธอร์จะเอายังไงต่อไป ฮี่ๆ



บทที่ 12


กีเธอร์ชะลอม้าเมื่อมาถึงหน้าปราสาทพร้อมกับเสียงขานว่าแม่ทัพกีเธอร์มาถึงแล้วดังไล่หลังมา เขาไถลตัวลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่วและยื่นสายบังเหียนให้กับทหารที่คอยรับอยู่ แล้วก็มีทหารในเครื่องแบบทหารองครักษ์เดินจ้ำตรงมาทางเขาและหยุดก่อนจะโค้งคำนับ

“ยินดีต้องรับองค์รัชทายาทกลับสู่ปราสาททาลีนพ่ะย่ะค่ะ องค์ราชาทรงรอพระองค์อยู่ข้างในแล้ว”

แม่ทัพหนุ่มทำหน้านิ่วกับสรรพนามใหม่ที่ได้ยิน “ข้าไม่ใช่รัชทายาท เรียกข้าว่าแม่ทัพอย่างเดิมเถอะ”

หากพวกทหารนั้นกลับส่ายศีรษะพร้อมกับค้อมศีรษะ “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หากพวกหม่อมฉันไม่ให้เกียรติพระองค์หม่อมฉันคงโดนลงโทษแน่”

กีเธอร์แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างขัดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพวกเจ้า แล้วมีเรื่องด่วนอะไรถึงได้มีคำสั่งให้ข้าถอนกำลังทหารจากชายแดนกลับมาที่นี่”

“ถ้าเสด็จไปเข้าเฝ้าก็จะทรงทราบเองพ่ะย่ะค่ะ” แล้วทหารองครักษ์ก็ผายมือนำทางเขาไป “เชิญเสด็จทางนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

กีเธอร์เดินเข้าไปในปราสาทมุ่งหน้าสู่ท้องพระโรงในขณะที่ใจกำลังนึกสงสัยว่าเพราะเหตุอันใดเลกัสถึงเรียกเขาเข้าเฝ้า แถมยังให้ถอนกำลังทหารที่อยู่ตรงชายแดนกลับมาที่เมืองหลวงอีกต่างหาก

หรือจะรู้ว่าองค์ชายทีนิสยังไม่ตาย... กีเธอร์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน จนทหารองครักษ์ที่เดินตามหลังมาถึงกับหยุดเดินแทบไม่ทัน แล้วกีเธอร์ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในท้องพระโรงด้วยความร้อนใจ

เมื่อเข้าไปถึงท้องพระโรงแล้ว กีเธอร์ก็พบกับเลกัสที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างสง่างามและน่าเกรงขาม เขาโค้งคำนับเลกัส

“ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

“กีเธอร์... ลูกชายของข้า” เลกัสกล่าวทักทายแล้วลุกจากบัลลังก์เดินไปสวมกอดกีเธอร์ก่อนจะดันร่างสูงใหญ่ของบุตรบุญธรรมออกห่าง “พ่อหวังว่าการที่ให้เจ้ายกทัพไปเฝ้าระวังที่ชายแดนจะไม่ทำให้เจ้าลำบากนะ”

“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันก็ทำไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้น”

เลกัสยิ้มด้วยความพึงพอใจ ไม่ว่าเช่นไรกีเธอร์ก็มีความเป็นทหารอย่างเต็มตัว บุตรบุญธรรมของเขามีทั้งความสามารถเหมาะสมกับที่จะได้เป็นผู้ครองแคว้นมากกว่าเจ้าชายที่ไม่คิดแม้แต่จะจับดาบอย่างทีนิส

“แล้วเสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์อะไรจะให้หม่อมฉันถวายการรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของเลกัสก็เปลี่ยนไปเมื่อกีเธอร์พูดเข้าเรื่อง ก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งบนบัลลังก์อย่างเดิม “พ่อมีเรื่องที่จะให้เจ้าจัดการ”

“อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ตอนนี้พวกชาวเมืองกำลังกระด้างกระเดื่องต่อข้าด้วยการไม่ยอมจ่ายภาษี และสาเหตุก็เป็นเพราะมีคนที่คิดจะบั่นทอนอำนาจของข้าด้วยการสร้างข่าวลือเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระราชาองค์ก่อนว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้”

กีเธอร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจกับสิ่งที่ได้ยิน “ใครกันหรือพ่ะย่ะค่ะที่กล้าปล่อยข่าวเหลวไหลนั้นออกมาได้”

เลกัสแค่นเสียงขึ้นจมูก “ก็คงเป็นฝีมือของเจ้านักโทษที่หนีไปนั่นแหละ หลบไปอยู่แคว้นอื่นมาได้ตั้งหลายปี พอตอนนี้ก็คิดจะมาสร้างข่าวลือให้ข้าเสียหายอีก ถ้ารู้ว่ามันจะกลายมาเป็นหอกข้างแคร่แบบนี้ล่ะก็ ข้าคงสั่งประหารมันไปตั้งแต่ตอนนั้นเสียคงดี”

“แล้วเสด็จพ่อทรงแน่พระทัยได้เช่นไรว่าเป็นฝีมือขององค์ชายทีนิส” กีเธอร์ถามแม้ว่าในใจเขาจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็คงเป็นฝีมือของทีนิสแน่นอน

“นอกจากมันแล้วจะเป็นใครกันเล่า”

กีเธอร์ขมวดคิ้วกับการกล่าวหาทีนิสด้วยถ้อยคำรุนแรงอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนหากก็ไม่คิดจะท้วงติงอีกฝ่ายแต่อย่างใด

“ถ้าเช่นนั้นทรงมีพระประสงค์จะให้หม่อมฉันทำเช่นไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“จับกุมมัน ทรมานมันให้สมกับโทษที่ใส่ร้ายข้า จากนั้นก็ประหารมันเสียเพื่อไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างสำหรับคนอื่นๆ”

“ไม่มีการไต่สวนกันก่อนหรือพ่ะย่ะค่ะ”

เลกัสทุบแขนเก้าอี้ก่อนจะแผดเสียง “เจ้ากล้าเสนอความคิดเห็นกับข้างั้นหรือกีเธอร์!”

แม่ทัพหนุ่มทำหน้านิ่วกับกิริยาตอบกลับของเลกัส “ท่านจะปกครองบ้านเมืองให้สงบร่มเย็นได้เช่นไรถ้าหากไม่คิดจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆ บ้าง”

“ข้าเป็นนายเหนือหัวของทุกชีวิตในแคว้นนี้ มีเหตุจำเป็นอันใดกันเล่าที่ข้าจะต้องมาฟังความคิดของคนที่ต้อยต่ำกว่า ข้าให้พวกเจ้าพูดคุยกับข้าได้ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะสามารถมาชี้แนะข้าได้” แล้วริมฝีปากของเลกัสก็ยกมุมยิ้มอย่างน่ากลัว

กีเธอร์ได้ฟังเช่นนั้นก็ลอบถอนใจ ก่อนที่จะค้อมศีรษะทำท่าทางรับคำสั่งแต่โดยดี

“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เลกัสพยักหน้า “ดีแล้ว เจ้ารีบไปจัดการให้มันเรียบร้อยเสียก่อนที่ชื่อเสียงข้าจะเสื่อมเสียมากกว่านี้ และพอเสร็จเรื่องข้าจะจัดพิธีสถาปนาเจ้าให้เป็นรัชทายาทของข้า”

แม่ทัพหนุ่มเงยหน้าพ่อบุญธรรมทันทีด้วยความตกใจ “จะเป็นไปได้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งรัชทายาทเลยสักนิด แถมการจะเป็นรัชทายาทได้ก็ต้องผ่านความเห็นชอบจากพวกขุนนางและประชาชนในแคว้นด้วย ทรงลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อข้าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแคว้นนี้ และถ้าหากข้าไม่มีทายาท การครองอำนาจของข้าก็จะไม่สมบูรณ์ เจ้ารีบไปจัดการเรื่องที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเถอะ”

กีเธอร์กล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่จุกอยู่ในอกก่อนจะโค้งคำนับแล้วเดินออกมาจากท้องพระโรงด้วยสีหน้าเครียดขึงจนทหารองครักษ์ที่ได้เห็นต่างรู้สึกหวาดกลัวกันไปตามๆ กัน

จังหวะการก้าวเดินที่เร็วจนเกือบจะเป็นวิ่งนั้นยังไม่เท่ากับความรู้สึกพลุ่งพล่านที่มีอยู่ในจิตใจของแม่ทัพหนุ่มในเวลานี้ ตอนแรกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ทีนิสได้บอกให้เขาได้รับรู้เมื่อก่อนหน้านี้ถึงได้สั่งให้คนทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างลับๆ โดยไม่ให้เลกัสรู้ และความจริงทั้งหมดที่เขาได้รู้นั้นก็ตรงกับที่ทีนิสบอกมา

จนถึงตอนนี้กีเธอร์ก็ได้เข้าใจแล้วว่าสุดท้ายแล้วเขาก็กลายเป็นเพียงแค่บันไดขั้นหนึ่งที่เลกัสใช้เหยียบย่ำพาตัวเองขึ้นไปสู่บัลลังก์อำนาจที่ต้องการเท่านั้นเอง และถ้าหากเป็นอย่างนี้อยู่ต่อไปอีกไม่นานคิเรบัสคงถึงคราวกลียุคแน่ๆ

ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ก็คงจะต้องถึงจุดที่ข้าจะต้องเลือกระหว่างความถูกต้องและหน้าที่ที่ข้าควรจะต้องยึดมั่นแล้วสินะ... กีเธอร์ถอนหายใจออกมาเมื่อเขาเองก็รู้คำตอบในสิ่งที่เขาจะต้องเลือกดีอยู่แล้ว




******************************** 




เมื่อได้ยินข่าวมาว่าพวกทหารเริ่มเคลื่อนไหวในการตามล่าจับตัวพวกคณะละครเร่ก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เมื่อพวกทีนิสทีนิสได้รวบรวมกลุ่มขุนนางเก่าที่เป็นหลบหนีได้จากการจับกุมของเลกัสมาได้ครบทุกคนแล้ว

“หม่อมฉันได้ยินสายข่าวรายงานมาว่าตอนนี้พวกทหารกำลังตามสืบหาพวกเราอย่างหนักพ่ะย่ะค่ะ”

เดลีกล่าวขึ้นในระหว่างที่ทีนิสและพวกขุนนางเก่ากำลังประชุมหารือกันในคฤหาสน์ของคหบดีคนหนึ่งที่เคยเป็นอดีตข้ารับใช้ของพระบิดาของเขามาก่อนซึ่งยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ยินข่าวว่าทีนิสยังมีชีวิตอยู่ และเอื้อเฟื้อให้ที่หลบซ่อนแก่พวกทีนิสได้พักกันและดูแลเป็นอย่างดี

“ในเมื่อทหารเคลื่อนไหวแล้ว เราก็คงจะทำอะไรบุ่มบ่ามมากไม่ได้แล้วล่ะนะ”

“แต่ได้ยินข่าวว่าเลกัสเรียกแม่ทัพกีเธอร์กลับมาจากชายแดนด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันว่าทางนั้นคงจะให้แม่ทัพกีเธอร์มาช่วยกำจัดพวกที่ต่อต้านพระราชาเป็นแน่”

ทีนิสยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนว่าคราวนี้กีเธอร์จะทำตามที่พูดกับเขาเอาไว้จริงๆ ว่าจะจับเขากลับไปไต่สวนและรับโทษให้ได้

แต่ถึงกระนั้นทีนิสก็ยังคาดเดาไม่ออกว่ากีเธอร์จะยอมเข้าใจในสิ่งที่ตนพูดมาจริงหรือไม่ เพราะในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นพ่อบุญธรรมที่ชุบเลี้ยงมาจนเป็นถึงแม่ทัพ จะมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนที่กีเธอร์จะเลือกยึดถือในความถูกต้องมากกว่าจะเลือกไปอยู่ข้างผู้มีพระคุณอย่างเลกัส และนี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญของเขาที่ทำให้เลือกแผนการนี้แทนที่จะต้องสูญเสียเลือดเนื้อนับร้อยนับพันจากการสู้รบของทั้งสองแคว้น

“ถ้าหากว่าถูกจับตามองอยู่ ข้าว่าพวกเราก็ไม่ควรจะทำอะไรที่เสี่ยงนะ ยังไงช่วงนี้พวกเราน่าจะพักการแสดงละครเร่เอาไว้ก่อน” ไบรโอเนียเสนอความคิดขึ้นมาเมื่ออ่านสีหน้าของทีนิสได้

“ไม่หรอก ถึงแม้ว่าทหารจะจับตามองพวกเราอยู่แต่ข้ายืนยันว่าเราจะดำเนินแผนการขั้นต่อไป”

“ท่านจะบ้าหรือไง! รู้ทั้งรู้ว่ามีทหารจ้องจะจับท่านไปแล้วยังคิดจะเสี่ยงอีกหรือ แล้วแผนขั้นต่อไปที่ท่านว่าน่ะคืออะไร” ไบรโอเนียแย้งด้วยไม่คิดว่าความคิดของเขาที่พูดไปนั้นจะเข้าท่าเลยสักนิด

“ข้าจะยุติบทบาทของคณะละครเร่ไว้แต่เพียงเท่านี้ และเพราะอีกสิบวันหลังจากนี้จะมีงานฉลองหลังฤดูเก็บเกี่ยวในตัวเมือง ซึ่งช่วงเวลานี้ในตัวเมืองทหารยามส่วนใหญ่จะถูกเกณฑ์ไปดูแลความสงบบริเวณรอบๆ ปราสาทผู้ครองแคว้น ข้าคิดว่าพวกเราควรจะฉวยโอกาสในขณะที่เวรยามของทหารในตัวเมืองลดความเข้มงวดและงานฉลองนี้ปลุกระดมชาวเมืองและบอกความจริงที่ข้าถูกใส่ความ”

“ถึงทหารส่วนใหญ่จะถูกไปเฝ้าที่ปราสาท แต่ข้าว่าพวกทหารคงไม่ได้ละเลยถึงขนาดไม่เหลือทหารคอยดูแลงานฉลองนี้หรอก”

ทีนิฑพยักหน้า “ข้ารู้ แต่ว่านี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับแผนการของเราเช่นกัน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ แสดงว่าเรามีเวลาเตรียมการไม่นานนักน่ะสิ” ไบรโอเนียกล่าวสรุปอย่างจำยอมเพราะคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้อีกแล้ว

“ในระหว่างนี้ข้าอยากเดลีและพวกขุนนางเก่าช่วยกันปล่อยข่าวให้คนมาชุมนุมกันในวันนั้นจะได้ไหม”

“ทรงวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะจัดการตามพระประสงค์ให้เรียบร้อย” เดลีกล่าวรับคำเขาแล้วรีบลุกขึ้นไปจัดการงานตามที่ได้รับมอบหมายมา

“เจ้ามีอะไรสงสัยหรือเลโอน่า” ทีนิสเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวยกมือขึ้น

“แล้วพวกหม่อมฉันล่ะเพคะ”

เขายิ้มกับความกระตือรือล้นของเลโอน่า ก่อนจะส่ายหน้า “พวกเจ้าคอยฟังคำสั่งอยู่ที่นี่ เพราะข้ายังต้องการกำลังเสริมเผื่อว่าพวกทหารจะบุกเข้ามาจับพวกข้า และแผนการในขั้นตอนนี้มันอันตรายเกินไปสำหรับพวกเจ้าด้วย”

“หม่อมฉันจะปล่อยให้พระองค์เสี่ยงภัยเพียงลำพังได้เช่นไรเพคะ...”

“ทำตามที่ข้าบอกเถอะเลโอน่า เรื่องนี้มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้าแล้ว อย่าลืมสิว่าเลร่ากำลังรอเจ้าอยู่ที่ดาร์ซี”

“แต่ว่า...”

“เจ้าไม่เชื่อฟังคำพูดของข้าแล้วหรือ” ทีนิสย้ำเสียงหนักพร้อมกับตีสีหน้าดุใส่เลโอน่า

พอได้ยินทีนิสกล่าวเช่นนั้นเลโอน่าก็ได้แต่ก้มหน้าพร้อมกับกล่าวรับคำทีนิสโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ อีก

“หม่อมฉันก็แค่อยากจะช่วยเหลือองค์ชายให้มากเท่าที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้นเองเพคะ”

“ที่พวกเจ้าช่วยเหลือข้ามาตลอดนั้นก็มากพอจนข้าซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเจ้ามากแล้วล่ะ ขอบใจเจ้ามาก”

ทีนิสกล่าวปลอบเด็กสาวก่อนจะเหลือบไปมองไบรโอเนีย “ข้าขอพูดกับเจ้าตามลำพังหน่อยจะได้ไหม” เขาพูดกับไบรโอเนีย

ไบรโอเนียหันมามองเขาพลางเลิกคิ้วใส่ “ท่านมีอะไรก็คุยกันตรงนี้เลยไม่ได้หรือ”

เขาส่ายหน้า “มันเป็นเรื่องสำคัญที่ข้าจะต้องพูดคุยกับเจ้า ช่วยสละเวลาให้ข้าสักหน่อยจะได้ไหม”

นางมองเขาด้วยความสงสัยหากทว่าก็พยักหน้าและหันไปสั่งเอ็ดการ์และพวกเลโอน่าให้คอยอยู่ที่นี่ไม่ต้องตามมา แล้วนางก็เดินตามทีนิสออกไป 




********************************




“ท่านมีเรื่องอะไรที่เป็นความลับถึงขั้นพูดต่อหน้าคนของข้าไม่ได้” นางถามเขาทันทีเมื่อเขาพานางมาพูดคุยกันที่ห้องหนังสือ

“ข้าอยากให้พวกเลโอน่ากลับไปที่ดาร์ซีก่อนที่แผนการนี้จะเริ่มขึ้น”

คิ้วเรียวโก่งของไบรโอเนียก็ขมวดเข้าหากันโดยทันที “ทำไมถึงจะต้องให้พวกเลโอน่ากลับไปที่แคว้นดาร์ซีด้วย ท่านมีแผนซ้อนอะไรอีกหรือไง”

ทีนิสส่ายหน้า “เปล่าหรอก แต่ข้าไม่อยากให้เด็กพวกนั้นต้องเสี่ยงอันตรายมากจนเกินไปต่างหาก”

“การที่เด็กพวกนั้นยอมร่วมแผนการก็เท่ากับว่าพวกเขาพร้อมที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และการให้กลับไปที่ดาร์ซีตอนนี้ท่านไม่คิดว่ามันจะเป็นการเสี่ยงมากกว่าหรอกหรือ”

“ข้าไม่คิดว่ามันจะเสี่ยงมากกว่าแผนการที่ข้าคิดขึ้นมาหรอกนะ เจ้าให้เด็กพวกนั้นกลับไปเถอะ ถือว่าข้าขอร้องเจ้าก็ได้”

แต่ไบรโอเนียกลับส่ายหน้าปฏิเสธเขา

“ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านจะต้องทำเช่นนั้น เลโอน่าและเพื่อนต่างก็เต็มใจที่จะเข้าร่วมแผนการนี้ตั้งแต่ต้น ถ้าหากท่านให้กลับไปที่ดาร์ซีตอนนี้ท่านไม่คิดหรือว่าเด็กพวกนั้นจะเสียใจแค่ไหน ข้าไม่เห็นด้วยกับท่านในเรื่องนี้นะ”

“แล้วเจ้าไม่คิดเป็นห่วงเด็กพวกนั้นบ้างเลยหรือไร” เขาแย้ง

“ถ้าหากท่านนึกเป็นห่วงก็ไม่ควรชวนพวกเขามาแต่แรกนะทีนิส ข้าว่าแทนที่ท่านจะเป็นห่วงคนโน้นคนนี้หรือคิดถึงเรื่องไม่เข้าท่า ท่านเอาเวลานั้นมาคิดถึงสิ่งที่จะต้องทำเพื่อแผนการปลุกระดมคนของท่านไม่ดีกว่าหรือไง”

ทีนิสทำขมวดคิ้วกับคำตำหนิของนาง “พวกของเลโอน่าน่ะยังเด็กนักและอีกอย่างหนึ่งพวกเขาก็ยังมีคนที่รอให้พวกเขากลับไปอยู่ ไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนไม่แยกแยะอะไรสักหน่อย”

“พวกเขาเต็มใจที่จะรับความเสี่ยงตั้งแต่ต้นเอง ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มามีผลต่อแผนการที่กำลังจะทำเป็นอันขาด”

“เจ้าไม่สนใจว่าจะต้องมีกี่ชีวิตที่จะต้องสูญเสียเพื่อที่เจ้าจะได้บรรลุเป้าหมายอย่างนั้นหรือไบรโอเนีย” เขาถามพลางจ้องนางเขม็ง

“หากไม่ตัดสินใจอะไรให้เด็ดขาดแล้วก็คงไม่มีวันทำอะไรได้สำเร็จหรอก ใช่ว่าข้าจะไร้จิตใจแต่ว่าข้าต้องแยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับหน้าที่ให้ได้ต่างหาก”

“ถ้าหากว่าเจ้าคิดเช่นนี้ เจ้าเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเลกัสเลยนะ องค์หญิงไบรโอเนีย” ทีนิสกล่าวกับนางด้วยสีหน้าที่นางอ่านไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร แต่คำกล่าวหาของเขานั้นทำให้นางฉุนกึกขึ้นมาแทบจะในทันที

“ท่านกล้าดีเช่นไรมากล่าวหาข้าเช่นนี้”

“ชีวิตคนแต่ละคนก็มีค่าเหมือนกัน การที่เจ้าไม่สนใจว่าใครจะต้องสูญเสียเพียงเพราะเป้าหมายและความสำเร็จมันก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่สามารถฆ่าใครก็ได้เพียงเพราะต้องการอำนาจในมือหรอก ข้าไม่ได้อ่อนแอหรือใจอ่อน แต่เพราะข้าไม่อยากให้แม้แต่ชีวิตเดียวต้องมาสูญเปล่าเพราะความต้องการของคนอื่นต่างหาก”

ทีนิสมองใบหน้าของไบรโอเนียเพื่อรอว่านางจะโต้ตอบกลับมาเช่นไร แต่พอเห็นนางยังคงนิ่งเงียบ เขาจึงกล่าวต่อ

“เจ้าไม่มั่นใจหรือว่าข้าจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง การที่พวกเขาอยู่นี่ต่างหากจะทำให้ข้าไม่สบายใจจนอาจทำให้ข้าลังเลเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเขาได้”

“งั้นก็แล้วแต่ท่านก็แล้วกัน ที่จะคุยกับข้ามีแค่นี้ใช่ไหม”

เขาพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะเดินออกไปหากก็ต้องถูกหยุดเมื่อทีนิสรั้งแขนของนางเอาไว้และออกแรงดึงให้นางหันกลับมาซึ่งนางก็ไวพอที่จะชักมีดสั้นที่เหน็บเอวอยู่ออกมา

“ข้าเคยเตือนท่านแล้ว จำไม่ได้หรือไง” ไบรโอเนียเข่นเสียงต่ำขู่เขา “ปล่อยข้า”

“ถ้าหากเจ้าคิดจะฆ่าข้าจริงๆ ก็จงรีบทำเสียเถอะ” แล้วทีนิสก็จับมือข้างที่ถือมีดสั้นของนางยกขึ้นมาจรดปลายมีดตรงหน้าอกของเขา “ข้ายินดีจะตายถ้าหากว่าเป็นฝีมือของเจ้า”

ไบรโอเนียกัดริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนจะชักมือกลับและเก็บมีดกลับเข้าฝักที่คาดอยู่ตรงเอวนางเช่นเดิม “นี่ท่านต้องการอะไรจากข้ากันแน่!”

“สิ่งที่ข้าต้องการเจ้าก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว” เขาตอบแล้วยกมือขึ้นประคองใบหน้าของนางเอาไว้ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะก้มลงมาแนบประทับริมฝีปากนางอย่างถือสิทธิ์ ทีนิสขบเม้มริมฝีปากล่างของนางเบาๆ ที่จะสอดแทรกปลายลิ้นเข้าเสาะหาความหวานล้ำที่อยู่ภายใน ซึ่งนั่นก็ทำให้ไบรโอเนียพ่ายแพ้ต่อความต้องการของหัวใจหลังจากที่พยายามทำตัวเฉยเมยกับเขามาโดยตลอดขยับริมฝีปากตอบสนองต่อจุมพิตของเขาอย่างยอมจำนน มือทั้งสองข้างของนางตวัดยกขึ้นไปโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้และเลื่อนขึ้นไปสอดปลายนิ้วไล้เส้นผมละเอียดมือของเขาเมื่อน้ำหนักจุมพิตของทีนิสดื่มด่ำมากยิ่งขึ้นจนนางแทบจับจังหวะการหายใจไม่ทัน

เนิ่นนานกว่าที่เขาจะถอนริมฝีปากออกแล้วกดศีรษะของนางแนบกับหน้าอกของเขา

“เจ้าไม่ได้ปฏิเสธจูบของข้า แล้วเช่นนั้นทำไมถึงไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเจ้าเอง” เขาเอ่ยถามเสียงแผ่วก่อนที่จะประคองใบหน้าของนางให้เงยขึ้นมามองเขา

“แต่ข้ารู้ดีว่าข้าไม่อาจบังคับให้เจ้ายอมรับความรู้สึกตัวเองได้เช่นกัน”

ไบรโอเนียเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อทีนิสเกลี่ยปลายนิ้วกับแก้มของนาง รอยสัมผัสอันร้อนผ่าวของเขายังเหลือร่องรอยแผดเผาอยู่ตรงริมฝีปากของนาง สายตาที่มองนางนั้นมันเป็นสายตาแบบเดียวกับที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจของนางถูกบีบคั้นจนทำให้รู้สึกทรมานได้ทุกครั้งที่นางเห็น

“ข้าบอกท่านไปแล้วนี่ว่าข้าไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของท่านได้” นางว่าพลางเบือนหน้าหลบสายตาของเขา

“นอกเหนือจากเด็กพวกนั้นแล้ว คนที่ข้าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเจ้านะไบรโอเนีย จำไม่ได้หรือว่าเจ้าปะทะกับกีเธอร์แล้วเป็นยังไง ต่อให้เจ้าเก่งมากแค่ไหนแต่ยังไงซะกีเธอร์ก็มีฝีมือเหนือกว่า ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปอีก”

“มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นแบบนั้นเลย มันจะเป็นลางไม่ดีเสียเปล่าๆ” แล้วนางก็ทำท่าจะถอยห่างหากทว่าทีนิสก็ยังคงโอบเอวนางเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ให้สัญญากับข้าสิว่าเจ้าจะไม่ต่อสู้กับกีเธอร์”

“เหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ยังไม่รู้ ข้าให้สัญญาแบบนั้นกับท่านไม่ได้หรอก และข้าขอเตือนอีกครั้ง... อย่าจูบข้าอีก” นางว่าพลางดันร่างของตนออกห่างแล้วปล่อยให้ทีนิสที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมมองนางเดินออกจากห้องหนังสือไปด้วยสายตาที่แสดงถึงความกลัดกลุ้มและเป็นห่วงที่เขาไม่สามารถพูดให้นางเข้าใจได้

ทีนิสยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ เขารู้ว่าคนหัวรั้นอย่างไบรโอเนียคงไม่ยอมฟังคำขอร้องของเขาง่ายๆ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ทีนิสคงมีทางเลือกไม่มากนักที่จะเดินหน้าและทำทุกอย่างให้สำเร็จลุล่วงได้โดยที่สูญเสียน้อยที่สุด เขาถอนหายใจยาวก่อนที่จะเดินออกจากห้องหนังสือไปเช่นกัน หากทว่าก็ต้องหยุดเมื่อพบกับเอ็ดการ์ที่ยืนกอดอกรออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว

“นี่เจ้ายืนฟังเรื่องที่ข้าคุยกับไบรโอเนียอยู่หรือเปล่า”

“กำแพงมันบางน่ะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะฟังหรอก” เอ็ดการ์ตอบพลางส่งยิ้มให้กับทีนิสเป็นเชิงขอโทษ

“ช่างเถอะ ข้าไม่ได้ต้องการให้มันเป็นความลับอะไรขนาดนั้น... เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ากำลังมีเรื่องอยากจะขอให้เจ้าช่วยอยู่พอดี”

“เรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์ถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“ยังจำเรื่องที่ข้าเคยขอร้องเจ้าตอนที่ยังอยู่ที่ธอร์กาเรียได้ไหม?”

เอ็ดการ์ขมวดคิ้วกับคำถามของทีนิสอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อจำได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร

“หรือเพราะเช่นนี้องค์ชายเลยให้เลยให้พวกเลโอน่ากลับไปที่ดาร์ซีก่อน”

ทีนิสพยักหน้า “ใช่ เพราะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่กีเธอร์จะนิ่งเฉยถ้าหากเรารวบรวมคนมาเพื่อปลุกระดมในครั้งนี้”

“แต่จะทรงแน่พระทัยได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่พระองค์คิด”

“มันคือการเดิมพันของข้า สิ่งที่ทั้งพวกเจ้าและข้าต้องการมันไม่ใช่เรื่องจะทำให้สำเร็จโดยง่าย เพราะเช่นนั้นถึงต้องลองเสี่ยงดู”

แล้วทีนิสก็บีบไหล่เอ็ดการ์เบาๆ เป็นการยืนยัน ซึ่งราชองครักษ์หนุ่มก็ทำได้แค่เพียงถอนหายใจก่อนที่จะพยักหน้าตกลง

“ถ้าหากองค์ชายทรงมีพระประสงค์เช่นนั้น หม่อมฉันก็จะไปเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมอย่างที่เคยตกลงกันไว้”

อดีตรัชทายาทของแคว้นคิเรบัสยิ้มรับหากในแววตาของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

“ขอบใจมากเอ็ดการ์ และอย่างที่ข้าขอร้องเจ้าเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าให้ไบรโอเนียรู้เรื่องที่เราตกลงกันไว้เป็นอันขาดนะ”

“ทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ” เอ็ดการ์กล่าวพลางค้อมศีรษะให้กับเขาแล้วก็เดินจากไป ส่วนตัวเขาเองนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง เพื่อเตรียมการเกี่ยวกับงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้




*********************************




กีเธอร์เงยหน้าจากงานบนโต๊ะเมื่อมีนกพิราบตัวหนึ่งบินมาเกาะตรงหน้าต่างห้องทำงานของเขา คิ้วของแม่ทัพหนุ่มขมวดมุ่นเมื่อพบว่าขาของนกพิราบตัวนั้นมีอะไรปลอกใส่จดหมายผูกติดเอาไว้อยู่ กีเธอร์จึงลุกขึ้นไปจับมันและแกะเอาจดหมายที่ถูกสอดเอาไว้ข้างในออกมาอ่าน มันเป็นข้อความสั้นๆ เมื่ออ่านจบกีเธอร์ก็ขยำกระดาษจดหมายนั่นโยนเข้าไปในเตาผิงเพื่อเผาทำลายมันทิ้งก่อนจะเรียกทหารที่ยืนเฝ้ายามหน้าห้องให้เข้ามา

“ไปตามนายกองที่ดูแลเวรยามในเมืองหลวงทั้งหมดให้เข้ามาพบข้าเดี๋ยวนี้”

พอทหารยามออกไปแล้วกีเธอร์ก็หันไปมองทิวทัศน์ของเมืองทาลีนผ่านหน้าต่างในห้องทำงานของเขา ก่อนที่จะหัวเราะเสียงต่ำหากทว่าแววตาที่ฉายออกมานั้นกลับไม่ได้มีความรื่นรมย์เหมือนดังเสียงหัวเราะเลยแม้แต่น้อย

“นึกว่าจะปล่อยให้รอนานกว่านี้เสียอีก ในที่สุดก็ยอมเคลื่อนไหวกันเสียทีสินะ”

เขากล่าวพึมพำกับตัวเองแล้วก็มองดาบประจำตำแหน่งองค์รัชทายาทที่วางอยู่ตรงแท่นวางเหนือเตาผิง การที่เขายื่นข้อเสนอให้กับทีนิสกลับมาคิเรบัสได้โดยสะดวกนั้นเป็นเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าอดีตองค์รัชทายาทจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างที่จะทำให้บัลลังก์ของเลกัสต้องสั่นคลอน เช่นเดียวกับเลกัสที่เรียกเขากลับเข้ามาที่เมืองหลวงก็เพื่อรับมือกับทีนิสที่ยังไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน

แม้จะรู้ว่าธาตุแท้ของเลกัสนั้นเป็นเช่นไร แต่กีเธอร์ก็ยังคงยึดมั่นในหน้าที่ของตัวเองมากกว่าที่จะเอาเรื่องส่วนตัวมาอิทธิพล และหน้าที่ของเขาในเวลานี้ก็คือจะต้องจับกุมทีนิสที่หนีจากคุกใต้ดินเมื่อสามปีก่อนให้กลับมารับโทษตามที่เคยถูกตัดสินเอาไว้ และหยุดความวุ่นวายที่ทำให้สถานการณ์ภายในของแคว้นเข้าสู่ภาวะระส่ำระสายให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด


Be Continued


เอาล่ะสิ... ตกลงที่กีเธอร์บอกว่าจะต้องทำตามหน้าที่ของตัวเองนี่เป็นยังไงกันแน่น้อ? Smiley

ดูเหมือนแผนขั้นตอนสุดท้ายที่ทีนิสวางเอาไว้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วล่ะค่ะ ยังไงก็คงต้องติดตามตอนต่อไปกันนะคะ Smiley

อ่านจบแล้วไม่รีบไปไหน แวะคุยกันก่อนได้นะคะ Smiley

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 06 เมษายน 2558
Last Update : 6 เมษายน 2558 4:29:29 น.
Counter : 616 Pageviews.

1 comments
  
มุมมองทั้งของไบรโอเนียกับทีนิสไม่มีใครผิด อยู่ที่มองแบบไหน กับประสบการณ์ที่ผ่านมามากกว่า แต่ทีนิสก็ว่าไบรโอเนียแรงนะ
รอดูว่า กีเธอร์มีแผนจับตัวทีนิสยังไง และจะยอมตามเลกัสแค่ไหน
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 6 เมษายน 2558 เวลา:13:32:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


เมษายน 2558

 
 
 
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
28
30
 
 
All Blog