บทเรียนราคาแพง เมื่อ (เกือบ) สาย










แก้วที่แตกไปแล้ว แม้จะพยายามประสานคืนให้เหมือนเดิม ก็ยังคงเหลือรอยร้าวอยู่

เฉกเช่นเดียวกับร่างกายของคนเรา ที่หากเคยเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจนอวัยวะได้รับความเสียหายอย่างหนัก  ต่อให้ได้รับการรักษาอย่างดี  ก็ไม่สามารถหายสนิทโดยไร้ร่อยรอยได้

บทเรียนชีวิตของ คุณขนิษฐา ปานรักษา หรือ คุณอ้อ พิสูจน์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

แม้จะประกอบอาชีพพยาบาล ซึ่งเป็นวิชาชีพเกี่ยวกับการดูแลรักษาโรคภัยไข้เจ็บโดยตรง แต่ด้วยความประมาท  ทำให้ผู้อภิบาลอย่างเธอกลับกลายมาเป็นผู้ป่วยเสียเอง  เมื่อถูกโรค ออฟฟิศซินโดรม รุมเร้าร่างกายจนต้องเข้ารับการผ่าตัด

และแม้จะผ่านพ้นมาได้อย่างปลอดภัย แต่ค่าใช้จ่ายทางสุขภาพที่เสียไป ก็เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล




First Lesson: โรคร้ายเปลี่ยนชีวิต


โรคออฟฟิศซินโดรมที่คุณอ้อเผชิญนั้น เธออธิบายว่ามิได้เกิดขึ้นจากเชื้อโรคอะไร แต่เกิดจากความประมาท ในการดูแลบุคคลิกภาพระหว่างทำงาน

จนร่างกายต้องแบกรับภาระและความเมื่อยล้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อสะสมเป็นเวลานานๆ สุดท้ายก็ทำให้กล้ามเนื้อเสื่อมถอยกลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้าย
ที่บ่อนทำลายสุขภาพและชีวิตประจำวันในที่สุด

" แต่ก่อนอ้อทำหน้าที่เหมือนพยาบาลทั่่วไป คือ ต้องยกอุปกรณ์ทางการแพทย์หนักๆ รวมถึงยกและพลิกตัวคนไข้เป็นประจำ พอมาทำงานฝ่ายบริหาร การพยาบาลก็เปลี่ยนมาอ่านกับเซ็นเอกสาร  แถมต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์บ่อยๆ จึงต้องนั่งก้มหน้ากับโต๊ะวันละ หลายชั่วโมง  แทบไม่ได้ขยับตัวเลย "


ฝันร้ายเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2553 เมื่อคอและบ่าเริ่มปรากฏอาการเมื่อยชาเป็นระยะ
เธอคิดว่าคงเป็นอาการเมื่อยล้าธรรมดา จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการชาและเมื่อยกลับเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา


" ดิฉันเริ่มรู้สึกว่าร่างกายฝืดๆ คล้ายกับเครื่องยนต์ที่ขาดน้ำมันหล่อลื่น มือมันเริ่มหนักขึ้นเหมือนมีอะไรหนักๆมาถ่วงไว้ พอผ่านไปอีกสักพักเริ่มรู้สึกไม่มีแรง ยกมือไม่ขึ้น และบางครั้งแม้แต่กระดิกนิ้วก็ทำไม่ได้ "





ความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้ามาในจิตใจ  ทำให้คุณอ้อรีบไปพบแพทย์ ผลวินิจฉัยออกมาว่า  เธอกำลังเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม  ต้องรักษาด้วยการ ดึ
งหลัง เพื่อไม่ให้กระดูกบริเวณคอไปกดทับเส้นประสาท

" หลังจากดึงหลังมาได้ 1 เดือน อาการทั้งหมดหายเป็นปลิดทิ้ง ตอนนั้นคิดว่าคงหายดีแล้ว จึงกลับไปทำงานตามปกติ  โดยมีคำเตือนจากคุณหมอว่า ให้ดูแลสุขภาพให้ดี หลีกเลี่ยงการยกของหนักและขับรถเป็นระยะทางไกล รวมถึงคอยยืดเหยียดกล้ามเนื้อบ้าง เวลาที่นั่งโต๊ะทำงานนานๆ


ช่วงแรกอ้อ ก็ปฏิบัติตามคำเตือนเป็นอย่างดี อาการปวดเมื่อยทั้งหลายก็ไม่กลับมาอีก เราจึงวางใจว่าคงไม่มีอะไรแล้ว คำเตือนของหมอเลยค่อยๆ เลือนหายไป
จากสมอง จากที่เคยปฎิบัติตามคำเตือนทุกวัน กลายเป็นลืม ยิ่งถ้ายุ่งก็ไม่ทำ สุดท้าย ก็แทบไม่ได้ปฎิบัติตามคำเตือนเลย"







เวลาผ่านไป 3 ปี ฝันร้ายที่แท้จริงก็มาเยือนคุณอ้อ ในที่สุด  เมื่อเธอเริ่มขยับมือไมได้อีกครั้ง อาการในอดีตที่เคยวางใจว่าหายแล้วย้อนกลับมาทั้งหมด  ซ้ำยังทวีความรุนแรงขึ้น  จนต้องกลับไปพบแพทย์ซึ่งสั่งให้คุณอ้อ เข้าเครื่องตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า  (Magnetic Resonance Imaging  หรือ MRI) เลยทีเดียว


"ตอนผลตรวจออกมา  ดิฉันตกใจมาก เพราะกระดูกคอกลับไปกดทับเส้นประสาทอีก ทำให้เส้นประสาทตีบจนไม่สามารถส่งคำสั่งไปยังร่างกายได้ เป็นเหตุผลที่อ้อไม่สามารถขยับมือหรือยกแขนได้"

เนื่องจากคราวนี้กระดูกคอขยับไปทับเส้นประสาทมากกว่าเดิม ทำให้ไม่สามารถรักษาด้วยการดึงหลังได้อีกแล้ว  หลังจากวินัิจฉัยอยู่นาน  แพทย์ก็สรุปวิธีการรักษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า "ต้องผ่าตัด"




Final Lesson:  ชีวิตใหม่ีที่ไม่เหมือนเดิม



ผ่า-ตัด  สองคำสั้นๆ ที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบของคุณอ้อ  เธอรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่ากลางศีรษะ  และโลกก็ยิ่งหมองหม่นลง  เมื่อได้ยินอีกคำวินิจฉัยที่ตามมา

"ถ้าปล่อยทิ้งไว้ เส้นประสาทจะตีบไปกว่าีนี้  ซึ่งไม่ใช่แค่แขนแต่ขาก็จะขยับไม่ได้ และสุดท้ายร่างกายก็จะเป็นอัมพาต"


คุณอ้อจึงต้องเข้าัรับการผ่าตัด  เพื่อนำกระดูกที่กดทับเส้นประสาทออก แล้วใส่เหล็กลงไปแทน  หลังผ่าตัดเสร็จ คุณอ้อต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล  โดยต้องใส่เฝือกดามคอชนิดแข็ง (Hard Collar) ตลอด 24  ชม.


" ช่วงที่ออกจากห้องผ่าตัดแรกๆ ขยับตัวไม่ได้เลยเพราะคอมีเฝือกติดอยู่ ต้องนอนหงายอย่างเดียว  เวลาพลิกตัวต้องให้น้องพยาบาลมาช่วย  กลืนอาหารก็เจ็บไปหมด  เพราะแผลผ่าตัดยังไม่หายดี  

ช่วงที่ต้องนอนเฉยๆ ดิฉันจึงมีเวลาคิดถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาเท่านั้นแหละ  น้ำตามันไหลออกมาไม่หยุดเลย  ทั้งรู้สึกเสียใจและเสียดาย  อดคิดไม่ได้ว่า หากย้อนเวลากลับไปเราจะไม่ยอมให้ตัวเองป่วยเด็ดขาด  ทั้งทีมีคนเตือนแล้ว แถมยังคลุกคลีอยู่ในแวดวงสุขภาพมาตลอด  อ่านหนังสือสุขภาพมามากมาย แต่เพราะตัวเองไม่ตระหนัก  ไม่ใส่ใจดูแลตัวเองให้ดี"  

เล่าถึงตรงนี้คุณอ้อมีสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด  สะท้อนถึงความเสียใจที่ยังฝังลึกอยู่ภายใน


เวลา 1 เดือนแห่งความทรมานผ่านพ้นไป  ในที่สุดคุณอ้อก็ได้รับอนุญาตให้ถอดเฝือกดามคอออก และเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้จะมีสมาชิกใหม่คือ เฝือกดามคอแบบอ่อน  (Soft Collar)  เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเวลาทำงาน และขับรถ  เพราะต้องป้องกันลำคอให้เกิดความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด


" โชคดีที่อ้อตัดสินใจผ่าตัดเร็ว  จึงมีกระดูกที่ต้องเอาออกแค่ชิ้นเดียว  เพราะกระดูกคอชิ้นอื่นๆ เริ่มเสื่อมสภาพแล้วเหมือนกัน  หากต้องผ่าตัดเอากระดูกคอออกตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป คอก็จะเหมือนหุ่นยนต์  คือไม่สามารถหมุนไปมาได้  เนื่องจากเหล็กซึ่งใช้แทนที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเหมือนกระดูก 

ดังนั้น ดิฉันต้องดูแลกระดูกคอที่เหลือให้ดี  หากต้องผ่าตัดอีกครั้งจะไม่ง่ายเหมือนครั้งแรกแล้ว  เพราะต้องระมัดระวังไม่ให้กระดูกชิ้นอื่นกระทบกระเทือน แถมการใส่เหล็กต่อลงไปยังเป็นเรื่องยากมาก  แค่ตอนนี้ที่ใส่เข้าไปชิ้นเดียวก็เดินลงบันไดลำบากแล้ว เพราะก้มคอมองพื้นไม่ได้"


ตอนนี้คุณอ้อเริ่มปรับเปลี่ยนชีวิตของตนเสียใหม่  ตั้งแต่การออกกำลังกายตามแพทย์สั่ง อย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ  เริ่มกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง

ที่สำคัญคือ ต้องเรียนรู้การปรับสรีระท่าทางของร่างกายให้ถูกต้อง  ตั้งแต่การนั่ง การนอน การยกของ  และต้องผ่านคลายจิตใจไม่ให้เครียด

" ดิฉันต้องปรับเปลี่ยนชีวิตเยอะมาก  ทุกอย่างในชีวิตถูกปรับให้เอียงขึ้นทั้งหมด อาทิ โต๊ะทำงานจะต้องมีอุปกรณ์สำหรับอ่านหนังสือที่เอียงขึ้น  จะได้ไม่ต้องก้มคอทำงาน  และเมื่อทำงานไปได้สักพัก ต้องลุกขึ้นมายืดเหยียดกล้ามเนื้อ  เพื่อยืดกล้ามเนื้อให้คลายตัวจากการเกร็งติดต่อกันนานๆ  

ที่ขาดไม่ได้คือ การออกกำลังกายทุกวันตอนเช้า  เพราะเมื่อกระดูกเสื่อมสภาพ ก็ต้องฝึกฝนกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพื่อให้กล้ามเนื้อมาแบ่งเบาภาระการทำงานของกระดูก  ทำให้กระดูกไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป"


แม้ชีวิตจะเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว  แต่คุณอ้อก็ยังคิดว่าตนเองโชคดีมาก ที่รู้ตัวเมื่อยังไม่สาย ทำให้เธอรอดพ้นจากการเป็นอัมพาต และด้วยหัวใจของความเป็นพยาบาล เธอยังได้ฝากคำเตือนถึงคนทำงานทั้งหลาย ซึ่งอาจจะยังไม่รู้ตัวว่ากำลัง ถูกโรคออฟฟิศซินโดรมกล้ำกรายอยู่

"ดิฉันอยากจะให้บทเรียนสุขภาพราคาแสนแพงบทนี้เป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้ทุกคนหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตนเอง หากใครกำลังมีอาการเมื่อยชาบริเวณบ่าและต้นคอ ให้รีบไปออกกำลังกาย ศึกษาการปรับท่าทางเคลื่อนไหวและดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องเสีย  เพราะหากปล่อยไว้ให้โรคลุกลามถึงขั้นต้องผ่าตัด  ก็คงสายเกินไปแล้วที่จะเรียกเวลาช่วงแข็งแรงดังเดิมกลับมา"


เพราะสุขภาพไม่ใช่สิ่งที่เรียกคืนมาได้  การดูแลเอาใจใส่ก่อนจะสายจึงสำคัญ  บทเรียนชีวิตของคุณอ้อ สอนไว้เช่นนั้น

(ภาพและเรื่องจาก นิตยสารชีวจิต)


# น่ากลัวอ่ะ  # ออฟฟิศซินโดรม  # รักษาสุขภาพกันนะคะ




Create Date : 24 ตุลาคม 2556
Last Update : 24 ตุลาคม 2556 15:07:58 น. 21 comments
Counter : 2953 Pageviews.

 
เจิมมมมมมมม
เห็นด้วยค่ะ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญนะจ๊ะ
พรุ่งนี้มาโหวตให้ค่ะ วันนี้หมดเป๋าจ้า..

ปล.วันนี้กินไข่เผ็ดบ้านน้องเค็งไปก่อนละกันเนาะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 ตุลาคม 2556 เวลา:18:58:59 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะน้องบี
รีบมาโหวตให้จ้า กลัวหมดเป๋า อิอิ..
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สมาชิกหมายเลข 861805 Health Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:6:41:52 น.  

 
โรคนี้คนเป็นกันเยอะมากเลย น่าจะรองจากโรคกรดไหลย้อนนะ
เหตุเพราะมีคอมนี่ล่ะ
โดยเฉพาะคนที่ทำงานออฟฟิศ ต้องนั่งทั้งวัน
อ่านดูแล้วน่ากลัวจริงๆ
นับว่าคุณขนิษฐายังโชคดี ที่เธอรักษาทัน
เราเองก็ปวดหลังบ่อยๆ อยากจะเข้าเครื่องตรวจ MRI เหมือนกัน
มันละเอียดดี แต่กลัวอ่ะ เค้าว่าในนั้นมันน่ากลัว
หยองจ้ะ

เรื่องราววันนี้มีประโยชน์มากเลย จัดไปจ้ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
schnuggy Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
ป้าคาล่า Home & Gargen Blog ดู Blog
au_jean Klaibann Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 861805 Health Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ชบาหลอด ก็เป็นไม้แปลกใหม่สำหรับเราเหมือนกัน
ชอบดอก น่ารักดี ไม่ยอมบาน อิอิ

ขอบคุณนะจ๊ะ กำลังง่วนอยู่ในครัวจ้ะ
หาของกิน 555



โดย: mambymam วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:10:12:48 น.  

 
อันไหนชอบ ก็โหวตให้ค่ะ
ไม่ได้อยากให้น้องได้สายสะพายหรอก อิอิ..
แต่เป็นกำลังใจว่าหาของดีมาแบ่งปันน่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้กันเสมอมาด้วยนะคะ
ดีใจที่ชอบอาหารบ้าน ๆ เน้อ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:11:18:38 น.  

 
มาส่งกำลังใจให้หาอะไรดีๆมาเผื่อแผ่กันอีก
คนไม่มีเวลาไปหาอ่านก็จะได้อ่านที่นี่บ้าง

มาตอบชื่อเจ้าสองลูกที่เหมือนส้มโอนั่นด้วยครับ
เธอมีนามการว่า น้ำเต้าต้น กินได้แต่ไม่อร่อย
เประมาณว่าดูดีแต่รูปง่ะครับ เค้าว่ารักษาโรคปวดหัว
ได้ชะงัดนัก แบบว่าถ้ากินไม่หายก็เอาทุบหัวเลย อิอิ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tifun Dharma Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 861805 Health Blog ดู Blog



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:12:04:31 น.  

 
เห็นด้วย สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ
รักษาสุขภาพนะคะ


โดย: ลงสะพาน+++เลี้ยวซ้าย2013 วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:16:19:02 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสาระค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:18:26:25 น.  

 
รักษาสุขภาพเด้อ
แวะมาบอกว่า หลับฝันดีจ๊ะ


โดย: รู้นะว่าคิดถึง วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:20:46:55 น.  

 
จริงๆค่ะคุณบี ตรงที่เคยโดนผ่ามาแล้ว
ทำยังไงก็ไม่กลับไปดีเหมือนเก่าค่ะ ยืนยันได้เลย
โดนไปสองครั้ง รู้ได้ด้วยตัวเองเลยค่ะ


โดย: schnuggy วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:18:01:48 น.  

 
เพื่อสุขภาพค่ะ อิอิ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 861805 Health Blog ดู Blog
Tristy Food Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Travel Blog ดู Blog
ฝากเธอ Craft Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: schnuggy วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:19:06:19 น.  

 
ถ้าเมืองไทยปรับปรุงการรถไฟที่มีอยู่ ให้มันสะอาดขึ้น ตรงเวลาขึ้น
คนคงใช้บริการกันเยอะขึ้นเนาะ อย่าเพิ่งคิดวาดวิมานเรื่องรถไฟความเร็วสูงเลย
มันต้องทำรางใหม่หมดค่ะ รางต้องตรงเดี๊ยะๆเหมือนไม้บรรทัด
ไม่งั้นความเร็วขนาดนั้นรถไฟคงเหาะมานอกรางมั่งล่ะ
พูดแล้วก็เสียดายการรถไฟไทยจริงๆคุณบี


โดย: schnuggy วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:18:16:40 น.  

 
ขอบคุณมากสำหรับบทตวามดีๆ
ัปัจจับันพี่หมียังต้องทำกายภาพวันเว้นวัน เพราะไอ่เจ้าออฟฟิศซินโดรมนี่ละ T_T


โดย: หมีสีชมพู วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:8:53:52 น.  

 
ขอบคุณนะคะพี่ที่คอยให้กำลังใจ


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:9:43:54 น.  

 
สวัสดีจ้ะ อยู่รึป่าวเอ่ย
มาชวนไปฟังเพลงจ้า



โดย: mambymam วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:11:39:16 น.  

 
เราก็เมื่อย ๆ ขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:13:08:47 น.  

 
น่ากลัวจังค่ะ..แต่เรายืนทั้งวันนี้ จะเป็นไรป่าวน้าาา


โดย: simplyusana วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:22:02:39 น.  

 
หวัดดีค่าคุณบี

การยกของหนักกะขับรถไกลๆ ล้วนอันตรายทั้งนั้น
รินก็เคยทำค่า เหนื่อยและเจ็บจริงๆด้วย
ไม่ไหวอย่าฝืนนะะ งานนี้


สุขภาพดีดีของเราต้องรักษาเพราะจะอยู่กับเราอีกนานแสนนานเลย




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 29 ตุลาคม 2556 เวลา:22:35:42 น.  

 


สวัสดีวันฮาโลวีน ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ โหวตให้หมวด book นะคะ


โดย: Lagata Novella วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:14:57:54 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:15:37:28 น.  

 
แวะมาเยี่ยมยามค่ำคืน...สวัสดีครับ

โหวต และไลค์ส่งกำลังใจไปให้คุณบีด้วยครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สมาชิกหมายเลข 861805 Health Blog ดู Blog


โดย: **mp5** วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:22:28:24 น.  

 
เฮ้ย.......... เจ้าของบ้าน หาย


โดย: รู้นะว่าคิดถึง วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:9:27:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




สวัสดีเพื่อนๆที่แวะมา บล็อคนี้ยินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ^^

Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.