หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตประจำวัน หลายความรู้สึก หลายอารมณ์ ส่วนใหญ่นั้นก็มาจากความคิดทั้งนั้น การที่คนเราจะมีนิสัยอย่างไร มีความคิดที่เหมือนหรือแตกต่างกันไปนั้นก็มาจากความคิดเช่นกัน การคิดทำให้คนเรานั้นสามารถเข้าใจโลกของเราได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้เรานั้นสามารถแยกแยะความแตกต่าง เช่น สีต่างๆที่เรามองเห็น เป็นต้น เราจะคิดอย่างไรให้ดีกับตัวของเราเอง ก็ต้องได้รับคำแนะนำ :) ความคิด คือ กระบวนการคิด หมายถึง กระบวนการรับรู้ การรับรู้ความรู้สึก ความมีจิตสำนึก และจินตนาการ
คนที่ได้มองบวก คิดบวก เมื่ออยู่ในสังคม ในโลกของความเป็นจริงก็จะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆ ที่คิดลบ หรือคิดแบบกลางๆ ลองสังเกตดูว่าคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆคนนั้นไม่ได้มีเงินทองมากมายมาตั้งแต่เกิด แต่เค้ามีความพยายาม มีความฝัน มีจิตนาการที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และที่สำคัญ เค้ามองบวก คิดบวก ถ้าเค้าไม่คิดบวกตั้งแต่ตอนนั้น ก็คงไม่ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้หรอก เพราะเค้าคงคิดแค่ว่า ฉันไม่มีเงินทอง ไม่มีความสามารถอะไร ไม่มีชื่อเสียง แล้วฉันจะเก่ง จะสำเร็จได้ยังไง นี้คือตัวอย่างที่ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการคิดบวก กับการคิดลบ ของมนุษย์เรา สรุปจากตัวอย่างนี้ได้ว่า เมื่อเราจะลงมือทำอะไรสักอย่างเราต้องคิดก่อนที่จะกระทำเสมอ คิดถึงในสิ่งที่ดี คิดว่าจะทำมันจนสำเร็จ คิดว่ามันจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน คิดแบบนี้เพื่อที่จะเป็นแรงจูงใจ เป็นแรงพลักดันให้เราทำได้ ทำจนสำเร็จ เป็นเรื่องที่ดีถ้าเราจะคิดบวก มองบวกนั้นไม่ได้ยากเลย ถ้าเราจะเริ่มปรับตัว เริ่มปรับวิถีชีวิตของเราให้ดีขึ้น ขอให้เรานึกถึงการคิดบวกเป็นอันดับแรก เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียของมัน เมื่อเรานำข้อเสียของเรื่องนั้นๆมาหนักใจแล้วล่ะก็ นั้นหมายถึงการคิดลบแล้ว การจะคิดบวกก็คือ มองหาข้อดีของสิ่งๆนั้นให้เจอแล้วเริ่มที่จะนำมันมาปรับตัวให้เข้ากับเรา ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา ขอให้เราทุกคนไ้ด้คิดดีแล้วคนรอบตัว คนในครอบครัวแล้วเมื่อมีคนคิดดี คิดบวกมากขึ้น แล้วบ้านเมืองก็จะเป็นสุขสงบ มีแต่ความสุข
ขอบคุณ
ขอขอบคุณ
-https://th.wikipedia.org/wiki/ความคิด
-ทันตแพทย์สม สุจีรา.เดอะท็อปซีเคร็ต 2 ความลับสู่ความสำเร็จ.พิมพ์ครั้งที่32.หน้า146-150.กรุงเทพฯ:อมรินทร์ธรรมะ, 2556.