เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 29 พ.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ให้ สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรกหลังจากที่มีการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ(คสช.) ถึงแนวทางการทำงานของคสช. ว่า คสช.ต้องระวังสองเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นคือการนิรโทษกรรมและการ คอร์รัปชั่นซึ่งสิ่งที่ได้ดำเนินการในบางเรื่องเป็นการตอบโจทย์เหตุการณ์ เฉพาะหน้า เช่นเร่งจ่ายเงินให้ชาวนา แต่การควบคุมสถานการณ์น่าจะมีการผ่อนคลายลงโดยลำดับเพราะตามสภาพสังคมคงยาก ที่จะใช้อำนาจในลักษณะนี้ไปได้ยาวนาน เพราะจะทำให้ความอึดอัดสะสมโดยปัญหาที่มีมากขณะนี้เป็นเรื่องของสื่อมวลชนและความเหลื่อมล้ำในการรับข้อมูลข่าวสาร ซึ่ง จากการดูท่าทีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของผู้นำมวลชนหลังถูกปล่อยตัวจากการควบ คุมก็ดูจะสงบเรียบร้อย ดังนั้นการควบคุมสถานการณ์ก็น่าจะคลี่คลายลงได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ต้องจับตาดูเรื่องการตั้งศูนย์ปรองดองถ้าตั้งโจทย์การปรองดองเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ของทุกข์ฝ่าย
จะ เป็นการตั้งโจทย์ผิดเพราะที่ผ่านมามีการนำคำว่า ปรองดองไปใช้และนำไปสู่การนิรโทษกรรมจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นซึ่งหวัง ว่าการที่ คสช.ระบุจะสร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่ายจะไม่เป็นการนำสู่การนิรโทษกรรม เพราะ การสร้างความชอบธรรมให้กับทุกฝ่ายคือการทำให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายที่ทุกฝ่าย ต้องยอมรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองไม่ว่าจะเป็นสีไหน ต้องยอมรับในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
คสช.ต้องไม่ลืมว่ามีหลายประเด็นที่ มวลชนขับเคลื่อนมาก่อนหน้านี้เช่นปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงควรเป็นสิ่งแรกในการปฏิรูปให้เป็นรูปธรรมโดยทุกภาคส่วนรวมถึงพรรคประชา ธิปัตย์มีข้อเสนอเรื่องนี้อยู่แล้วครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่คำแถลงการณ์ ยึดอำนาจไม่พูดถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นแต่มันเป็นปัญหาที่อยู่ในใจคน ก่อนเกิดวิกฤติทางการเมือง นอกจากนี้คสช.ควรสร้างระบบการเมืองที่ดีกว่าและทำให้พรรคการเมืองและนักการเมืองมีพฤติกรรมที่ดีขึ้นหากมีการดึงนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเข้าไปไม่แน่ใจว่าประชาชนจะให้การยอมรับหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าว ถึงแนวทางการปฏิรูปตำรวจที่มีการเสนอให้ตั้งกระทรวงตำรวจว่า ยังสับสนอยู่
เพราะเห็นพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รักษาการผบ.ตร.ระบุ ว่า จะมีการกระจายอำนาจ แต่กลับมีข้อเสนอเรื่องตั้งกระทรวงเพราะการตั้งกระทรวงจะยิ่งทำให้การเมือง เข้า มาเกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้นซึ่งหลักการปฏิรูปคือทำให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชนมาก ขึ้น ไม่ใช่ทำให้องค์กรใหญ่หรือรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น ทั้งนี้แนวทางการปฏิรูปตำรวจของพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด คสช.ควรหยิบแนวทางนี้ขึ้นมาดำเนินการ