Group Test: เปลี่ยน..ทุกความเชื่อกับ All New Triton
ต้องบอกว่าออล นิว ไทรทัน (Mitsubishi All New Triton) เป็นรถกระบะอเนกประสงค์สไตล์สปอร์ตขนาด 1 ตัน ที่สร้างกระแสความสนใจในกลุ่มผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังได้รับการออกแบบให้มีความสมดุลทั้งสมรรถนะและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ผสานความสะดวกสบายและการใช้งานเพื่อการบรรทุกได้อย่างลงตัว โดยล่าสุด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดทริปทดลองขับขึ้นบนเส้นทางกรุงเทพ จันทบุรี เนินนางพญา หาดเจ้าหลาว ซึ่งจัดรถทดลองขับทั้งรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4X4 (Double Cab 4×4) และ รุ่นดับเบิ้ลแค็บ พลัส (Double Cab Plus) ให้ลองขับทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สำหรับเส้นทางทดลองขับในครั้งนี้เริ่มต้นจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานใหญ่ จ.ปทุมธานี แล้วขับไปบนเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก (ตะวันออก) มุ่งหน้าสู่บางนา ชลบุรี และแยกออกไปทางหลวงหมายเลข 344 ไปยัง อ.แกลง จ.จันทบุรี โดยมีจุดหมายปลายทางที่เนินนางพญาจุดชมบรรยากาศยอดฮิตริมหาดเจ้าหลาว รวมระยะทางทดลองขับประมาณ 285 กิโลเมตร เป็นทริปเดินทางแบบสบายๆ ที่เหมือนกับการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้รู้ถึงสมรรถนะในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยรุ่นที่ผู้เขียนได้ทดลองขับไปเป็นรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 4X4 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ขาไป) และ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด (ขากลับ) ซึ่งนอกจากรูปโฉมใหม่ที่โดดเด่นสะดุดตาแล้ว สิ่งที่รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษก็คือ เรื่องของเครื่องยนต์, การออกแบบภายในห้องโดยสาร, และน้ำหนักของพวงมาลัย ในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4N15 แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว MIVEC VG Turbo อินเตอร์คูลเลอร์ เป็นครั้งแรกในรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่มาพร้อมกับเสื้อสูบและฝาสูบอลูมินัม อัลลอย บล็อก (มีน้ำหนักเบาและลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ลงได้ถึง 35 กิโลกรัม) ซึ่งมีพละกำลัง 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที แม้ว่าจะไม่ได้มีแรงม้าที่มากที่สุดในตลาดรถกระบะ แต่ถือว่ามีพละกำลังที่เพียงพอสำหรับการใช้งานไม่ว่าจะเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือเพื่อการบรรทุก อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Easy Select 4WD (ES4) ที่ง่ายต่อการใช้งานและยังติดตั้งระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปแบบ Hybrid LSD ที่ช่วงส่งถ่ายกำลังระหว่างล้อหลังซ้ายและขวา ให้ขับเคลื่อนผ่านเส้นทาง แบบออฟโรดได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบการขับระหว่างเกียร์ธรรมดากับเกียร์อัตโนมัติ ถือว่าทำได้น่าประทับใจ..ในเกียร์อัตโนมัติพร้อมสปอร์ตโหมด จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นและส่งกำลังเร่งแซงได้ทันใจ (คาดว่าจะมีอัตราเร่งที่แรงที่สุดในกลุ่มรถกระบะในตอนนี้) แต่ในช่วงออกตัวยังคงต้องรอรอบเครื่องอยู่สักหน่อย (ประมาณ 1,700 รอบต่อนาที) ส่วนเกียร์ธรรมดา 5 สปีด นั้นหายห่วง ควบคุมได้อย่างใจ คลัทช์เป็นแบบแห้งแผ่นเดียว บังคับด้วยไฮดรอลิกพร้อมฟลายวีลแบบสองชั้น ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เพียงถ่ายน้ำหนักการกดเท้าออกจากแป้นคลัทช์เพียงเล็กน้อย รถก็จะเริ่มเคลื่อนตัวไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เครื่องดับ ซึ่งหากมองภาพรวมตามความเห็นของผู้เขียน
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะเหมาะสำหรับการใช้งานเพื่อการพาณิชย์หรือใช้เพื่อบรรทุกมากกว่าเกียร์อัตโนมัติ แต่หากต้องการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือท่องเที่ยวไม่เน้นบรรทุก เกียร์อัตโนมัติพร้อมสปอร์ตโหมดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนน้ำหนักของพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงช่วยให้ควบคุมรถได้คล่องตัวในความเร็วต่ำและน้ำหนักค่อนข้างเบาเหมือนรถเก๋ง แต่จะมีความ คม มากในช่วงความเร็วสูง เสริมความมั่นใจในการขับได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.9 เมตร (แคบที่สุดในรถระดับเดียวกัน) ทำให้มันง่ายมากกับการถอยจอดหรือกลับรถ (ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร) สำหรับการออกแบบภายในห้องโดยสารก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นรถ SUV มีห้องโดยสารที่กว้างมาก และที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษคือเบาะนั่ง
ที่เบาะนั่งด้านหน้าได้รับการออกแบบให้พนักพิงกว้างและยาวขึ้น ปีกเบาะโอบกระชับลำตัว และเฉพาะที่นั่งคนขับจะเป็นเบาะแบบปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง (รุ่น GLS Ltd.) ทำให้ขับในระยะทางไกลได้โดยลดอาการเมื่อยล้าลงได้มาก ส่วนเบาะนั่งด้านหลังมีพื้นที่เหลือระหว่างหัวเข่ากับเบาะหน้าค่อนข้างมาก ผู้เขียนสามารถนั่งไขว่ห้างได้อย่างสบาย แต่จะมีข้อติอยู่นิดเดียวคือ เมื่อนั่งในระยะทางไกลจะมีอาการเมื่อยหลังอยู่บ้างและจะได้รับแรงสะเทือนจากช่วงล่างด้านหลังที่เป็นแบบแหนบซ้อนพร้อมโช้คอัพไขว้อยู่พอประมาณ (เป็นปกติของรถกระบะ) ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ให้ความนุ่มสบายมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองแบบไม่เป็นทางการ (เนื่องจากสลับกันขับ) อยู่ประมาณ 10-12 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ อัตราสิ้นเปลืองจะดีกว่านี้ แต่ไม่ต้องคิดมาไป เพราะขนาดความจุถังน้ำมัน 75ลิตรา สามารถขับได้ไกลกว่า 700 กิโลเมตรได้สบายๆ ขับจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ รับรองว่าน้ำมันยังมีเหลือแน่นอน โดยสรุปแล้ว ออล นิว ไทรทัน เปลี่ยนทุกความเชื่อได้จริงๆ ตั้งแต่สมรรถนะที่พละกำลังเหลือล้น ช่วงล่างโดยรวมที่นุ่มสบายกว่าเดิม การขับที่คล่องตัวใช้งานได้หลากหลาย รูปโฉมโดดเด่น ภายในกว้างขวาง เป็นรถกระบะที่สร้างความประทับใจและน่าสนใจที่สุด ณ เวลานี้เลยทีเดียว. รุ่นรถและราคา - Double Cab Plus GLX 2.4L Diesel 6MT ราคา 791,000 บาท
- GLS 2.4L Gasoline 5MT ราคา 791,000 บาท
- GLS 2.4L Diesel 6MT ราคา 838,000 บาท
- GLS 2.4L Diesel 5AT ราคา 882,000บาท
- GLS NAVI 2.4L Diesel 6MT ราคา 881,000บาท
- GLS NAVI 2.4L Diesel 5MT ราคา 925,000บาท
- Double Cab 4WD GLS 2.4L Diesel 6MT 837,000 บาท
- GLS-LTD 2.4L Diesel 6MT 950,000 บาท
- GLS-LTD 2.4L Diesel 5AT 1,008,000 บาท
ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อความสะดวกตลอดการทดลองขับ เรื่อง : พุทธิ ผาสุข เรียบเรียงข้อมูลโดย www.gpinews.com ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Create Date : 27 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 27 ธันวาคม 2557 8:49:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2398 Pageviews. |
|
|