ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดได้ คำกล่าวนี้ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่าเหตุใดกีฬาลูกหนังอย่างฟุตบอล จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก นั่นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างสามารถพลิกผันได้ตลอดเวลา

ยอดทีมอย่างปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็ไม่ต่างกัน แม้พวกเขาจะครองความยิ่งใหญ่บนผืนแผ่นดินฝรั่งเศส ชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็ใช่ว่าจะสำแดงเดชได้สะเด่าอารมณ์แฟนบอลทุกนัดไป

จากชัยชนะถล่มทลายเหนือนีซ 4-1 ในศึกลีก เอิง สุดสัปดาห์ก่อน พร้อมแฮตทริกของชายที่ชื่อซลาตัน อิบราฮิโมวิช ใครจะไปเชื่อว่าเปแอสเช ต้องกลับมาเผชิญฝันร้ายในยุโรปด้วยผลเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 คาถิ่นปาร์ก เดส์ แพร็งส์

โมงยามนั้นทุกคนต่างทราบดีว่าเปแอสเช เหนือกว่าแมนฯ ซิตี้ ที่ฟอร์มกระท่อนกระแท่นประมาณหนึ่งช่วงตัว แถมผลงานกับเชลซี ก่อนหน้านี้ ยิ่งตอกย้ำว่าขุนพล “ปารีเซียงส์” มุ่งมั่นเพียงใดกับการแข่งขันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แต่เกมนั้นทุกสิ่งทุกอย่างกลับพลิกผันไปหมด เมื่อเปแอสเช พลาดจุดโทษช่วงต้นเกม จนมาโดนเควิน เดอ บรอยน์ พังประตูให้อาคันตุกะจากแมนเชสเตอร์ ออกนำไปก่อน

แม้เปแอสเช จะพลิกกลับมานำ 2-1 และน่าจะปิดจ็อบแบบไม่ยากเย็น แต่ความผิดพลาดในแนวรับที่เกินขึ้นบ่อยครั้ง ก็นำมาสู่ประตูตีเสมอของแมนฯ ซิตี้ ซึ่งล้ำค่าเหลือเกินสำหรับการกลับไปเล่นเลกสองในบ้าน

แน่นอนว่าความผิดนี้ขุนพลเปแอสเช โทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง เพราะพวกเขามีโอกาสมากมายที่จะใส่สกอร์ แต่โอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าต้องหลุดลอยไป เมื่อชายที่อิบราฮิโมวิช โดนจองจำโดยกองทัพแนวรับเมืองผู้ดี

นับตั้งแต่ดาวยิงสวีดิช จรดปากกาเซ็นสัญญามูลค่า 20 ล้านยูโร ย้ายจากเอซี มิลาน มาหาความท้าทายใหม่บนเวทีลีก เอิง ความสำเร็จก็หลั่งไหลเข้าสู่ถิ่นปาร์ก เดส์ แพร็งส์ อย่างไม่ขาดสาย

แชมป์ลีก เอิง 4 สมัย, เฟรนช์ คัพ 1 สมัย, เฟรนช์ ลีก คัพ 2 สมัย และโทรฟี่ เดส์ ช็องปียงส์ อีก 3 สมัย บ่งบอกถึงอิทธิพลที่อิบราฮิโมวิช มีในทัพเปแอสเช ได้เป็นอย่างดี

ความท้าทายเดียวที่เหลืออยู่ของดาวยิงวัย 34 กะรัต ย่อมหนีไม่พ้นการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พยายามขวนขวายตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมากับเปแอสเช

ยิ่งนี้เป็นฤดูกาลสุดท้ายที่อิบราฮิโมวิช น่าจะอยู่ค้าแข้งให้เปแอสเช (หมดสัญญาซัมเมอร์นี้) การเดินทางไปสู่เป้าหมายหลักเป็นครั้งสุดท้ายร่วมกับทีมจึงสำคัญมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้

สกอร์ 2-2 ในเลกแรก อาจไม่เสียหายเท่าไรสำหรับเปแอสเช แต่มันก็ทำให้พวกเขาต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่แมนฯ ซิตี้ เพื่อคว้าผลชนะให้ได้ หรืออย่างน้อยก็เสมอ 2-2 เพื่อเดินหน้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ

ทว่าสิ่งที่ควรกังวล คือความมั่นใจก่อนถึงเกมเลกสองในอีกไม่กี่ชั่วโมง เพราะค่อนข้างชัดเจนว่าโลร็องต์ บล็องก์ จะหมุนเวียนเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่ง เพื่อให้ทีมสมบูรณ์ที่สุด

ชัยชนะเหนือแก็งก็อง 2-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จึงไม่อาจตีความได้อย่างจำเพาะเจาะจงว่าเปแอสเช พร้อมลงสนามในเลกสองด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะพวกเขากำลังอยู่ในช่วงที่กดดันที่สุดอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน

สิ่งเดียวบล็องก์ ทำได้ และควรทำ จึงเป็นการพักผู้เล่นตัวหลักให้พร้อมที่สุด และได้ทบทวนความผิดพลาดของตัวเองในเลกแรก เพราะไม่มีอะไรต้องกังวลกับสถานการณ์ในลีก เอิง

ผิดกับแมนฯ ซิตี้ ที่ยังต้องดิ้นรนแย่งโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า จึงไม่อาจพักตัวหลักเอาไว้ข้างสนามได้ เราจึงได้เห็นผู้เล่นอย่างเซร์คิโอ อเกวโร่ หรือเฆซุส นาบาส ที่มีบทบาทในเลกแรก อยู่ในสนามจนจบเกม

งานใหญ่ที่บล็องก์ ต้องทำให้ได้ คือการกระตุ้นขุนพล “ปารีเซียงส์” ให้ลงสนามด้วยความมั่นใจเฉกเช่นเลกแรก และฉกฉวยทุกโอกาสที่มีเอาไว้ให้ได้ ซึ่งชายที่ชื่ออิบราฮิโมวิช คือคนที่โดนคาดหวังเอาไว้มากสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

บนวัย 34 กะรัต อิบราฮิโมวิชอาจไม่ปราดเปรียวเฉกเช่นวันก่อน ทว่าสิ่งที่ฝีเท้าของเขาแสดงให้เราเห็นมาตลอด คือความเฉียบขาดในการจบสกอร์

นักเตะอย่างลิโอเนล เมสซี่ หรือคริสติอาโน่ โรนัลโด้ อาจได้รับการกล่าวขวัญว่าเก่งกาจมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ทว่าจะหาใครที่จารึกผลงานไว้บน 3 ลีกใหญ่ของยุโรป เหมือนดั่งเปแอสเช คงไม่มี

นั่นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่อิบราฮิโมวิช จะยังตกเป็นเป้าสนใจของหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เวทีที่ว่ากันว่าดาวยิงสวีดิช ปรารถนาที่จะพิสูจน์ตัวเองอย่างแรงกล้า

ไม่มีใครทราบว่าปลายทางสุดท้ายบนเวทีระดับสูงของอิบราฮิโมวิช อยู่ที่ใด เช่นเดียวกับการที่ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าอิบราฮิโมวิช จะล้มเหลวบนแผ่นดินอังกฤษ ตามคำกล่าวของหลุยส์ ฟาน ฮัล หรือไม่

แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ คือประสบการณ์หล่อหลอมให้คนเป็นคน และชายที่ชื่ออิบราฮิโมวิช พร้อมทำลายทุกกำแพงอุปสรรคที่กีดขวางเส้นทางเดินของตัวเอง ไม่ต่างอะไรจากเกมเลกสอง กับแมนฯ ซิตี้ ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

เชื่อผมสิ วันนั้น “คิง ซลาตัน” จะงัดทีเด็ดออกมาให้คุณได้รับชมแน่นอน

//sport.sanook.com/219257/