"สกศ." เผย เด็กเบี้ยวหนี้ "กยศ." เพราะรายได้ไม่พอใช้หนี้
สกศ. ลงพื้นที่ศึกษาสภาพ ผลกู้ยืมเงิน กยศ.จ.ขอนแก่น พบเหตุเด็กกู้ยืมไม่คืนเงิน รายได้ไม่เพียงพอใช้หนี้ ไม่ต้องใช้คืนก็ได้ ชี้ร้อยละ 50 หนุนปรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการชำระหนี้ แจงผู้กู้เงินเดือนไม่ถึง 15,000 ไม่ต้องชำระโดยกำหนดระยะเวลาปลอดหนี้ เปลี่ยนคุณสมบัติผู้กู้จากเกณฑ์รายได้ครอบครัวมาเป็นผลการเรียน ส่วนการติดตามร้อยละ 70-79 เห็นด้วยติดเครดิตบูโร ขณะที่ผู้บริหารเสนอผู้พิการกู้แล้วไม่ต้องใช้คืน รศ.ดร.ชวนี ทองโรจน์ รองเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) เปิดเผยว่า สกศ.เล็งเห็นความสำคัญของมาตรการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ด้วยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 17 ปี จึงเห็นควรต้องมีการศึกษาสภาพและผลการกู้ยืมเงินกยศ. ว่าเป็นไปตามเจตนารมย์ของกองทุน กยศ. หรือไม่ โดยได้เลือกจังหวัดขอนแก่น เป็นกรณีศึกษา เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีผู้กู้ยืมกยศ.สูงสุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มียอดจัดสรรมากถึงร้อยละ 3 ของวงเงินกองทุน กยศ. และเป็น 1 ในจังหวัดเป้าหมายที่ สำนักงานกองทุน กยศ.ให้มีการจัดกิจกรรมไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมก่อนฟ้องคดี หรือเป็นพื้นที่ที่มีผู้กู้คืนเงินกองทุน กยศ. น้อย ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 3 1 ก.พ.2556 พบว่า ผู้กู้ที่ครบกำหนดชำระหนี้คืนกองทุน ตั้งแต่ปี 2542 มีทั้งสิ้น 127,265 คน เป็นผู้ค้างชำระบางส่วน สูงถึงร้อยละ 76 ของผู้กู้ที่ครบกำหนดชำระหนี้คืน และค้างชำระทั้งจำนวน ร้อยละ 27 โดยมีผู้กู้ที่ค้างชำระทั้งจำนวนมาจากสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน มากสุด ประมาณ ร้อยละ 37 รองลง คือสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาร้อยละ 28 รศ.ดร.ชวนี กล่าวต่อว่า จากผลการวิเคราะห์แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 4,184 คน จำแนกเป็นผู้กู้ที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา 3,566 คน สำเร็จการศึกษาแล้ว 625 คน และผู้บริหารสถานศึกษา 62 คน พบว่า สาเหตุที่ไม่ชำระเงินคืน เนื่องจากมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้หนี้ และบางคนเข้าใจว่าไม่ต้องใช้คืนก็ได้ เพราะมีการสอนกันมาระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง อีกทั้งส่วนใหญ่ไปสร้างหนี้อื่นๆ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า และมีความจำเป็นต้องชำระเงินคืนก่อน ส่วนกองทุนกยศ. ดอกเบี้ยน้อย จึงเห็นว่ายังไม่ต้องชำระคืนก็ได้ นอกจากนั้น กลุ่มตัวอย่างที่กำลังศึกษาอยู่ ร้อยละ 50 เห็นด้วยกับการปรับปรุงกับการดำเนินงานของกองทุน กยศ. โดยประเด็นที่เห็นด้วยมากที่สุด คือ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการชำระหนี้ ที่กำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ ที่ผู้กู้เริ่มชำระหนี้เงินกู้ 15,000 -16,000 บาทต่อเดือน หากไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าวไม่ต้องชำระ โดยไม่ต้องกำหนดระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี อย่างในปัจจุบัน และให้สามารถชำระหนี้ได้ถึงอายุ60 ปี เมื่อครบกำหนดหาค้างชำระให้ตัดเป็นหนี้สูญ ส่วนคุณสมบัติของผู้กู้ ควรเปลี่ยนจากเกณฑ์รายได้ครอบครัว มาพิจารณาจากศักยภาพและความสามารถ ในการเรียน รวมถึงควรนำผลการเรียนที่ส่งผลต่อว่าจะให้กู้ยืมต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนกลุ่มผู้บริหาร มีข้อเสนอแนะ อาทิ ควรใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันการกู้ยืม ผู้พิการกู้แล้วไม่ต้องใช้คืน เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับการติดตามและชำระหนี้เงินกู้ พบว่า นักศึกษาร้อยละ 70-79 เห็นด้วยที่จะให้มีการบันทึกประวัติผู้กู้ในหน่วยงานกลางที่จัดตั้งขึ้น เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินของลูกค้า เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อ และป้องกันปัญหาหนี้เสีย หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ของสถาบันการเงินต่างๆ และเครดิตบูโร ส่วนการให้กรมสรรพากร เป็นผู้ติดตามหนี้ โดยให้หนี้เงินกู้มีลักษณะเสมือนหนี้ภาษีอากรค้างที่เจ้าหน้าที่สามารถบังคับหนี้ อายัติ ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาดได้โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล พบว่า ผู้กู้เห็นด้วยเพียงร้อยละ 50-59 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้กู้เห็นว่า ควรเพิ่มช่องทางการชำระหนี้ ผ่าน Counter Service มากที่สุด รองลงมา ชำระผ่านธนาคารพาณิชย์ทั่วไป และชำระผ่านทางไปรษณีย์ อย่างไรก็ตาม สกศ.จะประมวลผลที่ได้จากกรณีศึกษา เสนอต่อคณะกรรมการกองทุนกยศ. เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทางในการดำเนินงานของกองทุน กยศ.ให้มีประสิทธิภาพต่อไป โดยคาดว่าจะเสนอภายในเดือนก.ค.นี้
| Create Date : 03 กรกฎาคม 2557 |
| Last Update : 3 กรกฎาคม 2557 14:28:39 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1177 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [
