|
[เครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน] การเลือกซื้อและดูแลรักษาเครื่องทำน้ำอุ่น-น้ำร้อน
การเลือกซื้อและดูแลรักษา
1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านมิเตอร์ต้องมีกำลังไฟไม่ต่ำกว่า 15 (45) แอมป์ เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นใช้กำลังไฟมากถึง 3000 W.- 4500 W. และตรวจสอบกำลังไฟจากป้ายเครื่องทำน้ำอุ่น
2. น้ำประปาภายในบ้านต้องมีแรงดันน้ำมากพอ น้ำไหลแรงพอและสม่ำเสมอ เครื่องจะใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. ติดตั้งระบบความปลอดภัย มีตัวตัดไฟป้องกันไฟดูด ต่อสายดินโดยผู้ชำนาญงาน
4. เตรียมพื้นที่ในการติดตั้งที่สามารถใช้งานได้สะดวก หากมีพื้นที่จำกัดควรเลือกเครื่องที่มีขนาดและรุ่นที่เหมาะสมกับพื้นที่
5. เลือกรุ่นมีอุณหภูมิและความร้อนเหมาะกับกับสภาพอากาศและสถานที่
6. มีใบรับประกันคุณภาพอะไหล่และบริการที่เชื่อถือได้
การตรวจสอบและการบำรุงรักษา
1. คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ตรวจสอบสภาพการใช้งานก่อนทุกครั้ง
2. ตรวจสอบประสิทธิภาพการตัดไฟของเบรกเกอร์ สม่ำเสมอ ทุกสัปดาห์
3. ตรวจสอบแผงสวิทซ์หน้าเครื่อง เช่นลูกบิด ไฟแสดงการทำงาน หลอดไฟ
4. ตรวจสอบอุณหภูมิของเครื่องว่าอุณหภูมิคงที่ได้มาตรฐานหรือไม่
5. ตรวจสอบไส้กรองน้ำเข้า และฝักบัวทุกเดือน หากไส้กรองตันเเป็นเวลานานน้ำจะไหลเบาอาจทำให้ตัวทำความร้อนร้อนมากเกินไปจนเสียหายได้
6. ตรวจสอบจุดน้ำรั่วซึมภายในและนอกตัวเครื่อง หากน้ำกระเด็นถูกตัวเครื่องไฟ อาจโดนไฟฟ้าดูดได้
7. ตรวจสอบสายดิน และสายไฟ ตัวเครื่องไม่หลุดหลวม หากไม่แน่ใจความปลอดภัยควรแจ้งช่างเพื่อตรวจเช็คและแก้ไขต่อไป
ที่มา : //superjeew.com/webboard/viewtopic.php?p=18849&sid=43d8d5f82da891efaa9ce12f7b0990dc
Create Date : 29 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 29 ตุลาคม 2550 20:14:33 น. |
Counter : 921 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[เตาอบไมโครเวฟ] การเลือกซื้อและดูแลรักษาเตาอบไมโครเวฟ
การเลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟ 1. เลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟที่สามารถ อบเกรียม ละลายน้ำแข็ง และมีอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิในอาหาร
2. เตาอบไมโครเวฟขนาดเล็กจะใช้พลังงานน้อย เลือกซื้อเตาอบไมโครเวฟที่มีขนาดและขีดความสามารถสอดคล้องกับความต้องการ
3. เตาอบไมโครเวฟที่สามารถทำให้อาหารร้อนและสุกเกรียมได้ จะดีกว่าเตาอบ ไมโครเวฟที่ทำให้ร้อนได้อย่างเดียว
4. หากความจุใกล้เคียงกัน ควรเลือกซื้อรุ่นกินกำลังไฟ (วัตต์) น้อยกว่า
การดูแลรักษาและการใช้อย่างถูกวิธีอย่าวางเตาไมโครเวฟใกล้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ หรือวิทยุ เพราะจะรบกวนระบบการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้น
ทำความสะอาดภายในเครื่องทุกครั้งหลังใช้ เพราะเศษอาหารที่ติดตามผนังจะลดประสิทธิภาพของเตา และอาจเกิดประกายไฟ
ควรตั้งเวลาให้สอดคล้องกับชนิดและปริมาณอาหาร
ควรใช้เตาไมโครเวฟเพื่อการอุ่นอาหาร ต้มน้ำเดือดปริมาณน้อย ละลายอาหารแช่แข็ง
ข้อควรระวังในการใช้เตาไมโครเวฟ การรั่วของไมโครเวฟ อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เพราะร่างกายของเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบเช่นเดียวกับอาหาร ก่อนซื้อควรแน่ใจว่า ไมโครเวฟรุ่นนั้นมีการตัดไมโครเวฟโดยอัตโนมัติ เมื่อเปิดประตูเตาอบ ในการปรุงอาหารหากต้องใช้ภาชนะที่มีฝาปิด ควรเป็นฝาปิดแบบหลวมๆ หรือมีรูระบายความร้อน มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดแรงดันภายในภาชนะ ถ้าหากสะสมมากๆ อาจทำให้ภาชนะระเบิดได้
อย่านำสิ่งของที่ติดไฟได้ง่ายวางไว้ใกล้ ๆ หรือข้างในเตาไมโครเวฟโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ติดไฟหรือเกิดการระเบิดได้ง่าย ควรใช้ประโยชน์จากเตาไมโครเวฟภายในขอบเขตที่ได้ระบุไว้ในคู่มือเท่านั้น ห้ามนำวัตถุเคมีที่สามารถเผาผลาญได้มาใช้กับเตาไมโครเวฟ และห้ามนำเตาไมโครเวฟไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและห้องแล็บโดยเด็ดขาด อย่านำกระดาษ ดอกไม้แห้ง ผ้า หรือวัสดุติดไฟอบด้วยเตาไมโครเวฟ โดยเด็ดขาด ไม่ควรปล่อยให้เครื่องทำงานตามลำพังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกระดาษ พลาสติกหรือวัสดุติดไฟง่ายเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้เด็กใช้เตาไมโครเวฟโดยลำพัง ทั้งนี้คุณควรคอยให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด
ไม่ควรนำวัตถุที่เป็นโลหะทุกชนิดเข้าไปในเตาไมโครเวฟ ถ้าวัตถุที่อยู่ภายในเตาไมโครเวฟติดไฟ ขั้นแรกควรรีบปิดสวิทส์เครื่องและห้ามเปิดฝาเครื่องจากนั้นให้สับสะพานไฟเพื่อไม่ให้กระแสไฟวิ่งไปที่เตาไมโครเวฟ ข้อควรระวังในการปรุงของเหลวคือของเหลวนั้น ๆ จะไม่เดือดให้เห็นถึงแม้ว่าของเหลวนั้นจะเดือดเกินจุดเดือดแล้วก็ตาม ซึ่งคุณควรปฏิบัติข้อแนะนำดังต่อไปนี้ หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะปากแคบ
คนของเหลวก่อนนำเข้าเตาไมโครเวฟและไม่ควรทิ้งช้อนไว้ในเตาไมโครเวฟ
หลังจากการปรุงอาหารควรทิ้งไว้พักหนึ่งแล้วคนอีกครั้งก่อนนำภาชนะออกจากเตา
ไม่ควรนำเอาไข่ดิบทั้งฟองปรุงในเตาไมโครเวฟ
อย่านำอาหารที่ถูกบรรจุในภาชนะสูญญากาศเข้าไปในเตาไมโครเวฟซึ่งอาจจะเกิดการระเบิดได้
ไม่ควรปรุงอาหารที่มีความหนาแน่นของน้ำน้อย อาทิเช่น น้ำมัน ช็อกโกแลต และขนมพายต่าง ๆ
ไม่ควรตั้งเวลาปรุงอาหารเกินเวลาที่ระบุไว้ในคู่มือ ควรอ่านคู่มือเตาไมโครเวฟก่อนการใช้งาน
หลังจากการอุ่นอาหารสำหรับเด็กแล้วคุณควรคนและทิ้งใว้ให้หายร้อนก่อนแล้วจึงให้เด็กรับประทาน อย่านำฝานมเข้าไปในเตาไมโครเวฟด้วยเพราะอาจจะละลายได้
ควรใส่ถุงมือทุกครั้งที่จะนำภาชนะออกจากเตาไมโครเวฟ
ที่มา : //superjeew.com/webboard/viewtopic.php?p=18849&sid=43d8d5f82da891efaa9ce12f7b0990dc
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 22:06:45 น. |
Counter : 932 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[เครื่องดูดควัน] การเลือกซื้อและดูแลรักษาเครื่องดูดควัน
การเลือกซื้อ
วิธีเลือกเครื่องดูดควันที่ให้กำลังดูดตามความต้องการการใช้งานนั้นคำนวณจากขนาดของห้องครัว เราสามารถประมาณระดับประสิทธิภาพที่ต้องการได้จากการคำนวณง่าย ๆ โดยเอาขนาดห้อง กว้าง x ยาว x สูง แล้วคูณด้วย 10 ผลที่ได้ออกมาจะเป็นค่าต่ำสุดของกำลังดูด ลบ.ม./ชั่วโมง ดังนั้นให้เลือก เครื่องดูดควัน ที่ให้กำลังดูดมากกว่าค่านั้นขึ้นไป ก็จะได้เครื่องที่ให้ประสิทธิภาพ การใช้งานที่ถูกต้องกับครัวของท่าน
ตัวอย่าง ห้อง กว้าง x ยาว x สูง x 10 3 x 4 x 2.7 x 10 = 324 m3 เครื่องดูดควันที่เลือกจึงควรมีกำลังดูดมากกว่า 324 ลบ.ม./ชั่วโมง ขึ้นไป
การติดตั้ง มี 2 วิธี - ต่อท่อ และ หมุนเวียนขึ้นกับความต้องการของผู้ใช้
1. แบบต่อท่อ ต้องติดต่อกับภายนอกโดยต่อท่อ ดังนั้นท่อไม่ควรยาวเกินไป หรือโค้ง งอ เกินไป ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อไม่ต่ำกว่า 120 mm. 2. แบบหมุนเวียน ไม่มีท่อ แต่การบำรุงรักษาตัวกรองกลิ่นเป็นเรื่องสำคัญ และควรเปลี่ยนชุดกรองกลิ่นและน้ำมันเมื่อถึงเวลา
การกรองอากาศ เครื่องดูดควันทุกรุ่นจะมี แผ่นกรองน้ำมัน ขณะที่เครื่องดูดอากาศเข้า แผ่นกรองจะดูดซับไอไขมันไว้ แผ่นกรองทำด้วยวัสดุสังเคราะห์ซึ่งต้องเปลี่ยนเป็นระยะๆ หรือ โลหะที่ทำด้วยอลูมิเนียม หรือ สเตนเลส ซึ่งสามารถถอดล้างได้ง่าย ยังสามารถใส่ล้างในเครื่องล้างจานได้
คาร์บอนกรองกลิ่น ใช้ในการติดตั้งหมุนเวียนเท่านั้น สามารถทำความสะอาดอากาศก่อนปล่อยกลับออกมา แผ่นกรองกลิ่นนี้ต้องเปลี่ยนทุก 3-4 เดือน
วิธีใช้เครื่องดูดควัน ประสิทธิภาพในการดูดควันของเครื่องขึ้นกับการใช้เครื่องอย่างถูกต้อง โดยควรเปิดเครื่อง ที่แรงดูดระดับต่ำสุดก่อน แล้วจึงเร่งเครื่อง ขณะปรุงอาหารเมื่อกลิ่นเพิ่มมากขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นการประกอบอาหาร ควรลดอัตราแรงดูดลงไปที่ระดับต่ำสุดสัก 5-10 นาที ก่อนปิดเครื่อง
ระบบแสงไฟให้ความสว่าง เป็นอุปกรณ์สำคัญของเครื่องดูดควัน จะเพิ่มความสวยงามให้กับครัวคุณ มีหลายแบบให้เลือก เพียงเลือกให้เหมาะกับความต้องการของคุณ
ความปลอดภัย ระหว่างขบวนการผลิตเครื่องดูดควัน มีการตรวจสอบระบบความปลอดภัย และการทำงานอย่างเข้มงวดกว่า 50 ครั้ง วัสดุ, อุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็คทรอนิคจะถูกทดสอบซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง เพื่อประกันการผิดพลาดจากมาตรฐานความปลอดภัย ความปลอดภัยถูกกำหนดในการออกแบบเครื่องดูดควัน ตั้งแต่วินาทีแรกที่กำเนิดทุกผลิตภัณฑ์ ต้องไม่มีขอบคม, กระจกทนความร้อน และพลาสติกทนความร้อน
ที่มา : //superjeew.com/webboard/viewtopic.php?p=18849&sid=43d8d5f82da891efaa9ce12f7b0990dc
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 21:41:46 น. |
Counter : 876 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[ตู้เย็น] วิธีดูแลรักษาตู้เย็น
1. เลือกติดตั้งตู้เย็นในที่ที่เหมาะสม ไม่ถูกแสงแดด ไม่อยู่ใกล้เตาประกอบหรือหุงต้ม อาหารทุกชนิด อยู่ห่างจากผนังโดยรอบพอสมควร เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดและระบายความร้อนของตู้เย็น
2. ตู้เย็นที่บรรจุของเต็มจะใช้พลังงานน้อยกว่าตู้เย็นที่ว่างเปล่าหรือไม่เต็ม ของที่แช่อยู่ในช่องแช่แข็งที่เต็มจะช่วยทำให้อุณหภูมิของตู้เย็นกลับสู่สภาวะปกติได้เร็ว ภายหลังจากการเปิดประตูตู้เย็นแต่ละครั้ง
3. จัดการกับตู้เย็นเก่าอย่างเหมาะสม ภายหลังจากการติดตั้งตู้เย็นหลังใหม่แล้ว เพราะการเก็บรักษาและใช้ตู้เย็นเก่าที่ไม่มีประสิทธิภาพมาเป็นตู้เย็นสำรอง จะทำให้การใช้ตู้เย็นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้ช่วยลดการใช้พลังงานใด ๆ เพียงแต่ช่วยเพิ่มเนื้อที่ในการเก็บมากขึ้นเท่านั้น
4. การดูดฝุ่นทำความสะอาดด้านหลังตู้เย็นสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตู้เย็นได้มาก
5. ตรวจสอบและทำความสะอาดยางขอบประตูตู้เย็นสม่ำเสมอ และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีปิดได้สนิท ทดสอบโดยใช้ธนบัตรหรือกระดาษวางในตำแหน่งต่าง ๆ ระหว่างยางขอบประตูกับตู้เย็นแล้วปิดประตูตู้เย็น จากนั้นค่อย ๆ ดึงธนบัตรหรือกระดาษออก ถ้าดึงออกได้โดยง่าย แสดงว่ายางขอบประตูเสื่อมคุณภาพ จะทำให้อากาศร้อนภายนอกเข้าไปภายในตู้เย็น ทำให้มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก นอกจากนี้ความชื้นในอากาศยังเข้าไปในตู้เย็นด้วย จะทำให้แผงเย็นหรือช่องแช่แข็งมีน้ำแข็งเกาะเร็วขึ้น ดังนั้นควรเปลี่ยนยางขอบประตูตู้เย็นเสียใหม่
6. คลุมอาหารหรือของที่แช่ในตู้เย็นที่มีความชื้นก่อนแช่ในตู้เย็น เพราะอาหารเปียกชื้นจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น
7. หมั่นละลายน้ำแข็งสม่ำเสมอ เมื่อมีการสะสมน้ำแข็งมากเกินกว่าเครื่องหมายแสดงในตู้เย็น (ปุ่มแดง หรือสัญลักษณ์อื่น) ห้ามใช้ของแข็งที่มีคม หรือมีดแกะน้ำแข็งออกอาจจะทำให้แผงเย็นชำรุดเสียหายได้
8. ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยๆ หรือเปิดไว้นานๆ เพราะจะทำให้ความร้อนเข้าไปภายในตู้เย็น ทำให้ภายในตู้สูญเสียความเย็น ดังนั้นตู้เย็นจึงเริ่มทำงานสะสมความเย็นใหม่ สังเกตได้ง่ายๆ คือ บางครั้งที่เปิดตู้เย็นจะได้ยินเสียงมอเตอร์คอมเพรสเซอร์เริ่มทำงาน จึงไม่เป็นการประหยัดพลังงาน และจะทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นลดลงเร็วกว่าความเป็นจริงด้วย
9. อย่านำของที่ยังร้อนเข้าแช่ในตู้เย็นทันที เพราะความร้อนจากของร้อนจะไปเพิ่มอุณหภูมิภายในตู้เย็นมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้มอเตอร์คอมเพรสเซอร์ทำงานนานขึ้น จึงกินไฟเพิ่มขึ้น ควรปล่อยให้ของที่ยังร้อนเย็นตัวลงก่อน ก่อนที่จะนำเข้าเก็บไว้ในตู้เย็น
10. ภายในตู้เย็นจะมีหลอดไฟแสงสว่าง เมื่อเปิดประตูตู้เย็นหลอดไฟจะติดเพื่อหยิบของภายในตู้เย็นได้สะดวก เมื่อปิดประตูตู้เย็นขอบประตูจะไปกดสวิตช์ให้หลอดไฟดับด้วย ถ้ากรณีที่สวิตช์ค้างหรือเสียหลอดไฟในตู้เย็นจะติดตลอดเวลา ทำให้อุณหภูมิภายในตู้เย็นสูงขึ้น ทำให้สิ้นเปลืองไฟ และมอเตอร์คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักไปด้วย จึงควรรีบซ่อมสวิตช์หลอดไฟแสงสว่าง
11. ตรวจสอบและติดตั้งการทำความเย็นของตู้เย็นให้อยู่ที่ระดับเหมาะสม คือในพื้นที่แช่เย็นทั่วไปที่อุณหภูมิ 3-5 องศาเซลเซียส และที่ช่องแช่เข็งที่อุณหภูมิ - 10 ถึง - 15 องศาเซลเซียส การตรวจวัดอาจต้องใช้เทอร์โมมิเตอร์เนื่องจากตู้เย็นโดยทั่วไปจะไม่บอกอุณหภูมิภายในตู้เย็น
ที่มา : //superjeew.com/webboard/viewtopic.php?p=18849&sid=43d8d5f82da891efaa9ce12f7b0990dc
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 21:32:51 น. |
Counter : 2402 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
[ตู้เย็น] การเลือกซื้อตู้เย็น
1. เลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดสอดคล้องกับความต้องการของครอบครัว กรณีที่เคยใช้ตู้เย็นมาก่อน ขนาดของตู้เดิมจะเป็นพื้นฐานที่จะตอบคำถามได้ว่าตู้เย็นหลังใหม่ควรมีขนาดเท่าใด กี่ลูกบาศก์ฟุต ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเก็บของในตู้เย็นจะช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องใช้ตู้เย็นขนาดใหญ่ลงได้ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเป็นสัดส่วนโดยตรงกับขนาดของตู้เย็น
2. ตู้เย็นที่มีการละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ จะใช้พลังงานมากกว่าตู้เย็นที่ละลายน้ำแข็งด้วยการกดปุ่ม
3. ตู้เย็นที่มีเครื่องทำน้ำดื่มและน้ำแข็ง ที่สามารถรองรับน้ำดื่มและน้ำแข็ง โดยไม่ต้องเปิดประตูตู้เย็นบ่อยครั้ง จะช่วยทำให้อุณหภูมิของพื้นที่ทำความเย็นคงที่สม่ำเสมอ แต่ขณะเดียวกันตู้เย็นชนิดนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าตู้เย็นที่ไม่มีเครื่องทำน้ำเย็นและน้ำแข็ง
4. ตู้เย็นเบอร์ 5 มีประสิทธิภาพพลังงานมากกว่าตู้เย็นเบอร์ 4,3 และเบอร์อื่น ๆ ที่น้อยกว่า เลือกซื้อตู้เย็นที่ไม่ใช้สารประกอบ CFC ในการทำความเย็น เพื่อลดผลกระทบต่อชั้นโอโซนในบรรยากาศ
5. เลือกซื้อตู้เย็นที่มีฉนวนโดยรอบหนา หรือมีฉนวนป้องกันการสูญเสียความเย็นที่มีประสิทธิภาพ
6. เลือกซื้อตู้เย็นสีอ่อน จะทำให้การสะท้อนแสงภายในห้องที่ติดตั้งตู้เย็นดีขึ้น ช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องใช้หลอดแสงสว่างมาก
ที่มา : //superjeew.com/webboard/viewtopic.php?p=18849&sid=43d8d5f82da891efaa9ce12f7b0990dc
Create Date : 28 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 21:26:04 น. |
Counter : 622 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|