Group Blog
 
 
มิถุนายน 2558
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
30 มิถุนายน 2558
 
All Blogs
 
นัดที่ 4 รอบ 8 ทีม บราซิล 1(3) ปารากวัย 1(4)




ฟุตบอล โกปา อเมริกา 2015 รอบก่อนรองชนะเลิศ
    วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน 2558
ADVERTISING
     บราซิล 1-1 ปารากวัย
    (ปารากวัย ชนะจุดโทษ 4-3)

สนาม : เอสตาดิโอ มูนิซิปัล เด คอนเซปซิออน, เมืองคอนเซปซิออน, ประเทศ ชิลี

         ''เซเลเซา'' ทีมชาติบราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย และแชมป์โกปา อเมริกา 8 สมัย ภายใต้การคุมทัพของ คาร์ลอส ดุงก้า ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ประเดิมด้วยการเชือดเปรู 2-1 แต่มาแพ้ให้กับโคลอมเบีย 0-1 ในนัดที่สอง แล้วกู้หน้าด้วยการเชือดเวเนซุเอลาหวุดหวิด 2-1 เก็บ 6 แต้มจากสามนัด เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ซี

         ขณะที่ ปารากวัย ภายใต้การคุมทัพของ ราม่อน ดิอาซ เทรนเนอร์วัย 55 ปี ชาวอาร์เจนไตน์ พาทีมลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม ทำผลงานได้ดีทีเดียว ไล่ตั้งแต่เสมออาร์เจนตินา 2-2 ต่อด้วยเบียดชนะจาเมกา 1-0 แล้วนัดสุดท้ายเสมอกับอุรุกวัย 1-1 เข้ารอบ 8 ทีมมาด้วยการเป็นอันดับสองของกลุ่ม บี

         โดยเกมนี้ บราซิล ยังใช้ผู้เล่นในเกมล่าสุดเป็นแกนหลักจะขาดแค่เพียง เนย์มาร์ ที่ติดโทษแบนยาวถึง 4 นัด ปิดฉากทัวร์นาเมนต์นี้เรียบร้อย ทำให้ โรบินโญ่ สวมบทบาทดาวยิงลงเล่นแทนอีกเกม โดยจะประสานงานร่วมกับ วิลเลี่ยน, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขณะที่ ปารากวัย วาง  โรเก้ ซานตา ครูซ เป็นหน้าเป้าและให้ เนลสัน วัลเดซ ยืนเป็นหน้าต่ำทำงานร่วมกับ เอ็ดการ์ เบนีเตซ และเดร์ลิส กอนซาเลซ

         เริ่มเกมได้แค่สองนาที "ทัพแซมบ้า" เกือบได้ประตูขึ้นนำก่อน เมื่อ  ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ รับบอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนตะบันด้วยขวาเต็มข้อ แต่ยังดีไม่พอที่จะผ่านมือ ฮุสโต้ วียาร์ นายทวารปารากวัยปัดข้ามคานออกไปได้

         นาที 7 เอ็ดการ์ เบนีเตซ กระชากหนีแนวรับเซเลเซาขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนครอสเข้ามาให้ โรเก้ ซานตา ครูซ โฉบมาโขกที่เสาแรกที่ดีที่ เจฟเฟอร์สัน ออกมาบีบมุมทำให้บอลหลุดกรอบออกไป

         นาที 15 บราซิล มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะที่ เอลิอาส เมนเดส ได้บอลก่อนจ่ายออกข้างให้ ดาเนี่ยล อัลเวส ปาดบอลมาหน้าประตูให้ โรบินโญ่ ที่ยืนโล่งๆ ยิงเข้าไปไม่เหลือ แซมบ้าขึ้นนำ 1-0

         นาที 33 ปารากวัย มาได้ลุ้นจากจังหวะที่ โรเก้ ซานตา ครูซ ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนสับไกยิงด้วยซ้ายบอลเลียดหนีมือ เจฟเฟอร์สัน หลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

         ช่วงท้ายเกม ปารากวัย มีโอกาสบุกขึ้นมาบ้างแต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับแซมบ้าที่เหนียวแน่นได้ จบครึ่งแรก บราซิล นำปารากวัย 1-0

         เข้าสู่ครึ่งหลัง ปารากวัย ทำได้ดีขึ้น มาได้ลุ้นก่อน ในนาที 51 จากจังหวะฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้าย เดร์ลิส กอนซาเลซ ยิงยัดไปที่เสาแรก แต่ เจฟเฟอร์สัน ยังปิดมุมได้ดี ทุบเอาไว้ได้
         มาต่อเนื่อง จากนั้น 5 นาที จากลูกเตะมุมเดร์ลิส กอนซาเลซ เปิดมาเข้าหัว เนลสัน วัลเดซ ได้สะบัดโหม่ง ข้ามคานนิดเดียว

         นาทีที่ 56 ปารากวัย มาอีกครั้ง จากบอลทางขวา เดร์ลิส กอนซาเลซ วางบอลแม่นยำให้ เปาโล ดา ซิลวา ได้โขกกดลงพื้น แต่ไม่ผ่านมือเจฟเฟอร์สัน พุ่งปัดได้อีก

         หลังจากกดดันบราซิลอยู่นาน นาทีที่ 71 ปารากวัย มาได้ลูกจุดโทษ เมื่อติอาโก้ ซิลวา ขึ้นโหม่งแล้วไปใช้มือ ผู้ตัดสินให้แฮนด์บอลทันที และเป็น เดร์ลิส กอนซาเลซ อัดด้วยขวาเต็มแรงเข้าไปไม่เหลือ ไล่ตีเสมอเป็น 1-1

         นาทีที่ 80 ปารากวัย ใช้จังหวะสวนกลับ จากบอลยาว โรเก้ ซานตา ครูซ โหม่งชงไปทางขวาต่อให้ เดร์ลิส กอนซาเลซ ควบพาบอลไปในกรอบเขตโทษ ก่อนอัดด้วยขวาไปที่เสาแรก ร้อนถึงเจฟเฟอร์สัน ต้องออกแรงทุบออกไป

         2 นาทีต่อมา เซเลเซา ตอบโต้มาบ้าง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ใช้ความสามารถเฉพาะตัว เลี้ยงมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะล็อกยิงด้วยขวา บอลพุ่งตกพื้น แต่ฮุสโต้ วียาร์ ยังป้องกันไว้ได้

         อีกนาทีเดียวบราซิล มาได้ฟรีคิก ระยะประมาณ 30 หลา ดาเนี่ยล อัลเวส รับอาสาปั่นด้วยขวา แต่บอลไม่เข้ากรอบ

         ท้ายเกมไม่มีประตูเพิ่มเติม จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องดวลลูกจุดโทษตัดสินทันที ผลปรากฏว่า ปารากวัย ยิงแม่นกว่าเอาชนะไป 4-3 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ อาร์เจนตินา ในวันที่ 30 มิถุนายน เวลา 06.30 น. (เช้าวันพุธเวลาประเทศไทย)

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         บราซิล (4-5-3-1) : เจฟเฟอร์สัน ; ดาเนี่ยล อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, ชูเอา มิรันด้า, ฟิลิเป้ ลุยส์ ; แฟร์นันดินโญ่, เอลิอาส เมนเดส ; วิลเลี่ยน(ดั๊กลาส คอสต้า น.60), ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ , โรบินโญ่(เอแวร์ตอน ริเบยโร่ น.87) ; โรแบร์โต้ เฟียร์มีโน่(ดีเอโก้ ตาร์เดลลี่ น.69)

         ปารากวัย (4-4-1-1) : ฮุสโต้ วียาร์ ; บรูโน่ วัลเดซ, เปาโล ดา ซิลวา, ปาโบล อากีลาร์, อิวาน ปิริส ; เดร์ลิส กอนซาเลซ, เอดูอาร์โด้ อรันด้า(ออสวัลโด้ มาร์ตีเนซ น.77), วิกตอร์ กาเซเรส, เอ็ดการ์ เบนีเตซ(ออสการ์ โรเมโร่ น.84) ; เนลสัน วัลเดซ(ราอูล โบบาดีย่า น.74) ; โรเก้ ซานตา ครูซ

ข้อมูลจาก //www.siamsport.co.th




Create Date : 30 มิถุนายน 2558
Last Update : 30 มิถุนายน 2558 21:24:26 น. 0 comments
Counter : 590 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.