ฟุตบอลชายโอลิมปิก โตเกียว 2020 ได้บทสรุปคู่ชิงชนะเลิศเป็นทางด้านแซมบ้า บราซิล พบกับทัพขุนพลกระทิงดุ สเปน โดยทั้งคู่เคยได้เหรียญทองโอลิมปิกทีมละครั้ง สเปนได้ที่บาร์เซโลนาปี 1992 ส่วนบราซิลเป็นแชมป์เก่าในริโอเกมส์ 2016 ความน่าสนใจอยู่ตรงที่หากใครทำสำเร็จ จะเป็นการคว้าแชมป์โอลิมปิก “นอกแผ่นดินเกิด” ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตัวเอง แถมยังเป็นชาติยักษ์ใหญ่ในวงการฟุตบอลโคจรมาพบกัน กลายเป็นคู่ชิงทัวร์นาเมนต์ใหญ่อยู่ในความสนใจแฟนบอลทั่วโลก ความพร้อมทั้งคู่เป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยครับ
เริ่มที่แชมป์เก่าบราซิล รอบรองดวลจุดโทษชนะเม็กซิโก 4-1 (เวลาปกติ 0-0) คุมทัพโดย อังเดร จาร์ดีน อดีตกุนซือเซาเปาโล สตาร์ในทีมชุดนี้ขนกันมาหลายคนทั้งแบ็กขวาตัวเก๋า ดานี่ อัลเวส , ริชาร์ลิซอน แนวรุกเอฟเวอร์ตัน ที่ซัดไป 5 ประตูนำดาวซัลโว , ดักลาส ลุยซ์ (แอสตัน วิลล่า) , ดิเอโก้ คาร์ลอส (เซบีญ่า) , เปาลินโญ (เลเวอร์คูเซ่น) เรียกว่าเห็นรายชื่อแฟนบอลสูดปากซี้ด รอบชิงจะได้ มัทเธอุส คุนญ่า ศูนย์หน้าแฮร์ธา เบอร์ลิน ที่เจ็บจากรอบ 8 ทีมจนไม่มีชื่อลงสนามนัดชนะเม็กซิโก คัมแบ็กกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ทันเวลา ส่วนตำแหน่งอื่นไม่มีปัญหายังยึด 11 ไลน์อัพรอบรอง ปรับเพียงแนวรุกเล็กน้อยถอยแอนโทนีย์ ที่รับบทศูนย์หน้าลงมาเล่นริมเส้นตามถนัด เปิดทางให้มัทเธอุส คุนญ่า ผลงานดียิงทัวร์นาเมนต์นี้ไป 2 ประตู ลงล่าตาข่ายสเปน
อังเดร จาร์ดีน มาในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตูซานโต๊ส (พาราเนนเซ่) คู่เซ็นเตอร์ดิเอโก้ คาร์ลอส (เซบีญ่า) ประสานงานกับนิโน่ (ฟลูมิเนนเซ่) แบ็กซ้ายกิเยร์โม อราน่า (มิไนโร่) แบ็กขวาดานี่ อัลเวส (เซาเปาโล) ขยับมาคู่กลางรับบรูโน กิมาเรส (ลียง) จับคู่กับดักลาส ลุยซ์ (แอสตัน วิลล่า) แนวรุกริชาร์ลิซอน (เอฟเวอร์ตัน) , เคลาดินโญ (เรดบูล บรากันติโน่) และแอนโทนีย์ (อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม) หน้าเป้ามัทเธอุส คุนญ่า (แฮร์ธา เบอร์ลิน)
มากันที่สเปน รอบรองต่อเวลาเฉือนชนะเจ้าภาพญี่ปุ่น 0-1 ชุดนี้ตัวดังคุ้นหูหลายคนเริ่มจาก เปดรี้ ไอ้หนูห้องเครื่องดาวรุ่งวัย 18 จากบาร์เซโลนา , เปา ตอร์เรส กองหลังบียาร์เรอัลชุดยูโร 2020 , มาร์โก อเซนซิโอ ตัวรุกริมเส้นจากเรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ที่เคยมีประสบการณ์คุมทีมดังอย่างแอธเลติก บิลเบา และอลาเบสมาแล้ว รอบชิงหมดสิทธิ์ใช้งาน ดานี่ เซบายอส ที่เจ็บยาวจากนัดแรก อีกรายคือออสการ์ มินเกซ่า ร่างกายไม่ฟิตสมบูรณ์ แต่แกนหลักรายอื่นพร้อมลงสนามนำโดย ราฟา เมียร์ ดาวซัลโวประจำทีมที่ซัดไป 3 ประตู รวมถึง มิเกล โอยาร์ซาบัล ศูนย์หน้าตัวเก่งจากเรอัล โซเซียดาด พร้อมทะลวงตาข่ายบราซิลนัดชิง ในส่วนของมาร์โก อาเซนซิโอ ฮีโร่ดับญี่ปุ่นในรอบรอง น่าจะเก็บไว้เป็นตัวทีเด็ดซุปเปอร์ซับช่วงครึ่งหลัง
ลา ฟวนเต้ จัดทัพในระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตูอูไน ซิมอน (บิลเบา) กองหลังตัวกลางเปา ตอร์เรส (บียาร์เรอัล) จับคู่กับเอริค การ์เซีย (บาร์เซโลนา) แบ็กซ้ายมาร์ค กูกูเรย่า (เกตาเฟ่) แบ็กขวาออสการ์ กิล (เอสปันญ่อล) ขึ้นมาแผงมิดฟิลด์เปดรี้ (บาร์เซโลนา) , มาร์ติน ซูบินเมนดี้ และมิเกล เมริโน่ สองมิดฟิลด์จากเรอัล โซเซียดาด แนวรุกมากันครบดานี่ โอลโม่ (แอร์เบ ไลป์ซิก) , มิเกล โอยาร์ซาบัล (เรอัล โซเซียดาด) หน้าเป้าราฟา เมียร์ (วูล์ฟแฮมป์ตัน)
บทวิเคราะห์ : บราซิลค่อนข้างถูกโฉลกกับโอลิมปิก เข้าชิงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 และมองว่าฟอร์มค่อนข้างดูเนียนตากว่า สเปนตั้งแต่รอบแรกเล่นกับอียิปต์ , อาร์เจนตินา เจอพวกสไตล์เร็ว-คล่องสร้างปัญหาพอสมควร และจะต้องพบต้นตำหรับนี้อย่างบราซิล เทียบฟอร์มแล้วยกให้แชมป์เก่าเหนือกว่า สกอร์ที่คาด บราซิล 2 – 0 สเปน ปิดกล่องได้ใน 90 นาที ฉลองแชมป์โอลิมปิกติดต่อกันอีกสมัย
การแข่งขันจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2564 เวลา 18.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ สนามกีฬาแห่งชาติโยโกฮามา
บราซิลจะมีทีเด็ดพิชิตสเปนได้หรือไม่ แฟนบอลอย่าพลาดชมครับ..
ข้อมูลจาก https://intrend.trueid.net/