Do you love movies ?

ชัยชนะของคนผู้ไม่ยอมแพ้



Cinderella Man
ชัยชนะของคนผู้ไม่ยอมแพ้


ผมเชื่อมาตลอดว่าคนที่อดทน ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ใช้ความมานะบากบั่นเป็นหลักในการต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ไม่ต้องสนใจพื้นฐานครอบครัว ไม่ต้องสนใจวุฒิการศึกษา ขอเพียงตั้งใจและเลือกทำกินให้ถูกทางอย่างสุจริต จะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน เหล่าเจ้าสัวพันล้านของไทยหลายๆคน เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ผมสามารถยกมาเป็นตัวอย่างเพื่อยืนยันความเชื่อของผมได้ แต่จะว่าไปแล้วแค่เลือกจะพูด และเลือกจะเชื่อนี่มันทำได้ง่ายนะครับ แต่เลือกจะปฏิบัติให้ได้อย่างที่เชื่อเนี่ย ยากเอาการ ... ผมลองคิดว่าถ้าผมเป็นเด็กด้อยโอกาสที่ต้องอดมื้อกินมื้อ ช่วยพ่อแม่ทำงานทังวันหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ และไม่มีเงินเก็บออมใดๆ ผมคงไม่มีกำลังใจเพียงพอและอาจก้มหน้ายอมรับสภาพของการเป็นผู้แพ้ไปโดยปริยาย

ดังนั้น โดยส่วนตัวผมจึงนับถือและศรัทธาในคนที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยลำแข้งของตัวเองเป็นอย่างมาก มีไม่น้อยนะครับที่คนเหล่านี้ออกมาเขียนหนังสือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จให้คนทั่วไปได้ศึกษากัน ผมเองก็มีโอกาสได้อ่านบ้าง แต่พบว่าส่วนใหญ่เป็นขั้นตอนการตั้งตัวและการบริหารธุรกิจขนาดเล็ก ให้ก้าวสู่การเป็นธุรกิจขนาดใหญ่แทบทั้งสิ้น ทฤษฏีและวิธีปฏิบัติในหนังสือเหล่านี้จัดว่าดีเลยครับ เพราะนำมาจากผู้มีประสบการณ์ตรง และผ่านอุปสรรคความยากลำบากมาก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่หนังสือเหล่านี้ขาดไปคือ ทำอย่างไรจึงจะมีกำลังใจมากเพียงพอที่จะกล้าก้าวข้ามเส้นขีดจำกัดของตัวเองให้ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงได้โอกาสเลือกหนังที่ว่าด้วยเรื่องเหล่านี้มาเล่าให้อ่านกัน เป็นหนังหมัดๆ มวยๆ ที่ชื่อเรื่องว่า Cinderella Man ครับ

ในยุค 30 ที่เศรษฐกิจอเมริกาตกต่ำอย่างหนัก จิม แบรดด็อก เป็นอดีตนักมวยฝีมือดีที่หมดสภาพ แก่ และตกงานเหมือนกับคนส่วนใหญ่ จิมมีครอบครัวที่ต้องหาเงินมาเลี้ยงดู โดยจิมต้องไปยืนต่อแถวรอการจ้างงาน และได้ค่าแรงเพียงน้อยนิด หลายครั้งที่เขาต้องอดกินอาหารเพื่อนำมาให้ลูกเมียที่บ้านได้กิน หลังจากที่จิมพบว่าบ้านของเขาโดนตัดไฟเพราะไม่มีเงินเหลือจ่าย เขาทนรับสภาพลูกเมียนั่งก้มหน้าหมดอาลัยตายอยากไม่ได้อีกต่อไป และตัดสินใจจะหวนกลับเข้าสู่วงการมวยอีกครั้ง จิมไปขอสมัครเป็นคู่ชกในคู่เรียกน้ำย่อยบนเวที และวิงวอนจนโปรโมเตอร์ยอมช่วยเหลือ ทำให้จิมได้ขึ้นชกอีกครั้ง แม้ว่าคนทั่วไปจะมองว่าเขาคงขึ้นเวทีมาโดนคู่ต่อสู้ถลุงก็ตาม

แต่เมื่อถึงเวลาชกจริง จิมกลับเรียกสัญชาตญาณการชกมวยในอดีตของเขากลับมาได้ และเอาชนะคู่แข่งไปได้อย่างเซอไพรส์ ทำให้จิมถูกเรียกมาชกเรียกน้ำย่อยในครั้งต่อๆไป และเอาชนะได้ทุกครั้ง จนคนดูให้ความสนใจในตัวจิม และทำให้เขากลายเป็นคนดังในฐานะนักมวยคนสู้ชีวิต ได้ขวัญใจเป็นชนชั้นแรงงานทั่วอเมริกา จิมได้เงินมาจุนเจือครอบครัว และแบ่งปันเงินเหล่านี้ให้เพื่อนฝูงที่ฝ่าฟันมาพร้อมกับเขา จิมได้รับแรงยุจากเพื่อนๆ และความต้องการของคนดูที่จะให้จิมชกชิงแชมป์กับแม็กซ์ แชมป์โลกจอมโหดที่ต่อยคู่แข่งตายไปแล้วมากมาย ในตอนแรกจิมปฏิเสธเพราะเห็นแก่ลูกเมียที่บ้าน แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากครอบครัวในภายหลัง และความต้องการลึกๆในใจของเขาที่จะเป็นตัวแทนคว้าความสำเร็จมาเป็นกำลังใจให้ชนชั้นล่างทุกคน เขาจึงตอบตกลงยอมชกกับแม็กซ์ แม้ว่าจะโดนต่อยจนแทบยืนไม่ไหว แต่จิมก็กัดฟันสู้จนเอาชนะแม็กซ์คว้าแชมป์โลกเป็นรางวัลแก่ตัวเขา ครอบครัว และชนชั้นล่างทุกๆคนได้สำเร็จในที่สุด

หนังเรื่องนี้คือแรงบันดาลใจของการสู้ชีวิตอย่างชัดเจนเลยนะครับ ใครที่ท้อถอยหรือหมดกำลังใจ การได้ดูหนังเรื่องนี้จะเติมเต็มกำลังใจให้กับเขาได้จนล้นเปี่ยมอย่างแน่นอน นอกจากสาระที่หนังมอบให้แล้ว ความบันเทิงที่ได้จากหนังเรื่องนี้ยังจัดว่ามากพอสมควร ฉากการต่อยมวยสนุกเร้าใจเพศชาย ขณะที่ฉากดราม่าในครอบครัวของตัวละครก็ลึกซึ้งกินใจเพศหญิง เป็นหนังสร้างกำลังใจที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งที่ผมแนะนำให้ลองหามาดูกัน รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ

โดยปกติการสู้ชีวิตก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้วนะครับ แต่ยิ่งถ้ามีเป้าหมายของการสู้ชีวิต ว่าจะทำไปเพื่อตัวเอง เพื่อคนรัก เพื่อครอบครัว หรือเพื่อใครก็แล้วแต่ มันก็จะยิ่งสร้างเสริมกำลังใจ และผลักดันให้มีพลังในการต่อสู้กับความยากลำบากและอุปสรรคนานัปการได้มากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ผมเคยสงสัยนะครับ ว่าทำไมบางครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ ต้องเหนื่อยยาก ลำบากกายกว่าจะได้เงินมาสักก้อน แถมยังติดหนี้นอกระบบ กลับมีความสุขกับการสู้ชีวิต เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อฟันฝ่าวิกฤต ขณะที่บางครอบครัวที่มีกินมีใช้เหลือเฟือ พ่อแม่ทำงานสบายในห้องประชุม ได้เงินมาง่าย และซื้อของที่ต้องการได้อย่างสบายกระเป๋า แต่คนในครอบครัวกลับขาดความอบอุ่น มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง และไม่มีความสุข ... คำตอบของคำถามนี้ในความ คิดของผมคือ เพราะเป้าหมายในการใช้ชีวิตของครอบครัวสู้ชีวิตนั้นชัดเจนกว่า และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำตามเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกันได้อย่างชัดเจน เมื่อมีการรวมใจช่วยเหลือกัน แม้หนทางจะไม่ราบเรียบ แต่ก็ยังพอประคองกันก้าวไปพร้อมกันอย่างช้าๆ ซึ่งทำให้สมาชิกทุกคนในครอบครัวมีความสุขที่ได้เป็นกำลังใจให้กันและต่อสู้ไปร่วมกัน ขณะที่ครอบครัวคนรวยนั้นแตกต่างออกไปตรงที่เป้าหมายส่วนใหญ่ที่กำหนดเป็นความคาดหวัง ไม่ใช่ความจำเป็น หากสมาชิกทำให้ครอบครัวผิดหวังก็อาจผิดใจกัน อีกทั้งต่างคนต่างใช้ชีวิตเป็นเอกเทศ ทำให้ความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวเป็นไปอย่างหลวมๆ ดังนั้นจึงมีปัญหาในครอบครัวได้ง่ายกว่า

จะเห็นได้ว่าไม่จริงเสมอไปหรอกนะครับ ที่ผู้ชนะจะมีความสุขไปตลอด บางครั้งแค่เราไม่ยอมแพ้ จะชนะหรือไม่ชนะก็มีความสุขแล้วที่ได้พยายาม ผมเองขอเป็นกำลังใจเล็กๆที่สนับสนุนให้ใครก็ตามที่กำลังเผชิญกับวิกฤต ไม่ว่าด้านการเงิน การงาน การศึกษา ครอบครัว หรือการใช้ชีวิต ได้ลุกขึ้นต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคใดๆ หาหลักยึดให้มั่น หากำลังใจให้ดี มองเป้าหมายให้แม่น แล้วแล่นทะยานฝ่ามันไปให้ได้ ตอนสุดท้ายจะเอาชนะปัญหาได้มั้ยผมไม่รับประกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันคือคุณชนะใจตัวเองแน่นอน ขอให้โชคดี สู้ๆครับ

เกร็ดข้อมูลจากภาพยนตร์

ภาพยนตร์ Cinderella Man (วีรบุรุษสังเวียนเกียรติยศ)
ปี 2005
เขียนบท Cliff Hollingsworth
กำกับ Ron Howard
นำแสดง Russell Crowe, Renée Zellweger, Paul Giamati, Paddy Considine, Craig Bierko
รางวัลเด่น
นักแสดงชายยอดเยี่ยมเทศกาล Australian Film Institute
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมรางวัล Critics Choice Award
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัล Phoenix Film Critics Society Awards
คะแนนจากเว็บไซค์ IMDB 8/10
คะแนนจากเว็บไซต์ Rottentomatoes 80 % (Fresh 161 คน - Rotten 40 คน)



Create Date : 22 พฤษภาคม 2554
Last Update : 22 พฤษภาคม 2554 0:39:37 น. 2 comments
Counter : 1187 Pageviews.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ ดูหลายรอบแล้วก็ยังชอบอยู่ จริงค่ะ คนที่สู้เท่านั้นแหละที่จะได้ชัยชนะ


โดย: Jaymaima วันที่: 22 พฤษภาคม 2554 เวลา:2:22:02 น.  

 
อยากดูมากคับ


โดย: jarin IP: 183.89.52.102 วันที่: 29 เมษายน 2558 เวลา:20:46:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Branelay
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add Branelay's blog to your web]