Do you love movies ?

5 อันดับหนังเกี่ยวกับเพลงที่ผมชอบที่สุด

อันดับ 5



Music & Lyrics


หนังเกี่ยวกับเพลงที่น่ารัก โรแมนติค และนุ่มนวลอ่อนหวาน งานของผู้กำกับมาร์ก ลอเรนซ์ ซึ่งรับหน้าที่เขียนบทไปด้วย ได้พระเอกหนุ่มอังกฤษที่ถนัดกับการรับบทหนุ่มโรแมนติคอย่างฮิว แกรนท์ มาประกบกับสาวที่เป็นขาประจำหนังโรแมนติคอย่างดรูว์ แบรีมอร์ และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหนุ่มผมน้ำตาลกับสาวผมแดงคู่นี้เข้าคู่กันได้อย่างลงตัว บวกกับบทหนังที่โรแมนติคนิดๆ คอมเมดีหน่อยๆ และเพลงประกอบหนังที่ไพเราะจับใจ ออกมาเป็นหนังเกี่ยวกับเพลงที่น่ารักที่สุดเรื่องนึงในยุคสมัยนี้เลยทีเดียว

หนังเล่าเรื่องของอเล็กซ์ เฟล็ชเชอร์ ( ฮิว แกรนท์ ) นักดนตรีตกอับแห่งยุค ที่ได้แต่ขายอดีตอันรุ่งโรจน์ของตัวเองโดยเอาเพลงเก่าๆของเขามาร้องให้แฟนเพลงรุ่นป้าฟังตามงานต่างๆ แต่แล้ววันหนึ่งโอกาสก็มาถึงอเล็กซ์อีกครั้ง เมื่อคอร่า คอร์แมน นักร้องสาวสวยอันดับหนึ่งได้เชิญให้นักร้องนักดนตรีทั่วสารทิศแต่งเพลงเข้าประกวด โดยถ้าเพลงใดถูกใจเธอ ผู้แต่งพลงนั้นๆจะได้ขึ้นมาแสดงกับเธอบนเวทีด้วย อเล็กซ์ไม่รอช้ารีบลงมือแต่งทำนอง คำร้องหวังจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งให้ได้ ซึงโชคชะตาก็ชักนำเอาแม่บ้านคนใหม่ของอเล็กซ์อย่างโซฟี ( ดรูว์ แบรีมอร์ ) ที่มาทำงานชั่วคราวแทนแม่บ้านคนเก่าในวันที่อเล็กซ์กำลังแต่งเพลงพอดี แน่นอนว่าทั้งคู่ได้รู้จักกัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียในคำร้อง ทำนองของเพลงนี้ด้วยกัน และเกิดเป็นความรักในที่สุด

นี่เป็นหนังโรแมนติคที่ใช้เพลงเป็นสื่อกลางได้ดีมากๆครับ ผมเชื่อว่าถึงไม่ใช่คอหนังก็น่าจะรู้จักกับเพลง Way back into love ที่ฮิว แกรนท์ร้องนำเองด้วย นอกจากเพลงเพราะๆแล้ว บรรยากาศของตัวหนังก็อบอุ่น ละมุนไปด้วยความโรแมนติค และเมื่อได้อารมณ์ขันเล็กๆในตัวบทกับความน่ารักของคู่พระคู่นาง ทำให้ Music & Lyrics เป็นหนังเกี่ยวกับเพลงอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะแนะนำให้ลองหามาดูกัน รับรองว่าได้อมยิ้มเล็กๆ และได้ร้องคลอกันไปกับเพลงเพราะๆในเรื่องแน่นอน


อันดับ 4



Almost Famous


หนังเกี่ยวกับเพลงและการเดินทางค้นหาความหมายของชีวิตของผู้กำกับคาเมรอน โครวแห่งเจอร์รี่ แม็คไกว ได้ดาราระดับกลางๆมาร่วมแสดง รวมทั้งได้นางเอกหน้าหน้าใหม่ใสกิ๊งในเวลานั้นอย่างเคท ฮัดสัน และพระเอกวัยรุ่นแพทริก ฟูจีทมาเล่นเป็นวัยรุ่นบ้าเพลงร็อก โดยมีฟรานเชส แม็คดอมานรับบทเป็นคุณแม่จอมเฮี้ยบที่ไม่อยากให้ลูกชายออกไปมั่วสุมกับเหล่านักดนตรี และแทบจะตลอดทั้งเรื่องก็จะเล่าเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นในการตามหาความฝัน พบเจอประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ และรักแรกในชีวิต

หนังเล่ารื่องของวิลเลียม วัยรุ่นตอนต้นที่เฝ้าฝันจะได้เจอกับวงดนตรีร็อคมากมายที่เขาชื่นชอบ จนได้มีโอกาสพบกับวงดนตรีเกือบดัง ~ สติลวอเตอร์ในงานคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง และจับพลัดจับผลูได้เข้ามาเป็นผู้ติดตามวงดนตรีนี้ รวมทั้งยังโชคดีได้เป็นนักเขียนให้นิตยสารโรลลิ่ง สโตนที่จะช่วยออกค่ากินค่าอยู่ทั้งหมดให้เขา แลกกับบทความจากการติดตามวงสติลวอเตอร์ตลอดทริปทัวร์ตอนเสิร์ต และจากการเดินทางในครั้งนี้เอง ทำให้วิลเลียมได้รู้จักการมีชีวิตของเหล่านักร้องเพลงร็อค ยาเสพย์ติด ผู้หญิงมากหน้าหลายตา แฟนเพลงขั้นฮาร์ดคอร์ เซ็กส์ และการตกหลุมรัก แน่นอนว่าวิลเลียมต้องพบกับทั้งด้านดีและด้านเสียของสติลวอเตอร์ และเขาต้องเลือกว่าจะเสนอความจริงด้านไหนให้กับนิตยสาร และอนาคตของวงดนตรีสติลวอเตอร์อาจขึ้นอยู่กับปลายปากกาของวิลเลียมก็เป็นได้

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดูเรียลลิสติกหรือค่อนข้างจริงนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าบรรยากาศคอนเสิร์ตทั้งหลายนั้น เก็บมาจากคอนเสิร์ตจริงๆหรือไม่ แต่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้แบบที่สัมผัสได้ ไม่เพ้อฝัน ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่องดูแล้วใกล้ตัว และเกิดจากความรัก โลภ โกรธ หลงของแต่ละตัวละครทั้งนั้น เพลงประกอบที่ตัวละครนำมาร้องไม่คุ้นหูสำหรับผม แต่ก็ฟังได้เพลินๆเข้ากับบรรยากาศในหนังได้เป็นอย่างดี ขอแนะนำสำหรับคอหนังโรดมูฟวี่ คอหนังก้าวผ่านวัย คอหนังเกี่ยวกับเพลง และคนที่อยากดูหนังดีๆทุกคนครับ


อันดับ 3



Walk the Line


หนังอัตชีวประวัติของผู้กำกับเจมส์ แมนโกลด์ที่ทำหนังมาแล้วมากมายหลายแนว ทั้งหนังระทึกขวัญหักมุมอย่าง Identity , หนังรักข้ามมิติอย่าง Kate & Leopold หรือล่าสุดกับหนังคาวบอยอย่าง 3:10 to Yuma แต่ถ้านับงานที่มือขึ้นที่สุดก็ต้องนับหนังเกี่ยวกับเพลงเรื่องนี้เป็นหนึ่งในนั้น หนังได้โจอาควิน ฟินิกส์มารับบทเป็นนักแสดงที่ต้องร้องเพลงเองทั้งเรื่องจริงๆ ซึ่งก็นับว่าเลือกได้ไม่ผิดคน เพราะฟินิกส์ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีความสามารถในการร้องเพลงได้เป็นอย่างดี ประกบกับนางเอกสาวรีส วิทเธอร์สปูนที่ได้ออสการ์จากการแสดงในเรื่องนี้ด้วย

หนังเล่าเรื่องของจอนนี่ แคชตั้งแต่เริ่มทำงานในกองทัพอากาศ แต่งงาน และทำงานเป็นเซลส์แมน จนได้เจอกับผู้ให้โอกาสทำเพลงเป็นของตัวเอง และเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง จนกระทั่งเจอกับจูน คาร์เตอร์ระหว่างการออกทัวร์ การตกหลุมรักกัน และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพ และค่อยๆดิ่งลงมา ครอบครัวแตกแยก ติดยา ยุติความสัมพันธ์กับจูน และความพยายามของจอนนี่ในการกลับมาเดินบนเส้นทางของตัวเองอีกครั้ง ท่ามกลางความยากลำบากและปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวย จอนนี่ต้องพยายามอย่างหนักหนาสาหัสเพื่อเลิกยา และพยายามขอโอกาสในการคบกับจูนอีกครั้ง และในคอนเสิร์ทครั้งหนึ่งของเขา เขาก็ขอจูนแต่งงานกลางเวที ท่ามกลางผู้ชมนับพันเป็นสักขีพยาน

การเล่าเรื่องของหนังเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่หวือหวา ใช้การร้องเพลงเดินเรื่องไปพร้อมกับตัวหนัง แต่การเล่าเรื่องไปข้างหน้าอย่างง่ายๆนี้เองกลับมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด เสียงร้องของทั้งฟินิกส์และรีส วิทเธอร์สปูนก็เหมาะสมกับแนวเพลงคันทรีเป็นอย่างดี เพลงประกอบของหนังก็เป็นเพลงคลาสสิคของจอนนี่ แคชที่ฟังครั้งแรกก็ติดหู เป็นหนังอัตชีวประวัติที่อบอุ่น ซาบซึ้ง โรแมนติค และเนื้อหาไม่หนักจนเกินไป สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญคือดูเพลินจนเวลา 130 นาทีของหนังผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็ไม่มีอะไรต้องพูดมากกว่า ขอแนะนำอีกครั้งครับ


อันดับ 2



Swing Girls


หนังญี่ปุ่นที่อบอุ่นและน่ารักของผู้กำกับชิโนบุ ยากูชิที่เคยทำ Water boys มาก่อน และมือขึ้นต่อเนื่องกับหนังเกี่ยวกับวงดนตรีแจ๊ซของสาวๆมัธยมปลายเรื่องนี้ หนังได้นางเอกดาวรุ่งอย่างจูริ อูเอโนะที่ต่อมาเป็นที่รู้จักจากซีรีย์โนดาเมะ วุ่นรักนักดนตรี มาแสดงเป็นหนึ่งในนักดนตรีของวงดนตรีแจ๊ซ และได้นักแสดงสาววัยรุ่นของญี่ปุ่นอีกเพียบมาช่วยกันสร้างความฮาและความน่ารัก ที่สำคัญคือสาวๆนักแสดงกลุ่มนี้ยังเล่นเครื่องดนตรีในเรื่องทั้งหมดด้วยตัวของพวกเธอเองอีกด้วย

เรื่องย่อๆของหนังที่ดูเหมือนจะเป็นหนังวัยรุ่น แต่กลับสร้างความประทับใจให้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกชาติเรื่องนี้ เกิดขึ้นที่โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง กลุ่มนักเรียนไม่เอาไหนกลุ่มนึงดันไปทำอาหารกลางวันของวงดนตรีแจ๊ซสกปรก จนทำเอานักดนตรีในวงท้องเสียกันหมด และทำให้นักเรียนกลุ่มนี้ต้องรับผิดชอบด้วยการไปซ้อมดนตรีและต้องขึ้นแสดงดนตรีแทนวงดนตรีโรงเรียน แต่ปัญหาคือพวกเธอเล่นดนตรีกันไม่เป็นเลย แต่ความขยันฝึกซ้อมและเรียนรู้ของพวกเธอ ประกอบกับได้อาจารย์สอนคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยเหลืออีกแรง ทำให้การฝึกดนตรีของพวกเธอก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่เรื่องดันมาพลิกผันตรงที่เมื่อถึงวันขึ้นแสดงจริง วงดนตรีแจ๊ซตัวจริงของโรงเรียนกลับหายป่วยทันกันหมด และโรงเรียนก็เลือกส่งวงดนตรีประจำโรงเรียนขึ้นแสดงแทนวงเฉพาะกิจของนักเรียนเหล่านี้

ถ้าจะมองว่าเรื่องนี้เป็นหนังตลกเบาสมอง ผมก็ถือว่าใช่นะครับ เพียงแต่ว่าบรรยากาศในหนังและฟีลของหนังมันดีกว่าหนังเบาสมองทั่วไป อีกทั้งเพลงบรรเลงในหนังก็ให้อารมณ์การแสดงสด ประกอบกับความน่ารักสดใสของนักแสดงวัยแรกสาวในเรื่อง ทำให้ Swing Girls เป็นหนังเกี่ยวกับเพลงที่ดูเบาๆ ดูจบแล้วอมยิ้มมีความสุข และอาจทำให้หลายๆคนสนใจในดนตรีแจ๊ซมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะชอบหนังเกี่ยวกับเพลงหรือไม่ ผมก็ยังรับประกันว่าไม่มีผิดหวังกับหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ


อันดับ 1



Once


สำหรับผม นี่เป็นหนังนอกกระแสที่อบอุ่นที่สุดในรอบปีที่ได้ดู หนังเล็กๆของผู้กำกับจอห์น คาร์นี่ที่ลงทุนไปแค่แสนกว่าเหรียญ แต่ผลตอบรับได้ออกมากลับเกินคาด หนังได้นักดนตรีอาชีพอย่างเกล็น แฮนซาร์ดและมาร์เกต้า เออร์โกลว่ามานำแสดง พร้อมควบตำแหน่งแต่งคำร้องและทำนองเพลงในเรื่องเอง และที่สำคัญเพลงที่สองนักแสดงนำร้องยังได้ออสการ์เพลงประกอบยอดเยี่ยมประจำปีอีกด้วย ที่ผมยกเครดิตมาพูดเยอะแยะขนาดนี้ไม่ได้จะยกให้หนังดูยิ่งใหญ่นะครับ แต่ที่ยกขึ้นมาบอกเพราะหนังเรื่องนี้ดีและสมควรจะได้รับทั้งรางวัลและคำชมเชยอย่างแท้จริง

หนังเล่าเรื่องของนักดนตรีข้างถนนคนหนึ่ง ที่บังเอิญได้ไปเจอสาวชาวเช็คที่รักเสียงดนตรีเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ได้แต่งเพลงร่วมกัน ได้ร้องเพลงร่วมกัน จากความสัมพันธ์แบบเพื่อนต่างเพศ ก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนมาเป็นความรัก ความห่วงใย แต่เนื่องจากฝ่ายหญิงมีภาระทางบ้าน มีลูกสาวตัวน้อยๆในวยซุกซน มีคุณแม่วัยชราที่ต้องคอยปรนนิบัติรับใช้ ส่วนฝ่ายชายก็มีฝันที่จะเดินทางไปลอนดอนเพื่อตั้งวงดนตรีและมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง แม้ว่าฝ่ายชายจะอยากพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาไปเรื่อยๆ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากทำตามความฝันก่อนที่จะไม่มีโอกาส แต่อย่างน้อยก่อนที่พวกเขาจะต้องแยกจากกัน ทั้งคู่ก็มีโอกาสได้นำเพลงที่พวกเขาแต่งมาเข้าห้องอัดทำอัลบั้ม และซีดีนั้นก็ถือเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลือไว้แทนความทรงจำดีๆ ที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยได้ร่วมร้องเพลงและเล่นดนตรีด้วยกันนั่นเอง

นี่เป็นเป็นหนังที่เพลงเพราะทุกเพลงจริงๆครับ ไม่รู้ว่าถ้าผมฟังเพลงซาวแทรกของหนังเรื่องนี้จากแหล่งอื่นๆ ผมจะติดใจเท่านี้หรือไม่ แต่พอฟังเพลงพร้อมภาพจากหนังเรื่องนี้ไปด้วย มันก็เหมือนดู MV เพลงดีๆที่ร้อยเรียงต่อเนื่องมาแทบจะตลอดทั้งเรื่อง ผมคิดว่าเพลงประกอบอาจมีถึง 40 % ของตัวเนื้อเรื่อง แต่นั่นไม่ทำให้น่าเบื่อเลยครับ กลับเพิ่มคุณค่าและรสชาติของตัวหนังให้กลมกล่อมอิ่มเอมมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการแสดงที่เป็นธรรมชาติสุดๆของสองนักแสดงนำจากการถ่ายภาพด้วยกล้องแฮนดิแคม สำหรับผมแล้ว Once นี่แหละครับคือหนังเกี่ยวกับเพลงที่ดีที่สุด และเป็นหนังที่ผมประทับใจที่สุดตลอดกาลเรื่องนึง แนะนำเป็นอย่างยิ่งครับ



Create Date : 22 พฤษภาคม 2552
Last Update : 16 ตุลาคม 2553 18:23:01 น. 10 comments
Counter : 4272 Pageviews.  

 
ไปดู Oliver Twist ที่ Mark Leister เล่นซิ หนังดี


โดย: Elbereth วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:59:51 น.  

 
อิอิ ของผมต้อง the sound of music อ่ะ


โดย: CDCR265 วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:16:15 น.  

 
ชอบ Music & Lylics เหมือนกันค่ะ
เพราะเรื่องอื่น ไม่เคยดูค่ะ ขอสารภาพตามตรง


โดย: Ann (ann_shinchang ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:23:27 น.  

 
อันดับที่1 เพราะมาก

ผมชอบเพลงนี้ที่สุด

หามานาน

อยากฟังใจจะขาด


โดย: Dhampir IP: 192.168.1.113, 222.123.118.45 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:13:47:31 น.  

 
ชอบ once เหมือนกันค่ะ

เพลงเพราะ เรื่องนี้


โดย: เจ้าแห่งน้ำคือพระจันทร์ วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:19:15:11 น.  

 
ชอบ the chorus


โดย: ด้ดเกหห IP: 124.121.116.116 วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:13:03:25 น.  

 
ชอบสวิงเกิร์ลค่ะ ....

เพราะดนตรีสนุกและทำให้

อยากเล่นวงแจ็สขึ้นมาเลยค่ะ....


โดย: siwe gril IP: 183.89.193.238 วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:52:23 น.  

 
ยังดูไม่ครบทั้งห้าเรื่องเลยครับ
Once เป็นหนังในดวงใจผมเลยครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:21:41:27 น.  

 
ดู Swing Girls แล้วครับ สนุกดี


โดย: คนขับช้า วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:16:05:51 น.  

 
เพิ่งเขียนถึง Swing Girls ไปครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 25 ตุลาคม 2554 เวลา:10:23:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Branelay
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add Branelay's blog to your web]