Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
:: 2nd Wrap-Up :: (#9 - #16)

  ...






# 9

An Na. (2002). A step from heaven. New York : Speak.

เรื่องของเด็กหญิงเชื้อสายเกาหลีที่อพยพมาอยู่อเมริกากับพ่อแม่ ต้องผจญการปรับตัวมากมาย ครอบครัวซึ่งอพยพมาใหม่กดดันอย่างแรง พ่อต้องทำงานหนัก ตัดหญ้า ล้างรถ แม่ก็ต้องทำงานเสริมสารพัดเพื่อจุนเจือ แต่พ่อก็เหมือนระบายอารมณ์ต่างๆ เอากับแม่ กับครอบครัว จนสุดท้ายแม่ก็แยกทางกัน เอาลูกสาวและลูกชายไว้ ส่วนพ่อถูกศาลส่งตัวกลับ หลังจากทำร้ายร่างกายแม่

เรื่องก็สะเทือนใจดี แต่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เล่าผ่านสายตาเด็ก 10-12 ปี นับแต่ที่เกาหลี จนเห็นพัฒนาการในการเข้ากลุ่มเด็กอเมริกันและหนทางในการช่วยเหลือแม่ให้พ้นเงื้อมือพ่อ 


# 10

Waters, Sara. (2005). Fingersmith. London: Virago.

อ่านเล่มที่สองของ Sara เล่มดังของคุณน้าซาร่า ก็โอเคสมชื่อ เรื่องทวิสต์แอนด์เทิร์นนี่ต้องยกนิ้วให้ เรื่องนี้เกิดขึ้นในยุควิคตอเรียในอังกฤษ เล่าเรื่องของ Susan หญิงสาวในกลุ่มโจรลักเล็กขโมยน้อยในเมืองกรุง ได้รับข้อเสนอให้ไปปลอมตัวเป็นคนรับใช้ดูแล หญิงสาวคนรวยคนหนึ่งชื่อ Maud ซึ่งอาศัยอยู่กับลุง โดย Gentleman คนที่ยื่นข้อเสนอนี้ต้องการให้เธอไปปะเหลาะให้ Maud ตายใจและตกลงแต่งงานกับ Gentleman เพื่อเอาสมบัติและจับส่งโรงพยายาลคนบ้า เมื่อตกลงได้และไปทำงานจริง ด้วยความใกล้ชิดกัน Susan กับ Maud ก็เหมือนจะแอบชอบกัน เรื่องนี้มีกลิ่นอายของหญิงรักหญิงเต็มไปหมดเหมือนงานเขียนแรกที่ได้อ่าน

ทีนี้ ก็ (สปอยล์อย่างแรง) เรื่องกลับตาลปัตรกลายเป็นว่า เมื่อหลอกแต่งงานสำเร็จ คนที่ถูกขังนั้นคือ Susan เอง ส่วน Maud กับ Gentleman กลับหนีไปด้วยกันที่ลอนดอน 

คราวนี้เรื่องก็ตัดมาเล่าเหตุการณ์ย้อนหลังผ่านมุมมองของ Maud คือเธอต้องการหนีไปจากคุมขังที่ลุงของเธอตีกรอบเอาไว้ โดยให้ Susan มารับกรรมแทน และเธอปลอมตัวไปอยู่ลอนดอนในฐานะ Susan จากนั้นเรื่องก็เล่าสลับไปมาระหว่างสองตัวละครนี้ คือเล่าว่า Susan ทรมานในโรงพยาบาลคนบ้าทั้งๆ ที่ไม่ได้บ้าและหนีออกมาได้อย่างไร และเล่าว่า Maud ใช้ชีวิตอันไม่คุ้นเคยอย่างไรในลอนดอน ต้องเปลี่ยนจากคุณหนูมาเป็นหญิงในหมู่โจร

(เรื่องทวิสต์อีกแล้ว) โดยหัวหน้าแก๊งโจรชื่อ Mrs Sucksby  นี่แท้คือแม่ของ Maud เคยช่วยชีวิตหญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งไว้ แล้วหญิงคนนั้นต้องการแลกลูกสาวกัน นั่นคือ Susan ครั้นพอความจริงปรากฏ เพื่อให้สมบัตินางก็บอกให้ Maud ปลอมตัวเป็น Susan ต่อไปเมื่อนำพินัยกรรมของจริงไปเปิดต่อทนาย แต่ยังไม่ทันได้คิดการณ์อะไรต่อ Susan ก็หนีกลับมาพบ และทะเลาะกันจนพลั้งมือฆ่า Gentleman ตาย คนที่ออกรับแทนคือ Mrs Sucksby 

เป็นเรื่องที่อ่านสนุกและเอาใจช่วยตัวละครแต่ละตัว ถือว่าชอบ แต่ขัดใจปมปานแดงปานดำลูกเจ้าคุณปู่จริงๆ เข้าใจว่าคนเขียนคงพยายามล้อประเด็นคลิเช่นี้ในนิยายของตัวเองให้สมกับเป็นนิยายที่เซตในยุคเก่าแน่ๆ


# 11

Steinbeck, John. (1967). Tortilla flat. New York: Viking Press.

เรื่องนี้ได้นำตำนานกษัตริย์ Arthur กับ  Knights of the Round Table มาเป็นแก่นของเรื่อง โดยนำเสนอชีวิตของ Danny และเพื่อนฝูงที่เข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านของเขาซึ่งได้รับมรดกมาจากตาเฒ่าอีกทอดหนึ่ง ได้แก่ Pilon Plablo Jesus-Maria Pirate Big-Joe เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในยุค 1930 ในเรื่อง Danny เป็นคนรักเพื่อน เห็นเพื่อนตกทุกได้อยากก็ให้เข้ามาพักพิงอาศัย แม้จะยากจนไม่มีอันจะกินก็อยู่อาศัยกันได้ในบ้านหลังนั้น ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนชื่อ Tortilla Flat ทุกคนไม่มีงานทำอาศัยอยู่ไปวันๆ นอกจาก Pirate ที่ไปรับจ้างตัดฟืนในป่าแล้วนำไปขาย พร้อมด้วยฝูงสุนัขของตนเองตามติดไปตลอด 

หนังสือแบ่งออกเป็นตอนๆ แต่ละตอนจะมีประเด็นชัดเจนแทนเหตุการณ์หนึ่งๆ เป็นการเล่าว่า Danny พบเจอเพื่อนแต่ละคนได้อย่างไร หัวหกก้นขวิดกันขนาดไหน และใช้ชีวิตอยู่ไปอย่างไรในแต่ละวัน จนท้ายๆ เรื่อง จู่ๆ Danny ก็เกิดเซื่องซึมลงไป หมดอาลัยตายอยากในชีวิต จนเพื่อนๆ และคนในชุมชนนั้นเห็นควรที่จะจัดงานรื่นเริงเพื่อปลุกความมีชีวิตชีวาในตัว Danny ผู้เป็นที่รักของตนให้กลับคืน แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า Danny เมาหัวราน้ำกระทั่งเกิดอุบัติเหตุหกล้มตกหลุมคอหักเสียชีวิต หลังจากจัดงานศพให้ Danny แล้ว เพื่อนแต่ละคนก็กระจัดกระจายกันไปตามทาง ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในบ้านนั่นอีกเลย 


# 12

Wilde, Oscar. (1994). The picture of Dorian Gray. London: Penguin Book.

Dorian Gray เป็นหนุ่มหล่อในวงสังคมอังกฤษในยุค 1890 ในช่วงที่สังคมชั้นสูงยังนิยมชมชอบอยู่กับของสวยๆ งามๆ เชิดชูแต่เปลือกนอกไร้จีรัง ชายหนุ่มหลงรูปลักษณ์ตนเอง ซ้ำผู้อื่นที่คอยชื่นชมความงามก็ถึงกับออกปากและวาดรูปเขาไว้เพื่อรักษาความงามนั้นไว้ กระทั้งเขาเองยังภาวนาขอรักษาความงามไว้ให้อยู่คงทน โดยให้ภาพเขียนรับเอาความอัปลักษณ์แห่งอายุไว้เพียงเท่านั้น อย่างไรก็ดี ผู้ที่คอยยุแยงให้จิตใจใฝ่ต่ำของชายหนุ่มขึ้นมาตีไล่ความดี คือ Lord Henry ผู้ผลักดัน Dorian Gray ผู้บริสุทธิ์ให้หลงเดินไปสู่ห้วงเหวแห่งอบายมุข นับตั้งแต่เริ่มแรกที่ปลูกฝังความคิดฉาบฉวยและฉ้อฉนให้ชายหนุ่ม Dorian Gray ต้องฉงนฉงายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะรับเอาอธรรมเข้ามาครองงำใจอย่างเต็มที่หลังจากเป็นต้นเหตุแห่งการตายของหญิงสาวผู้หนึ่งที่หลงรักเขาปานจะกลืน สิ่งน่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นทันทีเมื่อรูปวาดซึมซับเอาอธรรมที่เขาก่อมาเก็บไว้ โดยเปลี่ยนรูปอันสง่าให้กลายเป็นความอุดจาดตามากขึ้นเรื่อยๆ ตามความชั่วช้าที่ Dorian Gray กระทำลงไปในแต่ละช่วงชีวิต

อย่างไรก็ดี เขาไม่อยากให้ใครรู้เห็นภาพวาดอันน่ารังเกียจนี้จึงนำไปซ่อนไว้ แต่จิตรกรผู้วาดภาพและเป็นเพื่อนรักของเขากลับมาเห็นเข้า Dorian Gray จึงพลั้งมือฆ่าและพยายามอำพรางคดี จนกระทั่งความกดดันของตนพลุ่งพล่านถึงขีดสุด เขาจึงคิดทำลายภาพวาดเสีย แต่เมื่อลงมือใช้มืดปลายแหลมจ้วงแทงภาพเขียน ก็เหมือนกับได้จ้วงแทงทรวงอกของตนเอง ทำให้เขาต้องจบชีวิตลงในที่สุด







# 13

Sheldon, Sidney. (1992). The naked face. London: HarperCollins.

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องของจิตแพทย์ชื่อ Judd ถูกกล่าวหาจากตำรวจว่าฆาตกรรมคนไข้และเลขานุการหน้าห้องของตนเอง ทั้งๆ ที่จริงแล้วเขาเองต่างหากที่เป็นผู้ถูกตามล่า เขาคิดว่าตนเองเป็นเป้าหมายในการการแค้นอะไรสักอย่าง อาจเกี่ยวพันกับผู้ป่วยรายอื่นที่เข้ามาทำการรักษาด้วย อย่างไรก็ดี เรื่องนำเสนอให้ตำรวจสองนายคอยตามคดีนี้อยู่ รายหนึ่งปักใจเชื่ออย่างไม่สงสัยว่า Judd เป็นคนฆ่าทั้งสองคนนั้น เนื่องจากแค้นใจที่ Judd เคยให้การเป็นประโยชน์ต่อนักโทษคนหนึ่งที่นายตำรวจคนนี้เคยจำได้ ผู้เขียนนำเสนอตัวละครค่อนข้างมากในนวนิยายที่ไม่หนามาก เนื่องจากต้องการให้มีผู้ต้องสงสัยเข้ามาพัวพันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน 

อย่างไรก็ดี Judd ถูกปองร้ายหลังจากนั้นอีกหลายครั้ง ทั้งมีคนตามมาเอาชีวิตที่คลินิกตอนกลางคืนและรถถูกวางระเบิด ครั้นจ้างวานนักสืบเอกชนก็ถูกฆ่าปิดปากอีก Judd จึงคิดหนีออกนอกประเทศ แต่ขณะที่อยู่ที่ท่าอากาศยานนั้นเอง เขาก็ไขปริศนาคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ได้ แล้วจัดการโทรไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจอีกนายที่ไม่ได้คิดร้ายกับเขา แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าตำรวจนายนั้นเองที่เป็นเครื่องมือของผู้อยู่เบื้องหลังอีกทอดหนึ่ง สรุปคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นก็คือสามีของผู้ป่วยรายหนึ่งของเขาเอง ซึ่งเป็นมาเฟียประจำเมือง แค้นเคือง Judd เพราะภรรยาของตนมาหลงรักจิตแพทย์นั่นเอง เรื่องจบลงตรงที่ว่านายตำรวจคนที่เคยเจ็บแค้น Judd ตามมาช่วยเขาได้ในตอนท้าย 


# 14

McEwan, Ian. (2006, c1975). First love, last rites. London: Vintage Books.

เป็นรวมเรื่องสั้นของคนเขียนที่ติดใจอ่านมาก่อนหน้านี้แล้วสองเล่ม ก็ยังไม่ผิดหวังอีก ชอบสไตล์การเขียนที่เรียบง่ายและประเด็นเรื่องที่แรงๆ ตั้งคำถามกับศีลธรรมที่คนทั่วไปมักมองข้ามหรือลืมสังเกต ว่าสิ่งเหล่านี้แหละเป็นชนวนบั่นทอนความเป็นมนุษย์ของคนเราทีละเล็กละน้อย 

รวมเรื่องสั้นเล่มนี้เด่นที่การร้อยประเด็นเข้าด้วยกัน ถึงจะต่างที่มาที่ไป แต่ประเด็นที่ร้อยคือเรื่องเพศและการแสดงออกทางเพศ ของชีวิตคู่ ของนักเรียนนักศึกษา ของวัยรุ่น ของคนชรา น่าจะเขียนสักช่วงยุค 70 ซึ่งก็สร้างชื่อเสียงให้กับคนเขียนเป็นต้นมา ในเล่มนี้ชอบทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะ เรื่อง “Butterfly” ฆาตกรฆ่าเด็กหญิงที่ตนล่วงละเมินทางเพศ กับเรื่อง “Conversation with the cupboard man” เรื่องเด็กที่โตมาแบบที่แม่บีบให้เป็นเด็กตลอดเวลา จนอายุสมองไม่พัฒนาตามร่างกาย และเมื่อต้องมาใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย จะต้องทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตรอดได้

อ่านเล่มนี้จบรีบไปซื้องานอื่นลุง Ian มาอีกชิ้นนึง พร้อมกับยืมของเพื่อนมาอีกเล่ม...รัวๆ


# 15

Stein, Garth. (2014, c2009). The art of racing in the rain. New York: Harper Perennial Olive Edition.

Enzo เป็นหมาที่เล่าเรื่องนี้ทั้งเรื่อง ผ่านมุมมองของมันเองที่มองปัญหาของนายซึ่งเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน แถมยังเก่งในการขับรถแข่งท่ามกลางสายฝน ปัญหาของเจ้านาย Enzo ก็เริ่มตั้งแต่เมียป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง ครั้นพอตายจากไปก็ต้องผจญกับปัญหาพ่อตากับแม่ยายจะแย่งลูกสาวเอาไปเลี้ยงเอง มิหนำซ้ำยังมีเรื่องเด็กสาวที่ต้องการตัวเขาแกล้งแจ้งข้อหากระทำชำเราแบบปลอมๆ Enzo ก็ได้แต่เอาใจช่วยเจ้านาย จนสุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี มีคนมายื่นให้ความช่วยเหลือเรื่องการงาน จนมีเงินมาเป็นค่าทนายและสุดท้ายเด็กสาวคนนั้นก็ถอดแจ้งความ 

เรื่องเดาได้ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไรเลย เหมือนเป็นสูตรสำเร็จของเรื่องยังไงก็ไม่รู้ หยิบเรื่องนี้มาเพราะชอบหมา ปกติแล้วอ่านเรื่องหมาเป็นตัวดำเนินเรื่องทีไรมักจะประทับใจแม้พล็อตจะไม่เจ๋งมากก็ตาม แต่เล่มนี้ยอมรับว่าผิดหวังอยู่มาก บทบาทของ Enzo ไม่มีอะไรเลย เรื่องมุ่งเน้นไปที่ตัวมนุษย์ที่เป็นเจ้านายมากกว่า


# 16

Auster, Paul. (2004). Oracle night. New York: Picador. 

เรื่องของ Sidney นักเขียนวัยกลางคนที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการโคม่า กลับมาพักฟื้นที่บ้านกลางกรุงนิวยอร์กของตนเอง เขาได้พบกับคนขายสมุดปกน้ำเงิน จากคนขายลึกลับ สร้างแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องใหม่ ในขณะที่เขียนนั่นเอง ภรรยาของเขาก็มีอาการแปลกๆ ไปหลบหน้าหลบตามเหมือนมีความลับ Sidney เอาความไปปรึกษากับ John เพื่อนสนิทของครอบครัวภรรยาคอยอุปถัมภ์ค้ำชูกันมาแต่ไหนแต่ไร แต่กลับได้เรื่องราวของลูกชาย John มาให้ต้องปวดหัว ต้องเข้าไปช่วยสางอีก 

เรื่องนี้เขียนแนวนิยายซ้อนนิยายหลายชั้น คนเขียนเล่าผ่านสายตา Sidney เล่าก็เล่าเรื่องในนิยายปกน้ำเงินที่ Sidney เขียนอีกชั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องของ บ.ก. ที่ได้นิยายจากหญิงนิรนามอีกชั้น ในนิยายที่เขียนในสมุดปกน้ำเงินก็เหมือนจะสะท้อนความเป็นไปของชีวิตคนเขียนด้วย แต่ “เหมือนจะ” เท่านั้น เพราะคนเขียนก็หักมุมตอนท้าย เฉลยว่าภรรยาที่ห่างหายไปเป็นเพราะครุ่นคิดเรื่องตนเองตั้งท้อง ซึ่งเป็นการท้องกลับ John ทั้งๆ มีอายุห่างกันเกินรอบ ตอนท้ายมีโศกนาฎกรรมทำให้เกิดการเสียใจเพราะลูกชาย John ซึ่งไม่ถูกชะตากับตัวภรรยาก็เข้ามาขอเงินและรุมซ้อมภรรยาจนแทบปางตาย เป็นเวลาเดียวกับที่ John ซึ่งถูกโรครุมเร้าก็เสียชีวิตลงอย่างที่ไม่มีใครรู้อีก อ่านแล้วชอบสไลต์การเขียนคิดว่าจะหางานมาอ่านอีกแน่ๆ 



...



Create Date : 28 มีนาคม 2558
Last Update : 6 เมษายน 2558 7:05:54 น. 2 comments
Counter : 949 Pageviews.

 
Fingersmith อ่านฉบับแปล แต่ไม่จบค่ะ ไม่รู้ควรอ่านต้นฉบับเปล่า The art of racing the rain ผิดหวังสุดๆเช่นกันค่ะ ถ้าชอบหมา เคยอ่าน A Dog's Purpose หรือยังคะ แนะนำๆ


โดย: Froggie วันที่: 28 มีนาคม 2558 เวลา:17:25:03 น.  

 
A dog's purpose อ่านไปแล้วเมื่อปีที่แล้วครับ อยากหาเล่มต่อ journey มาอ่านเหมือนกัน


โดย: Boyne Byron วันที่: 28 มีนาคม 2558 เวลา:21:35:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Boyne Byron
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Boyne Byron's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.