~Born to Be BOWNUNZA~
Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องราวของ 'รถเมล์ไทย' ขำดี อ่านแล้วโดนใจหลายสาย

> >
> ปอ. 10 (พระประแดง-รังสิต)
>
> รถเมล์ สายที่ 'หยิ่ง' ที่สุดในประเทศไทย
> คาดว่าคนขับทั้งหลายคงเป็นคนรวยแอบมาขับรถเล่นแก้เซ็งไปวันๆ ไม่ง้อผู้โดยสาร
> ยิ่งรถตัวเองโล่งเท่าไรยิ่งชอบ ไม่จอดรับผู้โดยสาร ต่อให้โบกจนมือหัก
> และมีวิธีป้องกันผู้โดยสารจะขึ้น โดยการไปจอดป้ายไกลๆ เพื่อให้ผู้โดยสารลง
> แล้วซิ่งทันที ต่อให้คนที่จะขึ้นวิ่งไปถึงประตูก็แล้วเหอะ แถมเป็นรถหายาก
> นานๆมาสักคันนึง ถ้าพลาดแล้วละก็ ไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกินรอคันต่อไปได้เลย
>
>
> สาย 8 (แยกคลองตลาด-แฮปปี้แลนด์)
>
> รถเมล์สายที่ซิ่งเร็วที่สุดในประเทศไทย
> คาดว่าคนขับส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักแข่งรถมือสมัครเล่นที่ตกงาน
> หรือสอบตกจากการเทิร์นโพร เลยหันเหชีวิตมาขับรถเมล์แทน
> แต่มองหน้าแล้วนึกว่าเพิ่งหนีออกมาจากคุก
> ขอแนะนำสำหรับผู้โดยสารหน้าใหม่ว่าอย่านั่งเบาะหน้า (ยาวๆ) เด็ดขาด
> หัวคุณอาจโขกหรือพุ่งชนกระจกหน้ารถได้ พึงจับราวให้มั่น ก้าวขึ้น-ลงให้ไว
> เวลาคนโบกให้จอด มันไม่ค่อยจอดตรงที่คนยืนคอย มันจะวิ่งเลยไปให้คนวิ่งตาม
> พอคนที่วิ่งเร็วที่สุดตามไปถึงแล้วก้าวขาจะขึ้นไป มันจะกระตุกรถทีนึง
> บังเอิญว่าคนโดยสารกระโดดขึ้นไปได้ มันจะกระชากรถอีกทีให้หน้าคะมำไปข้างหน้า
> คนขับมันจะหันมามองอย่างสะใจ แล้วกระตุกรถไปเรื่อยๆ
> ให้คนโดยสารคนต่อไปรู้รสชาดอย่างทั่วถีง.....
> ทีนี้อีตอนขาลง ผู้โดยสารกดกริ่งครั้งแรก มันยังวิ่งตะบึงอย่างเมามัน
> ผู้โดยสารกดกริ่งอีก มันจะตะคอกว่า "กดครั้งเดียว...รู้แล้ว..เดี๋ยว
> (เซ็นเซอร์) ไม่จอดซะนี่!" แล้วก็เบรคอย่างแรง
> ผู้โดยสารทั้งคันต่างพากันหาหลักจับยึดบ้าง ที่จับไม่ทันก็หน้าคะมำ
> คว่ำเค้เก้
> รถยังไม่จอดสนิทดี กระเป๋า (ซึ่งหน้าเหี้ยมพอกัน) มันจะบอก "ลงเร็วๆ ..
> ลงเร็วๆ" ผู้โดยสารคนต่อไปเพิ่งก้าวขาซ้ายลงไป คนขับมันจะกระชากรถไปเรื่อยๆ
> ใครลงทันก็โชคดีไป ใครไม่ทันก็หน้าจ๋อย ยอมรับสภาพไปลงป้ายหน้าเอา
>
> ปอ. 6 (พระประแดง-ปากเกร็ด)
>
> รถเมล์สายที่วิ่งยาวที่สุด เริ่มต้นสายจากจังหวัดสมุทรปราการ
> พาเที่ยวชมรอบเมืองกรุงเทพฯ อาทิ พระปรางค์วัดอรุณฯ สะพานพุทธฯ วัดโพธิ์
> ท่าเตียน ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ สนามหลวง วัดพระแก้ว ฯลฯ
> ไปจนสุดสายที่จังหวัดนนทบุรี ด้วยแพ็คเก็จราคาสุดประหยัด
> (สมุทรปราการ-กรุงเทพฯ-นนทบุรี) เพียง 18 บาท ตลอดการเดินทาง
> (กรุณานำอาหารมาเอง) เหมาะกับการพาคนแก่และเด็กเดินทางเล่น
> เพราะจำกัดความเร็วเพียง 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปลอดภัยแน่ๆ สนใจติดต่อ ขสมก.
> เริ่มทัวร์ได้ 5.30 ถึง 21.00 น.
> ปล. เนื่องจากใช้แอร์ระบบ Hottest First ป้องกันผู้โดยสารหนาวจนแข็งตาย
> ไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อหนาวมาแต่ประการใด
>
> ปอ. 4 (เป็นรถที่แน่นสุดในประเทศไทยแล้วมั้ง)
>
> ทุกวันเราต้องพบนักห้อยโหนกายกรรมออกมาจากตัวรถ
> จนหวาดเสียวว่าจะเกิดอันตรายกับเขาเหล่านั้นหรือเปล่า
> กระเป๋ารถเมล์ทุกคนได้รับการอบรมให้พูดเหมือนกันคือ "ขึ้นบนมาหน่อยสิคะ"
> "เดินหน้าชิดในหน่อย" "คนหน้าคนหลังช่วยเดินหน่อยสิคะ"
> บางทีก็ไม่เคยดูเลยว่าสภาพในรถเป็นไง
> ประมาณว่าโดนตั้งโพแกรมให้พูดยังไงก็พูดตาม
> หากโดนกระเป่ารถถามว่า "ชิดในหน่อย..ที่ข้างๆ จะเอาไว้เตะตะกร้อเหรอ?"
> ก็ตอบไปเลยว่า "เอาลูก (ตะกร้อ) มาให้เด่ะ! จะเตะให้ดู"
> หรือบ้างก็ตะโดนกลับมาว่า "คุณผู้หญิงด้านหลัง ท้องไม่มีพ่อแล้ว!"
> บางคนเกาะไปด้วยมือเดียวเท้าเดียวเท่านั้นเก่งจริงๆ วันไหนโชคดีขึ้นได้
> จะไปถีงออฟฟิศในสภาพหัวเหอเสื้อผ้ายับเยิน
> จนเพื่อนมันเคยทักว่าไปโดนข่มขื่นมาเหรอ!?
>
> สาย 113 (มีนบุรี-หัวลำโพง)
>
> รถสภาพโทรมชะมัด ประตูปิดไม่ได้ซักกะคัน
> ในชั่วโมงเร่งด่วนคนอัดแน่นยังกะปลากระป๋อง แถมไม่ชอบจอดรับคนขึ้นด้วย
> ขากลับจากหัวลำโพงแทนที่จะวิ่งเข้าพญาไท
> มันดันมุดเข้าซอยบ้าอะไรไม่รูไปโผล่เอาบรรทัดทอง
> คนที่รอขึ้นตรงสามย่านก็คอยไปเถอะ ชาตินึงกว่าจะโผล่มาทางพญาไ ทซักคัน
>
> ปอ.1 (ปากคลองตลาด-มีนบุรี)
>
> วิ่งจากมีนบุรี ผ่านหน้ารามฯ ผ่านพระโขนง ผ่านสุขุมวิท ผ่านสยาม
> แล้วก็ไปปากคลองตลาด ด้วยความที่จากหน้ารามฯวิ่งไปสุขุมวิทมีสายเดียว
> (แต่ก่อนมีสาย 40 ด้ว ย แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ผ่านรามฯแล้ว)
> ทำให้คนแน่นมากถึงมากกว่าแน่นที่สุด แน่นจนเวลาขึ้นนี่กอดคนข้างๆ ได้สบาย
> มาก
> ยิ่งวันเสาร์หรือวันธรรมดาตอนชั่วโมงเร่งด่วนนะ....ฮึ่ม.....อย่าฝันเลยจะได้นั่ง
> แต่พอถึงสุขุมวิท 24 (เอ็มโพเรียม-สวนเบญจสิริ) คนลงเกือบหมดรถเลย
>
> สาย 33 (ปทุมธานี-สนามหลวง)
>
> ที่จริงน่าจะเปลี่ยนเป็น นรก-อเวจี ดีกว่าครับ เร็วสุดๆ เคยนั่งช่วง 6 โมง
> จากปากเกร็ดถีงสนามหลวง 25 นาที ตื่นไปเรียนไม่เคยนั่งหลับบนรถสายนี้เลย
> เพราะเคยมีคนนั่งหลับแล้วรถเข้าโค้งหน้าวัดสร้อยทอง
> ไม่รู้เจ้าที่แรงหรือเหตุอันใด
> ชายผู้นั้นได้กระเด็นตกจากเบาะมาอยู่ที่พื้นรถโดยไม่รู้ตัว
> แต่สามารถกลับขึ้นไปนั่งหลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
> เคยขึ้นสะพานแล้วลอยตัวอยู่ประมาณ 3 วินาที พอจกลงมากระจำข้างๆ
> เราร้าวหมดทั้งแผ่นนึกว่ามอเตอร์ครอส เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ขอแนะนำครับ
> คนในรถนั่งมองหน้ากันแบบ ... สงสัยว่าตูจะมีชีวิตรอดมั้ยนี่?!
>
> ปอ. 356 (ปากเกร็ด-รังสิต)
>
> ถ้าคิดจะทำหนังย้อนยุคสัก 30 ปี แนะนำให้ใช้ประกอบฉากได้
> ความเร็วไม่เกิน40กม.
> ขับไม่เกินเกียร์ 3 วิ่งจากปากเกร็ด-หลักสี่ ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
> แม้ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน เวลาเย็นรับสาวโรงงานกลับบ้าน จะจอดรอกันหน้าโรงงาน
> เหมือนประหนึ่งเป็นอู่รถ แถมซ้อนกัน 3 คันอีกต่างหาก
> จากสภาพรถไม่น่าเชื่อว่าจะไปถึง ม.ธรรมศาสตร์รังสิตได้
> เคยเสียกลางทางคนขับบอกให้ช่วยเข็นหน่อย
>
> สาย 57 (ตลิ่งชัน - คลองสาน)
>
> เนื่องจากสายนี้ต้องผ่านสถานที่หลายแห่ง
> ซึ่งเป็นที่เก่ามีประวัติและเคยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เช่น
> เมื่อผ่านโพธิ์สามต้นคนขับจะถูกผีมอเตอร์วินเข้าสิง ซอกเล็กซอกน้อยพี่แกจะมุด
> เบียด ปาด แซงซ้ายขวาเป็นที่หวาดเสียว ครั้นออกถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี
> จะถูกผีรถบรรทุกเมายาบ้าเข้าสิง แข่งกันไล่บี้ชนิดไม่กลัวอุบัติเหตุ
> จะจอดก็ตอนชนท้ายกับรถเก๋งหรือรถพัง
> และเคยไหมขึ้นไปนั่งบนรถแล้วมองเห็นล้อวิ่งอยู่เพราะใต้ท้องรถมันทะลุ!
>
> ปอ. 126
> สายนี้สนับสนุนโดย The Mall เพราะวิ่งผ่าน The Mall ถึง 3 แห่ง คือ
> ตั้งแต่งามวงศ์วาน บางกะปิ แล้วก็รามคำแหง
> ส่วนสปอนเซอร์อีกรายคาดว่าจะเป็นเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ตอนนี้ผ่าน 2 เมเจอร์คือ
> เมเจอร์รามฯ กะรัชโยธิน แล้วก็อีกนิดนึงจะผ่านเมเจอร์เอกมัย
> โชคดีที่มาทะลุตรงพระโขนง
>
>
> ปอ. 157 (ปอ.32 เดิม บางประกอก-หมอชิต)
>
> เราคิดว่าเป็นรถเมล์สายที่ผ่านหน้าโรงพยาบาลมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งศิริราช
> รามาฯ พระมงกุฎ ราชวิถี โรงพยาบาลเด็ก ศูนย์วิจัยมะเร็งโรคปอด เปาโล
> และอีกมากมายที่จำไม่ค่อยจะได้
>
> * * * * * * * * ** * * * * * *
> อภิธานศัพท์เกี่ยวกับรถเมล์
> * * * * * * * * ** * * * * * *
> 'ความจริงเกี่ยวกับรถโดยสารในเมืองไทย'
> 1. รถเมล์ = ก. รถประจำทาง พาหนะสำหรับผู้รักการผจญภัย
> ข. พาหนะที่มักจะไม่มาเมื่อคุณรอ และวิ่งให้ว่อนเมื่อไม่ต้องการ
> 2. พขร. = พนักงานแข่งรถ
> 3. พกส. = พนักงานเก็บเงินผู้ใหญ่ที่สุด
> มีอำนาจสั่งการให้ผู้โดยสารไปไหนก็ได้และ เป็นคนเดียวที่คุยกับ พขร.
> รู้เรื่อง
> 4. ผู้โดยสาร = บุคคลผู้เจียมเนื้อเจียมตัว บางครั้งถูกเปรียบให้เป็นปลา (
> กระป๋อง)
> 5. นายตรวจ = คนเดียวที่ พกส. กลัว
> 6. ค่าโดยสาร = จำนวนเงินที่ต้องจ่าย
> กรุณาจ่ายเป็นเศษสตางค์ไม่รับเหรียญสลึงและแบงค์ใหญ่กว่า 100 ฝ่าฝืนอาจถูก
> สรรเสริญจาก
> พกส.และอาจลามปามไปถึงบุพการีที่นอนอยู่กับบ้านได้
> 7. ป้าย = ไป (สันนิษฐานว่าเลยไปเลย สังเกตจาก พสก.จะพูดคำนี้ทุกครั้งที่
> ถึงป้าย)
> 8. ที่นั่งสำหรับ ภิกษุ สามเณร =
> ที่นั่งสำหรับป้าหรือตาบอดสีโดยเฉพาะสีเหลือง
> 9. ที่นั่งสำหรับ คนพิการ = ดูข้อ 8 (คล้ายๆ กัน)
> 10. เด็ก สตรี และคนชรา =
> ประชาชนส่วนใหญ่ที่ประชาชนส่วนน้อยต้องเอื้อเฟื้อจึงมักจะ (ดูต่อข้อ 11)
> 11. แกล้งหลับ = วิธีหลีกเลี่ยงจากข้อ 10
> 12. คนดีมีน้ำใจ = คนประหลาดในสายตาข้อ 11
> 13. กริ่ง = กดสองที ฟรีสองป้าย
> 14. รถไฟฟ้า = เครื่องช่วยหายใจคนกรุงฯ สามารถไปได้ทุกๆ ที่ ยกเว้นบ้านคุณ
> 15. เรือด่วน =
> เครื่องช่วยหายใจอีกอย่างหนึ่งเหมาะสำหรับคนว่ายนำเป็นและน้ำหนักตัวน้อย
> 16. แท็กซี่ = พาหนะที่พาคุณอ้อมไปจากเส้นทางจริง
> 17. สามล้อ = พาหนะสำหรับผู้มีสุขภาพปอดดี เคลื่อนที่ทุกๆ
> ครั้งที่มีที่ว่างมากกว่า 2 นิ้ว
> 18. มินิบัส = เร็วแรงทะลุนรก หรืออีกชื่อเขียวนรก
> 19. ครีมน้ำเงิน = วิธีการรีไซเคิล เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงขึ้น
> 20. ยูโร = วิธีการขึ้นราคาค่าโดยสารแบบมัดมือชก ราคามากกว่า แต่คุณภาพ --
> เหมือนเดิม เฮ้อ สาธุ!




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 9:57:23 น.
Counter : 532 Pageviews.  

30 ความจริงที่ผู้หญิงเถียงไม่ได้



1.ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนแต่มีของ 4 อย่างที่ผู้หญิงต้องหยุดดู..ตุ้มหู กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า

2.ผู้หญิงชอบกินเค้กช็อกโกแลตและชอบบ่นว่าาตัวเองอ้วน

3.เวลาเธอถามว่าเธออ้วนไปหรือเปล่า? ถ้าคุณตอบว่าเปล่า เธอจะไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณตอบว่าอ้วน เธอก็จะโกรธ

4.หากจะอธิบายเรื่องเวรกรรมให้ผู้หญิงเข้าใจให้ยกเรื่องสลิปบัตรเครดิตมาเป็นตัวอย่าง

5.ผู้หญิงชอบให้คนมาจีบ แต่ไม่ได้ชอบทุกคนที่เข้ามาจีบ

6.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับครีมทาผิวและโฆษณาครีมทาผิวทุกตัวได้ผลเสมอ

7.ผู้หญิงไม่เคยเหน็ดเหนื่อยจากการเดินช็อปปิ้ง และหากนับก้าวระหว่างที่เธอเดิน คุณคงไม่เชื่อในระยะทางที่วัดได้

8.เวลาที่ผู้หญิงบอกว่าไม่มีอะไร แปลว่ามีอะไร และผู้ชายไม่รู้หรอก (เฉลยไปเลย)

9.เวลาผู้หญิงร้องไห้ เธอจะต้องการการปลอบโยน แต่ถ้าไปถาม เธอจะบอกว่า "ไม่ต้อง"

10.ผู้หญิงสนใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลายของกระเป๋าหรือตุ้มหู อย่าถามความเห็นของคุณผู้ชายเลยเพราะเขามองไม่ออกจริงๆ

11.ผู้หญิงใช้ลิปสติกไม่เคยหมดแท่ง

12.ผู้หญิงชอบสมัครฟิตเนสและจินตนาการว่าตัวเองจะฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นในสามเดือนข้างหน้า แต่หลังสมัครเสร็จเธอจะแวะไปที่ร้านกิฟท์ช็อปที่อยู่หน้าฟิตเนสและนานๆ จะมาที่นี้สักที

13.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับดอกไม้ เมื่อได้รับดอกไม้ยิ่งช่อใหญ่ยิ่งดี

14.ผู้หญิงจำวันทุกวันเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่เจอ วันแรกที่คบ วันครบรอบ วันเกิด และวันอะไรอีกมากมายและนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เธอทะเลาะกับแฟน

15.ผู้หญิงชอบอ่านดวงในแมกกาซีนและบอกว่าแม่นมาก โดยที่ผู้ชายไม่ค่อยเชื่อ

16.คำขอโทษที่ดีที่สุดคือ "ไปช็อปปิ้งมั้ย?"

17.ผู้หญิงไม่รู้ว่าที่เปิดกระโปรงรถอยู่ไหน เพราะไม่รู้ว่าจะเปิดมันไปทำไม หรือถึงเปิดเป็นก็ไม่รู้จะทำอะไรกับมันดี

18.เวลาทะเลาะกัน เธอจะบอกว่าไม่ต้องโทรมาอีกแล้ว แต่หลังจากวางหู เธอจะหันไปมองโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ พอกลับมาดีกัน เธอจะต่อว่าๆ พอกลับมาดีกัน เธอจะต่อว่า ว่าตอนนั้นทำไมไม่โทรมา (อ้าว)

19.ผู้หญิงสนใจเรื่องราวของเพื่อนเรากับแฟน(ของเพื่อนเรา)มากกว่าตัวเรา(ที่เป็นเพื่อนมันจริงๆ)เสียอีก

20.ผู้หญิงกินข้าวเป็นมื้อจริงๆ น้อย กินขนมระหว่างมื้อเยอะ

21.ผู้หญิงผมตรงอยาผมหยิก ผู้หญิงผมหยิกอยากผมตรง

22.กระเป๋าถือของผู้หญิง มีน้ำหนักมากกว่าสายตาประเมิน และข้างในบรรจุของไว้มากมาย แม้เธอจะไม่ใช้ทุกอย่างก็ตาม

23.เวลากลุ่มเพื่อนผู้หญิงนัดกัน มักจะเม้าท์เรื่องของแฟนอย่างสนุกสนาน ผู้ชายรู้ดีเลยแค่ขับรถไปส่งแล้วค่อยไปรับตอนจะกลับอีกครั้ง

24.ตุ๊กตาส่วนใหญ่ไม่มีปาก เพราะมีผลการวิจัยว่า การไม่มีปากทำให้ผู้หญิงรู้สึกเหมือนว่าตุ๊กตากำลังรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของธอ ไม่ว่าเธอจะรู้สึก สุข เศร้า เหงา และรัก

25.ในที่ทำงาน มักจะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ไม่ค่อยถูกกับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงด้วยกัน อย่างน้อยก็คู่หนึ่งละ

26.เวลาผู้หญิงนินทากันเอง แม้ผู้ชายจะทำหน้าเฉยๆ แต่ก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน

27.ผู้หญิงทุกคนต้องมีตู้เสื้อผ้าสองตู้ขึ้นไป และเมื่อถึงสี่ตู้เมื่อไหร่จะเริ่มบริจาคเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ให้คนอื่น และตอนที่เริ่มโละของจะมีประโยคประเภท "เสื้อตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลย!!!"

28.ผู้หญิงมีเคล็ดลับในการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่นติดรูปถ่ายคู่ไว้ในกระเป๋าตังค์ของเขาเอาตุ๊กตาไว้หน้ารถเขา วางตุ้มหูระยิบระยับไว้ที่ห้องรับแขกในบ้านเขา ถือเป็นสิ่งเล็กน้อยที่แฝงไปด้วยเทคนิคล้ำเลิศ

29.เริ่มต้นวันใหม่ด้วยประโยค "วันนี้คุณสวยจัง" จะทำให้เธออารมณ์ดีไปทั้งวัน

30.ดูเหมือนว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบช็อปปิ้ง ฝันอยากขึ้นปกแมกกาซีนและอยากรักกับพระเอกฮอลลีวู้ด แต่ความจริงคงยากที่ชีวิตจริงจะเป็นอย่างนั้น ผู้หญิงทุกคนจึงมีอีกความฝันเล็กๆ อีกอันซ่อนอยู่ นั่นก็คือ การได้ทำกับข้าวเย็นให้แฟน นั่งดูทีวีด้วยกันตอนค่ำ นอนกอดกันตอนหลางคืน ตื่นมาจัดที่นอนและตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวเช้าให้ และอยากให้เขาบอกว่า "ผมรักคุณ" และหอมแก้มหนึ่งทีก่อนไปทำงาน (คุณว่าจริงมั้ย)




 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 17:10:39 น.
Counter : 262 Pageviews.  

แม่มด (ชอบมากมาย)

นิทานเรื่อง....เเม่มด ถ้าเป็นคุณ จะเลือกแบบไหน ดีมาก ๆ ...อ่านให้จบนะ

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.....
อาเธอร์ถูกจับและจะประหารชีวิต
แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ
ถ้าหากเขาสามารถตอบ
ปัญหาแสนยากข้อหนึ่ง ได้ถูกต้อง

อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้
เขาก็จะถูกประหาร 'คำถามนั้นคือ ....
สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?'

ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง
เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและ
เริ่มหาคำตอ บจากทุกผู้คน
แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้
คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่
ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ
แต่ราคาค่าปรึกษาคงจะแสนแพง

แล้ววันสิ้นปีก็มาถึง
อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น


แม่มดตกลงจะให้คำตอบแต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน
นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน
อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของ
เหล่าอัศวินโต๊ะกลม
และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอาเธอร์

อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญ
เพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น
มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนถังส้วม
ชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ
เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน

ฝ่า ยกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงาน
เพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวินโต๊ะกลม

และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์
'สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือการได้เป็นตัวของตัวเอง'
ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่
และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน
และก็เป็นเช่นนั้นจริง


แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ
กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติทั้งสุภาพอ่อนน้อม
ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช

ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทั้งเรอ ทั้งตด
ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และ
แล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง

กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยองเขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์
ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอ ง!!!!
หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่
เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า
กาเวนงุนงง ???? สาวแสนสวยเฉลยว่า

เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด)
ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่า
รังเกียจส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้

กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน?

เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!! กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง
หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง
แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสอง เป็นยายแม่มด?

หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน
แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี??
เป็นคุณหล่ะ
คุณจะเลือกอย่างไร ???
(กรุณาหยุดคิดสักนิดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ค่ อย scroll ลงไปอ่านนะ )





























เอาละ..


เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว
อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่
ข้างล่างนี้ กาเวนตอบว่า
'เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง'
เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอ
จึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา
เพราะเขาได้ให้ความเคารพและให้เธอเป็นตัวของตัวเอง
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...

1. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ แม่มด
2. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มด หรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่
นั้นขึ้นอยู่กับ ความประพฤติของผู้ชาย




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2551    
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 21:21:50 น.
Counter : 235 Pageviews.  

ตำนาน "ขนมครก" (เรื่องมันเศร้า...)

ตำนาน "ขนมครก" อ่านแล้วอยากให้ขนมครก คนรักแทนขนมเค้ก...
> ไอ้ทิ หรือพ่อกะทิ ชายหนุ่ม โผงผางผู้กำพร้าพ่อแม่ อยู่ตัวคนเดียว
> พูดจริงทำจริง
>
> ขยันขันแข็งเอางาน เอาการ เสร็จจากงานนาก็มารับจ้างขี่ควายส่งคนเข้าซอย
>
> ทุกคนในหมู่บ้าน ล้วนรักและเอ็นดูไอ้ทิ ยกเว้นผู้ใหญ่ปลั่ง
>
> เพราะผู้ใหญ่ปลั่งมีลูกสาว สวย ที่ดันมาหลงรักไอ้ทิด้วยเช่นกัน
>
> แม่แป้ง ลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่ ปลั่งสาวสวยประจำหมู่บ้าน
>
> นางเจอกับไอ้ทิในวันลอยกระทง ทั้งคู่ขี่ควาย สัญญากันต่อหน้าพระจันทร์
>
> ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคขวางกั้นเพียงใด
> ทั้งคู่ก็จะขอเอาความรักแท้ที่จริงใจฝ่าฟันข้ามไป
>
> แล้วไอ้ทิก็รวบรวม เงินทองเท่าที่เก็บสะสมมาได้
> ไปบ้านผู้ใหญ่ปลั่งเพื่อสู่ขอแม่แป้ง
>
> ซึ่ง ผู้ใหญ่ก็ต้อนรับมันอย่างดี ด้วยชายฉกรรจ์ 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือ
> ไอ้ทิไม่ว่า กระไร
>
> ได้แต่พาร่างอันสะบักสะบอม กลับไปบ้านนอนหยอดน้ำข้าวต้มหลาย วัน
>
> ด้วยใจยังตั้งมั่นว่า วันหน้าจะมาขอใหม่ ขอไปจนกว่าผู้ใหญ่จะใจ อ่อน
>
> ในที่สุดผู้ใหญ่ปลั่งก็ปิดหนทางความรักของไอ้ทิด้วยการคลุมถุงจัด งานแต่งงาน
>
> ให้ลูกสาวกับปลัดหนุ่มจากบางกอก ไอ้ทิรู้ข่าวจึงรีบวิ่งทุรน
> ทุรายหมายจะมาทำลายพิธี
>
> ซึ่งผู้ใหญ่ปลั่งก็รู้ดีว่าไอ้ทิต้องกระทำแบบ นี้ จึงขุดหลุมพรางดักรอเอาไว้
>
> แม่แป้งแอบได้ยินแผนร้าย ก็แอบหนีหมายจะ มาห้ามคนรักไม่ให้หลงกล
>
> เหตุการณ์ต่อไปนี้ไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์ ได้
> แต่ปะติดปะต่อมาจากคำบอกเล่าของชาวบ้านแบบปากต่อ
> ปากว่า…
>
> ... คืนนั้น เป็นคืนเดือนแรม
>
> แม่แป้งแอบวิ่งฝ่าความมืดออกมาดักหน้าไอ้ทิ ไอ้ทิเห็น แม่แป้งวิ่งมาก็ดีใจ
> รีบวิ่งไปหา
>
> แม่แป้งเห็นไอ้ทิรีบวิ่งมาก็รีบวิ่ง เข้าไปหาให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก
>
> ฉับพลัน...ร่างแม่แป้งก็ร่วงหล่นลงไปใน หลุมพราง
>
> ของผู้ใหญ่ปลั่งต่อหน้าต่อตาไอ้ทิทันที
>
> อารามตกใจ ไอ้ ทิรีบกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเหลือ
>
> อารามดีใจ สมุนชายฉกรรจ์ 6
>
> นายของผู้ใหญ่ปลั่งรีบเข้ามาโกยดินฝังกลบ
>
> เพราะคิดว่าก้นหลุมมีเพียงไอ้ ทิผู้เดียวที่อยู่ในนั้น
>
> ... รุ่งเช้า ผู้ใหญ่ปลั่งเดินยิ้มมาขุดหลุม เพื่อดูผล
>
> ภาพเบื้องล่างพบไอ้ทิตระกองกอดทับร่างแม่แป้งลูกสาวของ ตน
>
> นอนตายคู่กันอย่างมีความสุข
>
> เมื่อยิ้มถูกเปลี่ยนไปเป็น น้ำตา…
>
> ผู้ใหญ่ปลั่งสั่งลูกสมุนสร้างเจดีย์คลุมครอบปิดหลุมนั้น ไว้
>
> เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจคนทั่วไปว่า
>
> อย่าคิดทำร้ายหรือ ทำลายความรักของใครอีกเลย
>
> สถานที่ตั้งเจดีย์นั้นไม่มีใครรู้แน่ นอน
>
> จะมีก็แต่เพียงอนุสรณ์แห่งความรักที่กระทำสืบทอดกันมาจนเป็น ประเพณี
>
> ทุกแรมหกค่ำเดือนหก
>
> ชาวบ้านที่ศัรทธาในความรักของไอ้ทิ กับแม่แป้งจะตื่นตั้งแต่มืด
>
> เข้าครัวเพื่อทำขนมที่หอมหวาน
>
> ปรุง จากแป้งและกะทิ
>
> บรรจงแคะจากพิมพ์ แล้วนำมาวางคว่ำหน้าซ้อนกัน
>
> เป็นสัญลักษณ์ว่า จะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป
>
> ขนมนี้เรียกขานกันในนาม ขนม แห่งความรัก
>
> (ขนมของ "คนรักกัน" )
>
> หรือเรียกย่อๆ ว่า " ขนม ค.ร.ก."




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2550 10:22:53 น.
Counter : 772 Pageviews.  

นิยามคนสนิท

" เพื่อน " ก็เหมือนน้ำ เฉย ๆ แต่ขาดไม่ได้

" แฟน "ก็เหมือนข้าว บางทีไม่หิว แต่ต้องกิน

"ชู้ " ก็เหมือนเหล้า รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ชอบ

"กิ๊ก " ก็เหมือนน้ำหวาน นาน ๆ ทีก็โอ มากไปก็เลี่ยน

"แฟนเพื่อน " ก็เหมือนเหล้าเถื่อน ร้อนแรงแต่อันตราย 555




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 16:55:40 น.
Counter : 344 Pageviews.  

1  2  3  

namta
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Called me "BownunzA"
Friends' blogs
[Add namta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.