:: เรื่องรักของแม่ ::
และแล้วก็ถึงวันแม่ ....ปีนี้แม่ก็ไปโคราชอีกนั่นแหละ เป็นช่วงวันหยุดยาว และเป็นช่วงทีว่างเว้นจากคิวนัดหมอ (สารพัดหมอ) แม่กับพ่อก็จะกลับไปสูดอากาศดีๆ ที่บ้านสวนที่โคราช ทิ้งลูกสาวที่มีภาระหน้าที่การงาน ให้อยู่เฝ้าบ้านไปตามเคย แบบเดียวกับ 2-3 ปีที่ผ่านมาเลย เมื่อคืนพ่อโทรมาบอกแล้วว่า จะกลับพรุ่งนี้ (13 ส.ค.) ให้สวนทางกับคนอื่นๆ
ในเดือนแห่งวันแม่แบบนี้ เราก็ขอหยิบยกเรื่องของแม่มานินทาอีกเรื่อง ไหนๆ ก็นินทากันในวันแม่มาหลายปีแล้ว ...ใครๆ เขาบอก "รักแม่" กัน แต่เราของเล่า "เรื่องรักของแม่" แทน ...ฟังแม่เล่ามา ก็อยากบันทึกไว้ เผื่อลูกหลายได้มาอ่านเจอในภายหลัง ตำนานความรักนี้ก็ยังคงอยู่
แม่ของเรา เป็นนักเรียนร้านตัดเสื้อของคุณป้า ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของพ่อเรา ย่าคงได้เคยเห็นหน้าค่าตาแม่ที่ร้านนี้ แล้วคงถูกใจลูกสาวชาวสวนคนนี้อยู่พอสมควร พอลูกชายที่ทำงานรับราชการอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นมาเยี่ยมบ้านโคราช ก็คงจะนัดแนะให้ไปเยี่ยมพี่สาว หรืออะไรทำนองนั้น . ที่ต้องใช้คำว่า "คงจะ" เพราะไม่รู้ว่าย่าคิดแบบนี้หรือเปล่านะ ก็นับว่าแผนการ "แม่สื่อแม่ชัก" ประสบความสำเร็จด้วยดี หนุ่มสาวได้พบหน้า และทำความรู้จักกัน
พ่อเคยเล่าว่า ปั่นสามล้อ ไปตามจีบแม่ที่ตลาดรถไฟด้วย แม่เป็นลูกสาวคนโต เลยต้องช่วยตากับยายทำมาหากินหลายอย่าง อย่างหนึ่งก็คือ ขายขนมอยู่ในตลาด พ่อบอกว่า ที่จริงมีผู้ชายคนอื่นมาติดพันแม่อยู่เหมือนกัน พ่อก็เลยให้ย่ารีบยกขันหมาก มาขอหมั้นไว้ก่อน แล้วจึงได้จัดพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2513
แต่งงานแล้ว แม่ก็ย้ายมาอยู่บ้านกรุงเทพฯ กับพ่อ โดยมีหน้าทีเป็น "แม่บ้าน" ทำทุกสิ่งอย่างในบ้าน และดูแลญาติโกโหติกาของฝ่ายพ่อเราที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ ทั้งน้อง ทั้งหลาน ก็หลายคนอยู่นะ ชีวิตรักของแม่ ไม่ได้มีแค่แม่กับพ่อเพียงลำพัง แต่มีแม่กับครอบครัวของพ่อ แต่แม่เราก็บริการทุกคนอย่างดีมาตลอดชีวิตจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังรับหน้าที่ "ทำกับข้าว" เหมือนเดิม เวลาที่พ่อไปราชการต่างจังหวัดหรือต่างประเทศนานๆ พ่อจะเขียนจดหมายมาหาแม่ด้วยนะ แม่เคยหยิบออกมาให้ดู ซองจดหมายหลายซองเหล่านั้น แม่เก็บอย่างนี้ ...แต่ไม่ยอมให้เราอ่าน และแม่ไม่เคยบอกเล่าเรื่องทางบ้านให้พ่อฟัง ถ้าข่าวนั้นจะทำให้พ่อวิตกกังวลจนไม่เป็นอันทำงาน อย่างตอนที่เราไม่สบายหนัก เป็นไข้เลือดออก ที่หมอคลีนิคตั้งบอกให้ส่งเข้าโรงพยาบาล แม่ไม่ได้บอกพ่อ จนเมื่อเราเริ่มมีอาการดีขึ้น (หลังจากนอนกินน้ำเกลือไปสิบกว่าขวด) แม่จึงเขียนจดหมายถึงพ่อที่ไปราชการญี่ปุ่น ... ป่วยครั้งนั้น แม่เล่าว่า เราเกือบไม่รอดเหมือนกัน ถ้าถึงมือหมอช้ากว่านั้น และป่วยครั้งนั้น ทำให้เราได้อ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่อยากอ่านนักอ่านหนา แต่แม่ไม่ยอมซื้อให้ นี่คงเป็นอภิสิทธ์ของคนป่วย ที่ใครๆ ก็ตามใจเป็นแน่แท้
ทุกวันนี้ แม้ว่าแม่จะเสียงดังใส่พ่อ บ่นว่าพ่อ แต่เราก็เชื่อว่า แม่รักพ่อ ส่วนพ่อนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า รักแม่มากแค่ไหน เพราะดูจะกีดกันไม่ยอมให้แม่ไปไหนมาไหนเลย อ้างว่า กลัวจะไม่สบายบ้าง กลัวเหนื่อยบ้าง แต่ที่แท้ อยากเก็บไว้ที่บ้านนั่นเอง แม่ก็บ่นบ่อยๆ ว่าพ่อไม่ยอมให้ไป เพิ่งมาช่วงนี้หลังๆ นี้ที่ยอมให้แม่ไปค้างที่วัด ตามคอร์สปฏิบัติธรรมบ้าง หรือถ้าแม่อยากดูอะไร ก็ต้องมีเราคอยออกหน้า พาแม่ไปดู ที่จริงเราชวนทั้งพ่อทั้งแม่นะ แต่ไม่รู้เป็นไง ชวนไปไหนพ่อก็ไม่ค่อยยอมไปด้วยเลย ให้เราไปดูกับแม่สองคนตลอด
ร่ายยาวมาตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องของแม่ของแม่รึป่าวนะ แต่พอเล่าถึงแม่ มันก็ต้องมีเรื่องของพ่อพ่วงมาทุกที ถือเป็นการนินทาคู่เลยละกัน
รอให้แม่กลับจากโคราชก่อนนะ จะพาออกไปซื้อกระเป๋าที่อยากได้ ...ให้แม่เลือกเองดีกว่าจะได้ถูกใจ
Create Date : 12 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2557 8:21:19 น. |
|
6 comments
|
Counter : 2518 Pageviews. |
|
|
|
ดีค่ะแมเลือกเองจพได้ถูกใจ..ใช่เลย