All Blog
3 วันมันส์ 2 ประเทศ.....a day in Melaka หลงเสน่ห์มะละกา....เมืองมรดกโลก
ท่องเที่ยว ท่องเที่ยวต่างประเทศ AEC มาเลเซีย มะลา มรดกโลก แบ็คแพ็คเกอร์ หลังนั่งหลับสบายๆ บนรถบัสมา 2 ชั่วโมงกว่าๆ  เราก็เดินทางมาถึงมะละกาในเวลาประมาณทุ่มเศษๆ   โดยรถบัสจะจอดส่งเราที่ Melaka Sentral เราสามารถเดินไปขึ้นรถเมล์สาย 17 เข้าเมืองได้เลย

แต่.....ธุระของเรายังไม่จบ ลางสังหรณ์บอกเราว่าควรจะซื้อตั๋วรถไปสิงคโปร์ก่อนเข้าเมืองเพื่อความอุ่นใจ  เราสองคนจึงเดินไปสอบถามหาตั๋วรถจากเคาท์เตอร์ต่างๆ (มีให้เลือกประมาณ 5 บริษัทค่ะ) และลางสังหรณ์ก็แม่นสุดๆ เพราะรถไปสิงคโปร์ในวันอาทิตย์นั้นเต็มเกือบหมดแล้ว!!!  จากที่ตอนแรกเราตั้งใจจะจองรอบประมาณบ่าย 4 – 5 โมงเย็น กลายเป็นว่าเหลือรอบ 10.00น.รอบเดียวเท่านั้น  วนไปวนมาแบบน้ำตาซึมหลายรอบก็ได้คำตอบเดิม  เกือบจะยืนร้องไห้หน้าเคาท์เดอร์ของ Delima ในที่สุด หลังจากอ้อนวอนพระเจ้าและจนท.ขายตั๋วอยู่นาน  เค้าก็ตัดสินใจแคนเซิ่ลตั๋วจอง (ที่ยังไม่ได้จ่ายเงิน)  ในรอบ 1 ทุ่มจำนวน 2 ที่นั่งเพื่อขายให้เราค่ะ  ส่วนสาเหตุที่ตั๋วเต็มแน่นขนาดนั้น  เนื่องจากวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค. มีการเลือกตั้งใหญ่ในมาเลเซีย  ทำให้ชาวมาเลย์ในสิงค์โปร์ต้องมาใช้สิทธิ์และเดินทางกลับในช่วงเย็นวันอาทิตย์นั่นเอง นี่คือจุดผิดพลาดของเราเองที่ไม่เตรียมการให้พร้อมจนไม่รู้ว่าเดินทางไปเที่ยวในช่วงเลือกตั้งค่ะ (น่าชื่นใจมาก เพราะชาวมาเลย์ออกมาใช้สิทธิ์กันถึง 80% สุดยอดดดดดด)  

จบเรื่องตั๋วก็นัง่รถเมล์เข้าเมืองกัน  โดยฝั่งที่เราลงรถบัสเรียกว่า International  ส่วนฝั่งรถประจำทางเรียก Domestic เหมือนในสนามบินค่ะ  เดินไปถึงก็ขึ้นรถสาย 17 ค่าโดยสารประมาณ 1.30 ริงกิตค่ะ (ความจริงถ่ายรถเมล์ตอนวันกลับค่ะ  อิอิ) ช้เวลาเดินทาง 15 นาที ลงรถเมล์ที่ Dutch Square หรือโบสถ์ฮอลแลนด์สีแดงสดใส อันเป็นสัญลักษณ์ของมะละกาได้เลย




ลงรถแล้วก็ต้องเอาสัมภาระไปเก็บก่อน  ครั้งนี้เรานอนที่ Hostel เปิดใหม่ทำเลสุดยอดค่ะ  โดยเดินข้ามสะพานมายังฝั่ง Chinatown แล้วเลี้ยวขวาที่หน้าตึกแดง (ร้านขายของฝาก) เดินไปอีก 3 – 4 บล็อกก็ถึงแล้วค่ะ  Galvanize Studio Stay ที่พักคืนนี้ของเรา


เส้นสีชมพู = ถนนคนเดิน Jonkr Street

จุดน้ำเงิน = ป้ายรถเมล์

จุดแดง = ที่พัก










เราจองห้องรวม 4 เตียงเอาไว้ แต่เพราะเป็นที่พ้กเล็กๆ ทีเพิ่งเปิดใหม่จึงไม่มีคนพัก  สรุปว่าทั้งห้องเป็นของเราสองคนเท่านั้นค่ะ (แต่แฟนขี้กลัวก็มานอนเบียดเราอยู่ดี)










เก็บของเสร็จแล้วก็ออกตระเวนราตรีที่ Jonker Street กัน  ถนนคนเดินนี้จะมีเฉพาะคืนวันเสาร์ - อาทิตย์เท่านั้นค่ะ  ขอบอกว่าของกินเพียบ ราคาก็ไม่แพงด้วยล่ะ









Famosa ข้าวมันไก่ลูกบอลเจ้าดัง 



มื้อค่ำนี้เรามาฝากท้องที่ร้านดังของมะละกาอย่าง Jonker 88 ค่ะ  ร้านนี้ขายอาหารพื้นเมืองสไตล์เปอรานากันและจีนไหหลำหลายอย่างค่ะ  แต่ทีดังที่สุดคือขนมหวานคล้ายๆ น้ำแข็งใสค่ะ ถ้ามาช่วงกลางวันคนจะแน่นมาก  แต่เรามาถึงดึกเลยโล่ง เพราะเค้าเหลือไม่กี่เมนูและกำลังจะปิดแล้ว








เมนูประจำถิ่น Baba Seafood Laksa ลัคซาของที่นี่เป็นแบบ Asam Laksa น้ำแกงจะไม่ใส่กะทิและมีรสชาติออกเปรี้ยวคล้ายแกงส้มบ้านเรา  เครื่องก็มีทั้งเส้นลัคซาเหนียวนุ่ม ไข่ต้ม กุ้ง ปลาหมึก มะม่วงเปรี้ยว ทูน่า  สชาติเผ็ดกำลังดีถูกใจเรามากค่ะ (รสชาติจะต่างจาก Curry Laksa ที่ใส่กะทิ ผักแพว และหอยแครงลวกของทางฝั่งสิงคโปร์มากๆ )






ของหวานยอดฮิต Baba Chendol (Chendol = ลอดช่อง)  และอีกถ้วยคือ Baba Ice Kacang (Kacang = ถั่วแดง) จุดเด่นของขนมหวานอยู่ที่ Guala Melaka หรือน้ำตาลเคี่ยวเหนียวหนึบหอมหวานนี่แหลค่ะ  ขอบอกว่าอร่อยมากมาย  มื้อนี้จ่ายไปประมาณ 16 ริงกิตเท่านั้นเอง






หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินเที่ยวตลาดกันต่ออีกนิด ชมวิถีชีวิตน่ารักๆ ของคนที่นี่อีกหน่อย  ก่อนเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้สำหรับเที่ยวมะละกาในวันรุ่งขึ้น




Create Date : 19 พฤษภาคม 2556
Last Update : 9 มิถุนายน 2556 3:00:49 น.
Counter : 2189 Pageviews.

1 comments
  
แวะมาเยี่ยมชมครับ

น่าไปเที่ยวมากๆ อาหารการกินท่าทางจะสมบรูณ์
โดย: 3KKK วันที่: 19 พฤษภาคม 2556 เวลา:11:36:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



Just a little step in the Big World
โลกกว้างใหญ่ มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก

ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง
All rights reserved
[สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539]