นกน้อยพาเที่ยว - KYUSHU ตอน 3 'Fukuoka 福岡' ขอพรที่ศาลเจ้า Dazaifu ท่ามกลางดอกบ๊วย
Smiley อ่านตอนที่แล้วได้ที่นี่ Smiley
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงทางเข้าศาลเจ้า Dazaifu แล้ว ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ปลูกดอกบ๊วยไว้นานาพันธุ์มาก มีทั้งสีชมพูสด สีชมพูอ่อนสีขาว บางต้นดูเผินๆนึกว่าเป็นต้นซากุระ สวยงามมากครับ



ส่วนตัวแล้วผมชอบดอกบ๊วยไม่น้อยไปกว่าดอกซากุระเลยเพราะรายละเอียดของเจ้า Umeboshi นี้สวยงามราวกับเจ้าหญิงเลยละครับ มิน่าในตำนานนิทานเก่าแก่ของญี่ปุ่นถึงมีเจ้าหญิงดอกบ๊วย ผมดันไปติดภาพบ๊วยเค็มตั้งแต่เด็กๆ ตอนนัน้ก็เลยเผลอ คิดไปว่าเจ้าหญิงดอกบ๊วยตัวจริงคงไม่น่าจะสวยเท่าไหร่ละมั้ง Smiley


ภาพบรรยากาศศาลเจ้าเก่าๆคู่กับดอกบ๊วยบานมองแล้วช่างสบายใจเหลือเกิน อากาศก็เย็นสบาย มองไปทางไหนก็สวยไปหมด 

ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu แห่งนี้มีชื่อเสียงมากๆ โดยเฉพาะในหมู่เด็กนักเรียน ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศาลเจ้า Tenmangu นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติสำหรับท่าน Sugawara Michizane ผู้ที่มีอัจฉริยภาพทางการเรียนรู้และมีความสามารถต่างๆมากมายตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นที่เลืองลือโด่งดังมาก 


ท่านมิชิซะเนะเกิดที่กรุงเกียวโตเป็นนักวิชาการและนักการเมืองในยุคเฮอัน หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตลง ชาวบ้านก็ยกย่องท่านในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้หรือ Tenjin นั่นเอง

แต่ชีวิตของท่านมิชิซะเนะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด อัจฉริยภาพของท่านฉายแววมาตั้งแต่อายุได้เพียง 11 ปี ท่านสามารถแต่งกลอนได้เอง และความสามารถอันโดดเด่นของท่านเริ่มแพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง เมื่อท่านโตเป็นหนุ่มยังแสดงความสามารถในการยิงธนูอีกด้วย ท่านได้เป็นคนโปรดของจักรพรรดิ และได้รับมอบตำแหน่งสำคัญๆมากมาย ทั้งทางการทูตกับจีนและยังเป็นผู้ปกครองเมืองซะนุกิ เหล่าขุนนางในสมัยก่อนจึงพาลกันอิจฉาไม่ชอบหน้าเลยได้ให้ร้ายท่าน สมคบคิดกับตระกุลฟูจิวะระ ที่กุมอำนาจอยู่ในยุคนั้น และขับไล่ให้ออกจากกรุงเกียวโตไปยังดินแดนไกลโพ้นซึ่งก็คือที่ดาไซฟุแห่งนี้ การเดินทางระหว่างจาก เกียวโต มายัง ดาไซฟุ นั้นไกลแสนไกลหลังจากท่านเดินทางมาถึงด้วยความยากลำบาก ท่านต้องใช้ชีวิตบั้นปลายอันโดดเดี่ยวที่ๆแห่งนี้และสิ้นลงด้วยวัยเพียง 59 ปี เมื่อปี 903


เหล่าชาวบ้านที่รักใคร่เเละเคารพท่านต่างก็เสียใจและหลังจากที่ท่านสิ้นก็เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมายที่กรุงเกียวโตตระกูลฟุจิวะระที่คิดร้ายต่อท่าน ก็เริ่มล้มหายตายจากไปทีละคน เหล่าขุนนางในวังต่างกลัวเกรงและคิดว่านี่เป็นความอาฆาตแค้นของดวงวิญญาณท่านมิชิซะเนะจึงได้ทำการสร้างศาลเจ้า เพื่อเป็นการไถ่โทษและยกย่องท่านมิชิซะเนะในฐานะ Tenjin ขึ้นที่กรุงเกียวโตและ เมืองดาไซฟุ แห่งนี้ ดังนั้นที่เกียวโตจึงมีศาลเจ้าอีกแห่งที่อุทิศให้ท่านมิชิซะเนะชื่อว่าศาลเจ้า Kitano Tenmangu

ตัวอาคารหลักของศาลเจ้าที่เห็นนั้นเป็นงานที่สร้างขึ้นเมื่อปี1591 ส่วนของดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อปี 919 ได้ถูกเผาทำลายไปในช่วงสงคราม 


เดินผ่านเสาโทริอิที่ด้านหน้าทางเข้าจะพบกับสะพานสีแดงที่มีชื่อเรียกว่า Taikobashi ข้ามผ่านสระ Taijiike สะพานนี้สร้างขึ้นทั้งหมด3 ส่วน โดยเป็นตัวแทนของ อดีต, ปัจจุบัน และ อนาคต สอดคล้องกับหลักของพระพุทธศาสนาที่ว่าหนึ่งความคิดควรเก็บไว้ในช่วงเวลานั้น คือ ให้ปล่อยวาง นั่นเอง และสระน้ำถ้าดูดีๆก็จะเห็นว่าเป็นรูปทรงหัวใจมองกันดีๆนะครับ


ตามธรรมเนียม ก็ต้องชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนจะเข้าไปในศาลเจ้านะครับ


หลังจากเดินเข้ามาในศาลเจ้าจะพบกับรูปปั้นวัวสีทอง วัวตัวนี้ก็มีตำนาน ในพิธีศพของท่านใช้วัวในการลากเคลื่อนขบวนทันใดนั้นเจ้าวัวก็หยุดอยู่กับที่ ไม่ยอมไปไหน ทุกคนจึงได้ตัดสินใจ หยุดจัดงานพิธีเผาศพกันที่ตรงนี้และต่อมาบริเวณนี้ก็คือที่ตั้งของศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu ในปัจจุบันนั่นเอง

สาเหตุที่ศาลเจ้า Dazaifu ปลูกต้นบ๊วยเอาไว้มากกว่า6,000 ต้น ก็เป็นเพราะท่านมิชิซะเนะเองคลั่งไคล้ในความสวยงามของดอกบ๊วยเป็นอย่างมากและ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีต้นบ๊วกที่มีทรงเป็นระย้าเหมือนลอยลงมาจากฟ้า มีชื่อเรียกว่าTobiume (Flying plum Tree) ที่ตำนานกล่าวขานกันว่า มีกลีบดอกบ๊วยที่ปลิว ลอยติดตามท่านมาตลอดระยะทางจากเกียวโตมายังดาไซฟุและได้เติบโตอยู่เป็นสหายในช่วงบั้นปลายของท่านมิชิซาเนะที่ดาไซฟุแห่งนี้

ถ้าอยากจะมาชมความงามของTobiume สามารถเดินทางมาได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงกลางเดือนมีนาคมซึ่ง Tobiume จะเป็นพันธุ์ดอกบ๊วย ที่จะเริ่มบานก่อนดอกบ๊วยชนิดอื่นๆ สามารถมานั่งชมดอกบ๊วยไปพลาง จิบชาเขียวร้อนๆพร้อมกับขนมญี่ปุ่นหวาน ได้ที่ร้านขนมที่ด้านหลังศาลเจ้ากันได้นะครับ Smiley


หากเดินมาอีกหน่อยจะพบกับทางขึ้นไปศาลเจ้าหลังเล็ก จะสังเกตุเห็นเสาโทริอิเล็กๆเรียงกันเป็นแถวตามทางขึ้น


บรรยากาศของศาลเจ้าแม่ลูก


ก่อนจะไปเป้าหมายต่อไปแวะเขียนป้ายขอพรกันหน่อยมั้ยครับ


มีคนมาเขียนป้ายขอพรกันเยอะมาก


ใครอยากขอให้สอบผ่าน มาทางนี้เลย


หลังจากสักการะ ขอพรกันเรียบร้อยแล้วสามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ Tenmangu Museum ที่จัดแสดงประวัติของท่านมิชิซะเนะ โดยใช้ตุ๊กตาฮากะตะที่เป็นศิลปะขึ้นชื่อของเมืองนี้ 


สามารถใช้ตั๋ว เป็นบัตรส่วนลดค่าเข้าชมจาก 200 เยนเหลือ 150 เยนเท่านั้น หรือ ใครสนใจที่จะเข้าไปชมสมบัติใน Treasure Hall ก็สามารถใช้บัตรส่วนลดได้เช่นกันลดจาก 300 เยนเหลือ 200 เยน

• Treasure Hall(Dazaifu Tenmangu Shrine)
Admission: ¥300  ¥200

• KankoHistorical Museum (Dazaifu Tenmangu Shrine)
Admission: ¥200 ¥150

• Kanzeon-jiTemple Treasure Hall
Admission: ¥500  ¥300

• DazaifuAmusement Park
 Admission: ¥100 discount

• Dazaifu StationRent-a-Cycle
¥500  ¥400 (available from 9:00 to 18:00)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมโหลดแผนที่เป็นภาษาอังกฤษได้ที่นี่ //www.dazaifutenmangu.or.jp/en


กว่าจะเดินทั่ว เวลาก้อล่วงเลยไปบ่ายโมงกว่าแล้วครับซึ่งเป็นเวลาดีที่จะเหมาะกับการเดินย้อนกับมาถนนร้านค้า ทานอาหารเบนโตะ แล้วก็แวะชิมขนมฟรีกันหน่อยวันนี้มีความตั้งใจอยากจะกินอาหารที่ไม่เคยลอง ออกสไตล์ญี่ปุ่นนิดๆ จะได้เข้ากับบรรยากาศสักหน่อยเลยมาลงเอยที่ร้านนี้ เพราะหน้าตาอาหารดูดี ภายในร้านก็ตกแต่งสวยงาม แถมราคาอาหารไม่แพงมากร้านนี้มีชื่อว่า Sakadoya เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะครับ //www.sakadoya.jp/ อาหารที่ผมสั่งวันนี้เป็น โซบะเย็น3 สี เสิร์ฟพร้อม เทมปุระ รสชาดใช้ได้ทีเดียวครับ ซัดหมดเกลี้ยงเลย จนถึงเวลานี้หน้าร้านขนมก็ยังมีคิวยาวอยู่ผมเลยตัดสินใจไปเดินเที่ยวต่อ แล้วค่อยกลับมาแวะชิมตอนขากลับก็ได้ 



จุดหมายต่อไปคือ Kyushu National Museum ที่เค้าว่ากันว่าจัดแสดงของเก่าได้อย่างอลังการและน่าทึ่งแค่รูปทรงอาคารก็โมเดิร์นสุดล้ำแล้วละครับ นิทรรศการจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สามารถเข้าไปเช็คได้ว่าช่วงไหนจะจัดงานเกี่ยวกับอะไรเป็นพิเศษได้ที่นี่ //www.kyuhaku.com/ ค่าเข้าชมคนละ 420 เยน


ตลอดทางเดินจะมีป้ายบอกทางไปยังพิพิธภัณฑ์อยู่หาง่ายและไม่หลงแน่นอนครับ ระหว่างทางมีดอกบ๊วยบานอยู่มากมาย 



พอถึงทางเข้าจะเห็นเป็นอุโมงค์บันไดเลื่อน ที่มีแสงไฟเปลี่ยนสีได้ และเมื่อถึงด้านหน้าอาคารจะมีป้ายหินใหญ่ๆสีเขียวรอต้อนรับประตูทางเข้าจะอยู่ด้านข้าง เข้าไปซื้อตั๋วได้ด้านในเลยครับ


ภายในอาคารบริเวณ EntranceHall สามารถถ่ายรูปได้ แต่ยกเว้นส่วนที่จัดแสดงในบริเวณชั้น 3 และ 4 ทั้งหมด เมื่อซื้อตั๋วแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนยาวไปด้านบนสุด แล้วค่อยๆชมแต่ละโซนลงมาด้านล่างครับ จุดที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นชั้น4 ที่เป็น Main Exhibition Galery โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 ส่วน เรียงยุคสมัยมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัย โจมง นารา เฮอัน และ เอโดะ ตามลำดับ ของเก่าของหายาก โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าแม่กวนอิมปรางค์ยืน ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 อันนี้พลาดไม่ได้


ส่วนอื่นๆก็ตระการตาไม่แพ้กันแค่ได้ชมก็คุ้มค่ามากแล้วครับ แต่สถานที่นี้เหมาะสำหรับผู้ใหญ่หน่อย เพราะรายละเอียดเนื้อหา ค่อนข้างมาก ถ้าพาเด็กๆมาด้วย อาจจะไม่เหมาะนะครับ ถ้าจะดูให้ครบถ้วนน่าจะใช้เวลามากถึง2 ชั่วโมงเลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์นี้เปิดตั้งแต่ 9.30-17.00 แต่บัตรจำหน่ายให้เข้าได้ถึง16.30 ครับ


จริงๆแล้ว ผมตั้งใจอยากจะไปดูสวนญี่ปุ่นที่วัดKomyozenji ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับทางเข้าศาลเจ้า Dazaifu มาก แต่โชคไม่เข้าข้าง วันที่ไปทางวัดมีการประกอบพิธีทางศาสนา จึงไม่สามารถให้คนนอกเข้าไปในอาณาเขตของวัดได้ ทำได้ก็แค่แอบส่องจากด้านนอกเท่านั้นเองแค่เห็นบรรยากาศแว้บๆก็รู้สึกร่มรื่นย์มาก ถ้าใครเคยไปวัด Ryoanji ที่อยู่เกียวโต บรรยากาศร่มรื่นย์คล้ายๆกันถึงแม้จะแอบเสียดาย แต่ก็เอาไว้คราวหน้ามาอีกก็ได้ เพราะเค้าว่ากันว่าวัดแห่งนี้ จะมีชีวิตชีวามากที่สุดคือในฤดูใบไม้ร่วง


ได้เวลาทานขนมกันก่อนเดินทางกลับละครับถึงเวลานี้ก็เกือบเย็นแล้ว ไม่มีคนต่อคิว เข้าไปยื่นตั๋วที่ได้มาพร้อมกับตั๋วรถไฟ ทางร้านก็จัดสรรให้เข้าไปนั่งและนำขนมโมจิทำร้อนๆ มาเสิร์ฟพร้อมกับชาเขียวเข้มข้น ขนมชนิดนี้มีชื่อเรียกยาวๆว่าUmegaemochi 梅ヶ枝餅 เนื่องจากในขนมโมจิจะมีไส้ถั่วแดงจะหวานมาก จึงต้องจิบชาเขียวไปพลาง เพื่อรสชาดที่กลมกล่อมครับแต่ชาเขียวขมจริงๆ แต่ถ้าใครติดใจในรสชาดขนมจะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปก็ได้ 5 ชิ้น525 เยน ทางร้านห่อให้สวยงามอย่างดีครับ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ //www.kasanoya.com/


สำหรับคนที่ต้องการจะเที่ยวต่อไปยัง Yanagawa ก็สามารถทำได้ แต่ต้องจัดสรรเวลาภายใน 1 วันให้ดี เพราะแค่ Dazaifu ที่เดียวก็กินเวลาเลยไปค่อนวันแล้ววิธีการเดินทางจะต้องนั่งย้อนจากสถานี Dazaifu ไปยังสถานี Futsukaichi ที่เราเปลี่ยนขบวนกันตอนขามาหลังจากนั้นให้นั่งสาย Limited Express Omuta ไปยังสถานี Yanagawa ใช้เวลา อีก 30 นาทีดังนั้นถ้าจะเลือกเดินทางเส้นทางนี้แนะนำให้ซื้อตั๋วของ Nishitetsu ประเภท 1-day Journey Dazaifu/Yanagawa Tourism ticket ราคา 2,800 เยน โดยสามารถขึ้นรถไฟไป-กลับสถานีเริ่มต้นไปยัง Dazaifu - Yanagawa ได้ และ รวมค่าล่องเรือฟรีที่ Yanagawa ด้วย

ไฮไลท์ของการเที่ยวในเมืองนี้ก็ต้องเป็นการล่องเรือชมทัศนียภาพและสถานที่สำคัญๆของเมืองแห่งลำคลองนี้นั่นเองครับโดยการล่องเรือ มีชื่อเรียกว่า Kawakudari โดยจะเป็นการล่องเรือพายลำเล็กๆที่จะมีคนพายเรือให้เราโดยใช้ระยะเวลาทั้งหมด 70 นาที อิ่มเอมกับบรรยากาศแบบดั้งเดิมอันแสนสงบในเมืองแห่งนี้สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและข้อมูลการล่องเรือที่ //www.yanagawa-net.com/eng/ 


ขอบคุณภาพจาก yanagawa-net.com ภาพนี้เป็นบรรยากาศงานเทศกาลที่ศาลเจ้า Suitengu

ได้เวลาเดินทางกลับไปเชคอินที่โรงแรม มาถึงโรงแรมปุ้บ ขอรับKeycard พอขึ้นไปในห้องก็พบว่ากระเป๋าที่ฝากไว้ถูกขนมาไว้บนห้องให้เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ออกเดินทางตั้งแต่เครื่องลงตอนนี้ร่างกาย เพลียมาก ขอลงไปแช่น้ำร้อนให้สบายตัวก่อนละกัน แล้วคอยออกไปหามื้อเย็นทานกันแถวๆสถานีHakata ได้ยินมาว่าที่นี่ Tonkotsu ramen มีชื่อเสียงสุดๆ

สำหรับการเดินทางในวันแรกจบลงเท่านั้นคงต้องนอนพักเอาแรงเยอะๆ เพราะพรุ่งนี้จะเริ่มใช้ JR Pass Northern Kyushu วันแรกแล้ว

แล้วพบกันตอนหน้าครับ

Next Station>> Nagasaki

Smiley นกน้อยพาเที่ยว Smiley




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2556 12:11:07 น.
Counter : 5388 Pageviews.

1 comments
  
กรี๊๊ดดดดดด อยากไปญี่ปุ่นค่ะ สวยมากคะ่
โดย: mariabamboo วันที่: 15 พฤศจิกายน 2556 เวลา:15:15:49 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bird Freedom
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]



All Blog