[ TravelHolic TBA 2014-2015 ] " RAMRIMNA PRIVATE POOL VILLA AND ORGANIC FARM " ความสุขสงบทามกลางธรรม
สวัสดีครับ
กลับมาพบกันอีกครั้งกับ TravelHolic ตอนที่ 12 วันนี้ผมจะพาไปพบกับอีกหนึ่งโรงแรมที่เข้าร่วมประกวดในโครงการ TBA หรือ Thailand Boutique Awards 2014-2015 ที่บริษัทบัตรเครติตกรุงไทยจัดขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ ผมและเพื่อนๆบล็อกเกอร์หลายคนได้รับเชิญให้เป็นบล็อกเกอร์กิตติมศักดิ์ในโครงการมีหน้าที่ไปเยี่ยมเยียนโรงแรมที่เข้ารอบฯและถ่ายรูปกลับมารีวิวให้เพื่อนๆได้ชมกันฮะ
สำหรับ "แรมริมนา" เป็นรีสอร์ทเล็กๆแบบพูลวิลล่าขนาด 4 ห้องนอนตั้งอยู่ริมเชิงเขา ในรีสอร์ทมีการปลูกพืชผักและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่แบบนาขั้นบันได ทำให้ตัวของรีสอร์ทค่อนข้างมีความร่มรื่นและมีวิวธรรมชาติที่สวยงามซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปชมกันฮะ
สำหรับโรงแรมที่เข้าร่วมในโครงการ TBA ผมมีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมด 6 แห่ง และได้รีวิวผ่านทางไปแล้ว 2 โรงแรมคือ
1. สิงหมนตรา ลานนาบูติคสไตล์ เชียงใหม่
2. Makka มรรคา เชียงใหม่
"แรมริมนา" เป็นโรงแรมที่ 3 ของผมครับ ไปชมกันดีกว่าฮะ "แรมริมนา" ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริมฮะ การเดินทางไม่ยากเลยครับเพียงขับรถจากตัวเมืองไปซักไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง แม่ริมอยู่ห่างจากเชียงใหม่แค่ประมาณ 20 กิโลเมตรเองครับ เมื่อมาถึงตัวอำเภอแม่ริมแล้วให้สังเกตุที่ทำการอำเภอแม่ริมทางด้านซ้ายไว้เลยไปนิดจะมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางวัดป่าดาราภิรมย์ ขับรถตรงไปเรื่อยๆเลยทางเข้าวัดไปจนถึงที่ทำการประปาจะมีซอยให้เลี้ยวซ้ายอีกทีคราวนี้ก็ขับตามป้ายเข้าไปเลยครับ ถนนจะเป็นถนนคอนกรีตเล็กๆผ่านหมู่บ้านไปซัก 5-6 กิโลเมตรก็จะถึงรีสอร์ทครับ รีสอร์ทจะอยู่สุดทางพอดี ขับรถเข้ามาตอนแรกก็แอบกังวลว่าจะมาถูกหรือเปล่า พอมาถึงก็ค่อยโล่งใจที่เห็นภาพตรงหน้าหน่อยครับ
ที่นี่ต้อนรับกันง่ายๆครับไม่มีพิธีรีตรองอะไรกันมาก คงเนื่องเพราะรีสอร์ทมีขนาดเล็กด้วย
ที่จอดรถอยู่ด้านหน้าเลยครับ ได้เห็นวิวรอบๆรีสอร์ทแล้วก็ค่อนข้างประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะมีรีสอร์ทแบบนี้ซ่อนอยู่ฮะ
ยิ่งขึ้นมาตรงส่วนที่เป็นห้องอาหารด้วยแล้วจะเห็นวิวสวยๆของหุบเขาในอำเภอแม่ริมได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกครับ วิวสวยได้ใจเลยทีเดียว
ทานเครื่องดื่มต้อนรับกันก่อน พักสายตาไปกับวิวสวยๆนิดนึงก่อนจะเข้าห้องพักกัน
กับห้องอีกแบบที่แรกว่า "หอมนิล" มีห้องพักแบ่งเป็น 2 หลังเช่นกัน แต่จะมีพื้นที่เล็กกว่าหอมมะลิ และไม่มี pool ครับ
มาดูห้องของเราดีกว่า ห้องขนาดไม่ใหญ่มากนักครับ แต่ก็จัดวางพื้นที่ใช้สอยได้ดี นอนที่เตียงเราก็มองดูวิวสวยๆข้างนอกได้
ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห่ง มีอ่างให้แช่น้ำพร้อมชมวิวสวนสวยๆผ่านกระจกใสแบบไม่มีอะไรกั้นสายตา
แน่นอนว่ามันค่อยข้างนู้ดฮะ เลยอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนขี้อายและชอบความเป็นส่วนตัวซักหน่อย ไปที่ห้องอาหารบ้าง มาพักที่นี่เราสามารถสั่งเมนูที่อยากทานเอาไว้ก่อนได้ครับ จะมีคนทำให้ทานฝีมือดีมากทีเดียว แต่วันแรกที่เราไปพอดีเจ้าของรีสอร์ทเค้ามีปาร์ตี้กับเพื่อนๆพอดี เราก็เลยได้รับเชิญให้ไปร่วมทานอาหารด้วยกันเลย
ช่วงที่ไปแถบเชียงใหม่ฝนตกทุกคืนครับ แผนที่จะถ่ายทางช้างเผือกล้มทุกคืนเพราะเมฆฝนมาตลอด
เช้ามาตื่นมาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำ เดี๋ยวจะออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ซะหน่อย
ที่เห็นเก้าอี้นอนสีขาวไกลๆตรงนั้นเป็นห้องที่ผมพักครับ
เปิดห้องมาก็จะเจอวิวแบบนี้
วิลล่า "หอมนิล" ที่บอกตอนแรกครับ ขนาดจะเล็กกว่า "หอมมะลิ" หน่อย แต่ก็มีห้องนอน 2 หลังเช่นกัน
อากาศช่วงเช้าๆแบบนี้ผมชอบเป็นพิเศษครับ มีโอกาสมาเที่ยวต่างจังหวัดทีไรต้องรีบตื่นเช้าทั้งๆที่ปกติเป็นคนตื่นนอนสายมาก ยิ่งฝนตกกลิ่นไอดินยามเช้ามันคือเสน่ห์ที่ต้องรีบลุกมาสัมผัส นาขั้นบันไดที่ปลูกเฉพาะข้าวสีนิลพันธุ์ไรซ์เบอร์รี่
บรรยากาศยามเช้า
อิ่มแล้วก็ไปเดินดูรอบๆบริเวณซะหน่อยว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ด้านล่างของห้องอาหารเป็นเหมือนโชว์รูมของที่นี่ฮะ จะมีผลิตภัณฑ์หลายๆอย่างในเครือที่เจ้าของรีสอร์ทเป็นเจ้าของโชว์อยู่ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เครื่องเงิน เครื่องไม้ เครื่องกระเบื้อง
ที่ของรีสอร์ทเป็นที่สวยเชียวฮะ อยู่เนินเขาหันหน้าเข้าหาเทือกเขาทำให้เห็นวิวสวยๆของเทือกเขาในอำเภอแม่ริม นั่งมองทั้งวันก็ไม่เบื่อ ยิ่งเป็นช่วงที่ข้าวเริ่มออกรวงแบบนี้ยิ่งสวย
มื้อกลางวันผมขอให้ทางรีสอร์ทแนะนำอาหารจานเดียวซัก 2 อย่างให้ทาน แต่อย่างนึงผมพอจะรู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าอร่อยมากคือผัดไทยกุ้งสดซึ่งก็ได้ทานและอร่อยสมคำลำลือ ส่วนอีกจานเป็นสตูเนื้อทานกับข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ปลูกจากนาของรีสอร์ทเอง
ผมจะพาไปเที่ยว "วัดป่าดาราภิรมย์" วัดที่อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทเท่าไหร่นัก วัดนี้เป็นวัดใหญ่และวัดดังอีกวัดของเชียงใหม่ครับ อ่านประวัติของวัดได้ที่ //goo.gl/rzvHMQ ประวัติคร่าวๆคือ เริ่มจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตได้ออกจาริกธุดงค์มาทางภาคเหนือและได้พำนัก ณ ป่าช้าร้างติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ของ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสถานที่สงบ เป็นสปายะในการบำเพ็ญกรรมฐาน และมีพระสงฆ์ได้เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อชาวบ้านในละแวกเห็นแล้วได้เกิดศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ได้ใช้ในกิจการสงฆ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าหญิงลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้ถวายที่ดินดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด (ที่มา.. วิกิพีเดีย)
ภายในวัดร่มรื่นและรู้กันว่าเป็นที่ปฎิบัติทำของเหล่าสาธุชน มีปูชนียวัตถุและปูชนียสถานมากมายเช่น "หอคำหลวง" สร้างในวโรกาสที่วัดได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ และถวายพระราชกุศลเชิดชูบารมีในเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นศิลปล้านนา จำลองมาจากหอคำของเจ้าหลวงเชียงใหม่ในสมัยโบราณ เป็นที่รวมศิลปการแกะสลัก ปูนปั้นและลายคำแบบล้านนา ภายในพระวิหารประดิษฐานพระประธานทรงเครื่องในมณฑปปราสาทพร้อมทั้งพระบรม สารีริกธาตุ
"พระอุโบสถ" สร้างเป็นศิลปะล้านนา พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปสุโขทัย ลงรักปิดทอง พระนามว่า "พระสยัมภูโลกนาถ"
"พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย" เป็นมหาปูชนียสถานสำคัญของวัดและของท้องถิ่น เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองและพระบรมสารีริกธาตุซึ่งได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"มณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ (หอแก้ว)" มณฑปตั้งอยู่ใจกลางวัดซึ่งเป็นชัยมงคล เดิมเป็นศาลาปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่สมัยเริ่มก่อตั้งวัด งานออกแบบสถาปัตยกรรมวางผังยึดเอาอคติความเชื่อในจักรวาลทางพระพุทธศาสนา โดยสมมุติเอามณฑปเป็นเขาพระสุเมรุ อันหลักของจักรวาล
นาข้าวไรซ์เบอร์รี่สีนิลที่ปลูกเอาไว้กำลังออกรวงใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้ว
เดินลัดเลาะไปตามแนวคันดิน
เดินขึ้นเนินไปเจอกับแปลงหน่อไม้ฝรั่งที่เพิ่งปลูกได้ไม่กี่วัน
เดินออกกำลังกายดูนั่นนี่เสร็จก็กลับมารอทานอาหารเช้ากันตามเคย
บอกเลยว่าค่อนข้างประทับใจกับวิวทิวทัศน์ที่นี่ ถ้ามีบ้านที่มีวิวแบบนี้คงอยากนั่งๆนอนๆเป็นชาวสวนแบบนี้เหมือนกัน
ข้าวและผักบางชนิดเอามาจากที่ปลูกในรีสอร์ทเนี่ยล่ะครับ ข้าวก็มีหลากหลายชนิดทั้งข้าวสีนิล ข้าวกล้อง ข้าวหอมมะลิ พันธุ์ไรซ์เบอร์รี่ทั้งหมด
มีการวางจำหน่ายด้วยนะครับ แต่ก็อยู่ในวงแคบๆแถบๆแม่ริมและเชียงใหม่ ผมเองก็ติดไม้ติดมือกลับมาทานเหมือนกัน
บทสรุป .. แรมริมนา .. ถ้านับเอาความสงบและวิวทิวทัศน์รอบๆรีสอร์ทถือว่าที่นี่สอบผ่านได้ไม่ยากครับ การเดินทางอาจจะดูไกลไปนิดเพราะต้องลัดเลาะผ่านหมู่บ้านแต่ถนนทางเข้ารีสอร์ทก็ค่อนข้างดี ทางรีสอร์ทมีพื้นที่เยอะมากเลยเลือกที่จะทำฟาร์มแบบออแกนิค แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นออแกนิคจ๋าขนาดนั้น อยู่ที่นี่เหมือนอยู่บ้านครับ พนักงานมีไม่เยอะแต่ก็บริการน่ารัก ไม่ค่อยมีใครมาวุ่นวายเนื่องจากตัวรีสอร์ทเองเงียบมากเพราะมีห้องพักแค่ 4 ห้อง ที่จริงที่นี่เป็นบ้านพักรับรองของเจ้าของรีสอร์ทมาก่อน เพิ่งจะเปิดให้เป็นรีสอร์ทไม่ถึง 2 ปีมานี่เองครับ ข้อด้อยรวมถึงข้อเสียก็มีฮะจะไม่บอกก็คงไม่ได้ที่นี่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้งานนะครับเนื่องจากรีสอร์ทอยู่ลึกสุดของถนนก็เลยยังเดินสายมาไม่ถึง แต่เห็นบอกว่าอีกไม่กี่เดือนก็คงจะติดตั้งได้ และส่วนที่ผมค่อนข้างซีเรียสเลยก็คือน้ำใช้ของที่นี่เหลืองมากฮะผมบอกปัญหานี้ไปกับทางรีสอร์ทแล้วก็ไม่รู้ว่าเค้าจะแก้ปัญหายังไง เนื่องจากว่าทางรีสอร์ทใช้น้ำจากลำธารขึ้นมากรองใช้ช่วงหน้าฝนคงเป็นช่วงที่มีปัญหามากในการกรอกน้ำฮะ อีกเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆนั่นก็คือเรื่องของแมลงเนื่องจากเป็นรีสอร์ทที่อยู่ทามกลางธรรมชาติป่าเขาเลยจะมีพวกแมลงเยอะหน่อยฮะ
ครบแล้วครับ หนึ่งอาทิตย์ 3 โรงแรมในโครงการ TBA ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว ก็เอารถมาส่งคืนตรงที่รับรถที่สนามบิน ให้พนักงานเช็คเรื่องร่องรอยและน้ำมันที่ต้องเติมเต็มถังกลับมาเหมือนเดิม
เรากลับด้วยสารการบินบางกอกแอร์เวย์เหมือนกับขามาครับ วันนี้เค้าเตอร์ว่างเชียวสงสัยเราจะมาไว
ช่วงนี้เล้าจน์หรือห้องรับรองของบางกอกแอร์เวย์หลายๆแห่งปิดปรับปรุงอยู่รวมทั้งที่สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ด้วยครับ
แต่ก็จะมีห้องรับรองชั่วคราวให้บริการอยู่บนชั้น 2 ใกล้ๆกับแมคโดนัลจนกว่าห้องรับรองจะปรับปรุงเสร็จซึ่งกำหนดคือต้นเดือนกันยายนครับ
ห้องรับรองชั่วคราวนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้นะครับ สำหรับลูกค้าธรรมดาก็จะมี Box Set แบบนี้ให้คนละกล่อง (อดกินข้าวต้มมัด) มีน้ำดื่มให้บริการปกติครับ ส่วนของลูกค้าที่มีสิทธิ์ใช้ Blue Ribbon Club Lounge ก็จะได้คูปองแทนเงินสดมูลค่า 250 บาทเอามาใช้ซื้ออาหารได้ในร้านค้าที่กำหนดเอาไว้ ( ผมลืมกดใช้สิทธิ์เซเรเนดก็เลยไม่ได้คูปอง >< )
ลาก่อนเชียงใหม่หวังว่าจะได้กลับไปอีกในไม่ช้า ..
อาหารว่างบนเครื่องตอนที่ผมบินยังเ็นเดือนมิถุนายนครับ ได้ข่าวว่าตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางบางกอกแอร์เวย์เปลี่ยนอาหารว่างบนเครื่องใหม่ เราจะไม่ได้เจอกับโบโลน่าอีกแล้ว (เย้ๆ) มีอาหารว่างใหม่ไฉไลกว่าเดิมมาให้บริการนะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเมนูอะไรบ้างแต่มีเสียงแว่วมาว่าดีกว่าเดิมเยอะเลย สงสัยต้องหาเรื่องบินบางกอกแอร์เวย์อีกไวๆนี้ซะแล้ว ฮ่าๆ ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณบางกอกแอร์เวย์ ขอบคุณไทยเร้นท์อะคาร์ ขอบคุณทุกๆโรงแรมที่ผมไปเยือนตลอด 1 อาทิตย์ที่อยู่เชียงใหม่ครับ
ผมยังมีรีวิวในโครงการนี้อีก 3 แห่งซึ่งตอนนี้ไปเยือนมาครบแล้วครับ แต่ละที่มีความแตกต่างกันพอสมควร แล้วจะรีบทำรีวิวมาให้ได้ชมกันในเร็วๆนี้นะครับ ขอบคุณสำหรับการติดตาม + แสดงความรู้สึก หรือคอมเม้นท์พูดคุย รวมทั้งแชร์รีวิวออกไปครับ เจอกันใหม่เร็วๆนี้ สวัสดีครับ
ฝากติดตามแฟนเพจผมได้ที่ https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ
Create Date : 24 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2557 19:20:26 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2943 Pageviews. |
|
|