Le Meridien Chiang Rai สัมผัสบรรยากาศดีๆริมแม่น้ำกก





สวัสดีครับ วันนี้จะชวนเพื่อนๆไปเที่ยวจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทยนั่นก็คือเชียงรายครับ ที่จริงทริปนี้เป็นทริปที่ทางโรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงรายเชิญผมและเพื่อนๆบล็อกเกอร์อีกหลายท่านไปเยี่ยมชมโรงแรมและเที่ยวจังหวัดเชียงรายกันครับ ตามไปชมรีวิวโรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงรายและเที่ยวจังหวัดเชียงรายกับผมกันนะครับ

ช่วงที่ผมไปเที่ยวเป็นช่วงที่ปลายฝนต้นหนาวเลยครับ พวกเราเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ซึ่งมีเที่ยวบนไปลงเชียงรายวันละ 2 เที่ยวบิน เวลาการเดินทางก็ดีมากๆครับ มีช่วงเช้าและเย็นพอดีเลย



อาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องฮะ 



ที่จริงก็ค่อนข้างอิ่มกันมาจากในเล้าจน์ของทางบางกอกแอร์เวย์ที่มีบริการอยู่ที่สุวรรณภูมิอยู่แล้ว

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.25 นาทีก็มาถึงแล้วครับเชียงราย ..



รับกระเป๋าเรียบร้อยก็มีพนักงานต้อนรับของทางโรงแรมมารับที่สนามบินเลยครับ ข้อดีของโรงแรมเลอเมอริเดียวข้อแรกที่ต้องมาร์คไว้เลยคือโรงแรมอนู่ใกล้สนามบินมากครับ ออกจากสนามบินแค่ 10 นาทีก็มาถึงโรงแรมแล้วฮะ



ล็อบบี้แบบ Open Air ตกแต่งแบบล้านนาประยุกต์ของทางโรงแรมค่อนข้างใหญ่โตเลยครับ



ข้างๆล็อบบี้จะมีห้องสมุดให้บริการอยู่ เราสามารถมาใช้บริการรวมถึงมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้ใช้อินเตอร์เน็ตด้วยครับ



อีกด้านของล็อบบี้ก็จะเป็นบาร์ที่ชื่อว่า Latitude (ละติจูด) ซึ่งโรงแรมที่ใช้ชื่อว่าเลอ เมอริเดียนทุกแห่งจะมีบาร์ชื่อนี้เหมือนกันหมด แต่จะพิเศษตรงทุกแห่งจะมีตัวเลขต่อท้าย อย่างที่เลอ เชียงรายจะชื่อ Latitude 19 ซึ่งเลขต่อท้ายนี่ก็คือเลขละติจูดที่โรงแรมตั้งอยู่ครับ ถ้าเป็นที่เชียงใหม่ก็จะเป็น Latitude 18 ถ้าที่กรุงเทพก็จะเป็น Latitude 13 ประมาณนี้



ตัวอาคารของโรงแรมจะแยกออกเป็นหมู่อาคารหลายหลังเดินเชื่อมหากันได้ทุกหลังครับ แต่ละหลังก็จะสูงแค่ 4 ชั้นอย่างที่เห็น





ในโรงแรมจะมีต้นฉำฉาหรือที่คนกรุงเทพรู้จักกันในนามต้นจามจุรีใหญ่มากๆอยู่ 2 ต้นครับ ต้นไม้สองต้นนี้มีสตอรี่ที่น่าฟังอยู่ด้วย

ต้นฉำฉาต้นแรกมีชื่อเรียกว่ามะเมียะ เป็นต้นไม้แทนเพศหญิงอายุของต้นไม้นี้น่าจะประมาณ 113 ปีได้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารล็อบบี้ครับ







ต้นฉำฉาต้นที่สองอยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมซึ่งอยู่อีกด้านของอาคารที่พักครับ ต้นนี้มีชื่อว่า ศุขเกษม อายุประมาณ 116 ปี





หลายๆคนอาจจะเริ่มคุ้นชื่อใช่มั๊ยครับ ใช่แล้วครับ "เจ้าน้อยศุขเกษม" ราชโอรสผู้สูงศักดิ์ในเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าเมืองเชียงใหม่กับ "มะเมียะ" หญิงสาวชาวพม่าแห่งเมืองมะละแหม่ง ผู้สร้างตำนานความรักอมตะอันโศกเคร้า เนื่องเพราะราชประเพณีที่มิอาจให้เจ้าชายได้แต่งงานกับหญิงธรรมดาได้แถมหญิงผู้นี้ยังเป็นชาวมอญต่างบ้านต่างเมืองอีกตะหาก

ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมไปเรียนต่ออยู่ที่เมืองมะละแหม่งตั้งแต่เยาว์วัยแล้วได้พบกับสาวน้อยชาวบ้านจึงถูกตาต้องใจจนได้ร่วมหอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาด้วยกัน จนเจ้าน้อยต้องกลับมาเมืองเชียงใหม่ มะเมียะก็ได้ปลอมตัวเป็นสหายชายชาวพม่าตามกลับมาด้วย มะเมียะต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเนื่องจากผู้ใหญ่ของทางเจ้าน้อยได้หมายมั่นหญิงสาวสูงศักดิ์ไว้ให้เจ่าน้อยแล้ว กอปรกับมะเมียะเป็นสาวต่างชาติต่างเมืองและเป็นคนธรรมดาสามัญ จนตอนหลังมะเมียะได้ตัดใจกลับมะละแหม่งเนื่องจากกลัวว่าเจ้าน้อยจะได้รับความเดือนร้อนที่นำตนมาเลี้ยงดูไว้ในวัง

ทั้งคู่ต้องจากกันทั้งที่ยังคงมีความรักให้กัน มะเมียะกลับไปมะละแหม่งก็บวชชีตลอดชีวิต ส่วนเจ้าน้อยศุขเกษมก็ตรอมใจและต้องแต่งงานกับหญิงอื่นที่ตนไม่ได้รักไม่มีความสุขในชีวิตสมรส ใช้สุราเป็นเครื่องดับทุกข์จนสิ้นชีพิตักษัยด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรังขณะมีอายุเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้น

แล้วทำไมต้นไม้ 2 ต้นนี้ถึงใช้ชื่อตามตำนานรักนี้ .. เพราะว่าตอนจะสร้างโรงแรมตอนแรกตั้งใจจะโค่นต้นไม้ 2 ต้นนี้ลง แต่เมื่อขุดรากลงไปก็พบว่าต้นฉำฉา 2 ต้นนี้มีรากที่พันผูกกันอยู่ก็เลยล้มเลิกการโค่นต้นไม้นี้ลง แต่เนื่องจากต้องสร้างอาคารแยกต้นไม้ 2 ต้นนี้อยู่ดีก็เลยตั้งชื่อต้นฉำฉา 2 ต้นนี้ว่า ศุขเกษมและมะเมียะนั่นเอง ...

ข้างต้นฉำฉาศุขเกษมก็จะเป็นสระว่ายน้ำหลักของโรงแรมครับ บรรยากาศค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว







เดี๋ยวขึ้นไปชมห้องพักกันบ้างดีกว่าครับ



พาไปชมห้องแรกกันเลยฮะ ห้องนี้เรียกว่า Grand Deluxe เป็นห้องพักขนาดใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เตียงนอนขนาดใหญ่นุ่มมีหมอนให้เลือก มีห้องน้ำขนาดใหญ่ มีห้องแต่งตัวแยก ผมชอบมากตรงมีโต๊ะทำงานที่เป็นโต๊ะทำงานจริงๆอยู่ด้วย แถมมีระเบียงขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะให้นั่งรับลมชมวิวอีกตะหาก













ห้อง Deluxe River View ห้องขนาด 53 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกคล้ายห้องแกรนด์ แต่มีขนาดห้องที่เล็กกว่าเท่านั้น วิวของระเบียงก็สวยไม่แพ้กันครับ





ห้องอีกแบบที่จะพาไปชมเป็นห้องแบบที่ดีที่สุดของโรงแรมครับเรียกว่า Grand Suite เป็นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดแล้วเป็นห้องมุมของอาคาร ขนาดห้องใหญ่มากมีห้องแยกออกเป็นสองส่วนคือห้องพักและห้องนั่งเล่นซึ่งมีขนาดไม่ต่างกัน มีส่วนของห้องแต่งตัวแยก ห้องอาบน้ำมีอ่างแช่อยู่กลางห้องซึ่งติดกับห้องนอนฮะ











ระเบียงห้องนี้วิวสวยสุดๆไปเลยครับ มองเห็นสระว่ายน้ำและแม่น้ำกกที่ตั้งอยู่หน้าโรงแรมชัดเจน



ลงไปดูบริเวณรอบๆกันบ้างดีกว่าครับ



ส่วนแรกจะพาไปชมสปาที่ชื่อ ภาวาตีสปา ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกกกันครับ สปาแห่งนี้เปิดบริการ 10.00-22.00น. สำหรับคนที่ชอบนวดผ่อนคลายคงชอบสปาบรรยากาศดีๆสงบเงียบพร้อมฟังเสียงจากธรรมชาติที่อยู่รอบๆไปด้วย ที่นี่บริการทรีทเม้นท์ นวดผ่อนคลาย นวดน้ำมัน บำรุงผิว บอดี้สครับ ครบครันฮะ













บรรยากาศยามค่ำคืนของเลอเมอริเดียนเชียงรายครับ











Latest Recipe ห้องอาหารหลักสไตล์อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นห้องอาหารที่เสิร์ฟบุฟเฟ่ต์นานาชาติซึ่งทางโรงแรมจะมีบริการอาหารบุฟเฟ่ต์อาหารทุกมื้อตั้งแต่

บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าราคา 499 บาท
บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันราคา 269 บาท
บุฟเฟ่ต์อาหารค่ำนานาชาติราคา 799 บาท
และซันเดย์ บรันช์ บุฟเฟต์ราคา 699 บาท(เพิ่มเสิร์ฟไวน์ไม่อั้น 499 บาท)





Favola ห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนริมน้ำกก บรรยากาศน่านั่งมากๆ





คืนนั้นเราทานอาหารกันที่ Favola ครับ เชฟทำอาหารมาให้ชิมหลายจานเลย



























เช้าวันรุ่งขึ้นผมออกจากโรงแรมแต่เช้าจุดหมายอยู่ที่ดอยแม่สลองครับ พอดีพี่บล็อกเกอร์อีกคนเช่ารถของ Thai Rent a Car เอาไว้ก็เลยขอยืมรถไปเที่ยวก่อน อิอิ

ดอยแม่สลองอยู่ในอำเภอแม่ฟ้าหลวงขับรถออกจากโรงแรมไปใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆครับ จากตีนดอยก็ขับรถชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ วิวข้างทางสวยมากครับ ผ่านจุดไหนสวยก็แวะถ่ายรูป ที่สำคัญมีทะเลหมอกซะด้วยสิครับ





บนดอยแม่สลอง มีชาวจีนฮ่อที่ตั้งรกรากอยู่ที่นี่กว่า 800 ร้อยครัวเรือน มีหมู่บ้านที่ชื่อว่าหมู่บ้านสันติคีรี คนที่นี่นับถือศาสนาหลากหลายเลยมีทั้งวัด โบสถ์ มัสยิด บนนี้อากาศหนาวตลอดปีครับ เป็นแหล่งปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของเมืองไทย ขับรถไปก็จะเห็นแปลงชาอยู่ริมถนนหลายแปลงเลย





บนยอดเขาเหนือหมู่บ้านมี พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรีตั้งอยู่ ด้านในบรรจุพระธาตุเป็นที่เคารพของชาวเขาแถวนี้มากฮะ บนนี้ยังเป็นจุดชมวิวรอบๆเทือกเขาแถวนี้ได้สุดลูกหูลูกตาอีกด้วยครับ









หลังจากชมวิวกันจนอิ่มแล้วก็ขับรถลงมาตีนดอยกันครับ ทางขึ้นดอยแม่สลองจะมีไร่ชาของเอกชนอยู่ครับ ไร่ชานี้ชื่อไร่ชาฉุยฟง เป็นไร่ชาที่ผลิตใบชาใหญ่ที่สุดของเชียงราย ทางไร่ชาที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเที่ยวถ่ายรูปรวมทั้งทานอาหารที่ผลิตจากใบชาอีกด้วย











ไม่ว่าจะเป็นสปาเก็ตตี้ ยำทูน่า เปาะเปี๊ยะทอด สลัด ขนมจีบ หมั่นโถ รวมไปถึงเรื่องดื่มต่างๆจะมีส่วนผสมของใบชาจากไร่ผสมเข้าไปด้วยทุกอย่าง ชิมแล้วรสชาติช๊าชาครับ บ้างก็อร่อยบ้างก็แปลกๆดีเหมือนกัน

















ปิดท้ายไร่ชาฉุยฟงด้วยภาพน่าอิจฉา ฮ่าๆๆ



นอกจากนี้เชียงรายยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจมากไม่แพ้กันเลยครับ

ที่แรก บ้านดำหรือพิพิธภัณฑ์บ้านดำของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับ ที่นี่เป็นแหล่งรวมศิลปะหลายๆแขนงที่เป็นฝีมือของอ.ถวัลย์ ที่เรียกว่าบ้านดำเพราะว่าศิลปกรรมต่างๆจะถูกทาด้วยสีดำซึ่งเป็นสีโปรดของอ.ถวัลย์ครับ









มีบ้านดำก็ต้องมี วัดขาว .. เรากำลังพูดถึง วัดร่องขุ่น วัดที่สร้างขึ้นขึ้นโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดังอีกคนของเชียงราย งานพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของ อ.เฉลิมชัย ผู้คนมากมายทั่วโลกมาเที่ยวเชียงรายเพราะวัดแห่งนี้ เสียดายที่ช่วงที่เชียงรายเกิดแผ่นดินไหวใหญ่บางส่วนของวัดได้รับความเสียหายไปด้วย จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการซ่อมแซมและคิดว่า อ.เฉลิมชัย น่าจะไม่ซ่อมแซมในช่วงไวๆนี้แน่ๆ ก็เลยกลายเป็นอนุสาวรีย์พิบัติภัยทางธรรมชาติไปด้วย

















ไม่ไกลจากวัดร่องขุ่น เป็นที่ตั้งของ ไร่บุญรอด หรือ สิงห์ปาร์ค แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่บริษัทบุญรอด บิวเวอรี่เป็นเจ้าของอยู่ครับ ที่นี่มีพื้นที่หลายพันไร่ แบ่งปลูกพืชผักผลไม้ ทำฟาร์มปศุสัตว์ และสวนดอกไม้นานาพรรณ ที่เด่นๆน่าจะเป็นไร่ชาแปลงใหญ่หลายร้อยไร่ครับ ที่นี่เปิดให้เข้าชมแบบเสียค่าบัตรผ่านประตู 50 บาทจะมีรถรางนำเที่ยวเป็นรอบๆไป







การเข้าเยี่ยมชมครั้งนี้คณะของเราได้ทดลองเล่นเครื่องเล่นที่ชื่อว่า Zipline เป็นการแขวนตัวกับสลิงแล้วปล่อยให้ตัวสไลด์ตามสายสลิงไปอีกจุดหมายนึงซึ่งบอกเลยว่าสนุกและเสียวมากๆครับ ตอนที่ไปยังไม่ได้เปิดให้คนทั้วไปเล่นนะครับ ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเปิดให้เล่นกันได้หรือยัง





วิวบริเวณจุดเล่น Zipline สวยมากๆครับ โหนสลิงมาได้เห็นวิวแบบนี้เลย







ช่วงเย็นๆเราก็แวะทานอาหารกันในไร่บุญรอดเนี่ยล่ะครับ ในนี้จะมีร้านอาหารขนาดใหญ่อยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวของไร่บุญรอดได้ทั่วชื่อว่า ภูภิรมย์ ครับ







บรรยากาศดึกๆของเชียงรายอากาศดีมากๆ



เช้าวันต่อมา .. 



ไปทานอาหารเช้ากันครับ อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ที่นี่มีบุฟเฟ่ต์อาหารทุกมื้อให้บริการกับลูกค้าทั้งในและนอกโรงแรมเพราะฉะนั้นอาหารที่นี่จัดเต็มมากๆครับ















ทานอาหารเช้าเสร็จ วันนี้เรามีคิวออกไปเที่ยวกันอีกแล้ว แถมเป็นการเที่ยวทางเรือกันซะด้วย เราจะล่องเรือชมวิถีชีวิตคนเชียงรายริมแม่น้ำกกกันครับ ขึ้นเรือกันที่ท่าน้ำหน้าโรงแรมกันเลยครับ



เรือพวกนี้เราสามารถติดต่อผ่านทางโรงแรมได้นะครับ เค้าจะมีบริการอยู่ราคาก็ไม่ได้แพงอะไร





สถานที่ที่เราจะแวะเที่ยวชมคือ โบราณสถานถ้ำพระหรือวัดถ้ำพระครับ เราขึ้นจากเรือกันที่ท่าน้ำด้านหน้าเลยฮะ จุดเด่นเป็นที่สังเกตของที่นี่เลยคือมีแท่นหินกลางน้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่



เข้ามาภายในจะมีโถงถ้ำขนาดเล็กเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหลายองค์อีกทั้งยังมีพระมาจำพรรษาอยู่ด้วย โถงถ้ำนี้นอกจากจะมีค้างคาวอาศัยอยู่ก็ยังมีรอยจารึกอักษรย่อหรือชื่อต่างๆของบุคคลสำคัญหลายๆคนอยู่ด้วยเพื่อให้รู้ว่าได้เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่แล้ว อย่างเช่นเจ้าดารารัศมีเป็นต้นครับ





วิถีชีวิตริมน้ำกกที่เชียงรายยังมีวิถีเก่าๆอยู่มากมายครับ ทั้งพายเรือหาปลา ขุดทรายจากแม่น้ำไปขายก็ยังมีให้เห็นอยู่



เราล่องเรือกลับกันมาที่ร้านเค้กชื่อดังอีกแห่งของเชียงรายที่หลายๆคนบอกว่าไม่มาร้านนี้มาไม่ถึงเชียงราย นั่นก็คือร้านชีวิตธรรมดาครับ



ร้านนี้เป็นร้านเค้กขึ้นชื่อของเมืองเชียงราย แน่นอนว่านักท่องเที่ยวแวะมาทานกันเพียบเลยครับ









มาดูของหวานกันบ้าง น่ากินทั้งนั้น









ได้เวลากลับโรงแรมไปทานอาหารกลางวันกันแล้ว



อาหารกลางวันเป็นซันเดย์ บรันช์พอดีเลยครับ อาหารมีพอสมควรเลยครับ ราคา 699 บาทถือว่าไม่แพงเลยฮะ















ใกล้จะได้เวลากลับบ้านกันแล้วครับ



บทสรุป ..

โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงราย เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่มีบรรยากาศดีมากอีกแห่ง เรียกได้ว่าเป็นโรงแรมระดับท็อปของเมืองเชียงรายก็ไม่ผิดนักครับ จุดเด่นคือเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้สนามบินและไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงราย รวมไปถึงไม่ไกลสถานที่เที่ยวในตัวจังหวัดมากนัก ห้องพักสวยงามเตียงนอนนุ่มมากนอนหลับสบายเลยล่ะครับ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งในห้องพักและในโรงแรมมีครบครัน ทั้งห้องอาหาร บาร์ คิดส์คลับ สปา ห้องออกกำลังกาย ห้องสมุด วิวริมน้ำกกทำให้โรงแรมดูสวยและบรรยากาศดีมากขึ้นไปอีก

ข้อด้อยอาจจะเป็นเพราะโรงแรมขนาดใหญ่ถ้าเจอกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆลงก็อาจจะดูในโรงแรมวุ่นวายไปซักหน่อยครับ


ได้เวลากลับกันแล้วครับ อย่างที่บอกว่าสายการบินบางกอกแอร์เวย์มีเที่ยวบินไปกลับเชียงรายวันละ 2 เที่ยวบินเที่ยวบินขากลับของเราเลยเลือกเป็นช่วงค่ำครับ



ที่สนามบินเชียงรายไม่มีเล้าจน์ของบางกอกแอร์เวย์นะครับ แต่ก็ยังมีบริการเครื่องดื่มและของว่างให้ผู้ที่เดินทางกับบางกอกแอร์เวย์นิดหน่อย



อาหารบนเครื่องครับ



อาหารพิเศษสำหรับคุณหนูครับ



ทริปนี้ขอขอบคุณบางกอกแอร์เวย์สำหรับการเดินทางแบบบูทีคๆ ขอบคุณโรงแรมเลอเมอริเดียนสำหรับการเชิญไปร่วมทริปในครั้งนี้ ขอบคุณเพื่อนๆบล็อกเอร์หลายๆท่านที่ร่วมทริปและน่าจะรีวิวไปกันหมดแล้ว ผมคงเป็นคนสุดท้ายในทริปที่มารีวิวปิดทริปนี้นะครับ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านรีวิวจนจบ รีวิวนี้มีรูปเยอะมากจริงๆ รีวิวหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนตามชมกันนะครับ

ขอบคุณครับ



ทริปนี้มีคลิปวิดิโอให้ชมกันด้วยนะครับ







ติดตามแฟนเพจผมได้ที่ https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ



Create Date : 05 พฤษภาคม 2558
Last Update : 5 พฤษภาคม 2559 17:12:18 น. 4 comments
Counter : 8467 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 6 พฤษภาคม 2558 เวลา:2:07:37 น.  

 
รีวิว ละเอียดมากทุกซอกทุกมุม ครบเครื่อง การเดินทาง ที่พัก อาหารการกินที่เที่ยวที่น่าสนใจ อื่มม ภาพสวยจริงๆ ประทับใจครับ


โดย: Udomsak IP: 182.52.196.62 วันที่: 6 พฤษภาคม 2558 เวลา:9:47:49 น.  

 
เป็นกำลังใจให้ครับ ผมติดตามตลอดเลยนะครับ


โดย: สรายุทธ IP: 180.183.12.62 วันที่: 6 พฤษภาคม 2558 เวลา:11:49:20 น.  

 
ในที่สุดก้ได้อ่านตำนานต้นฉำฉา ทึ่งมาก และต้นคงใหญ่มากแน่
รูปสวยด้วยค่ะ


โดย: tanyamon suttirak IP: 58.11.6.228 วันที่: 4 มิถุนายน 2558 เวลา:11:56:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biGbOySalaDbAr
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add biGbOySalaDbAr's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.