สวัสดีค่ะทุกคน เป็นยังไงกันบ้างคะฤดูฝนกำลังจะจากไป ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนแล้วนะคะ อากาศเย็นๆแบบนี้มาออกแรงทำอาหารกันดีกว่าค่ะ (เรียกเหงื่อกันซะหน่อย) และวันนี้ วรัญญามีเมนูง่ายๆที่ใครๆก็สามารถทำได้นำมาฝากค่ะ รับรองว่าทำง่ายกินได้และสบายกระเป๋าแน่นอนค่ะ สำหรับเมนูที่ว่านี้ก็คือ “กิมจิ” ค่ะ

กิมจิ  เป็นอาหารเกาหลีชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากในเกาหลีเรียกได้ว่าแทบจะต้องมีอยู่ในทุกมื้ออาหารและในประเทศไทยเองก็มีคนไทยบางส่วนที่นิยมชมชอบอาหารชนิดนี้เนื่องจากรสชาติของกิมจินั้นช่วยชูรสให้กับมื้ออาหาร ซึ่งกิมจินี้สามารถทานร่วมกับเต้าหู้ทอดของทอด หรือนำมาประกอบอาหารเช่น แกงกิมจิ และยังทานเป็นเครื่องเคียงคู่กับอาหารเกาหลีประเภทอื่นๆ ได้อีกด้วยนะคะ

ด้วยความที่กิมจินี้จะมีรสชาติคล้ายๆออกไปทางผักดองของบ้านเราแต่จะมีรสเผ็ดพอติดปลายลิ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พริกของประเทศเกาหลีที่นำมาทำกิมจินั้นค่อนข้างที่จะอ่อนในเรื่องของความเผ็ดทำให้เด็กๆบางคนก็สามารถทานกิมจิได้สบายๆ (โดยเฉพาะ 3แสบที่บ้านนี่ออกจะชอบเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ)

แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเกาหลีทำให้มีราคาที่สูงสักนิดโดยราคาที่ขายอยู่ตามท้องตลาดนั้นก็จะเริ่มตั้งแต่หลักสิบจนไปถึงหลักร้อยทำให้ยังเข้าไม่ถึงผู้บริโภคบางกลุ่ม (โดยเฉพาะคนอย่างเค้านี่ล่ะ TT)บางร้านกิมจิมีรสชาติดีมาก แต่...ราคาแพงเว่อร์บางร้านกิมจิรสชาติแปร่งๆแต่ราคาถูก แต่กระนั้นก็ยังคงมีบางร้านหรือบางยี่ห้อที่มีรสชาติดีและราคาพอเหมาะพอควร(แค่เรายังหาไม่เจอเองล่ะมั้งคะ @w@ อิอิ)

ในเมื่อกิมจินี้เป็นอาหารที่คนเกาหลีนิยมกินและนิยมทำเองภายในครัวเรือน แล้วทำไมคนไทยอย่างเราจะทำไม่ได้ล่ะคะ(เรื่องเลียนแบบนี้ ขอให้บอกเลยค่ะ หึหึ)และในเมื่อวัตถุดิบที่มาจากเกาหลีนั้นมีราคาค่อนข้างสูงเราก็มาดัดแปลงใช้วัตถุดิบของไทยเป็นหลักหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ไม่ต้องวิ่งเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตดังๆเท่านั้นแล้วล่ะค่ะ

ว่าแล้วก็มาดูวิธีทำ“กิมจิ” แบบประยุกต์ของวรัญญากันเลยค่ะ

เริ่มจากวัตถุดิบที่หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไปนำมาเตรียมให้พร้อมเพื่อหมักกิมจิกันค่ะ

1. ผักกาดเขียว 3 หัว(หรือจะใช้ผักกาดขาวก็ได้นะคะ รสชาติไม่ต่างกันค่ะ) หั่นเป็นชิ้นใหญ่พอดีคำ

2. หัวไชเท้า 1 หัว ปอกเปลือกหั่นเป็นเส้นหนา (หั่นเหมือนมันฝรั่งแท่งเล็กๆน่ะค่ะ)

3. ต้นหอม 4-5 ต้นหั่นเป็นท่อนประมาณ 1-2 นิ้ว

4. พริกชี้ฟ้าแดง 1 ขีดผ่าครึ่งตามยาวแล้วนำเม็ดพริกและแกนกลางหรือไส้สีขาวๆออกให้หมดนะคะจากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆค่ะ

5. สาลี่ 1 ลูกนำมาปอกเปลือกออกและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นแล้วแยกเอาเฉพาะน้ำค่ะ

6. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

7. ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ

8. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ

9. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

10. เกลือ 1ถ้วยตวง(หรือจะกะเอาก็ได้ค่ะ)

11. น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง(กะเอาให้แช่ผักกาดได้ท่วมก็พอแล้วค่ะ)

***ปล. วัตถุดิบทุกชนิดเราสามารถเพิ่มเติมได้ตามใจชอบเลยค่ะเพื่อรสชาติที่ถูกปากค่ะ

วัตถุดิบพร้อมแล้วก็มาเริ่มลงมือทำกันได้เลยค่ะ

วิธีทำ “กิมจิ” ง่ายๆ แบบไทยๆ

1. ผักกาดหั่นเป็นชิ้นพอคำ หรือกะชิ้นประมาณ 1 นิ้วก็ได้ค่ะนำมาคลุกกับเกลือ แล้วแช่ลงไปในน้ำเกลือ (อัตราส่วน เกลือ : น้ำ =1 ส่วน: 5 ส่วน) แช่ทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมง นำออกจากน้ำเกลือ(เก็บน้ำเกลือไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งทิ้ง) ให้นำผักกาดมาคลุกเกลืออีกครั้งนึงแล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือเดิมของเราค่ะ ทิ้งไว้จนครบอีก 12 ชั่วโมงก็นำผักกาดขึ้นมาจากน้ำเกลือบีบน้ำออก พักไว้เพื่อเตรียมหมักค่ะ

2. นำน้ำสาลี่ พริกชี้ฟ้าแดง ขิง กระเทียม น้ำตาลและน้ำปลาที่เตรียมไว้มาปั่นรวมกัน ให้เนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ

3. เตรียมอ่างให้พร้อม ใส่หัวไชเท้า ต้นหอมและเครื่องที่เราปั่นไว้ (ข้อ 2) นำมาคลุกรวมให้เข้ากัน

4. นำผักกาดที่เตรียมไว้ใส่ลงไปคลุกรวมกับหัวไชเท้าและเครื่องที่เตรียมไว้(ข้อ 3) คลุกให้เข้ากันจนทั่วถึงดี

5. หลังจากเสร็จข้อ 5ให้นำกิมจิที่ได้มาเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิด เราก็จะได้กิมจิรสชาติถูกปากเราแล้วล่ะค่ะ

***ปล. กิมจิ ที่เราทำเป็น กิมจิสด สามารถรับประทานได้ทันทีนะคะแต่ถ้าอยากให้ถึงรสชาติกิมจิ ก็ให้เก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาสัก 2 วันก่อนนะคะหรือถ้าอยากให้ได้รสชาติเปรี้ยวก็ให้วางในอุณหภูมิห้องก่อนสัก ครึ่งวันหรือทั้งวันก็ได้ค่ะ

เห็นไหมคะ กิมจิ สามารถทำได้ง่าย ทำได้จริง และราคาไม่แพงด้วยค่ะ

ราคาวัตถุดิบแต่ละพื้นที่อาจจะแตกต่างกันสักเล็กน้อย วรัญญาซื้อก็ไม่แพงนะคะราคาประมาณนี้ค่ะ

ผักกาดเขียว 3หัวราคา 20 บาท

หัวไชเท้า 1หัวราคา 15 บาท

พริกชี้ฟ้าแดง 1ขีดราคา 10 บาท

สาลี่ 1ลูกราคา 13 บาท

ต้นหอม 5 ต้น ราคา 10บาท

ขิง 1 ขีด ราคา 10บาท (แต่เราใช้แค่ช้อนโต๊ะเดียวค่ะ)

กระเทียม 1ขีดราคา 10 บาท (ใช้นิดเดียว ที่เหลือเก็บไว้ทำกับข้าวได้อีกค่ะ)

ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆก็มีอยู่ในครัวเรือนอยู่แล้วรวมราคากิมจิที่เราทำครั้งนี้ประมาณ 78 บาท จะได้กิมจิน้ำหนักประมาณเกือบ 1 กิโลกรัมซึ่งถ้ากิมจิที่เราไปหาซื้อตามร้านต่างๆ แน่นอนว่าไม่ได้เยอะขนาดนี้และราคาไม่ถูกแบบนี้แน่นอนค่ะ แถมรสชาติที่เราทำเองย่อมต้องถูกปากเราด้วยใช่ไหมคะ

หวังว่าทุกคนจะสนุกสนานไปกับการทำกิมจินะคะให้เด็กๆน้องๆที่บ้านช่วยๆกันทำ รับรองว่าสนุกค่ะและขอให้ทุกคนมีความสุขกับการกินกิมจิฝีมือตัวเอง และมีความสุขไปกับการอ่านนะคะ

รักคนอ่าน

วรัญญา

7 พฤศจิกายน 2559

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2559 21:48:47 น.		1 comments
Counter : 902 Pageviews.
Share Tweet