สิ้นสุดกันเสียทีแล้วหลังจากที่รอคอยกันหลายปี จนคู่แข่งทำไปแล้ว และเจ๊งไปแล้ว สำหรับการมาของ iPad หน้าจอใหญ่ อย่าง iPad Pro ที่ Apple ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 12.9 นิ้ว ความละเอียด 2732 x 2048 พิกเซล (5.6 ล้านพิกเซล) ที่ความหนาแน่น 264 ppi ส่วนตัวเครื่องก็มีความบางเฉียบเพียง 6.9 มิลลิเมตรเท่านั้น น้ำหนักก็เบาเพียง 712 กรัม เรียกว่าพอถือมือเดียวได้อยู่ สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ $799 หรือประมาณ 29,000 บาท

สเปกของ iPad Pro

• ชิปประมวลผล Apple A9X สุดแรง (แรงที่สุดใน Mobile Device)
• พร้อมชิปช่วยประมวลผล Apple M9
• แรม…ยังไม่รู้
• ตัวเครื่องความบางที่ 6.9 มิลลิเมตร
• แบตใช้งานได้ 10 ชั่วโมง
• มี Touch ID เหมือน iPhone, iPad ปกติ
• กล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล f/2.2
• กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.4
• ถ่ายวีดีโอได้ความละเอียด Full HD 30fps
• ลำโพงมีทั้งหมด 4 ตัวรอบตัวเครื่อง
• มี Smart Connector ไว้เชื่อมต่อกับ Smart Keyboard
• รองรับ Smart Keyboard รุ่นใหม่
• เชื่อมต่อ-ชาร์จไฟ ด้วยพอร์ต Lightning
• มาพร้อมกับ iOS 9
• มีสามสีให้เลือก เงิน, ทอง และเทาสเปซเกรย์
• มีความจุ 32GB และ 128GB ให้เลือก
• เฉพาะความจุ 128GB ถึงจะมีรุ่น Celllular ให้เลือก
• ราคา $799, $949, $1079 (ประมาณ 29,000 / 35,000 / 39,000 บาท)

เรียกได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ สำหรับการมาของ iPad Pro ที่จัดได้ว่าเป็น iPad เพื่อการใช้งานที่จริงจังมากยิ่งขึ้น ด้วยชิปประมวลผลที่แรงที่สุดในโลกก็ว่าได้ในฝั่ง Mobile Device ด้วยประสิทธิภาพของ CPU เพิ่มขึ้น 22 เท่า และประสิทธิภาพของ GPU เพิ่มขึ้น 360เท่า เมื่อเทียบกับ iPad รุ่นแรก มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่สุดๆ ที่ 12.9 นิ้ว (ใหญ่กว่า iPad Air 2 78%) แต่ตัวเครื่องกลับมีความบางเพียง 6.9 มิลลิเมตรและเบาเพียง 712 กรัมเท่านั้น ที่สำคัญมีราคาเปิดตัวประมาณ 29,000 บาทในรุ่นเริ่มต้น นับได้ว่ามีราคาที่สูงแต่ก็สมราคาตามสไตล์ Apple

สรุปแล้วตอนนี้ Apple ก็มี iPad Pro, iPad Air 2, iPad Air, iPad mini 4(รุ่นใหม่), iPad mini 2 ทำตลาดนะครับ แบบว่ามีตัวเลือกเพียบเลย

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมสุดล้ำอย่าง Applre Pencil และ Smart Keyboard ที่มีราคาเปิดตัวประมาณ 3,600 บาท และ 6,000 บาท ซึ่งเดี๋ยวเรามาว่ากันอีกที

ที่มา : theverge / notebookspec.com