กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
11 กันยายน 2558
 
 
ทริปสั้นๆของพนักงานออฟฟิต / 3 วัน ณ เชียงใหม่ เยือนดอยอินทนนท์ เหนือสุดแดนสยาม ขอสักครั้งนึงในชีวิต

3 วัน ณเชียงใหม่ ของพนักงานออฟฟิต ^^

เยือนดอยอินทนนท์เหนือสุดแดนสยาม ขอสักครั้งนึงในชีวิต

มือใหม่ขอเล่า... ขอเกริ่นก่อนเลยว่าผู้เขียนเองทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่ที่ออฟฟิตแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบการท่องเที่ยว ชอบเดินทางมากค่ะถ้ามีเวลาและบวกกับอารมณ์อยากออกเดินทาง ก็จะเก็บกระเป๋าและออกเดินทางไปยังที่ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศการออกไปเปิดหูเปิดตา อัพเดทโน่นนี่นั่นในประเทศหรือต่างประเทศ เป็นสิ่งที่จะช่วยเปิดโลกอีกใบนึงของเราได้เป็นอย่างดี แต่ทุกครั้งของการเดินทางก็ไม่เคยเขียนรีวิวบอกเล่าประสบการณ์เลยแม้แต่ครั้งเดียวมีแต่เขียนบันทึกเรื่องราวความประทับใจ เรื่องราวความลำบาก เรื่องราวความอบอุ่น ของสถานที่ต่างๆไว้ให้ตัวเองอ่านเพียงคนเดียวรีวิวนี้จึงเป็นรีวิวแรกที่ถ่ายทอดตัวหนังสือจากสมุดสู่โลกออนไลน์ค่ะ

                ถ้าจะนึกถึงการเดินทางเพื่อพักผ่อนให้ร่างกายได้ชาร์ตแบตสำหรับพนักงานออฟฟิตอย่างเราๆแล้ว ก็ดูจะเป็นเรื่องยากอยู่ ไหนจะค่าเดินทาง และวันเดินทางที่จะต้องคำนวนกันดีๆ  ทริปนี้เป็นการเดินทางโดยที่ตัวเจ้าของกระทู้เองไม่ได้วางแผนเลยเพียงแค่ผู้เขียนมีความเชื่ออยู่อย่างนึงว่า ถ้าใจเราเรียกร้อง เราก็แค่ทำตามหัวใจเพราะบางครั้งการวางแผนการเดินทางที่หลายๆคนเตรียมการกันมาเป็นปีๆพอถึงวันจริงก็พับแผนและไม่ได้เดินทางเลยก็มีค่ะ

มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่.... ทำไมถึงเลือกเชียงใหม่?  ผู้เขียนเคยไปเชียงใหม่ครั้งล่าสุดเมื่อตอนมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ ปี 2007 (พ.ศ. 2550) นับปีแล้วก็ 8 ปีพอดีคะกับการเดินทางสู่เชียงใหม่แต่ครั้งนั้นเป็นการเดินทางที่เยี่ยมชมมหกรรมพืชสวนโลกเพียงที่เดียวไม่ได้ไปยลโฉมสถานที่อันเลื่องชื่อที่อื่นๆในเชียงใหม่เลยค่ะ นี่คือเหตุผลของการกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง“เชียงใหม่”

                พลบค่ำวันอาทิตย์ ...คืนนั้นจำได้ว่านั่งดูข่าวเชียงใหม่ฝนตกหนัก และมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่บวกกับมีเสียงเล็กๆจากข้างในบอกให้ออกเดินทางไปหาสถานที่มาเขียนรีวิวแนะนำที่เที่ยวสำหรับคู่รัก(เนื่องจากผู้เขียนเพิ่งเปิดร้านขายชุดคู่รักในเวปไซต์ค่ะ จึงอยากมีบทความมาลงในเวปไซต์บ้าง)สิ้นเสียงขบคิดกับตัวเองผู้เขียนไม่รอช้าเปิดเวปไซต์หาตั๋วเครื่องบินและโรงแรมที่พักในทันใดผู้เขียนใช้บริการเดินทางโดยสายการบินสีเหลือง ซึ่งที่เชียงใหม่มีหลายสายการบินให้เลือกไล่ระดับBudget ในกระเป๋าของเราค่ะในช่วงที่ทุกท่านจะเดินทางควรเปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบินก่อนค่ะเพราะราคาแต่ละช่วงโปรมั่นของแต่ละสายการบินจะต่างกัน  ผู้เขียนทำการจองตั๋วเดินทางขาไปวันศุกร์ที่จะถึง(พักร้อนวันศุกร์ 1 วัน) และเดินทางกลับเย็นวันอาทิตย์ 3 วัน 2 คืนมาดูกันว่าเราจะได้ไปเยือนที่ไหนบ้าง ตามมาเลยค่ะ


สนามบินดอนเมือง... ออกเดินทางด้วยเที่ยวบินเวลา 09.05 น. ถึงปลายทางเชียงใหม่เวลา 10.15 น. ของเช้าวันศุกร์ถึงที่พักก็ก่อนเที่ยง โรงแรมโดยทั่วไปให้ check in ได้หลังเที่ยงค่ะ ที่เชียงใหม่มีโรงแรมหลากหลายราคาให้เลือกค่ะ ผู้เขียนเลือกที่พักไม่แพงมากแต่เน้นอยู่ใจกลางเมือง สามารถเดินลัดไปตลาดยามค่ำคืน “ไนท์พลาซ่า” ได้เลยค่ะ

ระหว่างรอห้องพักจึงเดินทางไปเที่ยวดอยสุเทพกันค่ะการเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเนื่องจากว่าเราต้องการเดินทางไปยัง พระตำหนังภูพิงคราชนิเวศน์ และดอยปุยด้วยเราจึงใช้บริการของเอเจนซี่ที่โรงแรม ราคาตามตกลงกันนะคะ  โดยตกลงราคากันที่ 1,000 บาท เพื่อไปเยือนสถานที่ต่างๆดังนี้…

-ดอยสุเทพ เดิมชื่อว่า “ดอยอ้อยช้าง” ชื่อที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ได้มาจาก “พระฤาษีวาสุเทพ” ซึ่งเคยบำเพ็ญตบะอยู่ที่เขาลูกนี้เมื่อพันกว่าปีมาแล้วค่ะเราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 11.30 น. ถึงดอยสุเทพประมาณ 12.30 น.ที่นี่จะมีการเดินทางขึ้นดอยให้เลือก 2 แบบคือ แบบเดินเท้าขั้นบันไดนาค 300 ขั้น

กับแบบรถรางไฟฟ้าค่ะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 - 18.00 น. ในราคาขึ้น-ลง คนละ 20 บาท (สำหรับคนไทย)และ 50 บาท (สำหรับชาวต่างชาติ) ขาขึ้นผู้เขียนลองเดินทางโดยรถรางค่ะ หน้าตาก็คล้ายๆกับลิฟท์ขนาดก็เท่าๆกับลิฟท์ค่ะ


ไม่ถึง 5 นาทีรถรางก็ได้แล่นมาถึงบนดอยสุเทพ สิ่งสักการะบนดอยสุเทพ มี 1.อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย 2.วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ด้านบนพระธาตุฯจะมีชุดชมวิวซึ่งจะมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้เลยคะ เสร็จจากการสักการะพระธาตุดอยสุเทพแล้วขึ้นต่อไปอีกนิดคะ ประมาณ 4 กม. ก็จะได้ชมความงามของพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ที่นี่ปิดให้เข้าชมตอนประมาณ 15:30น. จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังดอยปุย อยู่ห่างออกไปประมาณ4 กม. คะ ที่ซึ่งมีระดับความสูงที่ 1,658 เมตร จากระดับน้ำทะเลเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีอากาศเย็น สบายตลอดทั้งปีค่ะที่นี่มีหมู่บ้านชาวเขาดอยปุย จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง Hand made ในราคาไม่แพงเราเสร็จจากที่ดอยปุยก็เดินทางกลับเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่เลยค่ะมาถึงโรงแรมประมาณ 17.30 น. ซึ่งเรามีนัดกันต่อที่ไนท์ซาฟรี คืนนี้ค่ะ

-ไนท์ซาฟารี... ใช้บริการทัร์ของทางโรงแรมอีกแล้วค่ะเนื่องจากการเดินทางโดยใช้บริการของทัวร์ที่มีอยู่หลากหลายตามโรงแรมต่างๆช่วยลดเวลาและสะดวกสบายในการเดินทางค่ะ รถตู้มารับผู้เขียนที่โรงแรม เวลา 18.30 น.ไปถึงไนท์ซาฟารี 19.10 น. ทันรอบนั่งรถชมสัตร์กลางคืนพอดี ซึ่งถ้าหมดรอบ 19.30 น.แล้ว จะเปิดในนั่งชมอีกครั้งรอบ 20.30 น. ค่ะ ที่นี่จะมีการแสดงต่างๆมากมายให้ได้เลือกชมระหว่างรอ ไนท์ซาฟารีเรียกได้ว่าเป็นที่รวมของสัตว์กลางคืนจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ค่ะรถที่เรานั่งชอบสัตว์จะมีไกด์คอยบรรยายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนในบางจุดที่รถผ่านก็จะมีสัตว์ที่ไม่เป็นอันตรายเดินผ่าน เราสามารถให้อาหารได้เลยค่ะที่นี่จะมีสองพื้นที่ในการชม รถจะพาเราไปชมทั้ง 2 ที่ค่ะใช้เวลารวมประมาณหนึ่งชั่วโมง ถือว่าประทับใจมากค่ะ สนุกมากๆ


เช้าวันที่ 2 ...ทริปดอยอินทนนท์อย่างที่ได้บอกไปว่าทุกการเดินทางของที่นี่ผู้เขียนใช้บริการของทัวร์หมดค่ะเนื่องด้วยเวลาที่จำกัด และความสะดวกสบายค่ะแต่ถ้าท่านไหนมีเวลาผู้เขียนว่าการเดินทางเองก็คงสนุกไปอีกแบบค่ะ รถตู้มารับเรา8โมง ครึ่ง และออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์ ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ไกด์ได้พาเราแวะชมที่ต่างๆเริ่มจาก.. 

-    -ศูนย์ทอผ้าแม่บ้าน สภอ.บ้านสบหาด ที่นี่จะเป็นชุมชนเล็กๆผู้หญิงภายในชุมชนจะยึดอาชีพการทอผ้าขายซึ่งผ้าทอที่นี่จะมีจำหน่ายที่นี่เพียงที่เดียวเท่านั้น เด็กๆในชุมชนได้รับการเรียนในโรงเรียนเหมือนกับเด็กทั่วๆไปทุกคนในหมู่บ้านสามารถพูดภาษาไทยได้ เกษตรกรรมของที่นี่เป็นเแบบขั้นบันได และมีการปลูกต้นกาแฟเพื่อจำหน่ายเป็นกาแฟสดให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันในราคาแก้วละ 30 บาทค่ะ  

-น้ำตกสิริภูมิ ห่างไปไม่ไกลนักรถก็พาเรามายังน้ำตกแห่งนึง“น้ำตกสิริภูมิ” ทางเดินขึ้นน้ำตกทางชันเล็กน้อย ทางเดินบริเวณหน้าน้ำตกสิริภูมิลื่นพอดูนะคะ ระมัดระวังกันด้วยค่ะ อากาศที่นี่เย็นสบายค่ะยิ่งเข้าใกล้น้ำตกเท่าไหร่เราก็ ยิ่งได้ยินเสียงน้ำอันทรงพลังมากเท่านั้น เดินขึ้นมาถึงจุดที่ใกล้ที่สุดแล้วแหงนมองขึ้นไป สวยจับใจจริงๆ ค่ะ

-น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และมีความสวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ใครที่อยากเก็บรูปใกล้ๆก็เปียกปอนกันทุกรายค่ะ เนื่องจากน้ำตกวชิรธารเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมีหน้าผาสูง1 ชั้น ด้วยแรงกระเซ็นของน้ำที่กระทบกับพื้นโดยตรง ทำให้มีละอองน้ำขนาดใหญ่กระเด็นโดนตัวโดยตรงค่ะที่นี่จะมีร้านกาแฟบรรยากาศดีๆให้นั่งพักผ่อนด้วยคะ นั่งทานกาแฟไปชมบรรยากาศของน้ำตกไปมีความสุขจริงๆค่ะ นอกจากนนี้ก็ยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวด้วยทัวร์ที่ผู้เขียนร่วมเดินทางมา ก็มาแวะทานอาหารที่นี่ค่ะ ซึ่งรสชาติก็อร่อยใช้ได้ค่ะ ห้องน้ำก็มีไว้บริการเพียงพอต่อนักท่องเที่ยวพื้นที่จอดรถก็เป็นลานกว้างเพียงพอแก่นักท่องเที่ยวค่ะ

      -ดอยอินทนนท์ มาถึงจุดไฮไลท์ของทริปนี้แล้วนะคะจริงๆจุดมุ่งหมายหลักของทัวร์นี้ก็คือที่นี่ค่ะ  “ดอยอินทนนท์” แนวเทือกเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยอากาศของดอยอินทนนท์ ไม่ต่างกับเทือกเขาเอเวอร์เรส เพราะเรามีแนวเทือกเขาที่ระดับความสูงเดียวกันเนื่องจากที่นี่จะมีหมอกปกคลุมแนะนำให้สวมเสื้อหนาๆกันหนาว  ในช่วงหน้าฝนควรพกร่ม หรือเสื้อกันฝนขึ้นไปด้วยค่ะวันที่ผู้เขียนไปไม่ได้ใส่เสื้อกันฝน มีแค่ผ้าคลุมไหล่คอยบังละอองฝน ตัวเปียกเลยค่ะตลอดทางเดินเป็นสะพานไม้ค่อนข้างลื่นนะคะ ควรสวมร้องเท้าที่ใส่เดินสบายๆกันลื่นได้ค่ะ ที่นี่จะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว และมีกาแฟสดไว้ให้ชิมด้วยนะคะรสชาติอร่อย ราคาก็ไม่แพงมาก เสร็จจากนั้นก็ถึงเวลาลงเขา ได้เวลากลับแล้วคะไกด์บอกเราว่า ระหว่างทางกลับจะแวะชมอีก 2 สถานที่ แอบตื่นเต้นเพราะทัวร์รอบนี้คุ้มจริงๆ ได้ไปครบทุกๆที่ที่มีความสำคัญ

-พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล - พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล” องค์สีน้ำตาล ประดิษฐานอยู่ ณ จุดสูงสุดเคียงคู่กับ “พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ” องค์สีม่วงอมชมพูโดยพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล สร้างถวาย “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ๕ รอบเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ และพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ สร้างถวาย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯพระบรมราชินีนาถ” เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ๕ รอบเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๕ วันที่ที่นี่จะมีดอกไม้นานๆพันธุ์ปลูกไว้โดยรอบคะ สวยงามมากจริงๆ แต่น่าเสียดายวันที่ผู้เขียนเดินทางวันตก และมีหมอกปกคลุม ทำให้ไม่สามารถเก็บภาพสวยๆได้เลยคะ

-โ    -โครงการหลวง ดอยอินทนนท์อย่างที่เราทราบกันคะว่าด้วยพระกรุณาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์เพื่อช่วยชาวเขาให้มีพื้นที่ทำกินเป็นหลักแหล่ง  และลดการทำไร่เลื่อนลอย  ทั้งยังส่งเสริมให้ปลูกพืชทดแทนการปลูกฝิ่นที่นี่นอกเหนือจากจะเป็นสถานีวิจัยการเกษตรแล้วยังมีที่พักให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อน เพื่อศึกษาธรรมชาติด้วยนะคะ ในโครงการหลวงโดยรอบมีต้นไม้มากมายหลากหลายพันธุ์ผู้เขียนชอบสุดก็ต้นผักสลัด เรดโอ้กกับกรีนโอ้ค นี่แหละคะ ต้นใหญ่มากๆปลูกห้อยอยู่ในกระถางหน้าประตูทางเข้าที่พักนักท่องเที่ยว เห็นแล้วอยากทานมากๆค่ะ 


  -ศูนย์วิจัยแห่งนี้ยังมีของฝากที่จำหน่ายแบบสดๆด้วยนะคะ ทั้งสตอเบอรรี่ผักสดปลอดสาร ผลไม้สดๆตามฤดู และยังมีผลิตภัณฑ์ของดอยคำจำหน่ายที่นี่ในราคาย่อมเยาอีกด้วยนอกจากนั้นยังมีของฝากที่ผลิตจากฝีมือของชาวเขาทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า ฯ ให้ได้เลือกสรรค์มากมายหลายแบบคะที่สำคัญราคาไม่แพงเลยนะคะ สิ้นสุดจากโครงการหลวง เราก็มุ่งหน้ากลับเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม สุขใจมากกว่าค่ะ ที่ได้มาเยือน มันเป็นความปลื้มใจปนกับความอิ่มเอมใจมากกว่าค่ะ ถึงตัวเมืองเชียงใหม่เกือบๆ 5 โมงเย็น ผู้เขียนขอลงตรงไนท์พลาซ่าตลาดยามเย็นในเวลานี้ เพิ่งเริ่มตั้งร้าน ระหว่างรอผู้เขียนจึงแวะนวดไทย 2 ชั่วโมงคลายความเมื่อยล้า ตัวเมืองเชียงใหม่มีร้านนวดไทยมากมายให้เลือกใช้บริการ ยิ่งแถวๆ ตลาดไนท์พลาซ่า ร้านนวดไทยอยู่ติดๆกันเลยค่ะ ราคาก็เท่าๆกับกรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิทค่ะ ชั่วโมงละ 200-300 บาทนวดเสร็จก็ทุ่มพอดี  ร้านค้าทุกร้านเปิดกันหมดแล้วค่ะที่นี่นักท่องเที่ยวแน่นทุกคืน ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนคะร้านขายของในตลาดไนท์พลาซ่าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าทำมือ ราคาโดยรวมไม่แพงคะผู้เขียนซื้อกระเป๋าใส่เหรียญใบละ 10 บาท มาฝากเพื่อนๆที่ออฟฟิต ถูกมากค่ะ สวย และคุณภาพดีด้วยนะคะ


       ร้านอาหารที่นี่มีตั้งแต่ราคาธรรมดาไปจนถึงราคาแพง มีร้านอาหารซีฟู้ดหลายร้านไว้บริการด้วยค่ะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวก็คงจะเป็นน้ำผลไม้รวมปั่นสดๆ สามารถเลือกรวมได้หลากหลายชนิดราคาแก้วนึง 30-45 บาทค่ะ ที่ไนท์พลาซ่ามีร้านขายของฝากที่เป็นของกินด้วยนะคะ เช่นแคปหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำเงี้ยว ขนมอบกรอบต่างๆ  ตลาดไนท์พลาซ่า เปิดบริการตั้งแต่ช่วงเย็น จนถึง5 ทุ่มโดยประมาณค่ะ

เช้าวันอาทิตย์ ระหว่างรอกลับกรุงเทพฯ (เที่ยวบินเวลา14.25 น. ถึงกรุงเทพฯเวลา 15.30 น.) ระหว่างรอเวลาไปสนามบิน ผู้เขียนก็เดินชมรอบเมืองเชียงใหม่ในช่วงเช้าและกลับห้องพักตอนเที่ยงเพื่อทำการ check out แล้วมุ่งสู่สนามบินโดยรถตุ๊กๆ ที่เชียงใหม่ ไม่มีรถเท็กซี่ติดแอร์อย่างในกรุงเทพฯนะคะ จะมีก็น้อยส่วนมากจะจอดรอลูกค้าหน้าโรงแรมต่างๆมากกว่าค่ะcheck out ออกจากโรงแรมแล้ว เราก็เดินออกมาโบกรถตุ๊กๆ ริมถนนราคาโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 100-120 บาทแล้วแต่ตกลงกัน จากที่พักแถวไนท์พลาซ่าเดินทางสู่สนามบินเพียงแค่1.6 ก.ม. เท่านั้นค่ะ มาถึงสนามบินก็ check in ตั๋วเครื่องบินแล้วก็เข้าไปรอด้านในเตรียมขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ ใครที่ยังไม่ได้ซื้อของฝาก ด้านในก็มีร้านจำหน่ายของฝากให้ติดไม้ติดมือกลับบ้านค่ะซึ่งของฝากที่ได้รับความนิยมก็จะเป็นแคปหมูและน้ำพริกหนุ่มค่ะ

ถือได้ว่าเป็นทริปช่วงสั้นๆ ของพนักงานออฟฟิตที่มีวันหยุดแค่วันเสาร์- อาทิตย์ แต่คุ้มค่าในความรู้สึกค่ะ แม้ว่าเราจะถูกจำกัดด้วยเรื่องของเวลาหรือด้วยงบประมาณในกระเป๋า อย่างน้อยก็อยากให้ทุกท่านหาเวลาพัก ออกเดินทางเพื่อเจอสิ่งแปลกใหม่เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพฯ ก็ได้ค่ะ ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ ส่วนท่านไหนที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งหรือสถานที่ฮันนี่มูล เชียงใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ขอแนะนำค่ะ 




Create Date : 11 กันยายน 2558
Last Update : 11 กันยายน 2558 20:24:51 น. 1 comments
Counter : 1317 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 12 กันยายน 2558 เวลา:3:34:06 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

สมาชิกหมายเลข 2642551
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สมาชิกหมายเลข 2642551's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com