ค่ายคุณธรรม เดจาวู และมือปริศนา


           ตอน ม.4 ปิดเทอมเดือนตุลาคม คุณครูพาไปเข้าค่ายคุณธรรมที่วัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ก็ไปกันเฉพาะสายวิทย์ 3 ห้อง เพราะสายศิลป์เขาไปมาก่อนแล้ว การไปอยู่ที่นี่เราต้องถือศีล 8 [เราเเอาขนมไปตั้งเยอะ สุดท้ายก็ไม่ได้กิน มดมาแด๊กแทน]
           วันแรก...แบ่งกลุ่มเรียนธรรมมะตามฐานต่างๆ ก็จะมีทั้งหลักธรรมที่พระอาจารย์สอน และบางฐานก็เป็นการสอนเกี่ยวกับการอยู่ที่นี่ พระอาจารย์ก็สอนกางกลด กางยังไงไม่ให้ยุงเข้า พระอาจารย์ก็สาธิตให้ดู บอกเลยว่าฐานนี้ฮามาก เนื่องจากพระอาจารย์เป็นคนตลก เวลาเดินเพื่อย้ายฐาน มันมีอยู่จุดนึงที่มันมีภาพแว๊บเข้ามาในหัวว่าเราเคยอยู่ที่นี่จุดนี้ [ที่คนเขาเรียกว่าเดจาวูอ่ะ] คือตรงที่มันมีเรืออ่ะ เป็นเหมือนเรือโบณาณ ที่มีพระพุทธรูปปางลีลาประทับยืนอยู่ฝั่งนึงของเรือ ซึ่งเราสามารถมองเห็นผ่านช่องที่เหมือนประตูบนเรืออ่ะ เดินผ่านสองรอบ ภาพก็แว๊บมาในหัวสองรอบ เหมือนเคยฝันว่าเคยมาที่นี่แล้วเมื่อประมาณสองสามเดือนก่อน จริงๆคือเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก อ่ะต่อ..วันแรกก็จะมีนั่งสมาธิรวมเป็นพักๆ แล้วแต่พระอาจารย์จะเรียก ตอนเย็นก็ดื่มน้ำฟักทอง เราก็ว่าอร่อยดี แต่เพื่อนหลายคนไม่ชอบ อ้วกกันเป็นแถว มื้อเย็นเสร็จก็เข้าที่พัก อาบน้ำรวม ทุลักทุเลมากกะตอนอาบน้ำ คือเรานุ่งผ้าถุงไม่เป็น และยังต้องอาบน้ำรวมกะเพื่อนสาวอีก ตอนเย็นก็ไปรวมกันอีก นั่งสมาธิ เรียนธรรมมะ จนถึงสามสี่ทุ่ม ถึงได้เข้าที่พัก และได้พักผ่อน นอน.. 
           วันแรกนี่เรากระวนกระวายใจมาก อยากกลับบ้านแบบสุดๆ ไม่อยากอยู่ที่นี่ คือเราไม่ชอบออกค่าย ไม่ว่าจะค่ายอะไรก็ตาม ตั้งแต่ค่ายลูกเสือละ ถ้าอาจารย์ไม่ขู่บังคับจริงๆก็ไม่ไปนะ คือไม่ชอบความลำบากอ่ะว่างั้นเหอะ อยู่บ้านสบายกว่าตั้งเยอะ เราคิดงี้ไง 
           วันที่สอง... ต้องตื่นแต่ตี 4 มาทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ และแบ่งพื้นที่แบ่งหน้าที่กันทำความสะอาดบริเวณวัด วันนี้เป็นวันวันแห่งการฝึกสมาธิและเรียนธรรมมะซะส่วนใหญ่ ตอนกลางวันหลังกินข้าวเสร็จ เราก็เข้าไปไหว้พระในพระอุโบสถ(ไม่รู้เขาเรียกงี้ป่าว) และก็นั่งสมาธิในนั้นสักพัก พอใกล้หมดเวลาพัก เราก็ออกมารอพระอาจารย์เรียกกะเพื่อน พอพระอาจารย์เรียก เรายืนคุยกะเพื่อนสักพัก ละก็... มีมือมาวางบนบ่าเรา [เหมือนจะเรียกให้เข้าไปหาพระอาจารย์ได้แล้ว] เราก็ถามเพื่อนที่เป็นตุ๊ดว่า "เธอจับไหล่เราหรอ?" เพื่อนบอก "เธอจะบ้าเหรอ เราถือศีลอยู่นะ ถ้าเราไปจับเธอ ศีลเราก็ขาดน่ะสิ แล้วเราจะจับไหล่เธอทำไม" เราเลยหันไปถามเพื่อนผู้หญิง เพื่อนคนนี้ก็บอกว่าไม่ได้จับ หันมองดูรอบๆก็ไม่มีใครแล้ว ก็ยืนคุยกันอยู่ 3 คน เพื่อนก็ไม่ได้จับ แล้วใครจับ? เราก็ไม่ได้อะไรกับเหตุการณ์นี้เท่าไหร่ แค่ฉงนใจว่ามือใคร!? ก็เท่านั้นเอง หลังจากเหตุการณ์นี้ เรากับเพื่อนก็เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆเพื่อฟังธรรม นั่งสมาธิ ตามที่พระอาจารย์เรียกรวม วันนี้พระอาจารย์พาไปเดินจงกรมที่ลานดินด้วย ยกหนอ.. ย่างหนอ.. เสร็จแล้วก็ให้นั่งสมาธิที่ลานนั้น เราได้นั่งหน้าพระ ระหว่างนั่งสมาธิอยู่นั้นก็มีไก่ตัวนึงมาใกล้ๆ ใกล้มาเรื่อยๆ แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ไก่ขึ้นมาเหยียบขาเรา และยังจิกเราอีก จิกแล้วจิกอีก เราก็ทน คิดในใจว่าเมื่อไหร่มันจะไป พยายามหายใจเข้าหายใจออกโดยไม่สนใจ แต่ไก่มันก็จิกไม่หยุด เราเจ็บจนทนไม่ไหว เลยร้องโอ้ยออกไปเสียงดัง พร้อมลืมตาขึ้นมา และสะบัดตัว ไก่มันก็ตกใจและออกไป พระอาจารย์ก็จ้องมา เราก็รู้สึกผิดที่อดทนไม่พอ ก็นั่งสงบเงียบฝึกสมาธิไปตามเดิม ส่วนมื้อเย็นวันนี้เป็นน้ำถั่ว เพื่อนๆเราชอบมาก เดินไปเติมอีก ผิดกับเมื่อวานที่เป็นน้ำฟักทอง ส่วนการอาบน้ำในวันนี้ สบายหน่อย แก้ผ้าอาบน้ำในส้วมเลย ไม่ต้องกังวลว่าผ้าถุงจะหลุด รองน้ำใส่ถังแล้วตักอาบเอา หัวค่ำวันนี้พระอาจารย์พาทำพิธีอะไรไม่รู้ ท่านสอนให้ระลึกถึงคุณบิดามารดา และให้จุดเทียน จำเหตุการณ์นี้ไม่ได้เท่าไหร่ แต่จำได้ว่ามีเพื่อนน้ำตาร่วงกันหลายคน วันนี้ก็ได้เข้าที่พักเวลาเดียวกับเมื่อวาน
            วันที่สองนี้เริ่มรู้สึกสงบขึ้น สบายขึ้น อยู่ที่นี่ได้โดยไม่กังวลอีกแล้ว รู้สึกเย็นใจ
            วันที่สาม วันสุดท้ายแล้ว เหมือนมันเพิ่งแป๊บเดียว จะกลับแล้วเหรอ ยังไม่อยากกลับเลย วันนี้ก็เหมือนเดิม ตื่นแต่ตี 4 มาทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ ทำความสะอาดบริเวณวัด แล้วก็ไปอาบน้ำ เก็บเสื้อผ้าเตรียมกลับบ้าน วันนี้ก็จะเป็นการฟังธรรม นั่งสมาธิ ปุจฉา-วิสัชชนา เที่ยงก็กลับบ้าน   

            จบการอยู่ค่ายตลอดสามวัน

            รู้สึกจิตใจสงบขึ้นเยอะ พอมาเจอโลกภายนอกนี่รู้สึกได้ถึงความวุ่นวายเลย ค่ายนี้ทำให้เราได้ค้นพบความสงบสุขทางใจ ทำให้เราพบเป้าหมายที่แท้จริง เราจะมุ่งมั่นในทางพระนิพพาน แม้ระหว่างทางจะมีเรื่องมีเหตุการณ์มีหน้าที่มากมาย แต่เราก็ยังไม่ลืมเป้าหมายจริงๆของเราว่าคืออะไร ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ฝึกตนไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องสละ แล้วมาสู่ทางธรรม เส้นทางในพระศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า




ตรงที่เราเคยนั่งสมาธิ เราหน้าพระ ที่โดนไก่จิกนั่นแหละ



Create Date : 02 กรกฎาคม 2560
Last Update : 29 กันยายน 2560 23:40:09 น.
Counter : 821 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 2219950
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อาจจะเป็นคนคิดต่าง ไม่ค่อยเหมือนใคร แต่ก็มีความจริงใจให้กับทุกคนที่เข้าหาเสมอนะ
กรกฏาคม 2560

 
 
 
 
 
 
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31