Photobucket

Iced Tea ที่ Nepal - ตอนที่ 3

วันที่ 3: Pokhara – Nayapul – Tikhedunga

คืนที่สองในเนปาลผ่านไปด้วยดี ดูเหมือนเราจะหลับสนิทกว่าคืนแรก
คิดเอาเองว่าเพราะอากาศที่เมือง Pokhara สะอาดกว่า


เช้านี้มีนัดกับคุณไกด์เวลา 7 โมงตรง ซึ่งเราต้องลงมาทานอาหารเช้ากันก่อน
เช้านี้ขอเติมพลังด้วยไข่เจียวกับขนมปังปิ้ง แถมความสุขภาพดีด้วยมูสลี่ใส่กล้วย
ในใจคิดว่า รู้งี้น่าจะพกโกโก้ครันช์มาด้วย
แต่แค่นี้ก็รู้สึกอิ่มหนำสำราญกว่าที่คิดไว้มาก แถมไม่มีอาการท้องเสียใดๆระหว่างการเดินทาง
เป็นอันว่าสำหรับเรา อาหารที่เนปาลรสชาติโอเคและสะอาดพอสมควร
ส่วนคุณไกด์ซึ่งก็นั่งทานอาหารเช้ากับเราด้วยเลือกทานแค่ขนมปังปิ้งกับชาร้อน 1 แก้ว

01 อาหารเช้าที่เกสเฮ้าส์เมือง Pokhara จัดหนักเพื่อการเดินทางไกลโดยเฉพาะ หน้าตาดูดี รสชาติโฮมมี่โฮมเมดมากๆ


7 โมงเช้า ล้อรถจิ๊ปก็เคลื่อนออกจากเกสเฮ้าส์พร้อมนักท่องเที่ยวชาวไทย 2 คน

ในรถ เราเจอกับลูกหาบซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่ยิ้มเก่ง
คอยช่วยเหลือจัดแจงเรื่องสัมภาระให้เราตลอดการเดินเทรคกิ้งเป็นอย่างดี
คุณไกด์บอกว่า ลูกหาบคนนี้จะมารับจ้างบ้างเป็นครั้งคราวเวลาหมดฤดูทำนา

อืม....เป็น "ลูกหาบฟรีแลนซ์" ว่างั้นเถอะ

รถจิ๊ปขับผ่านตัวเมือง เรื่อยๆไปจนถึงถนนที่ตัดผ่านภูเขา
วกไปวนมาหลายโค้ง จนมาถึงจุดที่เราเรียกเอาเองว่า "สำนักลูกหาบ"
เพราะดูจะมีอุปกรณ์ต่างๆที่ลูกหาบต้องการ
อย่างไม้เท้า ตะกร้าไม้ใบใหญ่สำหรับรวบรวมกระเป๋าหลายใบ เชือกรัดขนาดต่างๆ
เห็นเทคนิค มัด ยัด รวม กระเป๋าของลูกหาบแต่ละคนแล้วต้องคารวะ
ตอนจัดกระเป๋าเราเป็นกังวลเรื่องขนาดกระเป๋ามาก เพราะกลัวจะทำให้ลูกหาบลำบาก
แต่พอเทียบเคียงกับของกรุ๊ปอื่นแล้ว รู้สึกลูกหาบเราเหมือนแค่สะพายเป้ เดินตัวปลิวมากๆ

02 สำนักลูกหาบ ปลายทางของรถโดยสาร ต้นทางของการเดินเท้า


เวลาเริ่มต้นทำอะไรซักอย่างที่ไม่คุ้นเคย บางคนจะมีอาการมวนท้อง
อย่างในภาษาอังกฤษเรียกว่า Feeling Butterflies (in the stomach)
ปรากฏการณ์ยุบยับในกระเพาะอาหารเรื่อยไปจนถึงลำไส้ใหญ่
ยิ่งตื่นเต้นมากๆ อาจต้องเรียกหาห้องน้ำเลยทีเดียว
เราก็เป็นคนนึงที่มีอาการนี้อยู่บ่อยๆ แต่แปลกที่การเดินทางไกลรอบนี้ไม่ยักจะมวนท้องขึ้นมา
อาจเพราะเรามีเพื่อนร่วมทางอีกตั้ง 3 คน พอทำให้อุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง
ไม่ได้ออกเดินทางคนเดียว เหมือนอย่างเวลาโดนเรียกสัมภาษณ์งาน 3-ต่อ-1

จากสำนักลูกหาบ จะมีทางลงแคบๆไปสู่หนทาง trekking
ถ้าไม่ชี้บอกหรือเห็นคนอื่นพากันเดินไป ก็คงไม่รู้ว่าต้องลงไปทางนั้น
เพราะดูเหมือนเป็นทางไปห้องครัวหรือหลังบ้านใครซะมากกว่า

03 ม้า ลา ผูกกระดิ่งส่งสัญญาณ เจอกันบ่อยๆระหว่างเดินทาง


เดินตามหลังคุณไกด์ไปเรื่อยๆ ก็เจอกับสิ่งที่คุ้นเคยจากบล็อคและบทความท่องเที่ยวที่อ่านก่อนไป
นั้นก็คือเหล่า messenger ประจำเทือกเขาอันนาปุระ
คอยส่งเสบียง น้ำเปล่า รวมไปถึงเตาแก๊สให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว
เห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าพวกม้าลาพวกนี้จะมีวันพักผ่อนบ้างรึเปล่า
ตราบเท่าที่เจ้าของต้องทำมาหากิน และไม่รู้สึกเหนื่อย ม้าลาพวกนี้ก็คงต้องทำหน้าที่เป็น messenger อย่างเลี่ยงไม่ได้

04 งอแงปากจู๋

ตามที่นักท่องเที่ยวท่านอื่นได้บันทึกไว้ให้ทราบกันว่า
เด็กๆที่พบเจอระหว่างทางมักจะเข้ามาขอ chocolate หรือ ช็อค-แล็ต ไม่ก็ แคน-ดี้
เดินผ่านโรงเรียนนี่ เรียกว่ากรูกันเข้ามาอย่างน่ากลัว
ยิ่งไปถ่ายรูปเค้าเข้าแล้วด้วยนี่ เรียกว่า "เดินตามเพื่อเคลมค่าเสียหาย" กันเลย ถ้าไม่ให้ก็คงรู้สึกผิด
แนะนำว่าให้พกช็อกโกแลตแท่งเล็กๆ อย่างไมโลแท่งหรือ kit-kat พอเราเหนื่อยก็เอามากินได้ด้วย
หรือบางท่านเน้นการศึกษา พกพวกดินสอ ยางลบให้เด็กๆเลยก็ดี
ส่วนตัวไม่ค่อยกินลูกอม เลยแจกลูกอมให้เด็กๆไปหลายเม็ด ส่วนช็อกโกแลตนี่ขอเก็บไว้กินเอง Smiley

05 บรรยากาศแบบเมือง ก่อนจะตัดสู่บรรยากาศแบบโลกพระจันทร์
ใครขาดเหลืออะไรยังคงซื้อหากันได้ แม้แต่นาฬิกาข้อมือหรือเทปหนังเทปเพลงก็มีขายนะ


ก่อนจะเข้าสู่บรรยากาศธรรมชาติ ก็จะมีจุดตรวจ 2 จุดเพื่อตรวจสอบเอกสาร
ได้แก่ Trekking Permit กับ Trekking Information Management (TIM) Ticket
ซึ่งอันหลังนี่เอาไว้ตรวจสอบเพื่อทำสถิติการท่องเที่ยวและเพื่อตรวจว่าบรรดาคนที่เข้าไป trekking นี่กลับกันออกมาแล้วยัง

ถึงตรงนี้ ขออนุญาต forward เรื่องราวไปตอนขากลับ
บังเอิญว่าเราได้เจอกับนักศึกษาปริญญาโทสองคน เข้ามาแจกแบบสอบถามระหว่างที่เรานั่งพักทานอาหารเที่ยง
หัวข้อวิจัยเป็นเรื่องความสะอาดและสภาพแวดล้อมของเส้นทาง trekking ในเทือกเขาอันนาปุระ
มีแบบประเมินให้นักท่องเที่ยวให้คะแนนและคำถามด้านต่างๆ เช่น ความปลอดภัย อาหารการกิน จุดทิ้งขยะ ฯลฯ
คิดเอาเองว่าถ้างานวิจัยนี้สำเร็จ คงเป็นประโยชน์ให้รัฐบาลได้มาก
นอกเหนือไปจากสถิติที่เก็บได้จาก TIM Ticket ซึ่งก็บอกแค่จำนวน/ประวัตินักท่องเที่ยวเท่านั้น


ความเห็นส่วนตัวคิดว่า รัฐบาลเนปาลก็จัดการเส้นทาง trekking ได้ดีในระดับนึง เพราะเราไม่ค่อยเห็นขยะตามทาง (อันนี้ต้องยกเครดิตให้นักท่องเที่ยวด้วย)
ราคาอาหารตามที่พักต่างๆก็มีมาตรฐาน ต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงการท่องเที่ยวก่อนเพื่อป้องกันการโกงราคา
จะมีบ้างก็พวกน้ำดื่มเป็นขวดที่ยิ่งสูงยิ่งแพง 
ที่หนักสุดเห็นจะเป็นเรื่องความสะอาดนี่หล่ะ 
เพราะบรรดาน้องม้าน้องลาที่ขนส่งเสบียงรอบภูเขานั้นจะถ่ายหนักถ่ายเบากันตอนไหนก็กะเกณฑ์ไม่ได้
ทำให้ตามทางเดิน ยิ่งทางเดินแคบๆ นักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังฝีเท้าให้ดี บางทีต้องกลั้นหายใจหลายวินาที
เหล่าของเสียพวกนี้ก็เป็นอาหารชั้นดีให้กับแมลงวัน ซึ่งก็ตัวโตเพราะอิ่มหนำสำราญถ้วนหน้า 
ให้เราคิดแก้ปัญหานี้ ถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออก ต้องยอมรับพลังธรรมชาติโดยดุษฎี

กว่าแบบสอบถามจะหมด ไม่รู้ว่านักศึกษาทั้งสองคนต้องเดินขึ้นลงเขากี่รอบ

06 เส้นทางช่วงแรกเป็นทางราบเลียบแม่น้ำ เดินง่าย สบายต่อเท้าคนเมืองอย่างเรามาก

07 ชาวบ้านมาช่วยกันขนดินขนทราย น่าจะเอาไปสร้างบ้าน สารภาพว่าตอนแรกมองไกลๆ นึกว่าเค้ามาซักผ้ากัน


08 สีสันจัดจ้านกว่าละแวกใกล้กัน

09 trekker ทั้งหลายเหมือนจะพร้อมใจกันหยุดเพื่อดูน้ำตกธารนี้


จากทางเรียบริมแม่น้ำ ทางเดินเหมือนจะชันและแห้งแล้งขึ้น
จนมาถึงทางเดินที่เราเรียกเองว่า "เส้นทางพระจันทร์"
เพราะดูแห้งแล้งมีแต่ก้อนหินสีเทา ลัดเลาะไปตามภูเขา
ยิ่งเดินตอนแดดร้อนๆ ร่างกายเหมือนจะเรียกร้องอยากได้น้ำมากกว่าปกติ

10 เส้นทางพระจันทร์ กับ นักท่องเที่ยวจากเซี่ยงไฮ้
กลุ่มนี้ออกเดินทางมาพร้อมเราจากสำนักลูกหาบ 
แต่ความยาวขาของคนไม่เท่ากัน เค้าเลยแซงไปตามระเบียบ


11 ยังคงตามหลัังกลุ่มเซี่ยงไฮ้ ก่อนที่จะเจอทั้งกลุ่มอีกทีตอนเย็นของอีกวัน
เพราะเค้าเดินกันรวดเดียว ไม่แวะถ่ายรูปนั้นนี่เหมือนเรา Smiley

12 เส้นทางก่อนถึงหมู่บ้าน Tikhedunga เรียกว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนเจอเส้นทางบันไดหินแบบโหดในวันพรุ่งนี้


เส้นทางโดยรวมของการเดินทางวันแรกเป็นบันไดสลับทางเรียบ ประมาณว่าขึ้นบันได 5 ก้าว เดินเรียบๆอีก 10 ก้าว
ระยะทางเดินวันนี้แค่ประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่รวมตอนพักทานอาหารเที่ยง ถือว่าน้อยถ้าเทียบกับวันอื่นๆ
แล้วก็เป็นเส้นทางผ่านหมู่บ้านซะมาก ไม่ต้องปีนป่ายเหมือนเวลาเดินในป่า
ตลอดทางก็ล้อมไปด้วยวิวภูเขาสีเขียว ซึ่งใจจริงอยากให้เป็นภูเขาหิมะมากกว่า

13 ถ้าเป็นขบวนเกี๊ยวใต้เท้าแบบในหนังจีน มาถึงตรงนี้คงมีคนพากษ์ว่า "หยุดดดดดดดดด"


คุณไกด์หยุดเดิน แล้วก็หันมาบอกสั้นๆว่า "ถึงแล้ว"
เล่นเอาเรากับลูกพี่ลูกน้อง งง ว่าทำไมเร็วจัง เพราะนาฬิกาเพิ่งจะเลยเลข 2 ไปไม่กี่นาที
คุณไกด์บอกว่า วันนี้ไม่อยากให้เดินมาก ถือว่าเป็นการ warm-up
เพื่อให้คุ้นกับเส้นทางและความสูง 
ก่อนร่างกายจะถูกใช้อย่างหักโหมในวันพรุ่งนี้

นี่แปลว่า เรามีเวลาทั้งบ่ายในการเดินชิวท่ามกลางภูเขาเขียวๆสินะ ... ทำอะไรดี ?

14 ที่พักชื่อ Green View Lodge

เดินขึ้นบ้านพักแล้วก็จัดสัมภาระให้เข้าที่เข้าทาง
เห็นโปรแกรมของนักท่องเที่ยวไทยหลายท่านก็มาพักที่นี่
คิดเอาเองว่าทัวร์เมืองไทยคงทำสัญญาใจกับเจ้าของที่นี่เอาไว้
สภาพที่พักก็คือ "ไว้กิน" กับ "ไว้นอน" จริงๆ เพราะในห้องมีแต่เตียง ส่วนข้างนอกก็เป็นโต๊ะสำหรับทานอาหาร
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมระบบพึ่งพาเตาแก๊ส ชนิดที่คนอาบเห็นกรรมวิธีทำน้ำอุ่นทุกขั้นตอน

รวมถึงเห็นเปลวไฟแว๊บออกมาบ้างบางครั้ง


15  ต้องขอบคุณบรรดาม้าลาทั้งหลาย ที่ขนส่งสรรพัดเครื่องยังชีพและเครื่องอำนวยความสะดวกของมนุษย์ รวมถึงเตาแก๊สสำหรับทำน้ำอุ่นและทำอาหารด้วย

16 เห็นแล้วไม่รู้จะบรรยายอะไร เพราะภาพมันก็น่าจะบรรยายตัวเองได้ดีอยู่แล้ว
อยากจะขอให้คนที่ผ่านไปผ่านมาที่อ่านบล็อคนี้แล้วอยากจะไป trekking ที่เนปาลหรือที่อื่นๆ 
ช่วยเห็นใจลูกหาบกันซักนิด อะไรเอาออกจากกระเป๋าได้ก็เอาออก
เสื้อผ้าเอาไปไม่ต้องเผื่อใส่ทุกวันก็ได้ ที่นู้นอากาศหนาว ซักแล้วตากแป๊บเดียวก็แห้ง
ช่วยกันทำให้การเดินทางเป็นเส้นทางความสุขทั้งเราและเขากันค่ะ

...มีเวลาว่างเยอะมากๆ
ใครที่มีโปรแกรม trekking เหมือนๆกัน คือมาพักวันแรกที่ Tikhedhunga
แนะนำให้พกหนังสือบางๆแบบอ่านวันเดียวจบมาซักเล่ม
หรือจะไฮเทคพก iPad มาเลยก็ไม่ว่ากัน
อ่านหนังสือพร้อมกับละเลียดบรรยากาศเย็นๆ นี่มั้ง...ความสุขของการเดินทาง

ส่วนเรา ไม่ได้พกหนังสือมาซักเล่ม ก็ได้แต่นั่งมองคนเดินผ่านไปมา เดินไปถ่ายรูปนู้นนี่ฆ่าเวลา
ยังงงๆว่า วันนั้นเราทำอะไรบ้าง

ว่าแล้วก็ขอนำเสนอรูปเป็นซีรี่ย์
คือเลือกรูปที่เหมือนๆกันมาอยู่ในหมวดเดียวกัน

ขอประเดิมด้วยซีรี่ย์ "ไก่"
ซึ่งเราว่าตัวใหญ่กว่าที่เมืองไทยมากกกก

ซีรีย์ "ดอกไม้"

ซีรีย์ "ท้องทุ่งและนาขั้นบันได"

ซีรีย์ "รักเด็ก"
เป็นคนไม่ค่อยถ่ายรูปคน ดังจะเห็นได้ว่ามีรูปเด็กน้อยกว่าพวกใบไม้ใบหญ้า -_-''


เดินไปเดินมา ก็ถึงตอนเย็นซักที
อาบน้ำเรียบร้อยก็มากินข้าว เหตุที่อาบน้ำก่อนก็เพราะว่าที่นี่อากาศเย็น
ถ้ารอไปอาบน้ำตอนค่ำเหมือนกิจวัตรที่เมืองไทยคงเป็นไข้พอดี
และแน่นอนว่ามื้อเย็นวันนี้ เราสั่งชานมเพื่อปฏิบัติภารกิจทดสอบรสชาติชานมที่เนปาลตามที่ตั้งใจไว้
ส่วนอาหารนั้นก็คือ Dal Bhat ซึ่งจะเขียนถึงวันหลัง

17 ดื่มแล้วแทบอยากจะขอสูตรกลับเมืองไทย อร่อยมาก......

Masala Tea ที่ Green View Lodge เป็นชาที่อร่อยมากที่สุดตลอดทริปการเดินทางในเนปาลของเรา 
คือ มันกลมกล่อมพอดี ไม่หวานมากจนเกินไป กลิ่นเครื่องเทศไม่ฉุนจนเกินไป
เราดื่มสองแก้ว คือตอนมื้อเย็น กับตอนเช้า รสชาติก็อร่อยทั้งสองแก้ว จนลูกพี่ลูกน้องยังสั่งตาม :)

18 ชาร์ตแบตตารี่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้ากันทุกวัน อย่าลืมชาร์ตพลังชีวิตกันบ้างน้า....


สองทุ่มกว่าๆ เราก็เข้านอน
กิจกรรมก่อนนอนที่เพิ่มมานอกจากการกินวิตามินและโปะมอยเจอร์ไรเซอร์ก็คือ การทา counter pain
ซึ่งก็ดันไปซื้อเป็น counter pain cool จนต้องวุ่นวายยืมจากลูกพี่ลูกน้อง

คนเราบางทีก็ไร้สติกับเรื่องสำคัญๆแบบดื้อๆ
ของใช้อย่างอื่นเตรียมมาดีหมด ยกเว้นก็แค่หลอด counter pain นี่แหละ

ทาไปก็ลุ้นไปว่า counter pain จะช่วยแบ่งเบาความเมื่อยล้าจากการเดินได้มากเท่าไหร่
ยิ่งถ้าต้องขึ้นบันไดสามพันกว่าขั้นแบบวันพรุ่งนี้...




Create Date : 08 มีนาคม 2556
Last Update : 8 มีนาคม 2556 19:02:23 น. 3 comments
Counter : 3313 Pageviews.

 
ภาพสวยจังค่ะ

เป็นประเทศที่คิดว่าอยากจะเดินทางไปคนเดียวสักครั้งในชีวิต


โดย: Kozumochi วันที่: 8 มีนาคม 2556 เวลา:21:00:31 น.  

 
โหยยยย ภาพสวยมากๆ คะ ชอบบบบบ
บรรยายได้น่าอ่านมากๆ ด้วยคะ อิอิ

ตั๊กเห็นด้วยกับเรื่องสัมภาระคะ เพราะเห็นลูกหาบหลานๆ คนเขาต้องแบกเยอะจริงๆ
แต่ของตั๊กดีหน่อย มีแค่กระเป๋าใบเดียว 555555555
เสื้อก็รีไซเคิลใส่เอา แต่ว่า จ้างลูกหาบกับไกด์ไปเป็นเพื่อน
(ออกลักษณะป๊อดๆ 555+ ให้แบกเองก็ไม่กล้า)

ระหว่าง Trekking เนื้อสัตว์ชนิดเดียวที่ตั๊กได้กินก็ไก่นี่แหล่ะค่ะ ฮาาา
แล้วก็เจอเด้กมาขอขนมด้วย เพราะไปขอถ่ายรูปน้องเขานี่แหล่ะ
แต่ตั๊กดันไม่ได้พกอะไรไปเลย รู้สึกผิดอย่างแรงคะ

ไว้จะตามมาอ่านต่อนะคะ


โดย: Nepster วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:16:22:01 น.  

 
ดูจากรูปแล้ว นับถือลูกหาบจังเลยค่ะ



โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 12 มีนาคม 2556 เวลา:1:13:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Backlit.Iconic
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ค้นพบว่าการถ่ายรูปและการเดินทางทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น เป็นงานอดิเรกที่ไม่เคยเบื่อ ชอบแวะเวียนไปชิมอาหารและขนมจากร้านบรรยากาศดีๆ ชอบงานสถาปัตยกรรมและการอ่านหนังสือ :)

ข้อความและภาพถ่ายทุกรูปในบล็อคนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ค่ะ ห้ามเผยแพร่ ดัดแปลง ลงในสื่ออื่นๆโดยไม่รับอนุญาต หากต้องการนำรูปหรือข้อความไปเผยแพร่หรือใช้ในทางพาณิชย์ กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อคที่ backlit.iconic@gmail.com หรือทางกล่องข้อความนะค่ะ

รับชมบล็อค wordpress ได้ที่ http://backliticonic.wordpress.com ค่ะ
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Backlit.Iconic's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.