32. สาคูเปียกข้าวโพด
ขนมหวานไทย ๆ ที่ชอบทานมาก สาคูไม่ว่าจะทำขนมอะไร ชอบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สาคูเปียก เผือก ข้าวโพด มะพร้าวอ่อน หรืออื่น ๆ ตะโก้สาคูเอย สาคูถั่วดำ หรือแม้แต่สาคูไส้หมู ก็ชอบ
สาคูเปียก หรือเปียกสาคู ไม่เคยทำเอง ซื้อเค้าตลอด เพราะไม่กล้าทำกลัวทำแล้วทานไม่ได้เสียของเปล่า ๆ พอดีวันนี้พี่ที่ทำงาน เค้าบอกจะสอนให้ทำ ดีใจเลยคะ เพราะพี่เค้าไม่ทานสาคู ขนาดเห็นยังออกไปอยู่ไกล ๆ เลย พี่เค้าบอกว่า เห็นแล้วรู้สึกหยะ แหย่ง กระดึ้ก กระดึ้ย (เห็นภาพเลย) เค้ามีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับสาคูตั้งแต่เด็กๆ เลยฝังใจ
แต่เพื่อน้อง (ที่น่ารัก) พี่เค้าก็เลยสอนให้ทำ โดยบอกวิธีและขั้นตอนอยู่ห่าง ๆ ตัวเรากับน้องที่ทำงานอีกคนก็เลยช่วยกันทำ โดยใช้หม้อหุงข้าวขนาด 1.5 ลิตร ใบเก่ง
เมื่ออาทิตย์ก่อนหยุดยาว เดินเข้าไปในตลาดบางรัก เห็นแม่ค้าขายข้าวโพดสามสี น่ากินมาก ๆ เลยซื้อมาถุงนึง มี 3 ฝัก กะจะต้มกิน เพราะเคยซื้อทีต้มแล้ว ข้าวโพดพันธุ์นี้ (จำชื่อไม่ได้) หวานกรอบอร่อยมาก
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเวลา หิ้วกลับไปบ้าน วันหยุดยาวสี่วัน ก็ไปต่างจังหวัด ปล่อยให้นอนหนาวในตู้เย็น พอเปิดงานก็หิ้วกลับมาที่ทำงานอีก พี่เค้าเลยบอก ทำสาคูเปียกข้าวโพดไหม จะสอนให้ ...โห คนที่ไม่กิน แถมเห็นแล้วยังไม่เข้าใกล้ จะสอนให้เราทำ รีบซื้อสาคูมาจัดการเลย กลัวเค้าเปลี่ยนใจ
ส่วนผสม ..สาคูเปียก
สาคูเม็ดเล็ก 1 ถุง (20 บาท) ข้าวโพดดิบ 3 ฝัก (25 บาท) น้ำตาลทราย 500 กรัม น้ำเปล่า 1.5 ลิตร
ส่วนผสม ...หน้ากะทิ
มะพร้าวขูดขาวคั้น 300 กรัม เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ฝานเมล็ดข้าวโพดออกจากฝัก จะใช้เผือกหั่นเต๋า หรือมะพร้าวอ่อนด้วยก็ได้ พอดีเรามีแต่ข้าวโพดอย่างเดียว
นำเม็ดสาคูมาเหลือเอาเศษดำ ๆ ที่ติดมากับเม็ดสาคูออกก่อน จากนั้นจึงเม็ดสาคูลงไปใส่ในหม้อที่ต้มน้ำไว้จนเดือด หมั่นคอยคนเพื่อไม่ให้เม็ดสาคูจับตัวเกาะกันเป็นก้อน สังเกตว่ารอบนอกของเม็ดสาคูเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเม็ดใส ข้างในยังเป็นตากบสีขาวขุนอยู่บ้าง ใส่ข้าวโพดดิบที่ฝานไว้ลงไป คนไปเรื่อย ๆ จนเหลือสีขาวขุนนิดหน่อย จึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย รอจนสาคูสุกทั่วกันไม่มีไตขาว เสร็จแล้วยกลงพักไว้ จากนั้นก็ทำกะทิราดหน้าสาคู ด้วยการนำหัวกะทิไปเคี่ยวใส่เกลือลงในกะทิตั้งไฟ คนให้เกลือละลาย เมื่อกะทิเริ่มเดือด ใส่แป้งมันหรือแป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไป คน ๆ พอให้ข้น ๆ และหนืด ๆ ก็ยกลง
เวลาทาน ตักสาคูเปียกข้าวโพดใส่ถ้วยแล้วราดด้วยหัวกะทิก็เป็นอันเสร็จ
************************************************
คำแนะนำ
การทำสาคูเปียกนั้นเหมือนจะง่าย แต่จะทำให้สาคูน่ารับประทานนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะจะทำให้เม็ดสาคูสวยใสและไม่เละติดกัน
ก่อนต้มสาคู ต้องต้มน้ำให้เดือดจัดจึงใส่สาคู ถ้าใส่สาคูขณะน้ำยังไม่เดือดจะทำให้สาคูเละไม่เป็นเม็ดใส
เมื่อต้มจนสาคูสุกเม็ดใสดีแล้วจึงใส่น้ำตาล ถ้าใส่น้ำตาลขณะที่สาคูไม่สุกจะทำให้สาคูเป็นเม็ดขุ่น และน้ำตาลจะรัดตัวสาคูทำให้ไม่สุก
การทำสาคูเปียกด้วยหม้อหุงข้าว ไฟจะไม่แรงเท่าเตาแก๊ส เมื่อใส่สาคูลงหม้อแล้ว น้ำจะเดือดช้า ทำให้สาคูสุกช้า ต้องคนตลอดกันสาคูไหม้ก้นหม้อ
**********************************************
ฝานเมล็ดข้าวโพดออกจากฝัก จะใช้เผือกหั่นเต๋า หรือมะพร้าวอ่อนด้วยก็ได้ พอดีเรามีแต่ข้าวโพดอย่างเดียว
นำเม็ดสาคูมาเหลือเอาเศษดำ ๆ ที่ติดมากับเม็ดสาคูออกก่อน จากนั้นจึงเม็ดสาคูลงไปใส่ในหม้อที่ต้มน้ำไว้จนเดือด
หมั่นคอยคนเพื่อไม่ให้เม็ดสาคูจับตัวเกาะกันเป็นก้อน สังเกตว่ารอบนอกของเม็ดสาคูเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเม็ดใส ข้างในยังเป็นตากบสีขาวขุนอยู่บ้าง
ใส่ข้าวโพดดิบที่ฝานไว้ลงไป คนไปเรื่อย ๆ จนเหลือสีขาวขุนนิดหน่อย
ถ้าน้ำแห้งเกินไป ก็เติมน้ำเปล่าลงไปได้อีก เวลาคนถ้าน้ำแห้งจะคนยาก มันจะหนึด ๆ มาก
จึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย รอจนสาคูสุกทั่วกันไม่มีไตขาว ชิมดูว่าชอบหวานขนาดไหน ก็เติมเอาตามใจชอบเลยคะ เสร็จแล้วยกลงพักไว้
สุกแล้ว เราก็ปิดฝาหม้อไว้สักพัก ให้ความร้อนทีเหลืออยู่ ระอุ จนสาคูสุกใส
ได้แล้วคะ สาคูเปียก ไม่มีตากบสีขาวขุนแล้ว เนื้อสุกใส นุ่ม ๆ น่ารับประทานมาก
แหม ..จะกินซะแล้ว เกือบลืมทำน้ำกะทิราดหน้าขนมแหนะ ทำช่วงที่เราปิดหม้อสาคูรอให้มันระอุก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลานะคะ
นำน้ำกะทิตั้งไฟให้เดือด ใส่เกลือ คนเบา ๆ ให้เกลือละลาย ชิมดูว่าชอบเค็มขนาดไหน
แล้วใส่แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด ละลายน้ำลงไปคนตลอดเพื่อไม่ให้แป้งเป็นก้อน กะพอกะทิหนืด ๆ ข้น ๆ เป็นใช้ได้
เวลาทาน ตักสาคูเปียกข้าวโพดใส่ถ้วยแล้วราดด้วยหัวกะทิก็เป็นอันเสร็จ
เสร็จแล้วคะ ทานกันเลยนะคะ คนละถ้วย..
Create Date : 21 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 8:54:44 น. |
|
14 comments
|
Counter : 56546 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tuktikmatt วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:12:48 น. |
|
|
|
โดย: บ่งบ๊ง วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:33:31 น. |
|
|
|
โดย: rosalila วันที่: 23 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:51:03 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:42:02 น. |
|
|
|
โดย: แมงโก้ไทย IP: 79.227.169.124 วันที่: 29 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:10:51 น. |
|
|
|
โดย: ชนิดา IP: 27.55.227.168 วันที่: 14 กันยายน 2558 เวลา:14:36:46 น. |
|
|
|
โดย: เมธินี กิตกิพัฒนะ IP: 125.25.136.58 วันที่: 6 มีนาคม 2561 เวลา:17:49:39 น. |
|
|
|
โดย: เมธินี กิตกิพัฒนะ IP: 125.25.136.58 วันที่: 6 มีนาคม 2561 เวลา:17:51:30 น. |
|
|
|
โดย: เมธินี กิตกิพัฒนะ IP: 125.25.136.58 วันที่: 6 มีนาคม 2561 เวลา:17:53:21 น. |
|
|
|
โดย: เมธินี กิตกิพัฒนะ IP: 125.25.136.58 วันที่: 6 มีนาคม 2561 เวลา:17:54:34 น. |
|
|
|
โดย: เมธินี กิตกิพัฒนะ IP: 125.25.136.58 วันที่: 6 มีนาคม 2561 เวลา:17:55:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 446 คน [?]
|
...บ้านใบตอง ยินดีต้อนรับ...
เปิดบล็อกเมื่อ 29 กันยายน 2551...
บ้านหลังนี้มีน้ำใจให้เสมอ สร้างไว้สำหรับเก็บข้อมูลการทำอาหารและเรื่องราวต่าง ๆ บล็อกอาจไม่สวย ไม่งาม เจ้าของบล็อก ต้องทำทั้งงานราษฏร์ งานหลวง งานบ้าน เลยตบแต่งเท่าที่เวลาจะอำนวย คะ
บล็อกนี้เน้นทำอาหารง่าย ๆ ดัดแปลงวัตถุดิบ และใช้อุปกรณ์ทำครัว แบบง่าย ๆ ของเก่าของใหม่ผสมกัน เป็นอีกหนึ่งเมนู
เจ้าของบล็อก...อายุอานามก็..เดินขึ้นเกือบกลางสะพานพระราม 4 แล้ว จะเรียกพี่..เรียกน้อง..เรียกน้า..เรียกป้า..หรือเรียกแม่ใบตอง...ก็ยินดีต้อนรับคะ
|
.
.
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
น่าอร่อย ข้นดีจัง
ขอบคุณสำหรับเกร็ดในการทำนะคะ เดี๋ยวไว้จะลองทำดู