(ตอนที่ 22) GPS บอกให้เราเดินออกจาก Tourist Information เลี้ยวซ้ายเรียบถนนริมน้ำไปเรื่อยๆ เพียงแค่ 2 นาทีก็จะถึง Hallstat Hideaway

เราพากันลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปตามถนน โชคดีที่เมืองนี้ไม่มีรถวิ่งขวักไขว่ แล้ว GPS ก็บอกให้เราเลี้ยวซ้าย

คุณพระ! ซ้ายมือของเรามีบันไดประมาณชั้นละ 6 ขั้น 2 ชั้น เป็นทางขึ้นเลาะไหล่เขา หันหลังไปบอกให้เพื่อนยืนรอแล้ววิ่งตามทางที่ GPS บอกผ่านเนินเล็กๆ มาหยุดอยู่ตรงทางขึ้นบันไดอีกประมาณ 10 ขั้น เงยหน้าขึ้นไปดูที่ประตูเขียนว่า Hallstall Hideaway โอ้!

เดินขึ้นไปกดกริ่งที่หน้าประตูมีป้ายเล็กๆ เขียนว่า Reception รอสักครู่ประตูก็เปิด คุณป้ายิ้มอย่างใจดีทักทายเรา เรายืนหอบเล็กน้อยก่อนส่งยิ้มให้ เราบอกป้าว่าเราจองห้องพักไว้คืนนี้ เราถามป้าว่ามีทางขึ้นทางเดียวเหรอเพราะเรามีกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย ป้าถามเราว่ารถเราจอดตรงไหน เราบอกว่าเราเดินมาจาก Hallstatt Lah ป้าบอกก็ไม่ไกลนะ ให้เราเดินเลยจากตรงที่เราเลี้ยวซ้ายขึ้นบันไดมาหน่อยจะมีทางลาดไม่ต้องยกขึ้นบันได ป้าบอกว่าเราจองไว้ 2 ห้องใช่ไม๊ ด้วยความงุนงงก็เลยตอบไปว่าไม่ใช่ ป้าทำหน้าแปลกใจ เพื่อนอีกคนบอกว่าใช่เราจองที่นี่ไว้ 2 ห้อง เท่านั้นแหละเหมือนรีเซ็ทเครื่องใหม่! ป้าบอกเดี๋ยวจะช่วยยกกระเป๋าแต่ต้องบอกว่าใบไหนอยู่ห้องไหนเพราะมีทางเข้า 2 ทาง กลับลงมาด้านล่างเพื่อเดินไปหาทางลาด

เดินมาถึงเพื่อนคนที่เลือกโรงแรมนี้กำลังปี๊ด เหตุผลที่เลือกโรงแรมนี้เพราะจากในรูปของ Booking.com โรงแรมนี้อยู่ติดริมน้ำ จากที่เล่าให้ฟังในตอนที่ 1 หรือ 2 ถ้าใครยังไม่ได้อ่านลองไปหาดูนะ โรงแรมนี้ค่อนข้างแพง กำหนดจำนวนผู้เข้าพักต่อห้องแค่ 2 คน และยังว่างเพียง 2 ห้องเท่านั้น เรากับแว่นจึงเลือกไปพักอีกโรงแรมหนึ่งที่ถูกกว่าแต่อยู่ไม่ไกลกัน

เปิด GPS อีกครั้ง โรงแรม Seehotel Grüner Baum เดินไปทางขวามือเพียง 1 นาที

เราเดินไปตามทาง โรงแรมอยู่ตรงจตุรัสพอดี ตั้งอยู่ริมน้ำ! มีลิฟท์อีกด้วย เราบอกเพื่อนว่าให้แบ่งเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเล็กไปสำหรับคืนนี้และพรุ่งนี้เช้า แล้วเอากระเป๋ามาเก็บไว้ที่ห้องเราจะได้ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นบันได เราเข้าไปเพื่อเช็คอินแต่ยังไม่ถึงเวลาเลยขอฝากกระเป๋าไว้ 5 ใบ เหลืออีก 1 ใบเอาไปไว้ที่ Hallstatt Hideaway เพราะเพื่อนๆ บอกว่าห้องเราอาจจะไม่มีที่พอวางกระเป๋า 6 ใบ ตกลงเรียบร้อย เราเดินกลับไปที่ Hallstatt Hideaway อีกครั้งเพื่อเช็คอิน

จากหน้าโรงแรมเราเดินตรงผ่านจตุรัส เลี้ยวซ้ายไปจะพบว่ามีทางลาดสามารถลากกระเป๋าได้สะดวกกว่าถนนทางด้านล่าง เดินไปจนถึงโรงแรมช่วยกันยกกระเป๋าขึ้นไป กดกริ่งเรียกป้าเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ใช่ป้า เป็นพนักงานหญิงคนหนึ่ง แล้วป้าก็เดินตามออกมา ป้าถามว่ากระเป๋าใบนี้จะพักห้องไหน เรายังตัดสินใจไม่ได้ ป้าจึงพาเราไปดูห้องก่อน เริ่มจากห้องทางด้านล่าง ป้าพาเราผ่านประตูไม้เข้าไป

Deluxe Suite with Lake View จริงๆ ห้องนี้ต้องเข้าจากทางด้านข้าง ผ่านประตูเข้าไปเตียงขนาดคิงส์ไซส์อยู่ทางด้านซ้ายมือ ป้าบอกว่าที่นอนและหมอนของที่นี่มีกลิ่นหอม ทำให้นอนหลับสนิทและสบาย ถัดไปเป็นห้องน้ำขนาดกำลังดี ถัดจากห้องน้ำมีครัวเล็กๆ ที่สามารถทำอาหารได้ มีอุปกรณ์เครื่องครัวให้พร้อม ตรงข้ามเตียงนอนมีเตาผิงเอาไว้เพิ่มความอบอุ่นในวันที่หิมะตก ถัดจากเตาผิงเป็นโต๊ะตัวยาวอเนกประสงค์และเก้าอี้ม้าไม้ไว้นั่งทานอาหาร จิบกาแฟ เขียนหนังสือ

Royal Suit with Lake View ห้องนี้เข้าจากทางประตูที่เรากดกริ่งเรียก reception แล้วเลี้ยวขวาขึ้นบันไดไปอีกหนึ่งชั้น เมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านขวามือมีเครื่องชงกาแฟวางอยู่บนชั้นไม้ ถัดไปเป็นเตียงขนาดคิงส์ไซส์ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างที่มองไปเห็นวิวทะเลสาป ปลายเตียงมีโต๊ะอเนกประสงค์ที่ล้อมรอบไปด้วยเก้าอี้อะคริลิคใส ข้างๆ กันมีโซฟาเบดตัวใหญ่สีขาวสะอาดตา ก่อนจะมองเลยไปยังห้องน้ำที่เป็นกระจกใสมองทะลุได้ มีอ่างอาบน้ำเอาไว้นอนแช่น้ำอุ่นให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เลยออกไปจากโต๊ะอเนกประสงค์เปิดประตูกระจกออกไปเป็นระเบียงเล็กๆ ที่มีโต๊ะสนามชุดเล็กตั้งอยู่

เห็นห้องพักแล้วหายเหนื่อย จากที่ปรี๊ดๆ อยู่หายเป็นปลิดทิ้ง!

แบ่งห้องนอนและฝากกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว เราตกลงกันว่าวันนี้เราจะใช้ facilities ของทั้ง 2 ห้องนี้ให้คุ้ม! ท้องร้องไปทานข้าวที่โรงแรม Seehotel Grüner Baum กันก่อนเที่ยว Hallstatt! (ติดตามตอนต่อไป)

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2558 15:29:12 น.		1 comments
Counter : 401 Pageviews.
Share Tweet