(ตอนที่ 19) เปิดประตูเข้าไปในร้านอาหาร มีคุณลุง คุณป้ายืนอยู่สามสี่คน พอเห็นพวกเราก็ส่งยิ้มมาให้ เรายิ้มตอบแล้วเดินผ่านเข้าไป ทางด้านซ้ายมือเป็นเคาท์เตอร์แคชเชียร์มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ เราถามว่ามีโต๊ะว่างสำหรับ 6 คนไหม นางเชิญให้เราเข้าไปด้านใน เราพบกับบริกรชายที่กำลังจะเดินเอาอาหารไปเสิร์ฟ เค้าบอกว่าเราต้องแยกออกเป็น 2 โต๊ะๆ ละ 3 คน เราบอกไม่มีปัญหา ร้านนี้จะประกอบด้วยโต๊ะเล็กๆ สำหรับ 4 ที่นั่งแบ่งเป็น 2 โต๊ะอยู่ใน 1 คอก

พอพวกเราเข้าไปนั่งเรียบร้อยตรงคอกกลางร้าน โต๊ะด้านในก็ลุกขึ้นพอดี เราเลยขอเค้าย้ายเข้าไปนั่งที่โต๊ะนั้นแทน บริกรเอาเมนูมาให้ หลังจากที่เราเปิดดูเมนูสักครู่ก็เรียกบริกรมารับรายการอาหาร เราสั่ง tomato and mozzarella salad, สปาเกตตี้ซอสมะเขือเทศ, สปาเกตตี้พริกแห้ง เพื่อนถามเค้าว่ามีเส้นแบบ Angle Hair หรือ cappellini ไม๊ พนักงานไม่เข้าใจ อธิบายอยู่สักพักจึงถอดใจสั่งเป็นเส้นสปาเกตตี้ธรรมดา บริกรดูไม่พอใจนักที่เราสั่งอาหารแค่ 3 จาน จริงๆ เราจะสั่งมากกว่านี้แต่เห็นท่าทางของบริกรแล้วจึงไม่สั่งต่อ

นั่งรอสักพักบริกรคนเดิมก็ยกอาหารก็มาเสิร์ฟ เรียกว่าถ้าบริกรวางหรือโยนจานอาหารให้เราได้ก็คงจะทำ เพราะการเสิร์ฟของเค้ารุนแรง กระแทกกระทั้น เราขอจานแบ่ง เค้าหยิบมาให้ 3 จานแบบไม่พอใจ รสชาดอาหารก็ไม่อร่อยแถมยังไม่มีเนื้อสัตว์ใดๆ ทั้งสิ้นเป็นเส้นล้วนๆ ทานเรียบร้อยเรียกคิดเงิน บริกรแจ้งว่าในบิลยังไม่รวมค่าบริการนะ เราจ่ายเงินเรียบร้อยและรีบออกจากร้านแบบเสียอารมณ์

หลังจากทานอาหารเสร็จ เพื่อนคนหนึ่งพูดถึงร้านช็อคโกแลตร้อนที่มีคนแนะนำว่าต้องลอง นาง search หาแล้วพบว่ามีอยู่หลายสาขา และมีหนึ่งสาขาที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรายืนอยู่ เราเดินตาม GPS ไปจนเจอ

ร้านนี้มีชื่อว่า Cafe Konditorei Furst ร้านนี้มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ เข้าไปดูที่ตู้ขนมในร้าน มีแต่ขนมน่ากินทั้งนั้นเลย แต่ตอนนี้จุกเส้นที่ทานไปเมื่อกี้เลยสั่งแค่กาแฟร้อนกับช็อคโกแลตร้อนมาทานกัน เรานั่งทานกันที่โต๊ะด้านหน้าร้านเพื่อจะได้ชื่นชมกับบรรยากาศของจตุรัสตรงนี้ไปด้วย เราสั่งเครื่องดื่มคนละแก้ว แล้วซื้อขนม “Mozart” ที่ใครๆ ก็แนะนำว่าต้องลองมาชิมกัน ขมมชนิดนี้มีลักษณะเป็นช็อคโกแลตลูกกลมๆ เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 1 นิ้ว สอดไส้ด้วยถั่วพิสตาชิโอตรงกลาง ในหนังสือไกด์บุ๊คบอกว่าเป็นขนมที่โมสาร์ทชอบกิน ซื้อมากล่องเล็กมี 3 ลูกแบ่งกันกิน หลังจากชิมขนมแล้วเราคิดว่าเราอาจจะเข้าไม่ถึงรสชาติของขนม อาจจะต้องใช้อารมณ์อันสุนทรีย์แบบโมสาร์ท พวกเราเลยลงมติกันว่า เราไม่ชอบมัน แล้วก็ลองชิมช็อคโกแล็ตร้อน รสชาติของช็อคโกแลตร้อนเรียกได้ว่าไม่ต่างกับโกโก้ตรานางพยาบาลบ้านเรา แต่ออกจะหวานไปนิด ส่วนกาแฟก็ธรรมดาทั้่วไป

จุดหมายต่อไปคือ บ้านของโมสาร์ท เราเดินมาที่ริมน้ำอีกครั้งหนึ่งตอนนี้แดดร่ม ลมตกแล้ว เพลิดเพลินกับบรรยากาศริมน้ำที่มองไปฝั่งตรงข้ามมีตึกสวยๆ เรียงรายอยู่ เราเดินเลี้ยวขวาเพื่อข้ามสะพาน แล้วเราก็แปลกใจเมื่อพบว่าราวกันตกบนสะพานที่มีลักษณะเป็นตะแกรงเเหล็กเต็มไปด้วยแม่กุญแจ วัฒนะธรรมนี้คุ้นๆ เหมือนประเทศหนึ่งในแถบเอเชีย ใช่! เกาหลีไง! คงมีคู่รักจำนวนมากที่มาที่นี่แล้วล็อคความรักของพวกเค้าไว้ด้วยกุญแจก่อนจะโยนลูกกุญแจลงน้ำไป

เดินไปตามทางเรื่อยๆ ถึงไม่มี GPS ก็รับรองว่าไม่หลงทางแน่นอน เพราะมีกรุ๊ปทัวร์เดินนำหน้าเราอยู่ และเราแน่ใจว่าเค้ากำลังไปที่หมายเดียวกับเรา บ้านโมสาร์ทนั่นเอง

เราข้ามถนนไปเรื่อยๆ ก็พบกับตึกโบราณที่หน้าตึกมีป้ายชัดเจนว่าที่นี่คือบ้านโมสาร์ท ถ้าจะเข้าไปชมวิถีชีวิตดั้งเดิมของโมสาร์ทจะต้องซื้อตั๋วก่อน แน่นอน! เราถ่ายรูปด้านหน้าเป็นที่ระลึกแค่นั้น

GPS บอกเราว่าข้างๆ มีสวนอยู่ เราลองเดินไปดู ปรากฏว่ามันคือสวนที่เรามาเมื่อเช้า stop ที่ 1 สวนของวัง Mirabellplatz (Mozarteum) นั่นเอง เรามองหาป้ายรถเมล์เพื่อนั่งรถกลับเข้าที่พักเพราะฟ้าเริ่มมืดและเริ่มเหนื่อย เราจึงตกลงกันว่าจะนั่งรถเข้าไปยังสถานีรถไฟเพื่อแวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ป้ายรถเมล์นี้อยู่หน้าโบสถ์ฝั่งตรงข้าม รอสักครูรถเมล์ก็มา คนขับบอกเราว่าเค้ากำลังจะไปที่สถานีรถไฟนะ เรายิ้มให้บอกว่าเราจะไปที่นั่น

นั่งรถไม่ถึง 3 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟ เราเดินเข้าไปในสถานีเพื่อไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เราเห็นเมื่อเช้านี้ เราสังเกตว่าด้านหน้าสถานีมีการตั้งเต้นท์ทหาร เต้นท์กาชาด มีทหารยืนเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าออกของสถานีรถไฟและมีทหารยืนปิดกันทางขึ้นลงลานจอดรถของสถานีด้วย

เราเดินเข้าไปช็อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน เพราะที่นี่พวกอาหารสุขภาพนั้นถูกกว่าบ้านเรามาก เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าที่นี่ถูกกว่าบ้านเราถึง 2 เท่า ทั้งชุดหัวแปรงไว้เปลี่ยนก็ยังถูกเหมือนได้เปล่า เราซื้อของเท่าที่เรามีปัญหาหอบได้เพราะเรายังไปอีกหลายเมือง

เดินกลับเข้าที่พักเพื่อเก็บของ พักผ่อนและว่างแผนเรื่องการเดินทางไป Hallstatt ในวันพรุ่งนี้ที่เราต้องนั่งรถเมล์ถึง 3 ต่อ

(ติดตามตอนต่อไปว่าเรา 6 คนจะแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นรถเมล์ไหวไม๊และว่าจะมีสถานะการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างเพราะทหารตั้งด่านอยู่เต็มบริเวณนี้ไปหมด)

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2558 15:42:50 น.		1 comments
Counter : 598 Pageviews.
Share Tweet