Group Blog
 
All blogs
 
He's Just Not That into You ทุกข์เพราะรักในตัวตน

ผมติดค้างเรื่อง He's Just Not That Into You มาหลายรอบแล้ว
แถมยังมีหนังเรื่อง Up ที่มีผู้ถามถึง และล่าสุดสดๆร้อนๆ เรื่องของราชาเพลงป๊อบผู้วายชนม์

เอาทีละเรื่องก็แล้วกันนะครับ



เริ่มจากหนังที่สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน
ที่ชื่อหนังมาจากประโยคเด็ดในซีรีส์ดังเรื่อง Sex and the city ที่ว่า
"He's just not that into you" แปลคร่าวๆคือ "เขาแค่ไม่ได้ปลื้มเธอจริงจังน่ะ"

หนังเดินเรื่องอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว หลายแบบ
แบบแรก คือแบบแสวงหา ตามประสาคนโสดที่อยากมีแฟน เพราะอยากมีความสุข
คิดว่าถ้ามีแล้วจะสุข แต่ไม่รู้ตัวว่าเพราะอยากมีนั่นแหละ ถึงได้เป็นทุกข์อยู่

แบบต่อมา ถ้าบอกว่าเป็นความรักแบบม้าหมุน คนที่เคยอ่านหนังสือผมแล้วคงพอนึกออก
คือนาย a ไปชอบน้อง b ที่การกระทำก็แอบเกี่ยวๆนาย a ไว้ แต่ใจไปวิ่งตามนาย c ซึ่งมีภรรยาแล้ว

แบบสาม คือสามีภรรยาที่คนนอกดู(เหมือน)ว่าดี แต่ความจริงมีสนิมคอยผุกร่อน
มีสำนวนไทยบอกว่าสนิม(เหล็ก)เกิดแต่เนื้อในตน ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น
ฉะนั้น ความสัมพันธ์ที่ผุกร่อน ก็เพราะคนสองคนเองนี่แหละ อย่าไปโทษใคร

แบบที่สี่ คือแบบที่อยู่กันฉันสามีภรรยา แต่ไม่ได้จัดงานแต่งเป็นเรื่องเป็นราว
แล้วก็มีปัญหาเพราะฝ่ายหญิงไปฟังเพื่อนที่ทำงาน ฟังคนโน้นคนนี้
แล้วมากังวลว่าเอ๊ะ.. แบบนี้ผู้ชายไม่รักฉันหรือเปล่า ทั้งๆที่ผู้ชายจัดว่าดีเข้าขั้นหายาก

คือไปเอาเรื่องงานแต่ง มาผูกกับความสุขในชีวิตคู่

แบบสุดท้าย อันนี้ผู้ชายเป็นกันเยอะ คือพ่อพวงมาลัย
ลอยเรือไปเจอสาวไหน ก็ร้องเพลงจีบไปเรื่อย แต่พอสาวจะจริงจังก็ไม่เอานะ
พวกนี้จะกลัวว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วจะไม่สนุก ไม่ชอบการผูกมัด

แต่ไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่ มันก็ทำให้คนเราสุขได้พอๆกับทุกข์แหละครับ
คนโสด ก็สุขแบบคนโสด เพราะไม่มีห่วง ไม่มีภาระ ไม่ต้องยึดติดกับใคร
แล้วก็ทุกข์แบบคนโสดเพราะเหงา จะมากบ้างหรือห่างถี่ ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย

ที่น่าสังเกตคือ ไม่ว่าจะรักแบบไหน มันก็เริ่มเพราะเรารักตัวเอง
จุดหมายปลายทาง ก็เพื่อสนองตัวเองอีกนั่นแหละ

คุณที่เป็นผู้เชิดชูความรัก ก็อย่าพึ่งถลึงตาถลกแขนเสื้อเงื้อง่า
กรุณาฟังอีตาแอสตั้นให้จบก่อน

ที่บอกว่า เริ่มเพราะเรารักตัวเองนั้น การรักตัวเองไม่ใช่ความผิดนะครับ
ที่ผิดน่ะ มันผิดตั้งแต่เข้าใจผิดว่ากายนี้ ใจนี้ คือ "ตัวเรา"

พอเข้าใจว่ามี "ตัวเรา" ก็เริ่มรัก หวงแหน อยากให้ "เรา" มีความสุข
ความสุขอย่างหนึ่งที่กิเลสเขาฝังไว้เป็นทางเลือกอันดับต้นๆใน DNA
ก็คือสัญชาตญานการดำรงเผ่าพันธุ์ ที่เรียกกันสวยหรูว่า "ความรัก"

ส่วนที่บอกว่าปลายทาง ก็เพราะรักตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
เพียงแต่หลายคนมักจะคร่ำครวญว่า ฉันเสียสละทำโน่นทำนี่เพื่อเธอ
แต่ถ้าไตร่ตรองให้ดี เราทำอะไรก็ตาม มันก็มี "ฉัน" โผล่ขึ้นมาเสมอ

บางคนบอกว่า ที่"ฉัน" ทำอยู่ ไม่ได้หวังอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวนะ
แต่มักจะตามมาด้วยประโยคที่ขึ้นว่า "ขอแค่......" เสมอ จริงไหม ลองถามตัวเองดู

ประโยคที่เสียสละสุดๆ ที่ว่า "ขอแค่..ให้เธอไปดี มีสุข"
เอาเข้าจริงๆ มันก็มีวงเล็บต่อท้ายเป็นหมายเหตุว่า.. "เท่านี้ฉันก็สุขใจ"

มันก็วนมาที่ "ฉัน" จนได้สิน่า เห็นไหมล่ะ

เรื่องของเรื่อง ในเมื่อ "ฉัน" คือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งมวล
พระพุทธเจ้าจึงสอนสติปัฏฐานสูตร สอนวิปัสสนา ก็เพื่อทำลายไอ้ "ฉัน" นี่แหละครับ

ตัว "ฉัน" มันเล็กลง บางลงเท่าไหร่ ภาระทางใจเราก็ลดลงเท่านั้น
เพราะความยึดมั่นถือมั่น หรือความ "แบก" ของเรา มันก็ผูกกับขนาดของ "ฉัน" นั่นแล

หลวงพ่อปราโมทย์ท่านถึงเตือนศิษย์เสมอว่า ไม่ได้ภาวนาเพื่อข่มกิเลส
ไม่ได้ภาวนาเพื่อจะไม่โกรธ ไม่คิด ไม่หลง หรือเพื่อให้เอาดีนะ
แต่ภาวนาเพื่อให้เห็นความจริง ว่า "ตัวเรา" ไม่มีหรอก

พูดถึงตรงนี้ หลายท่านจะสงสัย (รู้ทันว่าสงสัยก็แล้ว) ว่าแค่รู้สึกตัว แล้วจะทำลาย "ฉัน" ได้ไง

ตอบว่า.. ถ้าเราหัดรู้สึกตัว รู้ทันจิตใจตัวเองบ่อยๆ
รู้เล่นๆไปเรื่อยๆ ไม่ต้องอยากอะไร

วันหนึ่งจะเห็นได้เองว่า จะความสงสัย จะสภาวะอะไรก็ดี
ล้วนเป็นแค่สิ่งหนึ่งที่จิตปรุงขึ้นเอง เราไม่ได้สั่งเลย

วันนั้นจะเห็นว่า จะความสงสัย จะสภาวะอะไรก็ดี
ล้วนเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ดับไปก็เพราะหมดเหตุปัจจัย
เราไม่ต้องสั่ง ไม่ต้องดิ้นรนอะไร ความสงสัยก็ดับไปได้เอง

เห็นได้อย่างนั้น จะถึงบางอ้อว่า ความสงสัย จะสภาวะอะไรก็ดี
ล้วนเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ความสงสัยไม่ใช่ตัวจิต

เหมือนที่ผมเคยเปรียบว่า หมาเน่าลอยน้ำมาในแม่น้ำ เราเป็นคนรู้คนดู
หมาเน่าเป็นส่วนหนึ่งต่างหาก อยู่ในน้ำแต่ไม่ใช่แม่น้ำ และแม่น้ำก็ไม่ใช่เรา

แต่คนทั่วไป จมแช่อยู่ในแม่น้ำตั้งแต่เกิด จนคิดว่าแม่น้ำคือเรา เราคือแม่น้ำ
พอมีหมาเน่าลอยมา ก็ทุกข์เพราะไม่ชอบสิ่งไม่ดี คิดว่าหมาเน่าคือเราซะงั้น

อันนี้คนละกรณีกับหลายท่านที่ภาวนา แล้วเห็นกิเลสเยอะขึ้นมาก
รู้สึกว่าเมื่อก่อนเป็นคนดี ตอนนี้มาภาวนา ดูจิตดูใจตัวเองแล้วตกใจว่า
สงสัยเราจะภาวนาผิด เพราะวันๆช่างร้ายเหลือ มีแต่กิเลสทั้งวัน

มีคนไปถามหลวงพ่อปราโมทย์บ่อยๆครับ ท่านก็เมตตาชี้แนะว่า
เมื่อก่อนกิเลสก็มีเยอะแบบนี้แหละ แต่ไม่เคยเห็นเอง เพราะเราหลับอยู่
พอเริ่มมีสติ ตามรู้ ตามดูได้ ถึงได้รู้ว่า จิตเราสะสมกิเลสไว้เยอะขนาดไหน

ภาวนาไปเรื่อยๆ พอเริ่มขึ้นชั้นมัธยม จะค่อยๆถอดสมการได้เอง
ว่ากิเลสก็ส่วนหนึ่ง จิตก็อีกส่วน จิตที่มีสติไปรู้ไปเห็นกิเลสก็อีกส่วน
ทั้งหมดอยู่ด้วยกัน แต่เป็นคนละส่วนกัน และไม่มีส่วนไหนเลยที่มี "เรา"

ไม่มี "I" ก็ไม่มี He She It หรือ You
เห็นได้ตรงนี้แล้ว ใครจะ into ใครหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็น

เห็นทางแห่งความสุขอยู่รำไรแล้วใช่ไหมครับ


Create Date : 26 มิถุนายน 2552
Last Update : 27 มิถุนายน 2552 8:52:03 น. 20 comments
Counter : 10966 Pageviews.

 
ฟังข่าวการเสียชีวิตของราชาเพลงป๊อปเมื่อเช้าก้อรู้สึกเศร้าใจนะคะว่าทำไมคนเราถึงอายุสั้นได้เพียงนี้...เกิดเพราะความไม่รู้ พอตอนจะตายก้อตายอย่างไม่รู้อีก(เพราะหัวใจวายเฉียบพลัน)...รู้สึกตัวว่ากลัวขึ้นมาทันทีคะว่าถ้าเราขี้เกียจ หรือผลัดวันประกันพรุ่งที่จะตั้งใจภาวนาอย่างจริงจัง เราอาจจะตายด้วยความไม่รู้อีกกี่ครั้ง...ตอนนี้นาทีนี้ยังมีลมหายใจให้ดู ร่างกายยังขยับได้ ยังมีสติให้รู้สึกตัวอยู่ ก้อถือว่าโชคดีกว่าคนที่ไม่รู้ตัวอีกหลายๆคนบนโลกนี้ ที่ได้เรียนรู้วิชารู้ตามจริง ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ... ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องดีๆคอยเตือนสติทุกครั้งที่ได้อ่าน


โดย: stranger IP: 124.19.10.172 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:18:34:52 น.  

 
สาธุค่ะ (-/|\\-)
บางครั้งก็เห็นกิเลสตัวเองเยอะมาก จนรู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองร้ายกว่าที่คิดไว้มากๆๆๆๆๆ
แต่ใจมันไม่ยอมรับอย่างแรง T^T เลย มันอยากเป็นคนดีอ่ะค่ะ (แต่ไม่เห็นตัวอยาก 555)

ปล* ชอบประโยคสุดท้ายค่ะพี่เอ็ด
"ไม่มี "I" ก็ไม่มี He She It หรือ You
เห็นได้ตรงนี้แล้ว ใครจะ into ใครหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็น"
อืม..จริงๆด้วยค่ะ :)


โดย: aritsumemoon IP: 124.120.205.186 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:19:35:14 น.  

 
ช่างเป็นเรื่องที่มาได้เหมาะเจาะแก่เวลาจริงๆ

ทำให้ได้คิดและเห็นแสงไรๆที่ปลายอุโมงค์

^_^


โดย: กาสะลองคำ IP: 58.136.230.45 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:20:02:32 น.  

 
รอบทความนี้อยู่ ดีใจที่ได้อ่านคะ

"ไม่มี "I" ก็ไม่มี He She It หรือ You
เห็นได้ตรงนี้แล้ว ใครจะ into ใครหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็น"
^
^
อืม ใช่ค่ะ



โดย: ป้าแก่ฯ IP: 125.24.172.25 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:22:15:54 น.  

 
วันนี้มาเม้นท์แบบแป้กๆค่ะ ถอดสมการความรักไม่ค่อยเป็น ^^"
รู้แต่ว่า ถ้ารูปแบบความรักความสัมพันธ์ เป็นแบบข้างบน ถอยยยดีกว่า

แต่ทั้งสิ้นทั้งปวง ก็ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำว่า "รักตัวเอง" ค่ะ
รักมาก รักอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน เลยแก้สมการ "I" ไม่ออก - -"

ก็ไม่เป็นไรนิคะ ตอนนี้จิตยังอยู่อนุบาลอยู่ ทำแบบฝึกหัดไปเรื่อยๆ
สักวัน..ต้องได้สิน่า


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.40.113 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:22:50:08 น.  

 
อยู่เงียบๆคอยอ่านบล๊อคพี่...ตามฟังพี่ตามวิทยุตั้งแต่นมนานยิ่งอ่านยิ่งได้ฟังธรรมะพระอาจารย์ปราโมทย์รวมกับของพี่แล้ว ทำไมรู้สึกง่ายๆนะครับแต่พอทำกลับยาก แต่พอรู้ตัวอีกที่เริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นตามความคิดตัวเองได้มากขึ้นดีขึ้นครับกับจิตใจที่เคยฟุ้งยกเว้นเรื่องเดียวคือขี้ลืม....


โดย: นพ IP: 58.9.75.5 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:0:45:43 น.  

 
พอปฎิบัติไปเรื่อยๆ ตามดูตามรู้กายใจไปเรื่อยๆ ก็พบว่าพอดูหนังทีไร จิตใจมันดื่มด่ำไปกับหนังมากๆเลย เหมือนไม่มีตัวเรา ใจมันไปยึดไปผูกอยู่กับอารมณ์ในหนัง ขนาดว่าดูเสร็จแล้วก็ยังจินตนาการถึงมันอยู่ร่ำไป เลยทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากดูหนังอ่ะค่ะ มันรู้สึกเหมือนจิตใจไม่สงบ อย่างนี้จะเรียกว่าเราติดสงบหรือเปล่าอ่ะคะ


โดย: ธันยาลักษณ์ IP: 125.25.107.82 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:7:37:37 น.  

 
ป.ล. เวลาอ่านบล็อกพี่ก็เผลออินกับบทความ ด้วยสำนวนภาษาที่แยบคายทำให้รู้สึกเพลิดเพลินบ่อยๆ แต่ดีตรงที่พี่มักจะใส่ข้อคิดว่าให้ตามดูตามรู้อยู่เรื่อยๆ ขนาดบางทีใต้รูปสวยๆของคุณ Sevendaffodils ยังอุตส่าห์โน๊ตไว้ให้รู้ว่าชอบเรยย เลยเหมือนมีเบรคคอยหยุดใจให้อยู่กะตัวเป็นระยะๆ

สาธุค่ะ ได้ทำ exercise ดูใจเล็กๆ ระหว่างช่วงเวลาทีมักจะอินไปกะอินเตอร์เน็ท


โดย: ธันยาลักษณ์ IP: 125.25.107.82 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:7:43:53 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ฺครับ

จริงๆ นึกว่าวันนี้จะได้อ่านเรื่องคุณไมเคิลจากพี่ซะอีก (แต่ผมว่าพี่เขียนแน่ ใช่ปะ :)


โดย: him_aeng IP: 58.137.214.65 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:8:26:52 น.  

 
อาชีพหลัก เรียนรู้ กายใจตนเอง

มาอ่านเรื่อยๆๆ ค่ะ เพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ประมาทค่ะ ขอบพระคุณมากๆเลย สำหรับบทความที่มีประโยชน์ค่ะ


โดย: แบ่งปัน IP: 125.25.101.9 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:11:44:15 น.  

 
สวัสดีครับพี่ aston'27
^ ^) วันก่อนได้ฟังธรรมะของพระอาจารย์ ชยสาโร
ท่านก็พูดถึงรูปประโยคในภาษาอังกฤษ I YOU WE THEY แล้วตามด้วยกิริยา
แต่แปลก ! ที่การศึกษาในศาสนาพุทธ จะศึกษาจนไม่มี สัตว์ บุคคล เรา เขา
เหลือเพียง กิริยา (v) แต่ไม่มีเรา ไม่มีเขา
;) แล้วใครจะทุกข์ล่ะครับ



โดย: โรจน์ IP: 124.120.188.137 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:14:06:05 น.  

 
ดีใจที่คุณแอสตั้นเขียนเรื่องนี้ตอนนี้ค่ะ

:)





โดย: MeJayya IP: 125.25.192.189 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:18:55:31 น.  

 
He's Just Not That into You

โดน...

รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันบาดใจค่ะ บางทีก็หลงนานกว่าจะกลับมาได้ ^_^



โดย: เป่าจิน IP: 61.47.19.72 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:11:45:59 น.  

 
Nothing into nothing is nothingness.


โดย: พี่พนธ์ IP: 10.13.1.75, 122.154.18.253 วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:16:25:54 น.  

 


morning ค่าพี่เอ๊ด..
ถูกใจบล็อกวันนี้จริงๆ > <~


โดย: myover วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:9:53:56 น.  

 
น่าจะใช้ได้กับ เงื้อง่าราคาแพง...


วันก่อนพี่ดูหนัง The kite runner กับ Becoming Jane


อารมณ์หนังแตกต่างกันลิบ...



นี่แหละชีวิตมนุษย์ - -"


สวัสดีวันพระค่ะ


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:11:48:18 น.  

 
โดนใจมากมาย
เขียนต่อไปเรื่อยๆนานๆนะคะ
ชอบอ่านมาก
และสุขใจมากๆที่ได้เข้ามา

ชีวิตดีขึ้นมากค่ะ

ขอบคุณนะคะ







































































































โดย: more_than_luv IP: 124.120.229.200 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:51:11 น.  

 
เด็กอนุบาลต้องหัดทำการบ้านเองจนกว่าจะอยู่มัธยม แล้วถอดสมการได้เอง ใช่ไหมคะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:57:49 น.  

 
ไม่แวะมาทักทายนาน...มั่ก แวะปุ๊บ ก็ได้อ่านคำพูดโดน..โดนปั๊บ

"ไม่มี "I" ก็ไม่มี He She It หรือ You
เห็นได้ตรงนี้แล้ว ใครจะ into ใครหรือไม่ ก็ไม่ใช่ประเด็น"

ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่คุณ aston แบ่งปันให้ได้อ่านเสมอมา

มีความสุขมากๆ.. Take care ค่ะ




โดย: bzb IP: 124.120.154.179 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:22:24:44 น.  

 
ขอบคุณมากๆนะคะ

แค่อ่านบทความนี้ โล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเลย..
คิดอะไรได้เยอะ ขอบคุณจริงๆค่ะ☺


โดย: แมวเหมียว❤ IP: 171.96.16.18 วันที่: 17 ตุลาคม 2560 เวลา:16:59:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.