ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการเฝ้ารับเสด็จในหลวง (ตอน 2)

หลังจากรับเสด็จรอบเช้าไปแล้ว แม่ก็ชวนให้อยู่ส่งเสด็จตอนบ่ายด้วย เพราะไหน ๆ ก็มาแล้ว เราก็โอเค เรากับแม่เลยไปถามเจ้าหน้าที่แถวหน้าประตูว่า...ตอนบ่ายท่านเสด็จกลับกี่โมง และจะให้ผ่านเข้าไปในพระบรมมหาราชวังได้ถึงกี่โมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า...ประมาณเที่ยงเค้าก็น่าจะเคลียร์ไม่ให้คนผ่านเข้าออกแล้ว เรากับแม่เลยไปหาข้าวกินก่อน เราเองเตรียมพร้อมด้วยการหาซื้อหนังสือไปอ่านฆ่าเวลา เพราะรอนานชัวร์ ๆ

ตอน 11 โมงครึ่ง เรากับแม่ก็เข้าไปรอส่งเสด็จท่านในพระบรมมหาราชวัง พอเข้าไปก็เห็นเป็นเต๊นท์ใหญ่ ๆ กางไว้ 2 จุดมีเสื่อปูให้ และมีคนนั่งจองที่อยู่พอสมควร ตอนแรกเรากับแม่ก็เข้าไปอยู่ในเต๊นท์นั่นแหละ แต่เราว่าโลเคชั่นมันไม่ดีเลย เพราะระหว่างถนนที่รถพระที่นั่งต้องแล่นผ่านกับตัวเต๊นท์มีทางเท้าและกระถางต้นไม้คั่นอยู่ แถมเราเป็นแถวหลัง ๆ ด้วยกลัวจะไม่เห็นพระองค์ท่าน แม่ก็ก็บ่น ๆ ว่า...น่าจะให้นั่งฝั่งตรงข้ามได้ เพราะฝั่งตรงข้ามเป็นสนามหญ้าใหญ่ แล้วก็มีแค่โซ่กั้นระหว่างทางเท้าแค่นั้น แต่ก็ได้ยินคนอื่น ๆ เค้าคุยกันว่า...เค้าไม่ให้นั่งฝั่งนั้น เราก็เลยเซ็ง ๆ ไป แต่ซักพักก็เริ่มมีคนกลุ่มใหญ่เหมือนกันทยอยไปนั่งที่สนามหญ้าฝั่งตรงข้าม เรากับแม่เลยตัดสินใจไปนั่งบ้าง พร้อมความเสี่ยงว่า...เค้าจะไม่ให้นั่ง เพราะถ้ากลับมาฝั่งนี้ก็คงต้องไปอยู่ข้างหลังกว่านี้อีก พอเราข้ามไปซักพักก็ได้รับการคอนเฟิร์มว่าฝั่งนี้นั่งได้ เย้ ๆ เพราะตอนนั้นเราอยู่แถวหน้าสุดเลย มีต้นไม้ให้พอหลบร่มได้ แต่ที่น่ากลัวสุด ๆ คือ บรรดามดคันไฟที่เดินพาเหรดไปมาอยู่บนสนามนั่นแหละ (โดนกัดไป 2 ทีด้วย) เราก็นั่งอ่าน Elle ที่ซื้อมาไปเรื่อย ๆ คนก็เริ่มทยอยมานั่งที่สนามเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่กับน้อง ๆ อาสาสมัครมาแจกยาดม ขนม นม น้ำเย็นให้คนที่มารอเฝ้าเป็นระยะ ๆ ด้วย (บริการดีกว่าตอนรอเฝ้าอยู่ด้านนอกเย้อออ...เลย)

พอใกล้เวลาจะเสด็จกลับคราวนี้แดดเริ่มมาแล้วสิ ความร้อนเริ่มมาเยือน เราเลยเอาร่มออกมากางบังไว้ แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี แถมมองไม่เห็นเหตุการณ์รอบข้างเลย ผ่านไปอีกพักใหญ่ ๆ ทหารก็เริ่มให้หุบร่ม คราวนี้เราเลยต้องนั่งหน้าสู้แดดเพียว ๆ กันไป แต่อย่าหวังว่าจะลุกจากตรงนั้นนะ โลเคชั่นดีขนาดนั้นไม่ปล่อยไปง่าย ๆ หรอก หลังจากนั่งท้าแดดอยู่ประมาณ 10 นาที ขบวนเสด็จก็เริ่มเคลื่อนออกมา คราวนี้เราได้เห็นพระองค์ท่านชัดกว่าเมื่อเช้ามาก ๆ เพราะอยู่ใกล้สุด ๆ แล้วก็ได้เห็นสมเด็จพระราชินีชัด ๆ ด้วย (เมื่อเช้าเห็นไม่ชัด เพราะเราโฟกัสที่ในหลวงพระองค์เดียว) นอกจากนี้ก็ได้เห็นเจ้าฟ้าชาย และพระชายา พระองค์ภา พระองค์เจ้าสิริวัณวรี และเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ตามลำดับ แล้วก็เหมือนเมื่อเช้า...น้ำตาซึมอีกแล้ว

ในที่สุดเราก็ได้ทำสิ่งที่ติดค้างในใจมานานสำเร็จลงไปอีกอย่างหนึ่งแล้ว ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และอยู่เป็นหลักให้แผ่นดินไทยไปอีกนานแสนนาน




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 12:41:25 น.
Counter : 725 Pageviews.  

ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการเฝ้ารับเสด็จในหลวง (ตอน 1)

เช้าวันพฤหัสเรากับแม่ออกจากบ้านประมาณ 9 โมง เพราะตามหมายกำหนดการบอกว่าท่านจะเสด็จถึงพระที่นั่งดุสิตตอน 10.30 น. พอไปถึงปรากฏว่า...เค้าไม่ให้เราเข้าไปในเขตพระบรมมหาราชวังแล้ว เรากับแม่เลยต้องข้ามมาอีกฝั่งนึงซึ่งเป็นส่วนที่รถพระที่นั่งจะต้องตีโค้ง เพื่อเลี้ยวเข้าประตูวิเศษไชยศรี เรากับแม่ก็ไปยืนรอเฝ้ากันอยู่ตรงนั้น อยากบอกว่า...แดดร้อนมากกกกกกกกกกกกกกก.. แต่เพื่อโครงการนี้เราขอสู้ตาย ระหว่างรอก็ได้มีการสนทนากันระหว่างคนที่ไปรอเฝ้า ซึ่งสังเกตได้ว่า...หลายคนไปเฝ้ามาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะคุณยายที่อยู่ข้าง ๆ ดูเป็นแฟนพันธุ์แท้กันเลยทีเดียว

เรารออยู่ประมาณ 40 นาที เวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเห็นรถสีเหลืองนวลประดับด้วยธงมหาราชที่หน้ารถกำลังขับตรงมาช้า ๆ พร้อมกับเสียงฮือฮาของคนรอบข้าง เมื่อรถเข้ามาใกล้และเริ่มตีโค้งที่บริเวณหน้าประตู เราก็ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในรถ พร้อมทั้งโบกพระหัตถ์ให้ประชาชนที่รอรับเสด็จอยู่ บอกตามตรงอย่างไม่อาย (และไม่เห็นจะต้องอายตรงไหน) ว่า...ปลาบปลื้มมาก ๆ น้ำตาซึมเลยแหละ และคนรอบ ๆ ข้างที่เราเดินผ่านตอนที่เริ่มแยกย้ายกันออกจากบริเวณนั้น ก็พูดด้วยความรู้สึกที่คล้าย ๆ กัน บางคนปลาบปลื้มที่ท่านโบกพระหัตถ์ให้ น้องนักเรียน ม.ปลาย คนนึง กำลังโทรศัพท์ไปเล่าให้ใครสักคนฟังว่า ได้เห็นในหลวง เห็นพระราชินีด้วย เราเห็นผู้ชายคนนึงที่เดินสวนเราไป เอามือปาดน้ำตา ไม่รู้สิ...ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อาจจะไม่เข้าใจก็ได้ว่า...ทำไมต้องถึงขนาดนั้น แต่เรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 12:40:12 น.
Counter : 305 Pageviews.  

อยากเห็นในหลวงซักครั้ง-ที่มาของโครงการ

เรื่องมันเริ่มมาจาก เราไม่เคยได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์จริงเลยซักครั้ง ทั้ง ๆ ที่อยากเห็นใจแทบขาด แต่ก็ไม่ได้พยายามทำจริง ๆ ซักที เราเลยเริ่มโครงการที่จะไปเฝ้ารับเสด็จท่านซักครั้งในชีวิตให้ได้ ไม่งั้นคงตายตาไม่หลับแน่ ๆ ตอนแรกก็กะว่า...วันที่ 5 ธันวาคม ปีที่แล้วจะต้องไปให้ได้ เพราะเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ท่านจะต้องเสด็จไปตามที่ต่าง ๆ หลายที่ เลยคิดว่า...คงจะได้ไปซักที่นึงแหละน่า แต่ปรากฏว่า...ความขี้เกียจได้เข้าครอบงำ และคิดว่าคนต้องเยอะแน่ ๆ เลย เพราะเป็นปีมหามงคลด้วย ก็เลยไม่ได้ไป เราเลยตั้งความหวังไว้ที่วันพ่อปี 51 แทน กะว่า...คราวนี้ไปแน่นอน
แต่เนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระพี่นางในต้นปีนี้ ทำให้ในหลวงและพระราชินีต้องเสด็จไปบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทบ่อยครั้ง เราเลยเริ่มโครงการใหม่ เพราะท่านแม่ของเราได้ไปลงนามถวายความอาลัยที่พระที่นั่งดุสิตฯ แล้วได้เฝ้ารับเสด็จในหลวงโดยบังเอิญ ยังความแค้นเคืองให้กับเราที่ไม่เคยเฝ้าท่านเลยซักครั้งเป็นอย่างมาก (เพราะแม่เรา...ได้รับปริญญากับทั้ง 2 พระองค์มาแล้ว แถมยังได้เห็นพระองค์ท่านอีกตั้งหลายครั้งแน่ะ T_T โลกไม่ยุติธรรมเลย) คราวนี้เราเลยนับวันในปฏิทินรอไว้ว่า...วันที่ท่านจะเสด็จไปตอน 50 วันนี่แหละ เราจะชวนแม่ไปเฝ้ารับเสด็จ ซึ่งเรานับไว้ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นวันที่ 20 หรือ 21 กุมภาฯ กันแน่ เราเลยเข้าไปเช็คในเว็บของสำนักพระราชวัง แว่บแรกที่เห็นใจหายไปเลย เพราะเห็นหมายกำหนดการว่า ในหลวงเสด็จไปฟังสวดเย็นวันพุธที่ 20 แง ๆ ทำงานอ่ะ ไปไม่ได้ อ่านใหม่อีกทีวันพฤหัสท่านก็เสด็จด้วย แถมเสด็จตอนเช้าด้วย แถม (อีกที) วันพฤหัสเป็นวันมาฆบูชา หยุดงานเว้ยยยยยยยยยย... เย้ ๆ เย็นนั้นเลยชวนแม่ไปรับเสด็จด้วยกัน แม่ก็โอเค...หุ หุ หุ




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 12:38:47 น.
Counter : 375 Pageviews.  

การ์ตูนของโปรด (1)

การ์ตูนของโปรด

ช่วงนี้ได้คุยกับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนหลายคนเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นที่เด็ก ๆ ทั้งหลายคลั่งไคล้กันนี่แหละ แปลกดีที่เด็กทุกคนที่รู้ว่าครูแนนอ่านการ์ตูนจะออกอาการกรี๊ดแตกใส่เรา 555

มันคงมีความรู้สึกเหมือนตอนเราสมัยเด็ก ๆ ที่...เรามักจะคิดว่าครูจะต้องดุ ๆ ขรึม ๆ เป็นผู้ใหญ่ ไม่เข้าใจเด็ก ไม่ชอบอะไรเหมือนที่เด็กชอบ

เพราะงั้น...การที่ครูจะอ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกับที่ฉันก็ตามซื้ออยู่ ก็คงน่าตกใจจริง ๆ อ่ะแหละ

ว่าแล้ว...ก็เลยคิดอยากจะเขียนถึงการ์ตูนที่เป็นเล่มโปรดในดวงใจซะหน่อย เผื่อเด็ก ๆ ได้มาอ่านจะได้ไปหามาอ่านบ้าง ฮี่ฮี่ฮี่

เรื่องแรก Saiyuki
ไซยูกิ เป็นชื่อที่คนญี่ปุ่นเรียกวรรณกรรมจีนเรื่อง ไซอิ๋ว นั่นเอง เรื่องย่อของไซอิ๋ว ฉบับดั้งเดิม คือ พระถังซัมจั๋ง ซึ่งเป็นนักบวช จะต้องเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฏกมาจากชมพูทวีป (ประมาณแถวอินเดีย เนปาลเทือก ๆ นั้น)
โดยมีลูกศิษย์ที่คอยติดตามช่วยเหลือเป็น 3 สัตว์ (มิเกี่ยวข้องกับ 3 กษัตริย์แต่อย่างใด) คือ เห้งเจีย (ลิง) ตือโป๊ยก่าย (หมู) ซัวเจ๋ง (กัปปะ)

นั่น...เป็นแบบดั้งเดิม
แต่เวอร์ชั่นใหม่สุด ๆ ของญี่ปุ่น พระถังซัมจั๋ง (เก็นโจ ซันโซ) ผู้ทรงศีล กลายเป็นพระชั่ว สูบบุหรี่ พกปืน ฆ่าคน (ปีศาจ) ได้ด้วยสีหน้าเฉยเมย (แต่เซ็กซี่สุด ๆ )



เห้งเจีย (ซง โกคู) กลายเป็นเจ้าลิงน้อย หน้าตาน่ารัก กินเก่ง งี่เง่า แต่ความเก่งยังคงเดิม



โป๊ยก่าย (โช ฮัคไค) กลายเป็นหนุ่มแว่น ผอมบาง อบอุ่น ใจดี แต่มีบาดแผลในใจ



ซัวเจ๋ง (ซา โกโจ) กลายเป็นหนุ่มผมยาว หัวแดง หล่อและเจ้าชู้สุด ๆ



ทั้งหมดนั้น ใส่ยีนส์ เอิ๊ก...ฉีกภาพเดิม ๆ แบบสะบั้นหั่นแหลก
แต่เท่มาก ๆ โดยเฉพาะท่านซันโซสุดที่รัก พระอาไร้เซ็กซี่ได้ปานนั้น


งานนี้ถึงบาปก็ยอมละ




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2550 22:55:47 น.
Counter : 1856 Pageviews.  

Girl Don't Cry

เพิ่งได้อ่านกระทู้ในเฉลิมไทยเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า

ทำไมเด็กต้องร้องไห้เวลาไปโรงเรียน

เลยกลับมานั่งนึกถึงการไปโรงเรียนครั้งแรกของตัวเองว่าเป็นยังไงบ้าง

โรงเรียนแห่งแรกในชีวิตอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่
เดินไปเดินกลับได้
ชื่อโรงเรียนอนุบาลกิรติวิทย์ ปัจจุบันได้ปิดตัวไปแล้ว และเราเองยังคงผ่านหน้าอดีตโรงเรียนอยู่ทุกวัน เรียกได้ว่าสามารถระลึกถึงความหลังกันได้ตลอดเวลา

วันแรกจำได้ลาง ๆ ว่า ทั้งพ่อ แม่ ป้าที่เป็นพี่เลี้ยง น่าจะไปส่งเราโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเราก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เมื่อถึงโรงเรียนก็ระเบิดเสียงร้องไห้ และดิ้นจนโรงเรียนแทบแตก
ขนาดว่าครูทั้งโรงเรียนต้องออกมาดูว่าใครเอาหมูมาเชือดในโรงเรียนเลยเชียว

หลังจากวันแรก เราก็ยังตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้อยู่ทุกวัน
โดนหลอกว่าจะมารับตอนเที่ยงก็ไม่มา (โฮ ๆ ป้าใจร้าย)
จำได้ว่าเราไม่ชอบกิจกรรมอะไรที่โรงเรียนเลย
ตั้งแต่ดื่มนมตอนเช้า เพราะมันเป็นนมที่ผ่านการต้มมา และจะมีกากนมเป็นแผ่น ๆ อยู่ด้วย

เราไม่ชอบนอนกลางวัน เพราะเราเป็นเด็กที่แทบจะไม่เคยนอนกลางวัน พอโดนบังคับให้นอนก็นอนไม่หลับ แล้วก็เลยแก้เซ็งด้วยการแกล้งเพื่อน จนครูต้องยอมให้ยายนี่มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างนอกได้

แต่เหตุผลหลัก ๆ จริงน่าจะเป็นเพราะ ก่อนจะไปโรงเรียนพ่อกับแม่สอนให้เรารู้จักตัวอักษร ทั้งไทยและอังกฤษหมดแล้ว การต้องไปเรียนอะไรซ้ำ ๆ เลยทำให้เรา

ครูใหญ่เองก็แสนจะใจดีเห็นเราเบื่อ ก็เลยส่งเราขึ้นไปเรียนกับพี่อนุบาล 2 อยู่หนึ่งวัน
เผื่อจะลดความเบื่อของยัยเด็กเรื่องมากนี่ได้ แต่ก็ไม่ได้ผลค่ะ ยังคงร้องไห้ยามเช้าเหมือนเดิม จนถึงกับได้อภิสิทธิ์ไปทัศนศึกษากับพี่อนุบาล 2 ที่เขาดินเชียวนะ

สุดท้ายพ่อกับแม่เลยลองพาเราไปสอบเข้า ป.1 ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ (ประมาณ 4 ขวบครึ่งเห็นจะได้) ประมาณว่าเผื่อฟลุค แล้วดันสอบติดจริง ๆ ซะด้วย
และแล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปนับจากวันนั้นเป็นต้นมา




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2548 14:41:43 น.
Counter : 268 Pageviews.  

1  2  
 
 

nanni
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add nanni's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com