www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Angels and Demons + Let the right one in , แดน บราวน์ ห้าวเป้ง ปะทะ แวมไพร์เจ๋งเป้ง

... เนื่องด้วยหนังสองเรื่องนี้ตั้งใจจะเขียนส่งเป็นต้นฉบับ จึงต้องขออภัยที่ขอคุยแบบสั้นๆ แล้วกั๊กเนื้อหาอีกส่วนหนึ่งไปใช้ประกอบการทำมาหากิน


แดน บราวน์ ห้าวเป้ง



... ในบรรดาหนังสือสี่เรื่องของแดน บราวน์ Angels and Demons เป็น นิยายที่ หลายคนบอกว่า เหมาะกับการสร้างเป็นหนังมากที่สุด ซึ่งก็จริง เพราะ ปกติการเล่าเรื่องของแดน บราวน์ก็แทบจะทำให้เห็นภาพแบบฉากต่อฉาก ตื่นเต้นลุ้นระทึก เป็นต้นทุนอยู่แล้ว บวกกับ Angels and Demons มีระทึกขวัญกับความเป็นแอคชั่นมากเป็นพิเศษ และ กระบวนการไขปริศนา ของ The Da Vinci Code เวลาเป็นภาพออกมา มันจะไม่อลังเท่า Angels and Demons

ถึงแม้ว่า Angels and Demons เป็นนิยายเล่มที่สอง ส่วน The Da Vinci Code เป็นเล่มที่สี่ แต่เพราะตัวผมเอง อ่าน The Da Vinci Code ก่อน Angels and Demons จึงทำให้ ความรู้สึกประทับใจแรกพบกับ The Da Vinci Codeมีมากกว่า

และเหตุผลประการสำคัญที่ทำให้ผมชอบ The Da Vinci Code มากกว่า เพราะ อ่าน Angels and Demons ไปไม่ถึงครึ่งเล่มก็เดาตัวคนร้ายได้แล้ว จากจุดอ่อนที่ปรากฎในงานเขียนของแดน บราวน์ คือ วิธีการวางโครงเรื่อง ที่อ่านหนึ่งเล่มแล้ว เล่มที่เหลือ เราก็สามารถเดาตัวร้ายได้สบายบรื๋อ เพราะ

นางเอกมีคนสนิท --> คนสนิทตาย --> ตามพระเอก --> พระเอกมารักกับนางเอก --> สืบๆแก้ๆ(ปริศนา) --> คนดังที่ดูเหมือนจะดี นี่แหละ ผู้ร้าย

The Da Vinci Code เหมือน หยิบเค้าโครงเรื่องจาก Angels and Demons มาปรับให้เนียนขึ้น แล้วใส่ ปริศนา ชุดใหม่มาแทนเรื่องราวของ Illuminati

ดังนั้นความสนุกเวลาอ่านงานเขียนของแดน บราวน์ จึงอยู่ที่ กระบวนการสืบๆแก้ๆ ที่แดน บราวน์ โยง เรื่องจริง กับ เรื่องแต่ง เข้ากันอย่างเนียน ทำการบ้านมาเยี่ยม และ จับประเด็นความขัดแย้งได้น่าสนใจ



... จาก หน้ากระดาษ มากลายเป็น หน้าจอ

ผมได้บทเรียนอย่างหนึ่งสำหรับการจะดูหนังที่สร้างจากนิยายของ แดน บราวน์

1.อย่าอ่านนิยายก่อนดูหนัง เพราะ เมื่อปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้วจากหน้ากระดาษ มันขาดความน่าสนใจไปมากเวลาอยู่บนหน้าจอ

2. ถ้าเคยอ่านมาแล้ว หนังเข้าฉายใกล้ๆไม่ต้องรื้อไปหามาดูใหม่ รอดูหนังจบค่อยกลับไปทบทวน

เพราะตัวเอง ทำการบ้าน The Da Vinci Code เสียดิบดี พอเจอ ตัวหนังที่แทบจะไม่ดัดแปลงอะไรเลย ทำให้การนั่งดูหนังมันเรื่อยเฉื่อยมาก

The Da Vinci Code คือ ความน่าผิดหวังสำหรับผม ส่วน Angels and Demons คือการดัดแปลงที่น่าพอใจ

แต่สำหรับ แฟนๆนิยาย ที่ไม่ชอบให้ หนังสือของตัวเองถูกดัดแปลงแม้แต่น้อยก็ควรเลี่ยงหนังเรื่องนี้ เพราะอาจหงุดหงิดที่ฉากโปรดๆตัวละครเด่นๆถูกตัดไป

ซึ่งจริงๆแล้ว การตัดบางส่วนจากนิยายออกหรือเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาใหม่ ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าเป็น การดัดแปลงที่ย่ำแย่

เพราะ ผมคิดว่า นิยาย ไม่ใช่ ข้อเท็จจริง ดังนั้น คนเขียนบทจะดัดแปลงตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลังอย่างไรก็ได้

การดัดแปลงที่ดี จึงไม่ใช่การลอกทุกอย่างจากนิยาย แต่ การทำหนังจากนิยายดังๆที่ดี คือ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับการเป็นหนัง ทำให้ ภาพรวมของหนังนั้นกลมกล่อม หากคงอรรถรสเดิมได้ถือว่าเยี่ยม หรือ ถ้าหากสร้างงานแนวใหม่ๆได้ก็ถือว่าเยี่ยม

ยกตัวอย่างการดัดแปลงของหนังคู่หนึ่งที่ทำออกมาสองแนวแต่ก็แจ๋วทั้งคู่ นั่นคือ การดัดแปลงนิยายเรื่อง ขอเพียงได้รัก งานเขียนซึ้งๆของคนเขียน Be with you ที่ถูกดัดแปลงแบบเป๊ะๆเป็นหนังชื่อ Heavenly forest แต่อีกเจ้า เอาไปดัดแปลงซะเรียบวุธจนแทบจะจำนิยายไม่ได้ แต่ก็ได้ หนังรักเซอร์ๆเหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปที่เก๋ไก๋ไปอีกเรื่องชื่อ College of our life

... ผมอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ชอบดูหนังที่เหมือนงานถ่ายเอกสารที่แค่ขยายตัวหนังสือให้เห็นเป็นภาพ ทำให้รู้สึกว่า The Da Vinci Code เหมือน แฮรี่ พ็อตเตอร์ ภาคแรก นั่นคือ หนังก็ไม่ได้แย่ แต่ ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจมากไปกว่าเดิม สนุกกับการแค่ลุ้นว่า ตัวหนังสือที่อ่านจะมาเป็นภาพอย่างไร สถานที่สำคัญเหล่านั้นของจริงเป็นเช่นไร

The Da Vinci Code เป็นงานที่ ขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ และ จุดที่ผมผิดหวังที่สุด คือ กระบวนการไขปริศนา ในหนังสือ ดูมีกึ๋น แต่ในหนัง ไขกันไวปานประหนึ่งไขกุญแจ

ซึ่งดูเหมือน รอน โฮเวิร์ด ก็ไม่ได้มองการดัดแปลงนิยายของแดน บราวน์ ว่าจะให้ความสำคัญที่ การแก้ปริศนา เท่าไรนักและมุ่งเน้นการเป็นหนังแอคชั่นสนุกๆมากกว่า เพราะ จุดอ่อนเกี่ยวกับการไขปริศนาแบบแป๊บๆจุดนี้ ก็ยังคงอยู่ใน Angels and Demons

แต่โชคดีที่ส่วนอื่นๆในแง่กระบวนการสร้างหนังของ Angels and Demons พัฒนาขึ้นมากกว่า The Da Vinci Code



... รอน โฮเวิร์ด กำกับหนังกระชับฉับไวสนุกมากขึ้น และ มีการดัดแปลงบทที่บางจุดผมคิดว่า มีความกล้าที่จะปรับให้เหมาะกับการทำเป็นหนัง และ เปิดประเด็นหรือมุมมองที่ต่างออกไป

เช่น บางคนไม่ชอบให้คนตายคนแรกถูกปรับบทเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกับนางเอกแทนที่จะเป็นพ่อ เพราะ มันทำให้ ความบีบคั้นอารมณ์ลดลง แต่ผมคิดว่า ถ้าเริ่มต้นเป็น พ่อนางเอกแล้วพระเอกถูกตามมาที่ Cern มันยิ่งตอกย้ำ จุดอ่อนของงานเขียน แดน บราวน์ ที่มีพล็อตคล้ายๆกัน ที่ ญาตินางเอกถูกฆ่าแล้วพระเอกเจอตาม

หรือ ฉากขึ้นเครื่องบินตอนท้าย ที่ผมคิดว่า เป็นแบบนี้ดูน่าเชื่อถือกว่าในหนังสือที่ตอนอ่าน รู้สึกเว่อร์แบบโดดเด่นที่พระเอกลงมาจากท้องฟ้าแบบไร้ร่ม

จุดที่ผมคิดว่า การดัดแปลงแล้วด้อยกว่า คือ การตัดตัวละครบุคคลสำคัญของเซิร์น ที่ เป็นเหมือนตัวแทนของคนฝั่งฟิสิกส์คนสำคัญไป และ ที่มาของคาเมอร์เลงโญ่ ซึ่งตามนิยายมันเข้มข้นเสียเหลือเกิน แต่กรณีนี้ก็เข้าใจว่าน่าจะมีส่วนมาจากต้องการลดทอนกระแสต้าน หากทำตามต้นฉบับเดิม

ส่วนอีกจุดที่ผิดหวังเล็กๆคือ นางเอกของเรื่อง ผมชอบมากตอนดูเธอจากภาพนิ่ง ดูเก๋ไก๋ แต่พออยู่ในหนัง ฝีไม้ลายมือ ยังไม่ถึงกับปลื้มประทับใจเท่าไรนัก

ทั้งนี้ทั้งนั้น สองจุดเด่นระดับห้าวเป้ง คือ สกอร์ของหนัง ที่ประกอบ การถ่ายภาพงานด้านสถาปัตยกรรม ผสมผสานกันเป็น ความอลังการ งามงด แบบอยากจะหิ้วกระเป๋าไปเที่ยวโรมซะเหลือเกิน ประมาณว่า เที่ยวตามรอยโรเบิร์ต แลงดอน คล้ายๆ ตามรอย แดจึงกึม (แต่คนที่โน่นอาจไม่นิยม เพราะมองว่า เฮียแดน บราวน์ แกห้าวเป้งไปเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงมากไปหมด)

และ แฟนๆ โรเบิร์ต แลงดอน ที่ถวิลหา นาฬิกามิกกี้เมาส์ ภาคนี้ได้โอกาสเปิดตัวเสียที


...จัดได้ว่า Angels and Demonsเป็นหนังแอคชั่นไขปริศนาฟอร์มยักษ์ ที่อาจจะไม่ได้อยู่ในระดับเลอเลิศ แต่ก็เป็นหนังตลาดคุณภาพสูงที่มอบความบันเทิงได้เต็มอิ่ม เป็นงานที่สนุกกว่าการไขปริศนาครั้งก่อน

และทำให้การแข่งขันของฮอลลีวูดซัมเมอร์นี้น่าจับตามอง หลังจาก นิมิตหมายอันดี ของหนังฟอร์มยักษ์ ที่ตั้งต้นมาดีตั้งแต่ Star trek ต่อด้วย Angels and Demons ก็ได้แต่ลุ้นยักษ์ใหญ่อีกสองตัว ทั้ง หุ่นเหล็ก และ คนเหล็ก ว่าจะดึงให้รุ่งขึ้นไปหรือฉุดซัมเมอร์นี้ให้ร่วงหล่นลง



แวมไพร์ เจ๋งเป้ง




... ปีนี้ แฟนๆหนังแวมไพร์ยังมีโอกาสลูบต้นคอด้วยความเสียวสยองกันหลายรอบ ทั้ง จาก Blood: The Last Vampire ที่ได้ จวน จีฮุน มารับบทยัยตัวร้ายแวมไพร์ , Thirst หนังแวมไพร์ ฝีมือผู้กำกับ Park Chan-wook จาก Old Boy ที่ดูเทรลเลอร์แล้วมีแววว่าจะกลับมาคืนฟอร์มโหดโชกเลือดอีกครั้ง

แต่เรื่องที่ผมอยากแนะนำว่า ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือ Let the right one in

จริงอยู่ต้นปีเรามี Twilight มาเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ แต่ สำหรับผม Twilight เป็นเหมือนหนังโรแมนติกวัยรุ่น ที่อาศัย ความเป็นแวมไพร์ มาเป็นตัวประกอบ แต่ ขาดอารมณ์มืดหม่นขนต้นคอลุกแบบบรรยากาศหนังแวมไพร์ที่คุ้นเคย เพราะตอน เอ็ดเวิร์ดแยกเขี้ยว สาวๆคงอ่อนระทวยมากกว่าที่จะเสียวต้นคอ

แต่ Let the right one in กลับมามอบบรรยากาศอย่างที่ว่าได้สมใจ

ไม่ใช่แค่นั้น

Let the right one in เป็นหนังแวมไพร์ลูกผสม คือ ผสม ความเป็นหนังหลากแนวไว้ด้วยกัน มีทั้งความสยองขวัญ , หนังโรแมนติก , หนังแนว coming of age , พูดถึงความเหงา , เรื่องของเพศ ฯลฯ

บางมุม อาจทำให้เรานึกถึง ความเปล่าเปลี่ยวของเด็กวัยรุ่นและการพบใครสักคนเช่น รักแห่งสยาม

บางมุม อาจทำให้เราคิดถึงบรรยากาศหิมะปกคลุมที่ชวนสยองขวัญเหมือนหนังแวมไพร์สุดโหด 30 days of nights

บางมุม อาจทำให้เรานึกถึง ภาพการเติบโตก้าวผ่านข้ามวัยของเด็กที่กำลังจะเข้าวัยรุ่น โดยได้พบคนที่เข้าใจมาดึงออกจากการมีชีวิตที่โดดเดี่ยว ใน Bridge to Terabithia

บางมุม อาจทำให้เรานึกถึง บรรยากาศหนังแวมไพร์ในอดีตเช่นเดียวกับ Interview with the Vampire




... ไปพิสูจน์เถอะว่า การกวาดรางวัลมากว่าสี่สิบรางวัลนั้นไม่ใช่ฟลุ้ค , การเข้าไปอยู่ในสิบอันดับหนังในดวงใจประจำปีของหลายๆคนนั่นแสดงว่าหนังต้องมีของ

แถมฮอลลีวู๊ดก็ซื้อไปแล้ว ได้ระดับผู้กำกับระดับ แม็ตต์ รีฟ จาก Cloverfield มากำกับย่อมไม่ธรรมดา (แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่า ‘ความน้อยแต่มาก’ อันเป็นจุดเด่นสำคัญจะถูกปรับเป็น ‘ความโฉ่งฉ่าง’ จนสูญเสียตัวตนดั้งเดิมไป

เสียดาย ฉายที่เฮ้าส์ที่เดียว อาจเดินทางลำบาก แต่ก็อยากเชียร์ว่า

ไปดูกันเถอะ พี่น้อง หนังของสวีเดนเรื่องนี้ เจ๋งเป้ง จริงๆ


(บทความ ‘เซ็กส์ , ซอกคอ และ ความรัก’ จากหนังเรื่องนี้ จะไปประจำใน Filmax เล่มหน้าเน้อ)




Link บทความที่เกี่ยวข้อง

The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน

Star trek (2009) , จากใจคนที่ไม่ใช่ Trekkie --> “สุดยอด - Excellent - #$$@% - สุโค่ย - il_lli”

Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"

ขอเพียงได้รัก , แค่ได้รักก็สุขใจ

Twilight + The Duchess + Teeth , (สัปดาห์หนังพลังหญิง) อาทิตย์นี้ ผู้หญิง ครองโรง

รักแห่งสยาม , ทุกชีวิตเติบโตได้ด้วยความรัก

Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open


36 ข้อของ Cloverfield กับผมฯ ( โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายยยยย แอวะ)







"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขอฝากหนังสือเล่ม 4 ที่ชวนเพื่อนผู้อ่าน ออกเดินทางสำรวจจิตใจมนุษย์ และ ทำความรู้จัก'คน' ให้มากขึ้น ผ่านโลกภาพยนตร์ ในหนังสือชื่อ มากกว่าที่ตาเห็น - LifeScan วางขายในร้านสือทั่วไป พฤษภาคมนี้จ้า






พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 และ เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป สั่งได้จากในเว็บหรือหน้าร้านซีเอ็ดครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป









Create Date : 17 พฤษภาคม 2552
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 0:02:20 น. 10 comments
Counter : 3935 Pageviews.

 
เรื่องบนนี่คงต้องไปดูแน่ๆ


โดย: concept IP: 125.27.49.45 วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:55:52 น.  

 
ยังไม่ได้ดูทั้งสองเรื่องเลยอ่าครับ

แต่ยังไงต้องไม่พลาดแน่นอน

เพราะหนึ่งก็เป็นหนังที่สร้างจากหนังสือที่โคตะระมันส์ ...แต่ก็ทำใจไว้แล้วว่ามันต้องไม่เท่าเดิม

ส่วนอีกหนึ่ง ..ก็อย่างที่หลายคนในหมู่บริวารพวกเราเขาโดนใจ ...เรานั้นไซร้ จะพลาดให้ยอมไซร้คอได้อย่างไร

อังคารนี้คงได้เก็บหมดล่ะนะ ..หวังว่า..!!


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:59:01 น.  

 
เข้ามาเชียร์ Let the right one in ด้วยคนครับ รักมากหนังเรื่องนี้..


โดย: Seam - C IP: 58.9.222.171 วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:26:33 น.  

 
ไปดูมาแล้ว ชอบมากๆๆๆ เลยค่ะ
แต่ว่ายังไม่เคยอ่านหนังสือนะ
เดี๋ยวต้องไปอ่านสักหน่อยละ


โดย: Hermione G. IP: 58.64.60.158 วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:17:57 น.  

 
+ เทวาฯ ผมชอบพอสมควรเลยนะครับ คงเป็นเพราะไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน ก็เลยไม่มีข้อเปรียบเทียบในใจ ... แต่ผมว่าเค้าสร้างออกมาได้อลัง แล้วก็ดูรู้เรื่องดี (ปกติผมจะไม่ค่อยถูกกับหนังสืบสวน ตามร่องรอยต่างๆ เท่าไหร่ เพราะถ้าซับซ้อน บางทีก็ตามไม่ทัน) อ่ะครับผม

+ เข้ามาเป็นหน้าม้าเชียร์ Let the right one in (ณ โรงเฮาส์) แบบสุดลิ่มทิ่มประตูอีก 1 เสียง ... เป็นหนังแวมไพร์ที่เฮี้ยน บรรยากาศหลอกหลอน แต่ก็หวาน(?!?)เอามากๆ ... ความคลุมเครือที่มีเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ ฉากไคลแม็กซ์ก็อึ้งตะลึงกันไป ส่วนฉากจบก็เศร้าสุดๆ ... สรุปว่าชอบมากมาย รักหมดใจอ่ะครับผม แล้วจะรออ่านที่คุณ จขบ. เขียนถึงเรื่องนี้เวอร์ชันเต็มๆ ใน FILMAX ฉบับหน้านะคร้าบ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 19 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:16:17 น.  

 
Angels & Demons เพิ่งดูเมื่อวานครับ
ในฐานะที่อ่านนิยายมาก่อนแล้ว (และชอบมากกว่า Da Vinci Code) ถือว่าดัดแปลงได้เหมาะสมดีครับ รับได้ ไม่น่าเกลียด แม้จะตัดตัวละครสำคัญออกไปแบบน่าใจหายก็ตาม

แต่อย่างน้อยก็ไม่ดูไปหาวไปแบบ Da Vinci Code ล่ะนะ ฮี่ๆๆ

ส่วนหนังแวมไพร์นี่ น่าดูแฮะ แต่จะได้ดูไหมนี่ก็อีกเรื่อง
ปล. คุณหมอได้ดู True Blood ไหมครับ สนุกใช้ได้เหมือนกัน น่าเอามาเขียนเป็น Vampire Collection นะครับ


โดย: absent-minded IP: 158.108.54.231 วันที่: 20 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:12:34 น.  

 
สำหรับ The Da Vinci Code ต้องใช้ความพยายามถึงสองครั้งจึงจะอ่านจบ รอบแรกอ่านได้ครึ่งเรื่อง ก็ต้องวางสนุกนะคะแต่ต้องใช้สมาธิในการอ่านมาก ๆ ลุ้นเกินเหนื่อย ผ่านไปหลายเดือนได้มีโอกาสจับ Angels and Demons ขึ้นมาอ่าน เล่มนี้อ่านรวดเดียวจบสนุกมากในการจับเอาสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่จริงมาผูกกันได้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนคิดว่ามันเป็นความจริง (เอ๊ะหรือมันจะจริง) อย่างที่คุณบอกค่ะ แดน บราวน์ เขียนสองเรื่องนี้ด้วยโครงเรื่องที่ไม่แตกต่างกัน แต่มันสนุกตอนแปลสัญลักษณ์ต่าง ๆ นี่แหล่ะ เราอ่านจบเรายังคิดว่าเออ นายแดนนี่มันคิดได้ยังไง เค้าทำการบ้านได้ดีมาก เค้าต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เยอะมาก ๆ ถึงจะเอามาผูกกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้ สรุปแล้วชอบหนังสือค่ะ แต่ยังไม่ได้ดูภาพยนต์เลยซักกะเรื่อง คิดว่าหนังก็คงถ่ายทอดไม่ได้เท่ากับในหนังสือ แต่ก็อยากลองดูค่ะ


โดย: phukboong69 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:01:53 น.  

 
Let The Rihgt One In สุดยอดครับ ถึงหนังจะดูนิ่งๆแต่มีพลังอย่างแรง เชียร์ให้ไปดูกันเยอะๆ


โดย: O-So Good IP: 125.24.129.169 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:40:11 น.  

 
ชอบทั้ง Angels and Demons และ Da Vinci Code


โดย: pupjang IP: 58.8.106.115 วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:16:14 น.  

 
ดู Let the right one in แล้ว
ชอบพอสมควร แต่ก็น่าดูครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:23:26:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.