5 หนังไม่ชอบ + 50 อันดับหนังประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
สวัสดีปีใหม่ครับ
... เป็นธรรมเนียมประจำ blog ครับ ที่เจ้าของblog ผู้แฮปปี้กับการดูหนังและการเขียน จะขอรวบรวมความประทับใจเมื่อสิ้นสุดปี มาพูดคุยกับเพื่อนผู้อ่านเฉกเช่น สี่ปีที่ผ่านๆมา ในหัวข้อ
Movie and Me
ซึ่งประกอบไปด้วย
Movie and Me : 9 หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Movie and Me : 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Movie and Me : 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Movie and Me : 50 หนังประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอน 1)
... Blog นี้คือบทสรุป ชีวิตกับภาพยนตร์ ส่งท้ายปีที่ผ่านมา กับ
20 อันดับสุดท้ายของหนังที่ประทับใจ และ 5 หนังไม่ปลื้มของปี
และ
เหมือนเช่นทุกๆปีครับ ที่ต้องเน้นย้ำก่อนว่า หนังที่เลือกมาเหมารวมหมดไม่ว่าจะเป็น หนังเล็กหรือหนังใหญ่ หนังโรงหรือหนังซีรี่ย์ แผ่นแท้หรือแผ่นผี นับจากที่ดูไปตลอดทั้งปี 2008
และข้อสำคัญ หนังที่ดีอาจไม่ได้เป็นหนังที่เราชอบ และ หนังที่เราชอบก็ไม่จำเป็นว่าต้องดี
แต่ก่อนจะเข้าอันดับหนังที่เหลือ ขอคุยถึงปีที่ผ่านมานิดนึงว่า
... ปีนี้เป็นปีที่ผมใช้เวลาดูหนังแผ่นไปกับซีรี่ย์เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ย์ใหม่ๆ อย่าง
ซีรี่ย์คุณหมอปากเสียยอดนักสืบค้นหาโรค - House (ติดงอมแงมตอนนี้อยู่ที่ซีซั่น3)
ซีรี่ย์ตะลุยอวกาศภาคการวางแผนการเมืองการปกครอง - Battlestar galactica (นึกว่าจะติดแต่ดูไปสามแผ่นแล้วยังขี้เกียจดูต่อ)
ซีรี่ย์ตามจับฆาตกรโดยใช้หลักจิตวิทยา - Criminal mind (รู้สึกว่าแต่ละตอนยังง่ายๆไปหน่อยและก็ตัวละครเป็นสูตรสำเร็จไปนิดเลยไม่ค่อยติด)
ซีรี่ย์ตอนต่อคนเหล็ก - Sarah conner-Terminator(ดูไปสองแผ่นไม่ติดเลยหยุด)
ซีรี่ย์นักสืบโรคย้ำคิดย้ำทำ- Monk(ติดหนึบเพราะชอบนิยายสืบสวน รอคนทำซีซั่น 2 ซับไทย)
ซีรี่ย์หักเหลี่ยมทนาย Damage (กำลังติดซีซั่น1)
ซีรี่ย์สายลับซ้อนสายลับ Alias ( แรกๆก็หนุกดี แต่หลังๆชักเดาได้ว่าจะมาอีหรอบไหน เลยดูแค่จบซีซั่นแล้วไม่คิดหามาดูต่อ)
หรือจะเป็นเพื่อนเก่าอย่าง Lost 4 / Heroes 2-3 / Desparate housewives 4 / Greys anatomy 4 / Prison break 3-4
... เข้าสู่การสรุปอันดับที่ปีนี้ จขบ. บ้าพลังจัดอันดับอย่างบ้าคลั่งถึง 5+50 อันดับมากกว่าทุกๆปี
เริ่มจาก
5 อันดับหนังไม่ชอบประจำปี 2551
... จริง ที่ว่า อาจจะมีหนังแย่กว่านี้ แต่เพราะ ดูหนังแบบเลือกตามความอยาก ทำให้สามารถตัดหนังแย่ๆที่ว่าออกไปได้
ในขณะเดียวกัน จริงอยู่ที่ว่า อาจจะมีหนังบางเรื่องที่ดูแล้วเห็นว่าคุณภาพห่วยกว่าที่เลือกมา แต่ที่ไม่เลือกเพราะ ผมยังชอบมากกว่า 5 เรื่องที่คัดมา ซึ่งเป็น หนังที่ดูแล้วรู้สึกไม่ปลื้มเป็นอย่างยิ่ง
หนัง 5(+1)เรื่องต่อไปนี้ คือ หนังที่ทรมานผมในโรงหนังและที่บ้าน ซึ่งนั่นแปลว่า วัดจากรสนิยมความรู้สึกและมาตรฐานของตัวเองล้วนๆ
หากไม่เห็นด้วยไม่พอใจกับรายชื่อที่เลือกมา นึกอยากด่าเจ้าของบล็อก โปรดติดต่อโดยตรงทางโทรศัพท์ที่เบอร์ 1150
อันดับ 5
Jumper + 10,000 B.C.
นอกจาก CG เจ๋งๆ ส่วนที่สนุกที่สุดของหนังสองเรื่องนี้ คือ หนังตัวอย่าง
อันดับ 4
Shaolin Girl
ผมพลาดเอง คิดว่าหนังมันจะฮาๆหนุกๆเอามันส์ เหมือน เส้าหลินซ้อกเกอร์ และ ก็มี โค ชิบาซากิ คนสวยด้วย เลยยอมเสียค่าตั๋วเบาะหนังโรงพาราก้อน กว่าจะรู้ตัวว่า เสียรู้เพราะสาวสวย ก็ตอนนั่งดูเวลาว่าเมื่อไหร่มันจะจบ หนังเล่นง่ายและไม่ถึงใจ หน่อมแน้มมากๆ
อันดับ 3
88 minutes
อัลปาชิโน่ มีเวลา 88 นาทีที่จะตามจับฆาตกร แหม มันน่าสนุกยิ่งนัก แต่ ไหงได้นักแสดงรุ่นพ่อเจ้าของออสการ์ ได้พล็อตที่น่าสนใจชวนติดตาม แต่ บทหนังกลับดูยวบยาบ ทุกย่างก้าวล้วนไร้ความน่าเชื่อถือ
บุคลิกพระเอกที่ปูไว้ว่าเก่งกาจได้ฝีมือการแสดงดีๆของลุงอัลก็ไร้ค่า เมื่อบทหนังไม่ช่วยสนับสนุนให้เชื่อเลยว่า จิตแพทย์คนเก่งในหนังเก่งสมคำร่ำลือ ตลอดทั้งเรื่องมีดีอย่างเดียว คือ สาวสวยรายรอบพระเอก สวยจริง
ตัวอย่างชั้นดีของบทหนังที่ ท่าดีทีเหลว
อันดับ 2
The Flock
ปัญหาหลายๆอย่างมีอยู่ในหนังผุดให้เห็นมากมาย แอนดรู เลา ไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกเชื่อหรือคล้อยตาม ใน โลกที่เขากำลังสร้างขึ้นมา ไม่เหมือนกับ โลกของกลุ่มมาเฟียและตำรวจ ที่เขาทำให้เราเชื่อได้อย่างใน Infernal affars
พฤติกรรมหลายอย่างของตัวเอกที่เป็นตำรวจ กลับชวนให้รู้สึกว่า แปลกประหลาด ไม่ชวนเอาใจช่วย ไม่อยากติดตาม และ เกิดความรำคาญอยู่เป็นระยะๆว่า ทำไม หนังไม่ตามตัวละครตัวใหม่ๆที่เป็นตำรวจมาจัดการเสียที
เห็นได้ชัดว่า หนังพยายามชดเชย ด้วยการถ่ายทำที่หวือหวา แต่เนื้อหาของหนังไม่ได้ล้ำหน้าไปพร้อมๆกับการถ่ายทำ ความหวือหวากลับกลายเป็นความปวดตา และ บ่อยครั้งที่รู้สึกว่า จะถ่ายแบบนี้ไปทำไม จะทำเสียงดังๆให้ตกใจไปทำไป เพราะ มันไม่ได้สอดรับกับเนื้อเรื่องและมันไม่จำเป็นเลย
ถึงหนังตัวอย่างจะบอกว่า นี่เป็น Seven ของปีนี้ สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกว่าเข้าใกล้ Seven คือ ฉากตอนท้ายที่จูงตัวละครไปสู่การตัดสินใจบั้นปลายคล้ายๆกัน มีการถ่ายภาพคล้ายๆกัน แต่ กลับทำให้รู้สึกว่าหนังพยายาม เลียนแบบ มากกว่า สร้างสไตล์ของตัวเอง อันดับ 1
Love in the Time of Cholera
...ใจอยากดูเพราะเห็นว่าสร้างมาจากหนังสือของ กาเบรียล กาเซียร์ มาร์เควซ ชื่อนี้มีโนเบลเป็นการันตี คนเดียวกับที่เขียน ร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ยิ่งได้ ไมค์ นีเวลส์ เจ้าพ่อหนังอังกฤษมากำกับก็ยิ่งน่าดู พอเห็นชื่อไทย 'สัญญา 20,000 วัน แม้สิ้นใจ ไม่ขอลืม' กับโปสเตอร์ก็กะไว้ว่า ซึ้งแน่ แต่พอดูไปก็อุทานในใจ กล้วยทอดแล้ว ไหงมันถึงออกมาแบบนี้
ไอ้เราก็หลงผิดคิดว่า เนื้อหาจะมาในแนว magical realism ตามสไตล์คนเขียนแล้วนำเสนอออกมาประมาณ Amelie แต่กลายเป็นว่า อารมณ์ของหนังให้ความรู้สึกแบบ ยักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก คือ ยึกๆยักๆ จะซึ้งก็ไม่ซึ้ง เหมือนจะขำก็ขำไม่ออก
ครั้นเห็นชื่อ ฆาเวียร์ บาเด็ม ในบทนักแสดงนำ กับ Giovanna Mezzogiorno นางเอกจาก Facing window ก็คิดว่าการประชันฝีมือครั้งนี้ต้องน่าทึ่ง แต่กลับเป็นว่า บทสองบทนี้ไม่เหมาะกับพวกเขาอย่างรุนแรง เป็นลำดับต้นๆของการ miscast แห่งปี
และถ้าไม่เป็นเพราะ ผมมีปัญหาในการรับสารของหนัง ก็คงเป็นการสื่อสารของหนังเรื่องนี้ สอบตก เพราะ ผมไม่รู้สึกแม้แต่น้อย ว่า ความรักห้าสิบกว่าปีติดค้างในใจของสองตัวละครหลัก นางเอกเหมือนปิ๊งแล้วกระโจนตกหลุมรัก จากนั้นพอพบคนใหม่ก็ไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นว่า เธอมีเยื่อใยเหลือให้พระเอกแม้แต่น้อย
ส่วนพระเอกก็ถูกบทหนังออกแบบมาได้อย่างไร้เสน่ห์อย่างที่สุด ดู immature เหมือนเด็กๆที่ร้อง จะเอาๆ กี่ปีผ่านไปก็ไม่รู้จักโต ครั้นตอนที่ใช้ sex เพื่อบำบัดความเจ็บปวดให้ลืม ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกทำนองนั้น ดูสนุกกับ sex หลากสีสันไปวันๆมากกว่าจะเจ็บปวดแล้วใช้ sex มาเยียวยา
รวมความได้ว่า ไม่สนุกและนั่งนับเวลาบ่อยที่สุดในโรงหนังของปีนี้
.... จาก blog ที่แล้ว ไล่เรียงลำดับจากอันดับที่ 50 มาสู่ อันดับที่ 21 อ่านได้ที่นี่ --> คลิก
ต่อไปนี้คือ
20 อันดับหนังประทับใจประจำปี 2551 ของ ผมอยู่ข้างหลังคุณ
อันดับ 20
4 Months, 3 Weeks and 2 Days
หนังเกี่ยวกับ เพื่อนช่วยเพื่อนทำแท้ง จากโรมาเนีย เรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับการทำแท้งที่ดีที่สุดที่เคยดู เบียด Vera Drake ตกอันดับไป
ชอบเรื่องนี้ตรงหนังไม่ได้โปรเรื่องการทำแท้งและก็ไม่ได้ข่มขู่ ไม่ใช่หนังประเภทชี้ให้เห็นผลเสียหรือบาปกรรม แต่ชี้ให้เห็น ผลลัพธ์ ว่าเมื่อเลือกตัดสินใจเช่นนี้ทางที่จะเกิดต่อมาก็จะเป็นเช่นไร
เริ่มต้นดูน่าเบื่อเหมือนไม่มีอะไร แต่พอตั้งใจดูซักพักก็พบว่าหนังมีวิธีเล่าที่เด็ดๆหลายตอนมาก เช่น การไม่บอกตอนแรกว่าเพื่อนสาวคุยกันเรื่องอะไร , ฉากคุยกันในห้องกับคนที่มาทำแท้งเลือกถ่ายมุมที่ไม่เห็นตัวละครสร้างความกดดันเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ หรือ ตอนที่คนดูมั่นใจแน่ว่าจะต้องเป็นแบบนี้แต่หักมุมแกล้งการเดาใจของคนดูซะงั้น
ตอนจบแบบในหนังยิ่งทำให้ชอบมากยิ่งขึ้น แต่อาจขัดใจผู้ที่อยากได้หนังส่งเสริมศีลธรรมหรือหนังรณรงค์ต่อต้านการทำแท้ง (ทั้งๆที่ถ้าดูดีๆ เกือบทั้งเรื่องก็มีไม่ได้เห็นดีเห็นงามแต่อย่างใด เพียงแค่ตอนจบเป็นไปตามทางชีวิตส่วนใหญ่ที่ควรจะเป็น)
อันดับ 19
Burn After Reading
ปกติผมไม่ใช่คนที่ถูกจริตกับ หนังตลกร้าย ของพี่น้องโคเอน อาทิเช่น The LadyKillers ที่ดูไปหลับไป แต่จะชอบหนังแรงๆอาชญากรรมเข้มๆของพวกเขามากกว่า แต่ Burn After Reading เป็นเรื่องที่ดูแล้ว ฮา และ สนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อ ความงี่เง่าโง่ง่าวของตัวละครในหนังฉลาดๆ ถูกชักจูงด้วยความโลภ ความไม่รู้จักพอ ความไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี นำไปสู่ ความโกลาหลและจบลงอย่างขบขันแต่ขมขื่น เป็นหนังที่มีทีมนักแสดงที่เล่นเข้าขากันดีมากมายและบทหนังก็ กลมกล่อม หลายๆ
อันดับ 18
The Fall
อย่าเพิ่งเชื่อถ้ามีคนบอกว่าหนังเรื่องนี้มีดีแค่ ภาพสวย
จริงอยู่ว่า ภาพในหนังนั้นสวยสุดๆดุจดั่งมีจิตวิญญาณ คุ้มค่าความทุ่มเทกว่าเจ็ดปีของผู้กำกับที่ไม่ใช้ CG แต่ใช้ฝีมือกับใจรักหนัง ระดมทุนทำหนังเอง แต่ ภาพอย่างเดียวก็คงไม่สามารถสร้างความประทับใจได้เท่ากับ เนื้อหาที่หนังพูดถึง ความหมายของชีวิต ผ่านเรื่องเล่าของคนป่วยได้อย่างน่าสนใจ
เรื่องของคนสองคน ที่คนหนึ่งใช้นิทานเยียวยาบาดแผล และ อีกคนหนึ่งใช้มันเติมเต็มชีวิตที่ขาดหาย ก่อนที่ใครบางคนจะได้เรียนรู้ว่า คุณค่าของชีวิต ไม่ได้สิ้นสุดแค่อกหักหรือพิการ แต่ เราสามารถทำให้คนรอบข้างมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้ เพียงแค่ เรายังมีลมหายใจก็มากเกินพอ
รู้สึกดีมากๆที่ได้ดูในโรงหนัง เพราะกลับมาดูอีกรอบที่บ้านก็ยังไม่ได้อารมณ์อลังขลังเทียบเท่า
อันดับ 17
Lost ซีซั่น 4
ซีรี่ย์อาไร้ เริ่มต้นเหมือนจะมีสัตว์ประหลาดบนเกาะร้าง ที่ผู้โดยสารเครื่องบินตกไปติดเกาะ แต่ไปๆมาๆ กลับเล่าย้อนปูมชีวิตแต่ละคนไปสู่เรื่องราวที่น่าพิศวง สลับเรื่องราวของการต่อสู้ของ ความศรัทธา ,ศาสนา และวิทยาศาสตร์ แถมยังผสมผสาน ปรัชญาทางเลือกและ Free will , เรื่องราวหนังไซไฟ ฯลฯ ดูมึนๆมันส์ๆไปๆมาๆก็เข้าปีที่สี่แล้ว
เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นซีซั่น 4 ด้วยกันอย่าง Greys anatomy และ Desparate housewives หนังชุดเรื่องของคนติดเกาะ สร้างความประทับใจแซงหน้าผองเพื่อน กลับมาเป็นซีรี่ย์ที่ทำให้ผมติดงอมแงมได้อีกครั้งหลังจากซีซั่นก่อนดร็อปลงไป
วิธีการเล่าเรื่อง Flash Forward ตัดสลับ Flashback แทบทุกตอนในซีซั่นนี้ ต้องอาศัยสมาธิของคนดู และ เป็นการเล่าเรื่องแบบไม่สนแฟนใหม่ๆเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะแฟนๆเก่าอย่างผม ปลื้มเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอน The Constant ถือว่าเป็น ไฮไลท์ เป็นหนังสั้นชั้นเลิศ
หนังกลับมาทำให้ผมลงแดงได้อีกครั้งและซี้ดซ้าดในใจทุกทีที่มีเซอร์ไพรส์
อันดับ 16
Away from her
หนังรักของผู้สูงวัยเรื่องนี้ คงไม่สามารถชนะใจคนที่ไม่ชอบหนังรักเนือยๆ แถม เนื้อหายังเกี่ยวกับผู้ป่วยความจำเสื่อมอีกต่างหาก แต่ถ้ามีโอกาส อยากให้หามาลองดูสักครั้ง เพราะนี่คือหนังเกี่ยวกับอัลไซเมอร์ที่ดีเอามากๆ
คือ ทำการบ้านมาดีเหมือน Iris แต่เพิ่มความซับซ้อนและลึกซึ้งของเนื้อหาชวนติดตามมากกว่า อาจจะไม่ซึ้งกินใจเหมือน The Notebook แต่ดูจบแล้วกลับติดอยู่ในความทรงจำได้มากกว่า
หนังจะทำให้เราเข้าอกเข้าใจ ความรู้สึกของคนรอบข้างผู้ป่วยความจำเสื่อมได้มากขึ้น เข้าใจโรคได้มากขึ้น และ มองเห็น ความงดงามของความรักท่ามกลางเส้นทางชีวิตที่มืดมนตามความทรงจำที่ค่อยๆถูกลบเลือน
ความรักที่ตัวละครเลือกทำในตอนท้ายเป็นเหมือน การกระทำเล็กๆที่แสนยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับความร้าวรานใจในการที่ตัวเองไม่มีความหมายในสายตาของคู่ชีวิตอีกแล้ว
(บทความฉบับเต็ม เคยเขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับที่ 14)
อันดับ 15
Before the Devil Knows You're Dead
เรื่องมีอยู่ว่า พี่ร้อนเงิน น้องก็ร้อนเงิน ทั้งคู่จึงวางแผนปล้นร้านเพชรของพ่อแม่ กะว่าปล้นหลอกๆชิวๆใช้ปืนปลอมขโมยของไปปล่อย พ่อแม่ไม่เดือดร้อนเพราะจะได้เงินประกันตามมา แต่เหตุการณ์โอละพ่อจนเกินควบคุม
ดูหนังเรื่องนี้จบ ถ้าผมไม่อ่านข้อมูลของหนังก่อน ผมก็ไม่อยากเชื่อว่า ลีลาเล่าเรื่องสวิงสวาย หยอดความจัดจ้านย้อนไปย้อนมาแบบนี้ จะเป็น ฝีมือของผู้กำกับวัย 83 ปี เพราะผลงานชิ้นนี้ของ คุณปู่ Sidney Lumet อัดความตึงเครียดที่พึงจะมีในหนังดราม่าให้ออกมากระฉับกระเฉงและเข้มข้นถึงใจเป็นอย่างยิ่ง
บวกกับ การแสดงของสี่ตัวละครหลักที่พร้อมใจกันมาท๊อปฟอร์ม ทั้ง มาริสา โทเมอิ , ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมนน์ มาในบทพี่ชายของครอบครัวมีปัญหาเป็นเรื่องที่สองของปี, อีธาน ฮอว์ค กับบท น้องชายที่นิสัยยังไม่ยอมโต และ เมื่อถึงฉากสุดท้าย เชื่อได้ว่าหลายคนจะลืมภาพพ่อผู้อบอุ่นของ Albert Finney จากใน Big fish ไปโดยสิ้นเชิง
หนังสนุก ใช้จังหวะเชื่อมเหตุการณ์อย่างฉลาด และ มาริสา โทเมอิ ก็ โอ้วววววว ว้าวววววววว
(บทความฉบับเต็ม เคยเขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับที่ 18)
อันดับ 14
3:10 to Yuma
คริสเตียน เบลล์ ถอดชุดมนุษย์ค้างคาว เปลี่ยนตัวเองมาเป็น แดน อีวานส์ อดีตทหารผ่านศึกที่สูญเสียขาไปหนึ่งข้างจากสงครามกลางเมือง แล้วมาใช้ชีวิตเป็นเจ้าของไร่ขาเป๋อยู่กับภรรยาและลูกชาย
แดนติดหนี้ก้อนโต จึงตัดสินใจหาเงินด้วยการ เสนอตัวเป็นหนึ่งในทีมที่จะคุมตัว เบน เว้ด สิงห์ปืนไว จอมโจรที่ชื่อเสียงโด่งดัง ไปส่งที่สถานีรถไฟภายในเวลาบ่ายสามสิบนาที เพื่อนำตัวเบนไปตัดสินคดีและติดคุกที่เมืองYuma
ดูหนังเรื่องนี้จบ สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจ คือ การที่มีคนใจป้ำนำเข้า หนังแผ่นคาวบอยดีๆแต่เชื่องช้าอย่าง The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford แต่ หนังคาวบอยมันส์ๆแมนๆอย่างเรื่องนี้กลับไม่มีคนสนใจ ทั้งๆที่ตัวหนังมีองค์ประกอบแข็งแรงหลายอย่าง
เช่นเป็นผลงานของ ผู้กำกับ James Mangold ที่กราฟการงานพุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ Identity ไปสู่ Walk the line อีกทั้ง หนังก็ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ Elmore Leonard เจ้าพ่องานเขียนอาชญากรรมที่ฮอลลีวูดนิยมนำมาดัดแปลงเป็นหนังอย่าง Get Shorty หรือ Out of Sight
เท่านั้นยังไม่พอ การได้ คริสเตียน เบลล์ กับ รัซเซล โครว์ มาประกบคู่ในบรรยากาศขี่ม้าฝ่ากระสุนปืน ก็ถือว่าคุ้มค่า เมื่อร่วมกับฉากแอคชั่นสนุกๆมากมาย ทำให้ เป็นหนังที่ผมให้ นิยามสั้นๆสามคำคือ เท่ มันส์ และ แมน
ที่ผมชอบมากๆคือ หนังให้คำตอบได้เป็นอย่างดีว่า เราจะทำดีไปทำไม? ในเมื่อบางครั้งการทำชั่วมันง่ายยิ่งกว่า และ ผลลัพธ์ของการทำดีอาจตามมาด้วยการคว้าน้ำเหลว
(บทความฉบับเต็ม เคยเขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับที่ 18)
อันดับ 13
Tropic Thunder
ขอยกเหตุผลมาซัก 3 ข้อ จาก 8 ข้อ ที่ชอบหนังเรื่องนี้มั่กๆ
3. อยากดูหนังตลกที่มีบทดีๆ แต่ก็ไม่ต้องซับซ้อนหรือผูกปมทางจิตใจให้มากมาย ขอแค่ หัวเราะได้ โดยไม่ได้ใช้มุกตลกมาต่อๆกัน หรือ เน้นจุดขายแต่คาแรคเตอร์ของนักแสดงคนใดคนหนึ่งจนละเลยความเป็นภาพยนตร์
6. การแสดงที่แหล่ม เด็ดดวง โดดเด่น และ เรียกเสียงหัวเราะคนดูได้มากกว่า ตลกพันธ์แท้อย่าง แจ๊ค แบล็ค ในฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ที่เจ๋งยิ่งกว่า Iron man ที่เพิ่งผ่านพ้นจอไป ใครจะนึกว่าแกจะเล่นได้ ตลก มีมิติ และมีสไตล์ขนาดนี้ และ นี่เป็นหนึ่งในสิบบทบาทการแสดงที่ผมชอบที่สุดในรอบปี
8. เป็นหนังตลกที่ผมรู้สึก สนุกชะมัด ในรอบปี ให้อารมณ์เดียวกับ Enchanted ที่ดูของปีนี้ ตรงที่ ถึงแม้จะเป็นหนังคนละแนว แต่ทั้งคู่นั้น ความบันเทิงของหนังมีคุณค่ามากพอจะเปลี่ยนอารมณ์แย่ๆของวันให้เป็นรอยยิ้มตอนออกจากโรง โดยเราไม่คิดจะมานั่งหาจุดที่ต้องติติงในแง่ความเป็นหนัง
8 เหตุผลที่ ผมฯ เชียร์ให้ไปดู Tropic thunder หนังฮาอารมณ์ดีที่สนุกชะมัด //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=25-10-2008&group=14&gblog=109
อันดับ 12
Lars and the real girl
... เป็นหนังที่พล็อตสุดเริ่ด เมื่อหนุ่มโสดสุดหงิมนิสัยดีแต่มีนิสัยไม่กล้าสุงสิงสนิทกับใคร จู่ๆก็สั่งตุ๊กตายางมาเป็นแฟน แล้วพาไปไหนมาไหนด้วยเสมือนมีชีวิตจริง โดยไม่คิดที่จะมีกิจกรรมทางเพศกับตุ๊กตายางเหมือนคนอื่นๆที่สั่งมาเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
จากพล็อตที่ว่า หนังน่าจะออกมาเฮี้ยนๆ ป่วยๆ เหวอๆ แต่ปรากฏว่า หนังพูดถึงความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา และ ความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ ได้อย่างละมุนละไม ดูไปแล้วยิ้มอิ่มเอมเหมือนหนังเล็กๆปีก่อนอย่าง Little miss Sunshine
หนังเรื่องนี้พิสูจน์ฝีมือผู้กำกับและคนเขียนบทอย่างแรง เพราะเป็นตัวอย่างของหนังที่มีพล็อตเหวอๆและยากที่จะเป็นไปได้ แต่เมื่อผู้ริเริ่มโครงการมีความเข้าใจและแม่นยำในการนำเสนอ ย่อมทำให้คนดูคล้อยตามไปได้แบบไม่รู้สึกแปร่งๆหรือตะขิดตะขวงใจ
(บทความฉบับเต็ม เขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับล่าสุด)
อันดับ 11
Vicky Cristina Barcelona
เพื่อนสาวสองคนไปเที่ยวบาร์เซโลน่า คนหนึ่งเชื่อเรื่องรักเดียวใจเดียว อีกคนเชื่อตามอารมณ์นำพาไร้ซึ่งกรอบกฎเกณฑ์ให้มากมาย สองสาวไปพบชายหนุ่มมากเสน่ห์ที่ชวนไปตะลึงตึงตึ๊งกันสามคน แล้วความอลวนในหนังของวู๊ดดี้ อัลเลน ก็เริ่มต้นอย่างน่าสนใจ เพราะ นับตั้งแต่ Closer ก็ไม่มีหนังรักเรื่องไหนที่ได้ดูแล้วรู้สึกว่ามีประเด็นมุมมองเกี่ยวกับ ความรัก ที่น่าสนใจหรือเฉียบคม จนกระทั่งหนังเรื่องนี้
ปกติตัวผมเองไม่ค่อยไปดูหนังเทศกาลโดยจะรอดูจากผ่านหรือรอเข้ารอบปกติมากกว่า แต่เรื่องนี้กระฮือกระหอบฝากน้องตี้ คอหนังเทศกาล ไปซื้อตั๋วล่วงหน้า เป็นข้อยกเว้นเพราะ เพิ่งกลับจากเมืองในชื่อหนังสดๆร้อนๆเลยอยากไปซึมซับอีกซักรอบ ไปดูแล้วก็ไม่ผิดหวังแต่อย่างใด หนังคมคายทั้งตัวบท และ สาวๆแต่ละคนก็เล่นกันดีทีเดียว
ด้วยแง่มุมความรักที่หลากหลาย ทำให้อยากเขียนถึงมากและตั้งใจว่าจะเขียนถึงแน่ๆสักวัน
อันดับ 10
The chaser
หนังเกาหลี ที่มาในแนว ฆาตกรรม มักจะทำได้ดีเสมอ
เคยชอบ Memories of muder ผลงานของ ผกก. The Host ที่สร้างจากเรื่องจริงของ คดีฆาตกรรมฆ่าต่อเนื่อง ซึ่งให้อารมณ์เหมือนเป็นต้นแบบของ Zodiac คือ ไม่ได้เน้นว่า ใครคือคนร้าย แต่ แสดงให้เห็นสภาพจิตใจของนายตำรวจที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ และ ถูกฆ่าทางอ้อมจากผลงานของฆาตกร
เคยชอบสุดๆกับ Old Boy หนังที่เชื่อว่า คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะ แนว ได้ขนาดนี้อีก จากนั้น ก็ไม่มีหนังแอคชั่นหรือทริลเลอร์เรื่องไหนที่ทำให้รู้สึกว่า เจ๋งโพดๆ จนกระทั่งได้ดู The Chaser จบ
พระเอก เป็นอดีตตำรวจที่ออกจากงานมาเป็นนายหน้าหาผู้หญิงส่งเสี่ยๆ จู่ๆสาวในสังกัดหายไปทีละคนสองคน จนคนล่าสุด เมื่อรู้ว่า คนที่ว่าจ้าง เป็นคนๆเดียวกับ ที่เรียก สาวๆคนเก่าหายไป เขาเลยบอกให้เธอเข้าไปในบ้าน แล้ว เธอก็ถูกจับเป็นเหยื่อรายต่อไป
ถ้าเป็นหนังสูตรเก่าๆ เราก็จะเห็นการไล่จับผู้ร้ายอย่างเมามัน แต่หนังเรื่องนี้ค่อนข้างแหวกขนบการเล่าเรื่อง เมื่อผู้ร้ายถูกจับตั้งแต่ต้น สิ่งที่คนดูลุ้นคือ เหยื่อจะรอดหรือไม่ และ จะมีวิธีใดจัดการกับ ไอ้ตัวร้ายโรคจิตจอมกวน
บทหนัง รับไป ห้ากะโหลก สมแล้วที่ฮอลลีวูดซื้อไปรีเมค นักแสดงรับไปอีกห้ากะโหลกที่คนหนึ่งเล่นได้กวนโอ๊ยบวกร้ายสะใจส่วนพระเอกก็อารมณ์ร้อนได้ใจ หนังค่อยๆบีบคั้นคนดูและพาไปสู่ฉากสำคัญที่คาดไม่ถึงและขยี้คนดูอย่างสะใจในช่วงท้าย
ห้ามพลาดเด็ดๆ ถ้าพบเห็นหนังเรื่องนี้ตามแผง
อันดับ 9
Wonderful Town
หลายคนอาจจะขยาด เพราะเห็นเป็นหนังประเภทออกฉายตามงานเทศกาลหนัง แล้วกลัวว่าตัวหนังจะออกมาแอ๊คอาร์ตขนาดปีนบันไดดู ทั้งที่จริง หนังดูง่าย เพียงแค่ จังหวะของเรื่องออกจะเนิบนิ่งตามสไตล์หนังยุโรปหรือหนังเกาหลีประเภทฝีมือเฮอจินโฮ และ ทิ้งช่องว่างให้คนดูได้ขบคิดต่อ
ซึ่งหนังไทยสไตล์นี้เท่าที่เคยมีและเข้าฉายในโรงใหญ่ คงมีแต่หนังของ เป็นเอก เป็นเพียงคนเดียวที่เราได้เห็นผลงาน แต่เทียบกับงานอย่าง invisible wave ของเป็นเอก ผมชอบเรื่องนี้มากกว่า
ตอนแรกนึกว่าเป็นหนังรักโรแมนติก อันเกิดร่วมกับ การฟื้นฟูเยียวยาจิตใจหลังสึนามิพัดกระหน่ำ เพราะ ครึ่งแรกของหนังมันช่าง โรแมนติกเป็นธรรมชาติ สมกับ ดนตรีประกอบและบทเพลงของธีร์ ไชยเดช
แต่พอครึ่งหลัง ที่ดนตรีประกอบออกมาวังเวง ไม่น่าไว้วางใจ ปานประหนึ่งเพลงของ Portishead เนื้อเรื่องของหนังก็เริ่มดำดิ่งลงไปสู่ความจริงที่ถูกซ่อนไว้ที่เปลี่ยนโทนหนังให้ค่อยๆมืดหม่นลง
ก่อนจะปิดฉากลงแบบ เด็ดขาด และ อาจทำให้คนดูขนลุกได้ พร้อมๆกับภาพ ความงดงามของเมืองผ่านเด็กสองคนในชุดชมพู ปิดท้ายเรื่อง สมชื่อหนัง wonderful town ที่เมืองนั้นยังคงงดงาม แต่จิตใจคนที่ชั่วร้ายก็ยังอยู่อาศัยในที่เดียวกัน
อันดับ 8
No Country for Old Men
ดูตัวอย่างหนังเห็น เกมส์ไล่ล่าของคนสองคน ยังนึกไม่ถึงว่ามันจะเกี่ยวกับชื่อหนัง No Country for Old Men ได้อย่างไร แต่เมื่อหนังจบลง ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า
เกมส์ไล่ล่าของคนสองคน เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในโลกของนายอำเภอวัยชรา ที่ถูกพี่น้องโคเอน นำเสนอออกมาอย่างมีชั้นเชิง ทั้งเก๋าและหนักแน่น จนทำให้หนังเรื่องนี้เป็นได้มากกว่า หนังแอคชั่นทริลเลอร์เกรดเอที่ให้แค่ความบันเทิงแบบจบแล้วจบกัน
ทุกองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ล้วนสมบูรณ์แบบ และ ติดตรึงในความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็น ฉากไล่ล่าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้กำกับคุมอารมณ์คนดูได้อยู่หมัดจนแทบจะหยุดหายใจ , การกำกับภาพที่ถ่ายทอดความรุนแรงได้ดิบแต่งดงาม , วิธีการเล่าเรื่องแบบ ไม่เล่า ทิ้งให้จินตนาการคนดูทำงานทดแทนก็ได้ผล และ การแสดงของ Javier Bardem ก็ส่งให้บทบาท วายร้ายที่น่าสะพรึง คนนี้ขึ้นหิ้งไปอีกนานแสนนาน
หากเทียบ Atonement ว่ามันกัดกินหัวใจและถ่ายทอดด้วยการโชว์เทคนิคมากมายอย่างน่าตื่นตาตื่นใจด้วยฝีมือคนรุ่นใหม่ไฟแรง No country for old men ก็ปั่นป่วนความคิดและค่อยๆทำให้ความรู้สึกหดหู่ดำดิ่งลง ผ่านการนำเสนอของคนรุ่นเก่าที่เน้นการโชว์เหมือนกัน เพียงแค่ไม่ได้ใช้ความแพรวพราว แต่เน้นความเก๋าและเข้าเป้าหนักแน่นแม่นยำ
ดังนั้น ถึงผมจะรัก Atonement มากมายแค่ไหน ก็ไม่กังขาแม้แต่น้อยหากรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จะไปอยู่ในมือของ คนชราที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ คนนี้
ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (1) , No Country for Old Men //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=23-02-2008&group=14&gblog=73
อันดับ 7
Kung Fu Panda
... ข้อดีที่ Kung fu panda มีมอบให้คนดู คือ การสอดแทรกปรัชญาทางฝั่งตะวันออกเข้าไปในหนังการ์ตูนฝรั่งๆได้แบบไม่ขัดเขิน เราจึงเห็น คอนเซ็ปท์ตะวันออกแท้ๆอย่าง วิทยายุทธขั้นสูงสุดคือไร้วิทยายุทธ ประเภท กระบี่อยู่ที่ใจ อยู่ผสมกับ คำคมภาษาฝรั่งดีๆที่ดัดแปลงปรัชญาฝั่งตะวันออกอย่าง Yesterday is History, Tomorrow is Mystery, Today is a gift that is why its is called 'Present' ได้อย่างกลมกล่อม
งานด้านภาพไม่ได้ถึงขั้นตื่นตะลึง แต่ งานออกแบบฉากต่อสู้ เลิศมาก ทำให้หนังไม่ออกมาเป็น ฝรั่งกระแดะแตะกังฟู แต่เป็น ฝรั่งที่ทำการบ้านเกี่ยวกับกังฟูมาดี และ ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมตัวเองได้ลงตัว กังฟูในหนังเรื่องนี้ไม่หน่อมแน้ม ฉากแอคชั่นทั้งหลายจึงสนุกตื่นเต้น อาจจะมากกว่า หนังกังฟูคนเล่นหลายๆเรื่องเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ ฉากต่อสู้บนสะพาน ตื่นตาตื่นใจดีแท้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเหลือเกิน คือ ผู้กำกับ เล่าเรื่องหนังออกมา หนุกมากกกกกกกกก
มุกตลกในหนังเวิร์ค เรียกเสียงฮามาเป็นระยะๆไม่ขาดสาย ยิ่งตัวหนัง สร้างแต่ละคาแรคเตอร์ได้แข็งแรง มีตัวตนให้จับต้องได้ มีเสน่ห์ทั้งสีหน้าท่าทางและบุคลิกนิสัย ยิ่งทำให้คนดูรัก โพ / พ่อของโพ / อาจารย์ / ปรมาจารย์เต่า ได้อย่างเต็มหัวใจ (เสียดาย ที่ ห้าศิษย์เอก ยังมีเสน่ห์น้อยไปนิด)
ในแง่หนังดีอาจไม่ได้ถึงระดับ Ratatouille หรือ อาจไม่ได้แฝงข้อคิดคมคายเช่นเดียวกับแอนิเมชั่นของปีนี้อย่าง Horton Hears a Who! แต่เมื่อเทียบความสนุกแล้ว Kung fu panda ชนะเลิศศศศศ
เชียร์ให้ไปดู หมาแพนดี้ ตีลังกา ใน Kung fu panda (หนุกมากกก) + The Incredible Hulk ดูเอามันส์ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=18-06-2008&group=14&gblog=98
อันดับ 6
Wall-E
ถ้าผมเป็นคนจัดงาน วันสิ่งแวดล้อมโลก เริ่มต้นผมจะฉายหนัง An inconvenienth truth ถัดมาจะต่อด้วย Wall-E ก่อนจะปิดงานด้วย The Happening ทั้งสามเรื่องสามารถแปะ ฉลาก กรีนพีซ ไว้ที่หน้าปกดีวีดี วางขายเป็นแพ็กเก็จเดียวกันได้เลย ช่วงเวลาที่ผมชอบที่สุดใน Wall-E คือ ช่วงเวลาบนโลกที่แห้งแล้ง อ้างว้าง ไร้บทสนทนา เป็น ความกล้าบ้าบิ่นที่ผู้สร้างหนังแอนิเมชั่น ช่างกล้าใส่ เหตุการณ์เหล่านั้น ลงไปในหนังสำหรับเด็ก
และ ในเวลาเดียวกัน ก็ฉายความเก่งกาจของผู้กำกับ ที่สามารถทำให้ ภาพและmessageคล้ายๆกันที่เคยเป็น ความน่าเบื่อสำหรับคนส่วนใหญ่ใน 2001: A Space Odyssey กลายมาเป็น ความบันเทิงสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ดี ท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮาในความน่ารัก message ที่อยู่ข้างใต้หนังเรื่องนี้ ล้วนเป็น ความจริงที่หัวเราะไม่ออกของโลกที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะครึ่งหลังที่หนังสะท้อนภาพ มนุษย์ ที่สูญเสีย ความเป็น มนุษย์ ไปโดยสิ้นเชิง Wall-E เป็นหนังที่มีองค์ประกอบของหนังรัก หนังคลาสสิค หนังอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และ หนังไซไฟที่ฉายความเป็นมนุษย์ที่น่าเป็นห่วง โดยทั้งหลายทั้งปวงผสมให้กลมกล่อมอยู่ภายใต้ภาพแอนิเมชั่นที่น่ารักสนุกสนาน
อันดับ 5
Enchanted
มีหนังอยู่ชุดหนึ่ง ที่ผมจัดอยู่ในกลุ่มหนัง วิตามินใจ เอาไว้หยิบมาดูในวันที่กังวล เครียด หงุดหงิด หดหู่ มีเรื่องไม่สบายใจ ฯลฯ ปีก่อนผมเพิ่มหนังเรื่อง Musics and lyric กับ Stardust ไว้ในลิสต์ มาวันนี้ผมได้โอกาสเพิ่มรายชื่อ Enchanted เข้าไปในลิสต์อีกหนึ่งเรื่อง
นี่เป็นเรื่องแรกของ ดีสนี่ย์ ที่ผมสังเกตว่า ช่างกัดช่างล้อเลียน ความเป็น Disney ของตัวเองได้อย่างเต็มๆ ไม่กระมิดกระเมี้ยน และ กัดได้ดีมีชั้นเชิงไม่แพ้ Shrek
ดูหนังเรื่องนี้เหมือนได้ดูหนังแบบ 3 in 1 มีทั้งเริ่มต้นเป็น แอนิเมชั่น ช่วงถัดมากลายเป็น หนังโรแมนติกคอมิดี้ โดยสอดแทรกฉากมิวสิคัลราวกับเป็น หนังเพลง อยู่เป็นระยะๆ นี่คือหนังที่ผสม ความเป็นเทพนิยาย และ ความเป็นดีสนี่ย์ ได้อย่างเต็มอิ่ม ทั้งหยิบสไตล์มาล้อเลียนได้อย่างแหลมคม และ หยิบตัวพล็อตจากเรื่องนั้นเรื่องนี้มาดัดแปลงให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างชาญฉลาด
นี่คือหนังที่ดูไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เป็นหนังเหมาะเหลือเกิน ในวันที่ไม่รู้จะยิ้มให้กับใคร หรือ ในวันที่รู้สึกว่าไม่มีใครยิ้มให้กับเรา เพราะเมื่อหนังจบเราก็จะรู้สึกว่า โลกใบนี้ยังหันมายิ้มให้ และ ทำให้เรา พร้อมจะมองข้ามความบกพร่องใดๆถ้าหนังจะมี
ผมเดินเข้าโรงหนังพร้อมความรู้สึกหนักใจกับปัญหาส่วนตัว แต่เดินออกมาได้พร้อมรอยยิ้มและเปี่ยมสุขจากที่ไม่เคยมีในรอบสัปดาห์
หน้าที่ของหนังเรื่องหนึ่ง หากสามารถทำได้มากขนาดนี้ จะไม่หลงรักได้อย่างไร
Enchanted , ในวันที่ไม่รู้จะยิ้มให้กับใคร ในวันที่ไม่มีใครยิ้มให้กับเรา //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=31-01-2008&group=14&gblog=66
อันดับ 4
There will be blood
There will be blood ค่อยๆเจาะลึกเปิดเปลือก ความชั่วร้ายของมนุษย์ ผ่านตัวละครนำสองคน คนหนึ่งใช้ ศรัทธาบังหน้ามาหากิน ส่วนอีกคนใช้ ความเป็นครอบครัว เป็นอาวุธ เพื่อเดินทางไปให้ถึงเป้าหมาย
There will be blood เป็นหนึ่งในหนังที่ต้องใช้ความอดทนในการติดตามสำหรับคนที่ไม่ชินกับหนังที่ดำเนินเรื่องอย่างเนิบนิ่ง เพราะแค่สามสิบนาทีแรกที่ไร้บทสนทนาก็อาจจะพาให้บางคนหลับสนิทไปเสียก่อน
แต่หากมาพร้อมกับมีสมาธิเพียงพอ จะพบอัจฉริยภาพของ Paul Thomas Anderson ผู้กำกับหนุ่มที่โชว์ทักษะการเล่าเรื่องขั้นอ๋องในการร้อยเรียงภาพนิ่งๆของหุบเขา --> ภาพเหตุการณ์ขุดเจาะน้ำมัน --> เสียงดนตรีประกอบควบคู่ไปกับความเงียบตามด้วย เสียงเด็กร้อง
สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ขับเคลื่อนตัวละครกับเรื่องราวไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง และทำให้เราไม่อยากจะคลาดสายตาเพราะกลัวว่าจะพลาดอะไรไป
เสียงพิมพ์ดีดสลับดนตรีประกอบใน atonement ว่าเจ๋งแล้ว แต่เสียงดนตรีประกอบใน There will be blood ก็เจ๋งไม่แพ้กัน ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่หนังแช่กล้องไว้ที่หุบเขาแล้วเปิดดนตรีให้อารมณ์หลอนจนนึกว่านั่งดูซีรี่ส์ Lost
ดนตรีประกอบในหนังเรื่องนี้ไม่ได้ไพเราะ แต่ ทั้งหลอน ทั้งชั่วร้าย และ แทนจิตใจตัวละครได้ดีเลิศ (ความเกรี้ยวกราด ความไม่น่าไว้วางใจ ฯลฯ) มิหนำซ้ำยังช่วยสนับสนุนอารมณ์ของเหตุการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม (เช่น ฉากอุบัติเหตุที่แท่นขุดเจาะ)
จุดเด่นในตัวหนังไม่ใช่แค่เสียง แต่ การกำกับภาพก็น่าประทับใจเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะฉากแท่นขุดเจาะระเบิดทำออกมาดูสมจริงและน่าตื่นตะลึงมากๆ
เป็นหนังที่ทรงพลังมากที่สุดของปีที่ผ่านมาที่ได้ดู
ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (2) , There will be blood //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=02-2008&date=26&group=14&gblog=74
อันดับ 3
The Diving Bell and the Butterfly
หนังเรื่องนี้รวบรวมทุกองค์ประกอบชั้นดีมาช่วยส่งเสริมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกดนตรีกับเพลงประกอบที่ลงตัวเหมาะกับภาพตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง หรือจะเป็น ความงามของการถ่ายภาพ และ การนำโจทย์จากตัวอักษรมาเปลี่ยนเป็นภาพของจริง
เช่น ภาพชุดประดาน้ำที่ดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ และ ภาพดักแด้ลอกคราบออกมาเป็นตัวผีเสื้อ เป็น ความงามที่งอกเงยออกมาจากหนังสือที่เติมเต็มจินตนาการคนดูได้ครบถ้วนสมบูรณ์
อีกจุดที่น่าชื่นชม คือ การเลือกสัญลักษณ์ที่มีความหมายแทน message ที่ต้องการนำเสนอ สื่อออกมาได้งดงามแบบไม่ทำให้คนดูรู้สึกถูกยัดเยียด เช่น ฉากภูเขาหิมะทั้งสองฉาก
ทำให้เห็นว่า ถึงจะเจ็บป่วย จะล้มเหลว จะสิ้นหวัง เพียงใด สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำลาย คุณค่าชีวิตและ ความเป็นมนุษย์ของเรา ให้สูญสลาย ขอเพียงเรายังยึดความเป็นมนุษย์ภายในตัวเราไว้ให้มั่น เหมือนที่เพื่อนของ Jean-Do บอกว่า Hold fast to the human inside of you, and you'll survive.
The Diving Bell and the Butterfly เป็นยาดีสำหรับช่วยเพิ่มกำลังใจ ในวันที่ท้อแท้สิ้นหวัง เป็นงานศิลปะที่ดีที่มีทั้งความงดงามจากตัวภาพยนตร์และเนื้อหา และ ยังเป็น ครูที่ดี ที่สอนให้เราได้รู้ถึง ความหมายและคุณค่าของการมีชีวิต
(บทความฉบับเต็ม เคยเขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับที่ 16)
อันดับ 2
Atonement
Atonement คือหนังที่งดงามและแพรวพราวด้วยลูกเล่นในการเล่าเรื่อง ของความรักท่ามกลางทะเลความผิดบาปในใจคน
ผมเคยทึ่งกับฉากงานเต้นรำของ ผกก.โจ ไรท์ ใน Pride and prejuidice ซึ่งถ่ายทำได้อย่างอัศจรรย์ แต่ใน Atonement มีการโชว์ของที่ทำให้ทึ่งมากกว่าหนึ่ง และ เป็นการโชว์ของแบบไม่โดดเด้งเกินตัวหนัง กลมกลืนไปด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของผู้กำกับ
ซึ่ง ลูกเล่นที่ผมชอบ เช่น
- วิธีเล่าเหตุการณ์ซ้ำสอง แบบไม่เตือนไม่อะไรแต่เล่าต่อๆกันเลย เพื่อเล่นสนุกกับ Perception ของคนดูกับตัวละคร ชนิดดูจบแล้วมานั่งคิดย้อนหลังก็ยังสนุกอยู่
- ฉากลองเทคริมหาด ที่ไม่รู้ตัวมาล่วงหน้า พอตัวละครเดินไปเรื่อยๆ โอ้ สุดยอด ฉากนี้สร้างมาเพื่อโชว์โดยแท้และก็เป็นลองเทคที่น่าทึ่งยิ่งนัก สำหรับการคุมคนจำนวนมากในลานกว้างๆแบบนี้
- การเล่าเรื่องกระโดดข้ามช่วงเวลาไปมา ชนิดใจกล้าข้ามแบบไม่เกรงใจคนดู แต่ก็ทำออกมารู้เรื่องดี
- การเล่นสี ที่ค่อยๆสดขึ้นเรื่อยๆ จาก สีสันชวนฝันในครึ่งแรกไปสู่สีแดงที่สดมากขึ้นจนแดงฉานทั้งผ้าม่านและองค์ประกอบรอบๆ
- เสียงพิมพ์ดีด ที่รุกเร้าตามความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร และ แอบซ่อนความหมายบางอย่างที่ดูจบแล้วกลับมาตีความได้อย่างน่าสนใจ ถึงบางสิ่งที่เราอาจเผลอเข้าใจผิดไปทั้งหมด
-จังหวะเล่าเรื่องแบบมีทิ้งช่วง มีเร่งกระชั้น สลับไปมาเหมือนนักดนตรีที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาเวลาเล่นดนตรี และ ผู้กำกับสามารถเอาหนังตัวเองได้อยู่หมัด
ฯลฯ
... เหนือกว่าสิ่งใด ผมรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้ถึงจะร้าวรานแต่ก็ งดงามเหลือเกิน เฉกเช่นเดียวกับ ความรู้สึกที่ได้ดูหนังอย่าง Finding neverland หรือปีก่อนก็เป็น The Fountain กับ The Lives of others
หนังเหล่านี้ไม่ได้งดงามจากการถ่ายภาพหรือวิวทิวทัศน์ แต่เป็น ความงดงามจากทุกๆองค์ประกอบของหนังที่เบ่งบานในหัวใจคนดู
(บทความฉบับเต็ม เคยเขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับที่ 11)
อันดับ 1
The Dark Knight
สมบูรณ์แบบ คือคำนิยามแรกที่ผุดขึ้นมาหลังดูหนังจบ เป็นคำนิยามที่ขอยกให้เป็นเรื่องที่สองของปี ถัดจาก No Country for old men ที่ทุกๆองค์ประกอบในภาพยนตร์แทบจะไร้ที่ติ The Dark Knight เปลี่ยน Batman จาก หนังแฟนตาซีสำหรับครอบครัว มาเป็น หนังดราม่า-แอคชั่น-อาชญากรรม ที่อาศัยคราบไคลของ เครื่องแบบ เป็นเครื่องประดับ แต่เนื้อแท้ภายใน ปอกเปลือก ความเป็นมนุษย์ และ สังคม ได้อย่างถึงแก่น อารมณ์ของหนังช่างหนักหน่วงกดดันประมาณ Heat ของ ไมเคิล มานน์ และ การแสดงระดับสุดยอดในบทที่เขียนมาอย่างดี ก็ทำให้การเชือดเฉือนของ Batman VS. Joker ช่างเข้มข้นชวนติดตาม ได้อารมณ์ประมาณตอนดูสองคนสองคมที่เหลี่ยมใกล้เคียงอย่าง Infernal affairs ความสำเร็จที่ได้ หลายคนวิเคราะห์ว่า มีผลมาจาก การจากไปของ ฮีธ เลดเจอร์ ซึ่งนั่นก็เป็นจริง หากแต่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ต่อให้ตัดปัจจัยการแสดงระดับสุดยอดของฮีธทิ้งไป ผลลัพธ์ส่วนที่เหลือของหนังก็ยังอยู่ในระดับยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการกำกับและเขียนบทของพระเอกตัวจริงอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน วิสัยทัศน์ของผู้กำกับ ที่ ฉีกภาพ โจ๊กเกอร์ ให้ต่างไปจากภาพคุ้นตา , ใส่ชะตากรรมที่คาดไม่ถึงให้หนึ่งตัวละคร , ดึงซูเปอร์ฮีโร่ให้ลงมาสัมผัสความเจ็บปวดเฉกเช่นคนธรรมดา และ สร้างบรรยากาศ ภัยก่อการร้ายได้อย่างน่าครั่นคร้าม คือ จุดเด่นที่ ทำให้หนังเรื่องนี้ยกระดับมาตรฐาน Batman ให้อยู่เหนือกว่าทุกๆภาคที่เคยสร้างมา เหนือกว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่ส่วนใหญ่ที่ดำเนินเรื่องตามสูตรสำเร็จที่ใกล้เคียงกัน The Dark Knight คู่ควรกับการเสนอเข้าชิงรางวัลตามเทศกาลต่างๆ ทัดเทียมหนังเรื่องอื่นๆที่เคยได้ขึ้นเวที หากเพียงกรรมการไม่ยึดติดฝังใจว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่คือหนังตลาดๆที่มีค่าแค่ไล่ล่าสถิติรายรับตามบ็อกซ์ ออฟฟิส
(บทความฉบับเต็ม เคยเขียนลงนิตยสาร Filmax ฉบับที่ 15)
ทั้งหมดนี้คือ 5 หนังไม่ชอบ + 50 หนังชอบของผมฯ
แล้ว คุณ ชอบหรือไม่ชอบหนังเรื่องไหน ในปีที่ผ่านมา บ้างครับ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
ขอบคุณครับ ที่ติดตามอ่านอยู่เป็นเพื่อนและกำลังใจให้ จขบ. มาตลอดทั้งปี แล้วปีนี้มาคุยกันต่อนะครับผม
Link อันดับประทับใจประจำปี ของปีที่ผ่านๆมา
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2007
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2006
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2005
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2004
สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com
พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}
(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)
ปีนี้ ผมอยู่ข้างหลังคุณ ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า
เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป
และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา
"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง
มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม
ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก
พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก
เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date : 08 มกราคม 2552 |
Last Update : 9 มกราคม 2552 20:23:35 น. |
|
22 comments
|
Counter : 9533 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: terbal IP: 58.8.97.193 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:14:39:47 น. |
|
|
|
โดย: McMurphy วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:15:57:52 น. |
|
|
|
โดย: TaBB IP: 203.144.131.123 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:16:23:08 น. |
|
|
|
โดย: เทราโอะ วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:17:41:20 น. |
|
|
|
โดย: jintean IP: 125.25.50.118 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:17:54:47 น. |
|
|
|
โดย: บอล IP: 222.123.223.32 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:18:52:58 น. |
|
|
|
โดย: เข็มขัดสั้น IP: 117.121.208.2 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:19:46:02 น. |
|
|
|
โดย: manus IP: 204.169.81.248 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:21:29:00 น. |
|
|
|
โดย: ถั่วน้อย IP: 130.101.15.20 วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:22:39:16 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.120.41 วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:3:08:18 น. |
|
|
|
โดย: littlereddevil16 IP: 58.97.1.218 วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:9:01:21 น. |
|
|
|
โดย: Noogaab IP: 58.147.74.4 วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:13:44:01 น. |
|
|
|
โดย: DTRY IP: 203.107.204.199 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:1:03:49 น. |
|
|
|
โดย: บอล IP: 117.47.98.229 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:8:27:17 น. |
|
|
|
โดย: aou_di IP: 58.9.120.124 วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:21:35:59 น. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:22:06:39 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:17:39:37 น. |
|
|
|
โดย: bua ja ^^ IP: 202.47.238.132 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:12:47 น. |
|
|
|
โดย: angpang IP: 202.176.81.127 วันที่: 25 มีนาคม 2552 เวลา:13:38:19 น. |
|
|
|
โดย: เซ็งจิต IP: 124.121.48.252 วันที่: 15 มกราคม 2554 เวลา:9:16:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
- ลัดดาแลนด์ , ความหมายที่มากกว่าคำว่า'บ้าน' และ ความทะเยอทะยานของผีตุ้งแช่
- Scream 4 - หวีดไปยิ้มไป แล้วจำให้ขึ้นใจว่า "Don't **** with the ******** "
- 5 หนังตัวอย่างกระชากใจ+ 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2010 by "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2010 by "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Tron Legacy (3D) คุณป๋านั่งสมาธิ พิชิต โลกดิจิตอล
- Easy A - บทเรียนจากเด็กสาวที่ใครๆก็พูดถึงเธอว่า 'อีนี่ ... แร๊งงงส์'
- The Social Network - 10 ความในใจที่อยากเขียนถึงหนังของ น้องมาร์คช่างซัก(เกอร์เบิก)
- 7 ข้อ ที่มักเกิ้ลอย่างข้าพเจ้าขอ ปลื้มบ้าง บ่นบ้าง อะไรบ้าง กับ Harry Potter ภาค 7.1
- Let me in - จาก อีลี่ สู่ แอ๊บบี่ [รีเมคเปลี่ยนอารมณ์แต่เราชม(แล้ว)ชอบ]
- 9 ข้อ ที่ขอชมบ้างบ่นบ้างอะไรบ้างถึง อินทรีแดง
- น้ำตาลแดง + Piranha 3-D , ภาพยนตร์อุดมโปรตีนที่สะท้อนปัญหา เรตหนัง ของบ้านเรา
- Day & Night & Toy Story 3 คืนวันที่ผันผ่าน กับ วันวานและความผูกพัน
- บุญชู จะอยู๋ในใจเสมอ + สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า...รัก - งานชิ้นแรกของผกก.(ซูโม่+เสนา)ที่น่าจับตามอง
- Salt , ยอดหญิงชื่อ สินเธาว์ (ฉลาดเป็นกรด - อดทนเป็นคนเหล็ก - เซ็กซี่เป็นหลัก - รักสามียิ่งชีพ )
- The Girl with the Dragon Tattoo , ฆาตกรอยู่ในหมู่พวกเรา ขอเอา'รอยสักมังกร'เป็นเดิมพัน
- The Last Airbender - ความในใจถึงมาโนช
- The Sorcerer's Apprentice , พ่อมด + ดิสนี่ย์ + เบย์ = สนุกดีแต่ก็เบๆ
- คู่มือดูหนัง : Inception (ฉบับตะกอนฝัน) + Memento (วิธีใช้รีโมทเพื่อถอดรหัส)
- The Science of Sleep + Mulholland Dr. , สุขใจแต่ในฝัน (เกาะกระแส Inception)
- Inception , โลกลวงที่งดงาม หรือ ความจริงที่เจ็บปวด (ฉบับ ฝันชั้นสอง )
- Predators - การกลับมาของ ไอ้หนุ่มผมยาว
- เมื่อข้าพเจ้าขอคุยถึง (หนัง)โนแลน และ Inception
- เรื่องรักของน้องหล้า ใน Eclipse และ 11 ประการที่อยากพูดถึง Twilight 3
- The Karate Kid - อีกหนึ่งหนังสูตรสำเร็จที่ประสบความสำเร็จในความสนุก
- StreetDance 3D - หนังเต้นเมืองผู้ดี เต้นๆสนุกดี สามดีเนียนตาจริง
- ลุงบุญมีระลึกชาติ - เมื่อข้าพเจ้าไปเยี่ยม ลุงบุญมีฯ ที่โรงหนัง
- Knight & Day - อีธาน ฮันต์ เวอร์ชั่น กระโดดบนโซฟาโอปร่าห์ & นางฟ้าชาร์ลี เวอร์ชั่น รั่ว
- The Message หนังสืบสวนดีๆ สำหรับคอคินดะ โคนัน อกาธ่า มาสืบหาว่าใครคือคนทำ
- The A-team - มันโคตรจะเว่อร์ เว่อร์โคตรจะมันส์
- Prince of Persia ความสนุกพอไปได้สไตล์ดีสนีย์ ของ เจ้าหญิงวุ่นวายและเจ้าชายชอบกระโดด
- The Ghost writer - ยวน 'เคนโนบี' VS. เพียซ 'บอนด์'แน่น by โปลันสกี้
- Sex and the city 2 - ความในใจ 10 ข้อเกี่ยวกับ sex และ ข้าพเจ้า
- Killers - กึ๊กๆกั๊กๆยึกๆยักๆ กับ เรื่องรักของนักฆ่า
- โป๊ะแตกฯ - จุดอ่อนจากการที่ไว้ใจ(หม่ำ) คือโดนทำร้ายให้เสียเงิน
- I Love You Phillip Morris
- จากใจคนรักหนัง ถึงโรงหนังสยาม
- The Losers
- SHREK 4 (3D)
- Ip Man + Ip Man 2 , ฮึกเหิม เร้าอารมณ์ ผสม ความมันส์แบบยิบๆ
- Robin Hood , จากหนังแอคชั่นฮีโร่ สู่ หนังประวัติศาสตร์การเมืองและเรื่องเล่าของชายชื่อโรบิ้น
- A Nightmare on Elm Street , การกลับมาของพี่นิ้ว
- จาก Hotel Rwanda ถึง Agora , หนังดีที่คนไทย(ตอนนี้)ควรดู
- Gran Torino , เก๋าแค่ไหนก็เจ็บเป็น
- Chloe
- Kick Ass , 5 ข้อ ที่ขอเชียร์หนังเรื่องนี้
- Shutter Island
- Date night
- บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน(พ่อสอนไว้) , หนังครอบครัว(ของไทย)ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- Green Zone , หนังแอคชั่นที่ยืนยันว่า "พอล กรีนกราสส์ คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ !!!!!"
- Alice in Wonderland , อลิซในดินแดน'ทิม เบอร์ตั้น' เวอร์ชั่น เมายา
- เกาะกระแส ชวนคุยกันถึงหนัง(ออสการ์ 2009) ที่ได้ดู: ถ้าออสการ์อยู่ในมือคุณ คุณจะยกให้กับใคร
- WHO ARE YOU? , ขึ้นต้นดูดีเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนตอนจบก็หมดกัน
- Movie and Me :: 50 หนังประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอนจบ)
- Movie and Me :: 50 หนังประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอน 1)
- Movie and Me :: 10 ฉากประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me :: 10 ตัวละครประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me :: 8 ตัวสำรอง หนังดี(วีดี)ถูกใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Bolt + Marley and Me , เรื่องของ คนรักน้องหมา
- Chuck + Duplicity , Partnership is Trust
- Avatar , นาวีที่รอคอย + แพนโดร่า มาหานะเธอ
- 2 ข้อที่ว่าด้วย 'ปรากฎการณ์ ทไวไลท์ อะไรกันนักหนา ?' + 8 ข้อที่อยากพูดถึง New Moon
- 2012 , 12 + 1 ข้อที่อยากพูดถึง 2012
- เฉือน , ว่าด้วย โศกนาฏ-ฆาตกรรม ในหนังไทยที่ดีที่สุดของปี + 3 เคล็ดลับเพิ่มรายรับให้ 'เฉือน'
- Pandorum , ความจำสั้น แต่ ฝันร้ายยาว
- A Prophet , ตามติดชีวิตคนคุก(จากเมือง)คานส์
- ฝันโคตรโคตร , จากซิกส์แพ็คและหน้าตา มาสู่ ก้าวที่กล้า กับ ความกล้าที่สร้างสรรค์ของ'หนังพิง'
- 5 แพร่ง , 3 แพร่งที่ชอบ กับ 2 แพร่งที่เฉย
- The Final Destination (4) , สิ่งเดียวที่คุ้มค่า คือ เนื้อสันในตับไตไส้พุงพุ่งเข้าตา
- Inglourious Basterds , ความเด็ด 7 ประการที่ผมปลื้ม ก๊วนไอ้ตัวแสบ กับ นักล่ายิว
- บุปผาราตรี 3.2 , โถ บุปผา หนูปิดฉากลาไปพร้อม 'ความน่าผิดหวัง' ทั้งๆที่หนูมี 'ของดี'
- จีจ้า ดื้อสวยดุ , ว่าด้วยความจั๊กจี้และผิดหวังของหนังจีจ้า
- Changeling + Taken , ลูกฉันอยู่ไหน ?
- สามชุก , ไม่ได้น่าดูเพราะ'เจตนาดี-มีบทเรียน แต่น่าดูเพราะ 'หนังดี-กินใจ-เข้าใจคน'
- The Hangover , สนุกเฮฮาบ้าบอลามกสะบักสะบอม
- The Taking of Pelham 1 2 3 , เร่งเครื่องสะใจ แต่แผ่วปลายง่ายเหลือเกิน
- หนีตามกาลิเลโอ , ถึงภาพรวมจะผิดหวัง แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ชื่นชม
- Public Enemies , ขวัญใจประชาชน โจรปล้นธนาคาร ไมเคิล มานน์ (เจ้าพ่อหนังอาชญากรรม)
- Harry Potter and the Half Blood Prince , โลกใบใหม่ของ 'หนังแฮรี่'
- Partly cloudy + Up , ว่าด้วย ชีวิต , ความทุกข์ , ความรัก และ การเดินทางของ ปู่ซ่า กับ ด.ช.ฮะโหน่ง
- Wall-E , เมื่อ หุ่นยนต์ สอน คน ให้มี หัวใจ
- Evil dead + Drag me to hell , ไปๆ ไปลงนรกเสียเถิดที่รัก
- Terminator Salvation , คนเหล็กภาคเฉพาะกิจ กับ ภารกิจ 'พ่อตรูอยู่ไหน + ฉันเป็นใครเมื่อในอดีต'
- Night at the Museum 2 , ภาคสองที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ 'เอมี่ อดัมส์' สดใสเป็นอย่างยิ่ง
- Secret Sunshine + Reign over me , การเดินทางของหัวใจที่บาดเจ็บและร้าวราน (2)
- Winged creatures , การเดินทางของหัวใจที่บาดเจ็บและร้าวราน (1)
- Angels and Demons + Let the right one in , แดน บราวน์ ห้าวเป้ง ปะทะ แวมไพร์เจ๋งเป้ง
- The Horsemen + Thick as Thieves + Righteous Kill + K-20 , ว่าด้วยความผิดหวังกับ 4 หนังอาชญากรรม
- Star trek (2009) , จากใจคนที่ไม่ใช่ Trekkie --> สุดยอด - Excellent - #$$@% - สุโค่ย - il_lli
- X-Men Origins: Wolverine , ปุกปุยตะลุยเดี่ยว + ภาพสะท้อนความแตกแยกในสังคมจาก 'ความแตกต่าง'
- สาระแน ห้าวเป้ง!!! , สนุกดี มีดีกว่าที่คิด (เพราะคิดว่าหนังจะไม่มีอะไรมากไปกว่ารายการทีวีขึ้นจอใหญ่)
- Last Chance Harvey , โอกาสของความรัก โอกาสของชีวิต
- Before Sunrise & Before Sunset , เมื่อความรักเธอเข้ามา ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส
- The International , เที่ยว(ยุโรป)ไป ลุ้นไป กับ เฮ๊ยไคลฟ์และนาโอมิ
- บุปผาราตรี 3.1 , โถ บุปผา หนูมากับ 'ความน่าผิดหวัง' ทั้งๆที่ เปี่ยมด้วย 'ของดี'
- Fast and Furious (4) , แซงซ้าย แซงขวา ปาดหน้า ชนหลัง อู้ววว ความมันส์กลับมาคืนฟอร์ม
- Spirited away , การเติบโตของจิตวิญญาณ
- Knowing , วินาศภัยในปรัชญา , จิตวิทยา , ศาสนา และ ไซไฟ ( โอ้ววว จะผสมอะไรกันมากมาย)
- 3:10 to Yuma + Before the Devil Knows You're Dead , ทำดีไม่ง่าย / ทำได้ไม่ทำ
- Watchmen , หนังสำหรับคนรักลีลาแบบ Lost ผสมประเด็นแบบ The Dark knight ภายใต้ภาพลักษณ์แบบ Sin city
- จดหมายจาก Watchmen ถึง คนดูเมืองไทย และ กองเซ็นเซ่อร์ (ควรเปิดอ่านก่อนไปรับชม + ไม่สปอยล์)
- ชวนคุยกันถึงหนัง(ออสการ์) ที่ได้ดู: ถ้าออสการ์อยู่ในมือคุณ คุณจะยกให้กับใคร
- โหดหน้าเหี่ยว 966 , ถ้าชอบ ตลกส่ายหน้า ก็คุ้มค่าที่จะดู
- จาก หน้ากระดาษ สู่ หน้าจอ , 'ความสุขของกะทิ' ให้อะไรเรา ?
- 5 หนังไม่ชอบ + 50 อันดับหนังประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me : 50 หนังประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอน 1)
- Movie and Me : 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me : 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me : 9 หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- เตรียมตัวก่อนตีตั๋ว (Movie Preview) :::::: สัปดาห์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ :::::
- Australia , หนังดีที่(ผิดหวัง แต่ก็ยัง)เชียร์ให้ตีตั๋วไปรับชมในโรงภาพยนตร์ + Madagascar 2 (ดูเอาฮา)
- ฝัน-หวาน-อาย-จูบ , ไม่ถึงกับแย่มากมาย ก็ยังพอเพลิดเพลินได้ แต่ ง่ายไปหน่อยมั้ย
- เตรียมตัวก่อนตีตั๋ว (Movie Preview) :::::: 25 - 31 ธันวาคม 2551:::::
- อิคิงามิ:สาส์น-สั่ง-ตาย, จะทำอะไร ใน 24 ชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต
- Happy Birthday , มุมมองของคนคิดมากและไม่อิน
- เตรียมตัวก่อนตีตั๋ว (Movie Preview) [[ 18 - 25 ธันวาคม 2551]]
- The Day The Earth Stood Still , โลกสวยด้วยมือเรา โลกเน่าด้วยมือคุณ
- Tokyo Sonata , จากต้นตอสู่ทางออกของปัญหาครอบครัว ในสังคมระทมทุกข์
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 11-18 ธันวาคม 2551]]
- องค์บาก 2 , จาก 'พระกูอยู่ไหน' 'ช้างกูอยู่ไหน' มาสู่ 'จากูอยู่ไหน' และ ตอนจบอยู่ไหน ?
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 4 - 11 ธันวาคม 2551]]
- Twilight + The Duchess + Teeth , (สัปดาห์หนังพลังหญิง) อาทิตย์นี้ ผู้หญิง ครองโรง
- Teeth , จาก 'จิ๊มิ๊มีฟัน' สู่ พรหมจรรย์ ความบริสุทธิ์ และ กองเซ็นเซ่อร์
- The House Bunny + Mean girls , คุณค่าของคุณ อยู่ตรงที่ใด
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 27 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2551]]
- Traitor , (หนัง)สายลับ ฉบับ หงิมๆ
- Twentieth Century Boys , ลึกลับ ย้อกย้อน ซ่อนเงื่อน 'เพื่อน' ทรยศ + คนใจคดแอบตัดหนังเอง
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 20-27 พฤศจิกายน 2551]]
- มาปฏิวัติ 'James Bond' กันเถอะ
- 007 : Quantum of Solace , ปฏิวัติ 'ความเป็นบอนด์' [แล้วตกลงว่า จะ บอนด์ หรือ ไม่บอนด์ ?]
- โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต , ตัวหนังยังไม่เท่าไหร่ แต่ 'ผีชบา การหลอก และ ตกใจ' แจ่มๆ
- ชวนมาเลือกหนัง 5 เรื่องต้อนรับวันฮัลโลวีน กับ 'เทศกาลหนังหัวใจวาย'
- จาก ปืนใหญ่จอมสลัด สู่ บุหงาปารี , ความน่าเสียดาย ความน่าผิดหวัง กับ หนัง(สือ)ดี
- ผมอยู่ข้างหลังคุณ"ขอหยิบหน้าม้ามาสวมใส่ เพื่อเชียร์ Son of rambow หนังอิ่มอุ่นที่ดีที่สุดของปีนี้
- 8 เหตุผลที่ ผมฯ เชียร์ให้ไปดู Tropic thunder หนังฮาอารมณ์ดีที่สนุกชะมัด
- City of ember + Max payne , ภาวะศรัทธาหน้ามืด กับ ความเท่ที่มาช้าเกินไป
- Body of lies , Talking thriller ที่ว่าด้วยแผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อน....
- อีติ๋มตายแน่ , มันเป็นฝันร้ายของคนธรรมดาๆ และ มันเป็นปัญหาของทัศนคติกับคุณค่าในตัวเอง
- คุยเรื่องซีรี่ส์(ซีรี่ส์-aholic) : Desperate Housewives , สงครามแม่บ้าน กับ งานเขียนบทชั้นเลิศ
- คุยเรื่องซีรี่ส์(ซีรี่ส์-aholic) : Greys anatomy , สงครามคุณหมอ
- American Gangster , โลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับดำ / [ + กำหนดพบปะเพื่อนผู้อ่านในงานมหกรรมหนังสือ ]
- Eagle Eye , ตื่นเต้น เร้าใจ ไม่ใหม่ ไม่โดน จบแล้ว จบกัน
- Taken , Die Hard เวอร์ชั่น สู้เพื่อลูก (หนังแอคชั่นดีๆที่เชียร์ให้ไปดู)
- Wanted , โอ้ว่าด้วยแอคชั่นปรัชญา และ ความตื่นตาในระดับ 'แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย'
- รัก|สาม|เศร้า , เมื่อ รัก|สาม|เศร้า ทำข้าพเจ้าน้ำตาซึม
- เชียร์ให้ไปดู หมาแพนดี้ ตีลังกา ใน Kung fu panda (หนุกมากกก) + The Incredible Hulk ดูเอามันส์
- The Happening , จดหมายถึงมาโนช (มาโนช นะ มาโนช)
- The Chronicles of Narnia: Prince Caspian , อัสลานใจร้าย - เจ้าชายอารมณ์เสีย - นาร์เนียอัพเกรด
- Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull , งานคืนสู่เหย้า ของ เรา และ คนทำหนัง
- คนขับ ( Speed racer) Vs. คนเหล็ก ( Iron man) / Vegas(21) Vs. Vegas (What happen in vegas)
- Penelope , จาก 'สวยหน้าหมู' สู่ เกราะสองชั้นที่ปิดกั้น 'คุณค่าในตัวคุณ'
- Knocked up & Juno , หนังประเมินทัศนคติสังคม + กองเซ็นเซ่อร์และเจ้ากระทรวงวัฒนธรรม
- สี่แพร่ง , แพร่งหนึ่งเงียบสยอง แพร่งสองบ้าพลังเกินงาม แพร่งสามง่ายแต่ดี แพร่งสี่เชยสะดุ้ง
- Horton Hears a Who! ,เสียงที่มองไม่เห็น เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ประชานิยมหมักหมมปัญหา ปิดหูปิดตาประชาชน
- The Forbidden Kingdom , เมื่อฝรั่งมาทำหนังกังฟู
- ตำรวจชั่ว (Street kings) + รักอหิวาต์ (Love in the Time of Cholera) + ความสุขของเฮอจินโฮ(Happiness)
- ดรีมทีม , เรื่องของเด็ก เรื่องของผู้ใหญ่ และ มนต์มายาของ 'ความน่ารัก'
- Vantage point , ฉลาดขยัก(ความลับ) ฉลาดคาย(ความจริง) (ตกม้า)ตายตอนจบ
- ลองของ 2 , ศึกชิงเทพสามตา อูรากำเปรยสเคอเทลอาเดบายอร์ ครูพนอ รีเทิร์นส์
- Doomsday , หนังบู๊แซ่บแกล้มลาบเลือดประจำปี
- Always: Sunset on Third Street 2 , บางสิ่งที่ไม่สามารถซื้อหา และ มีคุณค่ามากกว่าเงินทอง
- ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น , อีกหนึ่งหนังไทยวัยรุ่นดีๆ ที่ว่าด้วย 'ความรักของวัยรุ่น'
- My Blueberry Nights , การเดินทางของหญิงสาวที่เป็นพายบลูเบอรี่
- Rambo 4 (+3+2+1) , เปิดตำนานจาก 'พี่โบ้' สู่ 'ลุงโบ้' (โอ้มายก๊อด ลุงบึกตายยาก)
- หนังครอบครัวชั้นดี หนังแฟนตาซีชั้นเยี่ยม >>>> The Spiderwick Chronicles <<<< สนุกเหลือล้น
- สองหนังรักน่าประทับใจ , Once & Dan in real life , เธอคือคนที่ใช่(ในวันที่ผิด)
- 10,000 B.C. , ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ + History Channel + Animal Planet
- อ๊ากกกกกกกก ตอนจบ The Mist + วิเคราะห์ แปดวัน แปลกคน หนังไรว้า
- กอด , เพราะ การกอด ทำให้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก
- ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (2) , There will be blood
- ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (1) , No Country for Old Men
- Jumper , ช่วงเวลาที่สนุกที่สุดของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 'หนังตัวอย่าง'
- P.S. I Love You ,ชีวิตต้องเดินต่อไป ในวันที่ไม่มีเธอ
- Charlie Wilson's War , เราร่วมล้มล้างศัตรูคนเก่า แล้วเราก็ดันสร้างศัตรูใหม่(ที่ร้ายกว่าเก่า)
- 27 dresses , ผลลัพธ์ของผู้กำกับที่'ฉลาดปรุง'
- ขอสวมหน้าม้ามาอาสาเชียร์ >> Atonement << หนังดีๆที่แพรวพราวและงดงาม
- ช็อคโกแลต , กลมกล่อมกว่า ต้มยำกุ้ง แต่ไม่แซ่บไม่ติดใจ
- Enchanted , ในวันที่ไม่รู้จะยิ้มให้กับใคร ในวันที่ไม่มีใครยิ้มให้กับเรา
- The Flock , Internal affairs+ Infernal affairs = สองคนไม่คม
- Saw IV , โดนหลอกอีกแว้ววววว
- 36 ข้อของ Cloverfield กับผมฯ ( โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายยยยย แอวะ)
- Hitman , ไม่ได้ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่น่าจะ ฮิต
- หม่ำ เดียว หัวเหลี่ยม หัวแหลม , หนังตลกไทยไร้มลพิษที่ ดูได้ แต่ยังไม่ ดูดี
- Movie and me (Final) , 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ + บทสรุป ประจำปี 2007 ของ "ผม" และ คุณ
- Movie and Me (3) : 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2007 ของ"ผมฯ" และ คุณ
- ถึงแฟนานุแฟน The Beatles ... "Hey Jude , Lets come together to Across the Universe at ลิโด้ "
- Movie and Me (2) : 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2007 ของ"ผมฯ" และ คุณ
- Movie and Me : 10(+1) หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2007 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Feast of love , รักสุดใจตัวอยู่ใกล้แต่ไฉน มองไม่เห็น
- National Treasure: Book of Secrets , สนุกดี (แต่เคยมี สนุกกว่า)
- The Warlords & Blood Brothers & กอดคอกันไว้ อย่าให้ใครเจาะกะโหลก = เพื่อนกู(ไม่)รักมึงวะ
- I Am Legend , ในวันที่มืดมน ขอมนุษย์ทุกคนจงอย่าสูญสิ้นความหวัง จงอย่าหมดสิ้นศรัทธา
- Lust , caution , สายลับ กับ บ้านเล็ก
- The Golden Compass , ง๊ายง่าย เด๊กเด็ก
- โปงลางสะดิ้ง ฯ, นั่งนิ่งๆแล้วส่ายหน้า
- รักแห่งสยาม , ทุกชีวิตเติบโตได้ด้วยความรัก
- Michael Clayton , ชีวิตของทนายภารโรง
- ต้องสามมิติเท่านั้น >>> Beowulf <<< "ข้าจะยื่นข้อเสนอที่เจ้ามิอาจปฏิเสธได้"
- Secret , เริ่มต้นที่ ความลับ จบลงที่ ความรัก
- Lions for Lambs , ส่งเสริมสิงโต ตรวจสอบแกะ และ ลงมือทำ
- ไม่ชอบ ไม่ชวน ไม่เชียร์ >>> Captivity <<< ตัวเต็ง 1 ใน 5 หนังไม่ปลื้มแห่งปี
- เชิญชวนเชียร์ให้ไปดู Surfs Up : แอนิเมชั่นแสนสนุกสุดน่ารักของปี (และ ผมฯชอบมากกว่า Ratatouille)
- สองวัน สองความผิดหวัง สองหนังไทย : 2. โธ่ โอปปาติก
- สองวัน สองความผิดหวัง สองหนังไทย : 1. โถ วิดิโอคลิป
- เวียนเฮดกับแฮนด์เฮลด์ ใน The Kingdom + สัจธรรมของความกร่าง
- Stardust , เพราะเหตุใดดวงดาวจึงเปล่งประกายบนท้องฟ้า เพราะเหตุใดมนุษย์จึงควรค่าแก่การเฝ้ามอง
- บอดี้ ศพ #19 , ภาพสวยหลอกตา เนื้อหาหลอกดี CGหลอกเกิน
- ซอมบี้ที่ผมฯรัก + คุยกันเล็กน้อยกับ Resident evil 3
- ขออาสาเป็นหน้าม้าเชียร์ >>> Children of Glory <<< หนังดีที่โดดเดี่ยวอยู่สกาล่า
- Shoot 'Em Up , น้องๆ ยิงแม่งเลย สอง
- คืนนี้เราจะค้างกันที่ไหนดี ... Vacancy หรือ 1408
- จาก ไลท์ DeathNote สู่ เอริก้า เบน <<< The Brave one >>> ศาลเตี้ยจงเจริญ ?
- Vacancy , ไม่มีอะไรในกอไผ่(นอกจากการลุ้น)
- Bug , เข้าคลาสจิตเวชกับ แอชลี่ จัดด์ และ แมลงของเธอ
- สายลับจับบ้านเล็ก , จาก "เพื่อนสนิท" มาสู่ "เมียน้อย"
- ไม่ใช่ไข่เค็ม ไม่ใช่ต้มยำกุ้ง ไม่ใช่หนังชกมวย ( ไม่สปอยล์ ) <--- ไชยา --> หนังดีที่น่าชื่นชม
- Premonition , แซนดรา บูลล็อค ในภาวะวังน้ำวน
- หนังดี(VD)ที่ผมฯเชียร์ - We are marshall
- Downfall --> The Invasion , จาก ฮิตเลอร์ โกอินเตอร์มาเป็น มนุษย์ต่างดาว
- The Condemned , Battle royale ฉบับถอดชุดนักเรียน (เปลี่ยนเป็นนักมวยปล้ำและนักบอล)
- 24 : ชีวิตบัดซบของ แจ๊ค บาวเออร์ + คู่มือเอาตัวรอดเมื่อคุณหลุดเข้าไปอยู่ใน 24
- Rush hour 3 , สนุกขำๆแบบย่ำอยู่กับที่
- Ratatouille < < บนทางเดินของความฝัน - ในสังคมแห่งอคติ >> Hairspray
- Planet Terror + The Simpsons Movie , สองกวน
- Because I Said So , รู้ว่าแม่รัก แต่ลูก "อึดอัดนะแม่"
- สุดยอด ห้ามพลาด ฉลาด สมจริง << The Bourne Ultimatum >> หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของปี
- Grindhouse: Death Proof =โชเฟอร์ตีนผีไล่บี้สาว+ เก๋าเกรดบี + หนังเควนติน = ห้ามพลาด มันป๋ามากกกกก
- Paris, je t'aime - ปารีสฉันรักเธอ ... แล้วเธอละ รักตอนไหนใน 'ปารีสเฌอแตม'
- The Page turner , แค้นฝังคอร์ด
- เหตุผลที่ แฮรี่ 5 เป็น 'หนังแฮรี่' ที่ผมชอบมากที่สุด
- Harry Potterหลบไป Die Hardโปรดหลีกทาง Transformerอย่าขวาง >> Hula Girls... หนังที่ทำจะทำให้คุณอิ่มใจ
- Transformers , โอ้ว ไมเคิล เบย์ คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆเลย
- Fantastic Four: Rise of The Silver Surfer + Ocean's Thirteen , หนังของพ่อครัวที่รู้ตัวว่าทำอะไรอร่อย
- คุยไม่สปอยล์ : สวยลากไส้ = คลับ F ฉบับเลือดสาด
- พลอย , คุยเรื่องรัก+ ชวนคิดลึก กับ "พลอย"
- คุยไม่สปอยล์ : "พลอย" - (งานของ)เป็นเอกที่ผมรัก [ แถม 'คู่มือการดู พลอย 'ให้สนุกและเข้าใจใน Blog]
- Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ , เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย
- Pirates of the Caribbean: At World's End , มากคน ก็ มากความ
- ไขปริศนารัก Pirates of the Caribbean , ฉันคนหนึ่ง เธอคนหนึ่ง เราสามคน
- !!!! ประกาศ : "บล็อก" หายยก Group + ขอปิด "บล็อก" ชั่วคราว !!!!
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านตอนแรกแล้ว มาอ่านตอนสองครับ
ประทับใจในความพยายามครับ และสรุปประเด็นของหนังแต่ละเรื่องได้ดี
บางเรื่องใน list นี้ยังไม่เคยดู (สนใจ Atonement ที่สุด)