www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Chronicles of Narnia: Prince Caspian , อัสลานใจร้าย - เจ้าชายอารมณ์เสีย - นาร์เนียอัพเกรด






...สี่พี่น้อง พิเวนซี่ เคยหนีโลกความจริงที่โหดร้ายจากสงครามที่ทำให้เขาต้องระหกระเหินเดินทางไกลบ้าน ด้วยการทะลุมิติผ่านตู้เสื้อผ้าไปประกอบภารกิจกู้ชาตินาเนียร์ ดินแดนแห่งจินตนาการที่มีทั้งเซนทอร์ , บีเวอร์พูดได้ ฯลฯ

ในภาคแรก พวกเขาได้พบกับ อัสลาน สิงโตขนพลิ้ว ผู้สอนให้พวกเขาเติบโตผ่านบทเรียนที่เริ่มต้นจากความแตกแยก ได้พบคู่ปรับอันสุดแสนร้ายกาจอย่างแม่มดขาว ที่เป็นตัวบ่อนทำลายความสัมพันธ์พี่น้อง ก่อนที่พวกเขา จะรู้จักการให้อภัยกลับตัวกลับใจ ร่วมมือกันกู้นาร์เนีย แล้วกลับบ้านเกิด

หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ขณะรอขึ้นรถไฟไปเรียนหนังสือ จู่ๆสถานีรถไฟรอบตัวแปรเปลี่ยนกลายไปเป็นนาร์เนีย เป็นมนต์วิเศษอันเกิดจากที่พวกเขาถูกเรียกผ่านแตรวิเศษที่ เจ้าชายแคสเปี้ยน ได้รับส่งต่อมาจากดัมเบิ้ลดอร์(หน้าตาของอาจารย์เจ้าชายเหมือน ดัมเบิ้ลดอร์จริงๆ)

หนึ่งปีของสี่พี่น้อง กลับมีค่าเท่ากับ พันปีของนาร์เนีย เมื่อพวกเขาไปถึงกลับพบแต่ซากปรักหักพัง จากสัตว์ป่าที่เคยพูดได้ใจดี กลายเป็น สัตว์ร้ายป่าเถื่อน เพราะถูกขับไล่เข้าป่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายก็กลายเป็นสัตว์ป่าดั่งเดิม เพราะต้องใช้สัญชาติญาณดิบในการเอาตัวรอด ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจาก สงครามที่ชาวเทลมารีนหรือเหล่ามนุษย์ในยุคเดียวกับนาร์เนีย ทำการขับไล่และทำลายล้างนาร์เนีย

... หนึ่งในข้อสงสัยสำคัญของพี่สี่น้องคือ ทำไมอัสลานเองก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ชาวนาร์เนียส่วนใหญ่เชื่อว่า อัสลาน ทอดทิ้ง ไม่มีใครเห็นอัสลานอีกเลย แต่ ลูซี่ ไม่เชื่อเช่นนั้นและเธอเป็นคนเดียวที่บอกว่าเห็นอัสลานก่อนใคร

กว่า อัสลานตัวจริงจะปรากฏตัวมาร่วมรบก็ปาเข้าไปใกล้หนังจบ คนดูหลายคนจึงสงสัยว่าทำไม อัสลานใจร้าย เราจึงไปสัมภาษณ์อัสลานถึงถิ่น




ผู้สัมภาษณ์: ทำไม อัสลานใจร้ายจัง ปล่อยประชาชนทุกข์ยาก กว่าจะมาช่วยได้ ก็เล่นตัวเสียเหลือเกิน

อัสลาน : โฮ่ก ... อัสลาน เป็นสัญลักษณ์ที่มากกว่า ผู้นำ แต่น่าจะอยู่ในจุดเทียบเท่า สมมติเทพ ที่มาพร้อมปาฏิหาริย์ เป็นผู้กอบกู้
ถ้า อัสลาน โผล่ตั้งแต่แรกเวลามนุษย์เดือดร้อน ผลที่ตามมา มนุษย์ก็จะไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเอง เวลาเจอปัญหาก็ได้แต่แบมือขอความช่วยเหลืออยู่ร่ำไป และมนุษย์ก็จะอ่อนแอ หวังพึ่งแต่ปาฏิหาริย์จากอัสลาน

ผู้สัมภาษณ์: ทำไม มีแต่ ลูซี่ ที่มองเห็น อัสลาน

อัสลาน : โฮ่ก ... ดินแดนนาร์เนีย เป็นสัญลักษณ์ให้ตีความได้มากมาย จากคำถามแรก จะเห็นว่า นาร์เนีย แทนความหมายของศาสนา และ ศรัทธา ซึ่งก็แปลว่า หากมนุษย์ไร้ซึ่งศรัทธาก็ยากที่จะมองเห็นผู้ช่วยเหลือ

อีกความหมายหนึ่งสำหรับนาร์เนียนะ โฮ่ก อย่าลืมว่า นาร์เนีย เป็นวรรณกรรมเยาวชนอายุร่วมร้อยปี เก่ากว่า LOTR อีกนะ โฮ่ก (นาร์เนียวางขายครั้งแรกปี 1950 LOTR ปี 1954) ดังนั้น ดินแดนนาร์เนีย ก็เสมือน จินตนาการของเด็กๆ ซึ่งถ้าใครก็ตามพ้นความเป็นเด็กไปเมื่อไหร่ ไร้ซึ่งจินตนาการ ก็ยากจะเห็นอัสลาน และ ยากจะอยู่ต่อในนาร์เนียนะ โฮ่ก



... จบจากการสัมภาษณ์มาดูที่ตัวหนังต่ออีกที สังเกตว่า ภาคนี้เป็นภาคของคนหนุ่ม ช่วงเวลาส่วนใหญ่เราจึงได้เห็นแต่หน้าของ เจ้าชายแคสเปียน สลับกับ พระราชาปีเตอร์ จ้องฮึดฮัดใส่กัน และทั้งคู่ก็เป็นตัวเอกที่ได้รับบทเรียนเกี่ยวกับสภาวะผู้นำ หลังจากภาคก่อน เอ็ดมันด์ น้องคนรอง เป็นผู้ที่ได้บทเรียนเกี่ยวกับความอ่อนแอในจิตใจไปก่อนแล้ว



...ในภาคนี้ บททดสอบสภาวะผู้นำ ของ เจ้าชายแคสเปี้ยน ผู้ที่เกิดมาก็สะสมความแค้น พ่อถูกฆ่า บัลลังค์ถูกยึด วิทยายุทธก็ยังไม่เชี่ยว ต้องถูกทดสอบจิตใจว่า เขาจะยอมให้ด้านมืดมาครอบงำเพื่อชัยชนะหรือไม่ จะยอมหรือไม่ที่สามารถแย่งชิงบัลลังค์กลับคืนมา แต่ต้องอาศัยน้ำมือคนชั่ว เหมือนกับ ผู้นำบางคนที่พร้อมหรือไม่ ที่จะได้ตำแหน่งมา แต่ต้องแลกกับการอาศัยวิธีการสกปรก

ส่วน ปีเตอร์ ภาคนี้ ก็อยู่ในช่วงฮอร์โมนพุ่ง เหมือน แฮรี่ พ็อตเตอร์ ภาค5 ที่มุทะลุตะลุยดะ เมื่อมาถึงก็ต้องแบกรับความคาดหวังจากผู้คนรอบข้างที่คาดว่าเขาจะมาเป็นผู้กอบกู้ การรับตำแหน่ง ผู้นำ ของปีเตอร์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เพราะวัยหนุ่มที่อยากให้คนยอมรับ และ อยากจะได้แสดงความเป็นผู้นำ เขาปล่อยให้ ทิฐิกับฮอร์โมนของตัวเองเป็นใหญ่ การตัดสินใจแบบไม่ฟังคำทักท้วง ไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ก็นำมาซึ่งบทเรียนแสนเจ็บปวดที่แลกกับการสูญเสีย

... อย่างที่เคยเขียนไว้ในบล็อกเก่าๆแล้วว่า ปกติผมไม่ใช่แฟนหนังแฟนตาซี แถมหลังจากเสียหมีมางวดนึงแล้วกับ The Golden compass ที่ ทำหมีออกมาเสียดี แถมเนื้อหาต้นฉบับยังมีความลึกซึ้งพาดพิง มีประเด็นในโลกของผู้ใหญ่ให้เล่นมาก แต่ตัวหนังทำหนังออกมาเด๊กเด็กเสียเหลือเกินราวกับกลัวเสียคนดูรุ่นคุณหนูๆไป โชคดีที่ต้นปีนี้ได้ดู The Spiderwick Chronicles ที่ทั้งดีและสนุกมากู้ศรัทธา

ครั้นมาถึง นาร์เนียสองก็ตั้งเป้าว่าจะไม่พลาด เพราะ ภาคแรก สร้างความประทับใจอย่างไม่คาดคิด ทั้งๆที่ตัวหนังก็เด๊กเด็ก แต่ประเด็นหลายๆจุดในหนังน่าสนใจให้ตีความ และ หนังก็ทำออกมาได้ลงตัว ถึงจะไม่ได้อลังการงานสร้างมากมาย

... The Chronicles of Narnia: Prince Caspian กลบจุดอ่อนทุกอย่างที่มีใน The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe ใครกริ่งเกรงว่าภาคแรกเด็กไปภาคนี้ก็โหดสะใจมากขึ้น ใครหยามเหยียดว่าภาพที่เห็นในนาร์เนียไม่อลังการภาคนี้ทุ่มทุนสร้าง ได้งานโปรดักชั่นที่ใหญ่ขึ้น ได้งานCG ที่โชว์ฝีมือมากขึ้น อัสลานยังขนพลิ้วเห็นชัดเป็นเส้นๆ เช่นเดียวกับ เทพน้ำตอนถล่มสะพานก็อลังการเหลือหลาย

ผู้กำกับคนเดิมจากภาคแรกมากำกับภาคนี้เป้นภาคสุดท้ายก่อนจะขึ้นแท่นไปเป็นโปรดิวเซอร์ในภาคหน้า ก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ถึงจะดีกว่าภาคแรก ในหลายๆด้าน ผมเองกลับชอบภาคแรกของหนังมากกว่าอยู่ดี



...วายร้ายในภาคนี้ดูพื้นๆบ้านๆเกินกว่าจะมาต่อกรกับเหล่าตัวละครในเทพนิยาย วายร้ายหน้าใหม่ที่อิมพอร์ตมาจากอิตาลี Sergio Castellitto ที่แต่ไหนแต่ไรรับบทแต่พระเอกมาตลอด เป็น อีกหนึ่งนักแสดงจอมเก๋าที่คอหนังอิตาลีคงได้เห็นหน้าอยู่บ่อยๆ การเลือกมารับบทเป็นตัวร้ายครั้งแรกในจอหนังใน นาร์เนีย เป็น การเลือกที่ยังไม่แจ๊คพ็อตแตก เพราะ ถึงเขาจะเล่นได้กวนๆดี แต่ บทบาทในหนังค่อนข้างจืดๆ ไม่สามารถทัดเทียม ราชินีหิมะของเจ้าป้า ทิลด้า สวินตั้น ได้เลย จนผมแสนเสียดายที่ เจ้าป้า ไม่ได้รับการปลดปล่อยออกมาอาละวาดในภาคนี้

อีกจุดที่ชอบภาคแรกมากกว่า คือ ถึงตัวหนังภาคแรกจะหน่อมแน้มกว่าภาคนี้จนคนไม่ชอบรู้สึกง่วงๆ แต่ผมยังรู้สึกถึงความลงตัวของตัวบทในภาคแรกมากกว่าในภาคนี้ที่ดีและสนุกแบบคึกคักกว่าภาคก่อนก็จริง แต่มันก็มาเป็นพักๆแล้วก็ drop เป็นพักๆเช่นกัน โดยเฉพาะตอนจบที่หลังจากตัวละคร ... จากไป ความน่าติดตามก็ลดลงฮวบไปเยอะ เพราะตัวละครอื่นๆนั้นดูไม่มีศักยภาพพอที่จะพาคนดูไปสู่จุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง

นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับภาคแรก ผมเองก็ชอบประเด็น ครอบครัวที่เผชิญกับความท้าทาย มากกว่าประเด็นในภาคนี้

... จุดเด่นอีกจุดที่เป็นจุดอ่อนไปโดยอัตโนมัติคือ การที่หนังให้ความสำคัญระหว่าง หล่อใหญ่ กับ หล่อเล็ก เสียมาก จนทำให้ ตัวประกอบอื่นๆที่ดูมีเสน่ห์น่าติดตาม อย่างเช่น เจ้าหนูนักดาบ ฯลฯ ต้องลดบทบาทตัวเองลงไป



หล่อใหญ่ Ben Barnes ที่มารับบทเป็น เจ้าชายแคสเปี้ยน เล่นได้ดีเสมอตัว ยังคงต้องการผลงานพิสูจน์ฝีมือมากกว่านี้ เพราะ บุคลิกเสื้อผ้าหน้าผมสอบผ่านแต่ด้านการแสดงยังไม่เห็นจุดเด่นชัดเจน ส่วน หล่อเล็ก William Moseley ดูจะมีมิติน่าค้นหามากกว่า ยิ่งภาคนี้มีโอกาสได้แสดงอารมณ์หลากหลาย ทั้งความมุทะลุ ความรู้สึกผิด ฯลฯ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นนักแสดงมีแววมิใช่น้อย สังเกตตอนดูในโรงรู้สึกว่า หล่อเล็กคนนี้มีหลายมุมคล้ายกับ ฮีธ เล็ดเจอร์ อย่างบอกไม่ถูก


สรุป ... เป็นอีกหนึ่งหนังแฟนตาซีที่ดี หลายอย่างดีกว่าภาคแรก ตื่นเต้นกว่าภาคแรก คนที่เคยหลับภาคแรกจะตื่นภาคนี้มากกว่า แต่ดูจบแล้วมาคุยกันแบบนี้ ความรู้สึกดีๆมีให้ภาคแรกมากกว่า



Link บทความที่อ้างอิงถึงใน blog

The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน


The Golden Compass , ง๊ายง่าย เด๊กเด็ก

หนังครอบครัวชั้นดี หนังแฟนตาซีชั้นเยี่ยม >>>> The Spiderwick Chronicles <<<< สนุกเหลือล้น



สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน









ขอฝาก พ็อกเก็ตบุ้คสองเล่มที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนังเพราะ "หนังสือรัก" เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม ส่วน องศาที่ 361 หนังสือเล่มล่าสุดที่จะช่วยให้คุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยไม่ต้องมองหาจากผู้อื่น


เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม




ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




Create Date : 04 มิถุนายน 2551
Last Update : 4 มิถุนายน 2551 13:32:02 น. 25 comments
Counter : 11706 Pageviews.

 
ชอบจังเลยค่ะ

ที่ได้ไปสัมภาษณ์สดมา

555+++

เหตุผลเมคเซนส์สุดๆ


โดย: +LuxuryPeanut+ วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:1:11:30 น.  

 
เพิ่งไปดูมาวันนี้สนุกดีครับ


โดย: แชมป์ IP: 124.121.59.156 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:1:28:14 น.  

 
สนุกกว่าภาคแรก แต่ไม่มีเสน่ห์ให้จดจำครับสำหรับภาคนี้ เลยให้คะแนนน้อยกว่าภาคแรกไปโดยปริยาย

ส่วน อัสลาน นั้นดูแล้วได้แต่อยากถีบพ่อราชสีห์ขี้งอน เพราะบังเอิญผมดูแล้ว "จั๊กจี้" ยังไงบอกไม่ถูก เหมือนเป็นคนแก่ขี้ใจน้อย รอให้ลูกหลานมาเอาใจถึงกลับไปช่วย


โดย: nanoguy IP: 125.24.116.22 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:2:01:02 น.  

 
ไม่ค่อยจะได้มาเม้นท์เลย..

เพราะเปิดหน้านี้ขึ้นมาทีไร ช่องให้เม้นท์ มันหายไปไหนไม่รู้..

ภาคนี้ ชอบกว่าภาคแรกมากมาย.. แต่ก็ยังพบว่า ยังไม่ดีได้สุดๆ.. อยากได้ผู้กำกับคนอื่นมาคุมง่ะ..
บทโอเคแล้ว.. แต่ผู้กำกับอ่ะดิ.. คุมจังหวะหนังไม่อยู่..


โดย: จูริง IP: 41.233.110.199 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:6:59:42 น.  

 
ยังไม่ได้ดูครับ สรุปว่าคงไม่ไปดูครับ จบ


โดย: เอ IP: 202.91.23.4 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:10:23:26 น.  

 
ชอบสัมฯ อัสเลียมมากค่า -^ ^-


โดย: momiji_99 IP: 58.9.33.134 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:11:03:51 น.  

 
โฮก..คิดได้ไงครับท่าน เรื่องสัมภาษณ์สด เจ๋งครับ โฮกโฮก.. ดูมาแล้วเหมือนกัน ช่วงต้นเกือบหลับ ดีนะที่มี เจ้าหนูอัศวิน ชอบมากตอนจัดการเจ้าแมว และชอบสุด ตอนท้ายที่เจ้าหนูเสียสูญ


โดย: นพพ IP: 202.60.199.116 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:11:26:19 น.  

 
คุณหมอก็เข้าใจเล่าเรื่องนะครับนี้

ผมได้ดูภาคแรกในโรงนะ แต่ภาคนี้ทำไมมันเฉย ๆ ก็ไม่รู้ สงสัยคงเพราะชอบอ่านหนังสือมากกว่ามั้งครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:12:27:23 น.  

 
เพิ่งไปดูมาเมื่อวาน สรุปความได้ว่า ชอบหล่อเล็กมากว่าค่ะ อิอิ


โดย: ณ มน วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:14:41:08 น.  

 
ผมว่าเป็นหนังที่โน้มน้าวอารมณ์ไม่ได้เลย
ออกแนวน่ารำคาญหน่อย โดยเฉพาะหนูนักฟันดาบ

มาดูแค่ CG อย่างเดียวครับ


โดย: mayhem IP: 58.8.185.24 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:15:42:36 น.  

 
ภาคนี้ก็ว่าสนุกดีนะครับแต่ดูจบแล้วรู้สึกเหมือนเวลาในเรื่องมันผ่านไปไม่นานเลย
แต่ก็สนุกครับ


โดย: 123456 IP: 58.137.129.220 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:16:51:40 น.  

 
+ แฮ่ๆ รู้สึกคล้ายๆ กันครับ ถึงภาคแรกจะด้อยกว่าในหลายๆ ทาง อย่างเช่นโปรดัคชั่น, ฉากสู้รบ, ฯลฯ ... แต่ผมก็ชอบมากกว่าภาคนี้ เพราะมันดูกลมกล่อมลงตัวมากกว่า(มั้ง), มีอารมณ์ดราม่าสูงกว่า (เรื่องความขัดแย้งของพี่กับน้อง), แล้วคาแรคเตอร์ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้ายก็ดูมีเสน่ห์มากกว่า ภาคนี้เหมือนเรื่องราวมันทื่อๆ ไปหน่อยนึงอ่ะครับ ... แต่โดยรวมๆ ก็ดูสนุกใช้ได้อยู่แหละ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:19:19:56 น.  

 
ีดีมากเลยครับภาคนี้ ชอบคุณหมอสัมภาษณ์สดจัง โดยรวมดีกว่าภาคที่แล้วมาก....ดูจาก //www.imdb.com เป็นเครื่องยืนยันได้


โดย: TorTong IP: 125.27.94.241 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:22:09:38 น.  

 
สำหรับผม ขอยกมือให้ภาคนี้ชนะแบบเป็นเอกฉันท์ครับ มันยังทำให้ผมมีความรู้สึกอยากจะติดตามการผจญภัยของฮีโร่ทั้ง 4 ในภาคต่อไปด้วย


โดย: BloodyMonday วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:13:42:07 น.  

 
มีหล่อใหญ่ หล่อเล็ก ขาดไปหนึ่งค่ะ หล่อขโมยซีน
คงเพราะไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งอย่างพี่ชาย หรือแคสเปียน เอ็ดมุนด์จึงดูชิวๆกว่าภาคแรก แถมโตขึ้น เสียงแตกหนุ่มบวกสำเนียงอังกฤษแท้ๆ ชอบมากๆ (สำเนียงแคสเปียนสมกับที่ไม่ใช่ชาวลอนดอนจริงๆ ดูประหลาดๆเหมือนพวกมาจากยุโรปตะวันออก ผู้กำกับตั้งใจหรือเปล่านี่)

เห็นด้วยกับเจ้าของ Blog ค่ะ ชอบภาคหนึ่งมากกว่า คงเพราะภาพที่เราจินตนาการไว้นับสิบปี มาโลดแล่นบนจอได้ใกล้เคียงความฝันของเราจนเหลือเชื่อ มิสเตอร์ทุมนุส แม่มดขาว
แต่ภาคสองก็มีข้อดีในเรื่องความหนักแน่นของเนื้อเรื่อง อารมณ์ของตัวละคร ฉากที่ปีเตอร์หันไปมองดูทหารของตนถูกกักตัวรอความตาย สะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ


โดย: Nusantara IP: 203.155.24.122 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:16:06:53 น.  

 
ตอนที่อ่านหนังสือรู้สึกว่าภาคนี้เหมือนไม่ค่อยมีอะไรนะครับ เมื่อเทียบกับภาคอื่น

แถมรู้สึกตะหงิดๆ ทุกทีที่คืดขึ้นมาว่านาร์เนียเป็นเรื่องแทรกศาสนา


โดย: เจรามี IP: 118.174.121.161 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:19:52:59 น.  

 
ส่วนตัวไม่ถูกใจ Narnia ภาคแรกเอามากๆ ทั้งการแสดงที่ไม่ลงตัวของเด็ก 4 คน และฉากที่มืดก็มืดสุดๆ สว่างก็สว่างสุดๆ (แต่พยายามคิดเข้าข้างเขาว่าไอ้ความมืดความสว่างนี่อาจจะสื่อถึงนัยทางศาสนาก็ได้นะ) แต่ภาคสองนี่รู้สึกว่าทำได้ดีขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่เครดิตจากเบน บาร์นหรอกค่ะ แต่ชอบที่ทำออกมาได้ดูมีเรื่องราวมากขึ้น แต่ถ้าให้เทียบกับหนังแฟนตาซีเรื่องอื่นๆ ก็เป็นหนังที่พอดูได้แหละเนาะ

ปล.ชอบบทสัมภาษณ์อัสลานค่า ถ้าได้สัมภาษอีกฝากถามหน่อยว่าใช้แชมพูไร ขนสวยจัง


โดย: Miss Nannie (happychic ) วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:16:27:29 น.  

 
เชื่อไหมครับผมเพิ่งซื้อแผ่นภาคแรกมาดู ก็เพราะไอตัวอย่างภาค 2 มันยั่วน้ำลายดีเหลือเกิน แต่ภาคแรกก็ไม่ได้ประทับใจมากเท่าไหร่นะ ดูเพลินๆมากกว่า


โดย: YoiChi_KunG IP: 202.57.132.197 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:16:53:04 น.  

 
อันที่จริงแล้วนะครับ ผมก็เป็นแฟนหนังสือของนาร์เนียทุกภาคเลยทีเดียว อิอิ

จะบอกว่าทั้ง Harry Potter , SpiderWick และ Nainia ผมตามอ่านหมดเลยครับ

แต่ให้พูดนะครับ ในบรรดาหนังสือเจ็ดเล่ม ถ้าลองอ่านดูหนังสือ จะพบว่า ภาค Prince Caspian สำนวนที่ใช้ในหนังสือจะเด็กมากๆ ๆ ๆ เมื่อเทียบกับหนังสือเล่มอื่นๆครับ โดยเฉพาะเล่ม 7 ที่อ่านแล้วเข้มข้น และดุดันจนวางไม่ลงเลยทีเดียว . . .

ซึ่งผมขออนุญาต ลำดับความตึงเครียดในหนังสือดังนี้นะครับ
- ลำดับบนคือตึงเครียดมากไปถึงตึงเครียดน้อยนะครับ
The Last Battle (เล่ม 7) - เครียดตั้งแต่เปิดเรื่อง
The Horse and His boys (เล่ม 3) - - ลุ้นมาก เหนื่อย
The Lion, The Witch and The Wadrobe (เล่ม2) - - สนุกดีแต่ในหนังเด็กมากเลย
The Silver Chair (เล่ม 6)
Prince Caspain (เล่ม 4) - - จะเห็นว่าอัสลานในหนังสือ ใจดี๊ ใจดีกว่าในหนังอีกแหนะ
The Voyage of Dawn Treader (เล่ม 5) - - อลังการผจญภัยตามเกาะ เนื้อหาเด็กกำลังดี
The Magician Nephew (เล่ม 1) - - เป็นเล่มที่ต้องสารภาพว่า อ่านไป หลับไป แหะๆ

ครับ ลำดับดูแล้ว เนื้อหาในหนังสือกับในภาพยนตร์นั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมากๆ (จนไปถึงจุดเอาตัวละครมาเล่นเลินล่อกันได้ หิหิ) หนังสือนั้น เลือกที่จะจบค่อนข้างง่าย แฮปปี้เอ็นดิ้งกำลังดี แต่ในหนัง โห ฆ่ากันกระจายครับ ฉากแอ็กชั่น เนื้อหาในส่วนที่ในหนังสือไม่มีก็เยอะมากพอสมควร

ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ผมดูก็ชอบและประทับใจครับ (หลังจากมึนๆ งงๆ กับ Indy4 ที่มันไม่สุดซะที กั๊กๆไว้ยังไงมิรู้)

แนะนำให้เพื่อนๆ ลองอ่านหนังสือก่อน แล้วจากนั้นค่อยเข้าไปดูหนัง รับรองว่าเพื่อนๆจะประทับใจ และสนุกไปกับหนังได้อย่างสุดๆแน่นอนครับ เพราะหนังสือจะช่วยตอบคำถามที่ในหนังไม่สามารถทำให้กระจ่างได้ในบางตอน และจะยังประหลาดใจอีกด้วยกับเนื้อหาที่ไม่มีในหนังสือแต่เมื่อมันมีในหนังแล้วก็ทำให้ตื่นเต้น และสนุกไปกับมันได้ . . .

สรุปคือ ผมชอบครับ และชอบมากกว่าภาคแรกด้วยที่จบยากกว่า อิอิ และเป็นหนังที่ทำได้สนุกกว่าหนังสือครับ (รีพีชี้พในหนัสือดุดันกว่าในหนังอีกแหนะ ในหนังน่ารักไป อิอิ)

แต่ยังไงก็แนะนำให้อ่านหนังสือก่อนแล้วเข้าไปดูหนังอยู่ดี เพราะทั้งสองส่วนต่างจะเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้ประทับใจได้อย่างสบายๆ ครับ

skylarcciel-23.hi5.com

T_T ยังไม่มี blog จ้า . . .


โดย: ciel IP: 202.28.180.202 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:17:57:14 น.  

 
ชวนคุณคนอยู่ข้างหลังไปคุยเรื่อง Narnia2 ที่บล็อกค่ะ

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=biscuitbus&date=31-05-2008&group=1&gblog=8

อยากตอบตรงนี้เหมือนกัน แต่มันยาวน่อ


โดย: รถขนมปังกรอบ IP: 58.10.192.72 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:11:13:55 น.  

 
ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ T_T



โดย: renton underworld * IP: 58.8.213.204 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:17:13:39 น.  

 
ชอบบทความมากเลยค่ะ อธิบายเรื่องได้ขำและมีสาระดี :)


โดย: dschild IP: 58.9.121.138 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:20:03:55 น.  

 
ชอบมากค่ะ
ทั้งตัวหนังและที่คุณผมฯวิจารณ์เลย
(แต่อยากให้มีสิ่งที่ชอบ กะสิ่งที่ไม่ชอบด้วย พอไม่มีเหมือนอ่านไม่จบไงก้อไม่รุ)


โดย: marukoman IP: 58.8.95.98 วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:23:10:23 น.  

 
รักอัสลานจังเลย


โดย: แพรว IP: 192.168.1.120, 58.8.165.12 วันที่: 21 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:22:02 น.  

 
อัสลานหล่อจังเลย เจ้าป่าผู้สง่างาม


โดย: รักอัสลาน IP: 58.8.238.53 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:5:59:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.