www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Spirited away , การเติบโตของจิตวิญญาณ


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขอส่งเทียบเชิญเพื่อนๆผู้อ่านผ่านหน้านี้ ชวนแวะมาพบปะทักทายกัน และ เว้าวอนให้มารับลายเซ็นกลับไปเป็นที่ระทึก ในงานสัปดาห์หนังสือ วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม และ เสาร์ที่ 4 เมษายน เวลาบ่ายสองโมง โซน C1 บูธ N45 สนพ.4-letter word ศูนย์ประชุมสิริกิติติ์

พร้อมกับ ขอฝากหนังสือเล่มใหม่ที่ว่าด้วย การเดินทางสำรวจจิตใจมนุษย์ผ่านภาพยนตร์ ชื่อ มากกว่าที่ตาเห็น - LifeScan เปิดตัวในงานหนังสือครั้งนี้ครับผม




ผมเคยเขียน Spirited away มาแล้วเมื่อสามสี่ปีก่อน บล็อกนั้นเป็น หนึ่งในบล็อกที่ผมคันสมองคันมือ เคยอยากจะเขียนใหม่อยู่หลายหน

สามสี่เดือนก่อน ตอนกำลังจะทำหนังสือเล่มใหม่ ผมจึงได้โอกาสหยิบบทความ Spirited away มารีไรท์ใหม่ แต่ ปรากฏว่า บก.พิจารณาแล้วว่าไม่เข้ากับธีมรวมบทอื่นๆ ก็เลยอดลงหนังสือ

บังเอิญหลายวันก่อนเห็นกระทู้ในพันทิปตั้งเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ก็เลยคิดว่า หยิบที่ รีไรท์ไปแล้ว มารีไรท์ใหม่อีกรอบ แล้วเอาลงบล็อกดีกว่า ไหนๆก็อุตส่าห์เรียบเรียงใหม่แล้ว

และ นั่นคือ ที่มาของ

Spirited away : การเติบโตของจิตวิญญาณ





... สตูดิโอ จิบลิ (Studio Ghibli) คือ ชื่อของ ค่ายหนังแอนิเมชั่นจากประเทศญี่ปุ่น ที่นำเสนอผลงานการ์ตูนแอนิเมชั่นมากว่ายี่สิบปี มีผลงานหนังใหญ่ออกมากว่ายี่สิบเรื่อง งานแอนิเมชั่นของค่ายนี้ มั่นใจในเรื่องของคุณภาพได้เต็มที่ ไม่มีเรื่องไหนที่ออกมาแย่ จะมีก็แค่ ดีมาก กับ ดีน้อย

คนรุ่นใหม่อาจจะคุ้นกับหนังแอนิเมชั่นที่พยายามเน้นภาพให้สมจริง หรือสร้างเป็นสามมิติ แต่ จิบลี ยังคงยึดมั่นกับภาพสไตล์เดิมๆ คือ เป็นลายเส้นภาพวาดที่คงความเป็น หนังการ์ตูน อย่างชัดเจน

ความน่าทึ่งอยู่ที่ว่า ถึงแม้ภาพจะไม่ได้เหมือนจริงมากมาย หากแต่ ทุกๆผลงาน สามารถ ถ่ายทอด จิตวิญญาณของตัวละคร ออกมาได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์


... และ ผลงานระดับห้ามพลาดที่สร้างชื่อให้ จิบลี มากที่สุด ย่อมต้องเป็น Spirited away




Spirited away เป็นแอนิเมชั่นจากเอเชียเรื่องแรกที่สามารถเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ไปคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้สำเร็จ

เป็นหนังที่หากจะดูเอาแค่เพลินๆไม่ต้องขบคิด เด็กๆก็สามารถสนุกได้กับเรื่องราวของ เด็กสาวคนหนึ่งที่พลัดหลงเข้าไปในดินแดนประหลาด ท่ามกลางเหล่าเทพและตัวประหลาดนับร้อยนับพัน

หรือ หากจะกลับมาดูหนังในเชิงลึกเพื่อตีความ หนังก็สะท้อนปรัชญาแฝงเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนบางคนที่สูญเสียตัวตนไปกับสภาพสังคมรอบตัว , ส่อเสียดสังคมทุนนิยมและบริโภคนิยม , สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านตัวละคร รวมไปถึงการแตะปมทางจิตวิทยาในเรื่องของการเติบโตก้าวผ่านข้ามวัยของเด็กสาว ชื่อ ชิฮิโร่



... ครอบครัวของชิฮิโร่กำลังเดินทางขนข้าวของย้ายบ้าน แต่ ระหว่างทาง พวกเขาเกิดหลงทางเข้าไปในเมืองร้างแห่งหนึ่ง ที่มีของกินมากมายวางเรียงรายอยู่ตามหน้าบ้านแต่ละหลัง

พ่อแม่ของชิฮิโร่ตรงดิ่งไปกินอาหารจานโอชะที่วางอยู่โดยไม่สนว่าใครเป็นเจ้าของ ในช่วงเวลาที่พ่อกับแม่กินอย่างตะกละตะกลาม ไม่นานพ่อแม่เธอก็กลายเป็น หมู



“ทำไมจู่ๆพ่อแม่ถึงกลายเป็นหมู” เป็นคำถามที่มีคนถามบ่อยๆ

... ถ้าจะตอบแบบไม่ต้องตีความซับซ้อนก็คือ พ่อแม่ถูกคำสาป แต่ ผมคิดว่า หนังกำลังสะท้อนปัญหาที่เกิดจาก ความโลภของมนุษย์

ชิฮิโร่ คัดค้านพ่อแต่แรกแล้วว่าไม่ควรกินอาหารที่ไม่มีเจ้าของ แต่ความตะกละตะกรามของคนเป็นผู้ใหญ่ก็เอาชนะความยับยั้งชั่งใจ ตอกย้ำ ภาพชีวิตมนุษย์ในระบอบทุนนิยมที่ให้คุณค่าของเงินเป็นใหญ่ เมื่อ พ่อของชิฮิโร่บอกอย่างมั่นใจว่า กินได้เลย ไม่มีปัญหา เพราะพ่อมีบัตรเครดิตและกระเป๋าสตางค์


... หลังจากพ่อแม่เป็นหมู ชิฮิโร่ ก็หาทางช่วยพ่อแม่จนเดินหลงเข้าไปสู่ดินแดนพิศวง อันเป็นที่อยู่ของตัวประหลาดและเทพต่างๆ เธอต้องหาทางแก้คำสาปให้ได้ ก่อนที่พ่อแม่ในร่างหมูจะถูกนำไปทำเป็นอาหาร

เธอได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนใหม่นิสัยดี ที่บอกเธอว่าถ้าอยากจะอยู่รอดในดินแดนแห่งนี้ ต้องไปขอทำงานกับ แม่เฒ่ายูบาบา ผู้เปรียบเสมือนหัวหน้าของดินแดนพิศวง และเป็นตัวร้ายของเรื่อง

แม่เฒ่ายูบาบา บอกว่า ถ้าชิฮิโร่อยากได้งาน เธอต้องยอมยกชื่อ ‘ชิฮิโร่’ให้กับแม่เฒ่าไปตลอดกาล และเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ที่แม่เฒ่าตั้งให้

หลังจากทำสัญญายกชื่อให้เสร็จสิ้น ชิฮิโร่ ก็พบว่า งานของเธอไม่ใช่งานง่ายๆเหมือนที่เคยทำ แต่เป็นงานที่เหนื่อยและลำบากเช่นการทำความสะอาดโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นทำให้เธอพบเจอ ตัวประหลาด มากมายเรียงหน้าเข้ามา

อาทิเช่น

เทพแห่งความเหม็น - ตัวประหลาดร่างใหญ่ที่มาพร้อมโคลนสกปรกส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ครั้นเมื่อมาอาบน้ำในโรงอาบน้ำ ก็พบว่า ต้นตอของความเหม็นสกปรกมาจากหนามที่ฝังอยู่

ซึ่งตอนหลังเราก็รู้ว่า ตัวจริงดั้งเดิมของเขา คือ เทพแม่น้ำที่ถูกหนามตำทำให้กลายเป็นเทพแห่งความเหม็น และ หนามนั้นคือ ขยะของมนุษย์ที่ทิ้งลงแม่น้ำ

ผมคิดว่า หนังกำลังสะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อม ผ่านสัญลักษณ์ของขยะที่มนุษย์ทิ้งเรี่ยราด



ปีศาจไร้หน้า - ปีศาจที่ชอบผลุบๆโผล่ๆมาชวนคนอื่นเป็นเพื่อน ด้วยการเอาเงินทองหรือสิ่งของมาแลก แต่ ชิฮิโร่ก็สอนปีศาจไร้หน้าว่า เงินไม่มีความหมายสำหรับการจะได้เพื่อนดีๆ

เขามาเพื่อบอกคนดูว่า มิตรภาพเป็นสิ่งที่มีค่าและไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงินทอง ปีศาจไร้หน้า เป็นสัญลักษณ์ของความเหงาและเดียวดายของมนุษย์ในสังคมทุนนิยม เหมือนเช่น พ่อกับแม่ของชิฮิโร่ ที่เข้าใจผิดคิดว่า มีเงินก็ซื้อได้ทุกอย่าง



แม่เฒ่ายูบาบา - เป็น สัญลักษณ์ของ ผู้ใหญ่เห็นแก่ตัวหัวการค้า แกเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้ ชิฮิโร่ ได้รู้จักความชั่วร้ายในโลกของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ความเจ้าเล่ห์ ความเอาเปรียบ ฯลฯ

แต่ในขณะเดียวกัน การที่หนังนำเสนอฝาแฝดคนดีของยูบาบา นั่นหมายความว่า เมื่อเด็กๆเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กๆก็จะพบว่า คนรอบตัวไม่ได้มีแต่คนดีๆที่รักห่วงใยเหมือนพ่อแม่ แต่ เรามีโอกาสเจอทั้งคนร้ายคนดีปะปนกัน ถึงหน้าตาจะดูคล้ายๆกันก็ใช้ตัดสินนิสัยไม่ได้


... อีกแง่มุมหนึ่งของหนังที่ผมชอบ คือ การนำเสนอปัญหาการเลี้ยงลูก ที่คล้ายคลึงกับปัญหาของคนรุ่นใหม่ที่เป็นพ่อคนแม่คน ที่ปรนเปรอลูกด้วยข้าวของมากเกินไป และ คอยตามใจจนลูกไม่รู้จักโต

ซึ่งก็จะทำให้เป็นเหมือน ลูกของยูบาบา ที่เป็นทารกยักษ์ได้แต่นอนร้องไห้เอาแต่ใจ ไม่สามารถเดินไปไหนมาไหน ได้แต่นอนกับกินจนอ้วนมากขึ้น กลายเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยของเล่นแต่ไม่มีเพื่อนฝูง อยู่คนเดียวกับโลกใต้หมอนของตัวเอง


และสิ่งที่หนังเรื่องนี้เตือนสติผู้ใหญ่กับวัยรุ่นคือ เรื่องของการเติบโต



... การได้เข้ามาสู่ดินแดนพิศวงก็เหมือนกับการก้าวผ่านช่วงวัยจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้แปรเปลี่ยนชิฮิโร่จากเด็กที่ดูเหมือนเกียจคร้าน แถมยังไม่ค่อยรู้จักมารยาทเท่าไหร่ในตอนแรก ให้กลายเป็น เด็กที่รู้จักการอยู่ร่วมกับผู้อื่นมากขึ้น รู้จักมีน้ำใจและเสียสละ เรียนรู้หลายสิ่งที่ไม่ได้มีในโลกของเด็กๆ เช่น การทำงาน , การเซ็นจ้างงาน , ความรับผิดชอบในหน้าที่ , การแข่งขัน ฯลฯ

โดยเฉพาะบทเรียนเรื่อง ‘ชื่อ’ ที่ผมคิดว่าเป็น บทเรียนที่สอนใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้อย่างลึกซึ้ง

‘ชื่อ’ เป็นปัจจัยสำคัญในหนังที่ แม่เฒ่ายูบาบา กำหนดว่า ใครจะมาทำงานให้กับเธอ ต้องยอมมอบชื่อเดิมที่เคยใช้ แล้วเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่ไปตลอดกาล

ชื่อในหนัง น่าจะสื่อถึง ความเป็นตัวตน(identity) ของคนๆนั้น

การที่ปีศาจทั้งหลายที่มาทำงานให้กับ ยูบาบา ต้องเปลี่ยนชื่อของตัวเอง จนท้ายที่สุดก็จะลืมชื่อดั้งเดิมของตัวเองไปหมด ก็เหมือนกับ ผู้ใหญ่หลายๆคนที่ยอม เสียตัวตน ของตัวเอง

เช่น จากเคยเป็น ‘เด็กชายสมชายคนซื่อ’ ที่ไม่เคยโกงใคร พอเริ่มทำงานหาเงินก็กลายเป็น ‘นายสมชายที่โกงบ้างเป็นครั้งคราว’ เพื่อหาเงินส่งหนี้ให้ทันสิ้นเดือน หรือ จากเคยเป็น ‘เด็กหญิงสมศรีมีน้ำใจ’ พอเริ่มเป็นผู้ใหญ่ออกไปทำงาน อยากก้าวหน้าไวไว ก็กลายเป็น ‘น.ส.สมศรีได้ทีก็เหยียบหัวเพื่อน’

และ เมื่อวันหนึ่ง ทั้งสองคนอยากได้ชื่อ ‘สมชายคนซื่อ’ หรือ ‘สมศรีมีน้ำใจ’ กลับคืนมา ก็สายเกินไป เมื่อพวกเขาตัดสินใจยอมมอบ"ตัวตน"ให้กับ ความชั่วร้าย เพื่อแลกมาซึ่ง ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินเงินทอง



Note

นอกจาก Spirited away ที่เป็นไฮไลต์จากการข้ามน้ำข้ามทะเลไปคว้ารางวัลออสการ์มาได้ สตูดิโอ จิบลิ ยังมีหนังแอนิเมชั่นแฟนตาซีที่เป็นเรื่องราวของเหล่าเทพและเน้นอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คล้ายๆกันอย่าง Princess Mononoke ก็น่าหามาดู

หรือ หากใครไม่นิยม เนื้อหาในแนวหนังแฟนตาซี ค่ายจิบลีก็ยังมีหนังแอนิเมชั่นชูโรงที่เรียกน้ำตาคนดูอย่าง สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) ที่ถ่ายทอดชีวิตของพี่ชายและน้องสาวตัวน้อยที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะสงคราม ทำให้ทั้งคู่ ต้องมีชีวิตปากกัดตีนถีบเอาตัวรอดท่ามกลางระเบิดและความตาย กลายเป็นหนังต่อต้านสงครามที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง

หรือหากอยากเริ่มต้นรู้จักหนังของ สตูดิโอจิบลี และ อยากชวนลูกเด็กเล็กแดงมานั่งดูด้วยกัน หนังครอบครัวน่ารักๆอย่าง My neighbor Totoro หรือ My neighbor yamada ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจทีเดียว


รายชื่อหนังเรื่องอื่นๆที่จัดอยู่ในหมวด ‘ไม่ควรพลาด’ ของสตูดิโอจิบลี เช่น Whisper of the Heart , Only Yesterday , Kiki's Delivery Service , Howl's Moving Castle ฯลฯ และ เรื่องล่าสุดที่กำลังฉายกวาดคำวิจารณ์อย่างท่วมท้นในบ้านเกิดของตัวเอง คือ การกลับมา ท๊อปฟอร์มอีกครั้งของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผกก.รุ่นคุณปู่ คนเดียวกับที่ทำ Spirited away ในผลงานที่ชื่อ Ponyo on the Cliff by the Sea






บทสรุปแห่งปี 2008

9 หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2008

10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2008

10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2008

50 หนังประทับใจ ประจำปี 2008(ตอน 1)

5 หนังไม่ชอบ + 50 อันดับหนังประทับใจ ประจำปี 2008 (ตอนจบ)





พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 02 เมษายน 2552
Last Update : 2 เมษายน 2552 0:38:32 น. 15 comments
Counter : 6812 Pageviews.

 
เอ๊ะ คุณหมอเขียนไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ผมก็อ่านหลายครั้งเหมือนกัน เมื่ออาทิตย์ก่อนผมได้ดู ก็เลยเขียนเรื่อง Spirited Away บ้าง ผมเอางานคุณหมอเป็นแบบอย่างตอนเขียนด้วยครับ แต่ไม่ได้ลอกมานะครับ


โดย: Ghoeby วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:9:09:25 น.  

 
น่าดูเหมือนกันนะครับเนี่ย


โดย: McMurphy วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:9:56:04 น.  

 

เคยดูหมดทุกเรื่องของจิบลิเลยค่ะ
เราว่าเค้าทำการ์ตูนได้ลึกซึ้งดี ตอนนี้เก็บตังค์ซื้อ boxset dvd อยู่ (หมื่นกว่าๆ เท่านั้นเอง - -")


โดย: iSIs_OsiRis วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:10:16:11 น.  

 
ชอบ spirited away มากที่สุดค่ะ


โดย: ohkouu วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:16:59:07 น.  

 
ยังไม่มีโอกาสได้ดูค่ะ แต่อยู่ในเซทดีวีดีรวมฮิตของสตูดิโอจิบลิที่ซื้อมา(นาน)แล้ว คงจะหาเวลาดูเร็วๆนี้ค่ะ สำหรับเรื่อง Ponyo on the Cliff by the Sea ตอนกุ้งไปไต้หวันช่วงปลายเดือนม.ค.เห็นหนังตัวอย่างที่โน่น แล้วก็คิดอยู่ว่าน่าดูมากมาย แต่ที่โน่นเข้าแล้ว ทำไมเมืองไทยไม่มีทีท่าเลยล่ะเนี่ย


โดย: ลิปดา - พิลิปดา IP: 58.9.6.138 วันที่: 2 เมษายน 2552 เวลา:18:44:29 น.  

 
แอบแปลกใจว่า เอ คุณหมอเคยเขียนแล้วนี่นา
ที่จริงเป็นงานเขียนใหม่นี่เอง (^__^)

นี่เป็นหนังเรื่องที่สองที่ได้ดูของค่ายนี้ และไม่แปลกใจเลยว่าเรื่องนี้จะเบียด Ice Age เข้าป้ายออสการ์ได้
โดยส่วนตัว ผมชอบแง่คิดของ Howl's moving castle ไม่แพ้กันครับ เพียงแต่อันนั้นไม่ได้เล่นในประเด็นวงกว้างได้ทุกระดับอายุเท่า Spirited Away


โดย: Noah_1_of_4lnw วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:7:16:36 น.  

 
อยากดูเรื่องนี้แล้วก็ Princess Mononoke มากครับ แต่หามาดูไม่ได้


โดย: เจรามี IP: 118.174.81.152 วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:11:15:11 น.  

 
อยากดูค่ะ
ว่าแต่หาซื้อได้ไหนบ้างคะ


โดย: moji IP: 198.28.69.5 วันที่: 3 เมษายน 2552 เวลา:14:56:52 น.  

 
จิบลิเป็นตัวอย่างที่ดีที่บอกชัดว่า ภาพไม่จำเป็นต้องเป็นสามมิติอลังการณ์ การเป็นสองมิติที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเนื้อหาที่ดี กลับมีคุณค่ากว่า


โดย: alive IP: 58.8.252.12 วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:8:57:29 น.  

 
เรื่องนี้ 5++++/5 เลยครับ


โดย: Seam - C IP: 58.9.204.237 วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:9:02:51 น.  

 
เคยดู สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) ตอนเด็กๆ ร้องไห้เลย คิดว่าผู้ใหญ่ในเรื่องใจร้ายมาก แต่มาคิดอีกทีมันคงเป็นเพราะความลำบากทำให้คนเห็นแก่ตัว สงสารพี่ชายมากกว่าน้องสาว สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถปกป้องน้องตัวเองได้


โดย: vantnoy IP: 124.122.135.151 วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:16:28:35 น.  

 
ปกติผมชอบดูหนังและชอบคิดถึง message ที่หนังต้องการบอก มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ตีความไม่ออกเลย ต้องมาอ่านเอา


โดย: =Por= IP: 125.26.83.163 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:17:42:38 น.  

 
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้ดู แล้วก็ติดตามanimationของ Gibli เรื่องต่อๆไปจนเกือบครบแล้วค่ะ
ตอนแรกดูแล้วอย่าง งง ต้องดูหลายรอบและต้องหาคนมาวิเคราะห์หนังให้ฟัง ยิ่งได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับค่ายนี้ก็ยิ่งเข้าใจเรื่องอื่นๆได้ง่ายขึ้นด้วย
ส่วนตัวแล้วชอบ Totoro ค่ะน่ารักมากๆ ไปเจอร้านขายของGibliที่ญี่ปุ่น แทบจะกรี๊ดแน่ะค่ะ อยากได้ทุกอย่างเรย (แต่แพงงงงง)


โดย: MickyMania IP: 125.25.200.226 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:22:28:22 น.  

 
เรื่องนี่ดูแล้วเฉยๆครับ


โดย: jeda IP: 112.142.173.247 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:23:34 น.  

 

Spirited Away เป็นเรื่องแรกของค่าย Ghibli ที่ได้ดูค่ะ
ลูกชายวัยสี่ขวบชอบมาก ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เกินสิบรอบ ไม่ทราบว่าติดใจอะไร
เราก็ชอบนะ ดูจบรอบแรกไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ติดใจ ดูซ้ำอีก แต่ละรอบก็ได้ความคิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ ค่ะ

สุสานหิ่งห้อยนั้น ดูไปรอบเดียว ประทับใจมากเช่นกันแต่เศร้าเกินทนค่ะ ไม่กล้าดูซ้ำอีกเลย ....

หลังๆ ก็ไปหาเรื่องอื่นๆ มาเพิ่ม ชอบโตโตโร่กะปอมโปโกะ (เรื่องหลังนี่ไม่แน่ใจชื่อแฮะ ที่เป็นเรื่องของตัวแรคคูนอ่ะค่ะ) ก็น่ารักใสๆ ดี แต่ไม่ได้ชวนดูซ้ำเป็นสิบรอบเหมือน Spirited Away


โดย: คนของหัวใจ IP: 115.87.2.53 วันที่: 25 ตุลาคม 2553 เวลา:13:13:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
2 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.