กรกฏาคม 2558

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
“พื้นดวงเป็นคนมีปัญหาติดขัดด้านเอกสาร” แม่หมอหลายนางเธอว่ามาอย่างนี้


เกริ่นหัวเรื่องออกแนวไสยศาสตร์ไม่ใช่ว่าเพิ่งไปดูหมอมาหรืออะไรนะคะ อิชั้นเป็นคนที่ไม่ดูหมอ ไม่ชอบ แต่ถ้ามีใครอาสามาดูให้ฟรี ๆ ก็เอาสิ เรื่องไหนที่แม่หมอทายทักแล้วเห็นด้วย อิชั้นก็ฟังไว้ เรื่องไหนที่ไม่เห็นด้วยก็ฟังไว้อีกน่ะแหละ แต่จะเรื่องไหน ๆ อิชั้นก็ฟังหูไว้หูค่ะ ไม่ได้งมงายงมโข่ง


แต่คำทักจากแม่หมอ (ที่ดูให้ฟรี ๆ) หลายนาง จะตรงกันอยู่อย่างคือ พื้นดวงของอิชั้นจะมีปัญหาติดขัดด้านเอกสารตลอด แล้วมันเป็นเรื่องจริง ไม่ว่าอิชั้นจะไปขอเอกสารหรือติดต่อราชการเรื่องใด ๆ ที่มันต้องใช้เอกสารประกอบ ก็จะต้องมีปัญหาติดขัด ขาดเอกสารตัวนั้นตัวนี้ไปบ้าง (ทั้ง ๆ ที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี) ให้รำคาญใจอยู่ร่ำไป จนเป็นเรื่องชินไปแล้ว ไม่ว่าจะไปทำเรื่องอะไรก็ตาม อิชั้นจะทำใจไว้ตลอดว่าเดี๋ยวต้องมีปัญหาติดขัดอีกแล้วสิน่า


บล็อกนี้อิชั้นก็จะมาเล่า (หรือระบายความละเหี่ยใจ) ในปัญหาติดขัดด้านเอกสาร ซึ่งในปัจจุบันมันคือยุคดิจิตอล เอกสารต่าง ๆ ก็เป็นเอกสารดิจิตอลไปด้วย เรื่องมันมีอยู่ว่า ....


เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นวันสุดท้ายในปารีสของอิชั้นและครอบครัว ก่อนจะบินกลับมาฮ่องกงในช่วงเที่ยงวันเสาร์ ซึ่งวันก่อนหน้านั้นอิชั้นออกไปเที่ยวไปถ่ายรูปมาจนเบื่อแล้ว อากาศปารีสร้อนตับแตกจนอิชั้นหน้าดำ ปากไหม้ วันสุดท้ายพวกเราเลยตกลงกันว่าจะนอนเล่นกันอยู่แต่ในที่พัก พร้อมแพ็กกระเป๋าเดินทางซึ่งเต็มไปด้วยขยะของอิชั้นที่ซื้อมาจากเมืองต่าง ๆ เสร็จแล้วอิชั้นก็เล่นเน็ตไป เช็คอีเมลไป และสุดท้ายก็เช็คสเตทเมนต์ของบัตรเครดิตสำหรับรอบหน้าดูว่ายอดมันถูกต้องตรงกับที่ใช้จ่ายไปไหม มีใครเรียกเก็บมาแล้วบ้าง ฯลฯ


ก็ไปเห็นว่า Travelodge UK เรียกเก็บ No Show Charge มา 2 รายการเป็นจำนวน 202 ปอนด์ (No Show Charge คือค่าธรรมเนียมที่โรงแรมเรียกเก็บหากคุณทำการจองห้องพักไว้แต่ไม่เช็คอิน ไม่แจ้งยกเลิก ไม่ได้จุดธูปบอกทางโรงแรมด้วย คือหายศีรษะไปเฉย ๆ) แบบว่ากรี๊ดเลย คือชั้นไปจองโรงแรมแกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ตัวชั้นเองยังไม่รู้ตัวเลย แล้วแกเอาหมายเลขบัตรเครดิตและ CCV (รหัสหลังบัตร) ของชั้นไปได้ยังไง ใจเต้นรัว ตุบ ตุบ ตุบ ด้วยความตกใจ แกมโมโห แกมงง เหมือนโดนของหนักทุบหัว


เนื่องจากสเตทเมนต์มันเป็นรอบหน้า มันยังมีเวลาทักท้วง ตอนนั้นคิดอะไรยังไม่ออก ก็เข้าเว็บธนาคาร BOC เจ้าของบัตรเครดิตก่อนเลย ส่งข้อความถึง Customer Service ว่าขอ dispute รายการนี้ไว้ก่อนนะ ฉันไม่ได้ใช้บริการของ Travelodge ไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร เดี๋ยวฉันจะติดต่อสอบถาม Travelodge ดู


ระหว่างนั้นอิชั้นก็โวยวาย โวยวายด้วยคำหยาบ พ่น F word ด้วยความฉุนอย่างไม่ยั้งจนหน้าสองหนุ่มเต็มไปด้วยน้ำลาย 5555 อิชั้นพยายามตั้งสติคิดใคร่ครวญว่า Travelodge มันมาเอาหมายเลขบัตรเครดิตของตัวเองไปได้อย่างไร “หรือว่าเราทำจองไปจริง ๆ หว่า? ไม่นะ กรูไม่ได้จอง!!” (คือ เคยทำจอง Travelodge ที่ Brighton ไว้เมื่อ 4 ปีก่อนน่ะ นับมั้ย? ซึ่งก็ใช้บัตรเครดิตใบเก่าที่มันหมดอายุไปนานแล้ว แต่นี่มันเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตใบปัจจุบัน)


เข้าไปดูอีเมลเก่า ๆ ใน Inbox ก็ไม่พบอีเมลยืนยันการจองห้องพักที่ได้รับจาก Travelodge แต่อย่างใด แล้วมันมาเรียกเก็บเงินได้ยังไง ?? ด้วยความที่อิชั้นทำการจองทุกอย่างในวันสุดสัปดาห์หนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (โห ... หลายเดือนอยู่นะ) กอปรกับมีความจำปลาทองแบบคนแก่ (เพราะแก่แล้วน่ะสิ) อิชั้นจึงใช้เวลาอยู่นานในการส่งสมองตัวเองให้นั่งไทม์แมชชีนไปยังโซฟาห้องนั่งเล่นในวันดังกล่าว ค่อย ๆ รื้อฟื้นความทรงจำอันกระท่อนกระแท่น จนจำขึ้นมาได้อย่างเลือนรางว่า ตัวเองนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟาพร้อมตะโกนสื่อสารกับคุณสามีซึ่งอยู่ในห้องนอนตลอดเวลาขณะทำการจองห้องพักของ Travelodge ในลอนดอนไว้จริง ๆ ……….. เอาล่ะสิ!!


แต่มันมีเหตุ .... พอเลือกโรงแรมในย่านที่คุณสามีลงมติว่าโอเคได้แล้ว เลือกวันที่ที่จะจองแล้ว เข้าไปถึงหน้าชำระเงิน ใส่รายละเอียดส่วนตัวและบัตรเครดิตลงไปหมดแล้ว (มันได้ข้อมูลบัตรเครดิตของอิชั้นไปตอนนี้แหละ) อิชั้นก็กดยืนยันส่งข้อมูลดังกล่าวเข้าระบบจองของโรงแรมเพื่อทำการจอง แต่ .. ระบบมันไม่รับ เปิดไปอีกหน้าแล้วบอกว่า ห้องที่ยูจะจองน่ะเต็มแล้ว


ก็อ่ะ .. เลือกโรงแรมใหม่ (ในเครือ Travelodge นี่แหละ) แต่อยู่อีกย่านหนึ่งซึ่งคุณสามีก็ว่าโอเค กรอกข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วนเหมือนเดิมเป๊ะ แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดจาวู จองไม่ได้!! มันบอกห้องเต็มแล้ว เพลียสิ .. แหม เสียเวลากรอกข้อมูล 2 รอบ จองไม่ทันคนอื่นหรือนี่ เห็น ๆ อยู่ว่าห้องว่าง พอจะทำจองกลับเต็มซะแล้ว


Travelodge ยังมีโรงแรมย่านอื่น (ในลอนดอน) ที่ว่างอยู่อีกเป็น 10 โรง แต่พอบอกชื่อย่านให้สามีฟัง สามีบอก Not OK ทั้งหมด ก็เลยเข้า Booking.com ไปหาโรงแรมอื่นในย่านที่เธอโอเค ก็ไปได้ Haverstock Hotel ในราคาที่แพงกว่า Travelodge เยอะ แต่คุณสามีทุ่มทุน ยอมจ่าย ก็ทำจองไป โรงแรมนี้เรียกเก็บเงินค่าห้องพักทั้ง 7 คืนล่วงหน้าเต็มจำนวนในวันจองเลย ไม่มีปัญหา ไปเข้าพักมาแล้ว โรงแรมดี ถูกใจ อยู่ในย่านดีมาก ลูกชายยังเพ้อหาอยู่จนถึงขณะนี้





ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเลย
เป็นภาพกระเป๋าใส่กล้องของ The Leather Satchel
ที่อิชั้นสั่งตัดขนาดพิเศษเอาไว้ตั้งแต่อยู่ฮ่องกง
แล้วนัดให้เขาไปส่งที่โรงแรมในลอนดอน




กลับไปยังห้องพักในปารีสกันต่อ 555 .. สมองที่จำเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เลยในตอนแรก มันเริ่มจำขึ้นมาได้อย่างรางเลือน แล้วค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเกือบหมด อิป้าก็เข้าเว็บ Travelodge ซึ่งมีช่องทางติดต่อโดยให้ฝากข้อความไว้เหมือนกัน ก็มือไม้สั่นพิมพ์ไปด้วยความฉุนว่า ....


“My family and I planned our summer trip in UK (1-8 July in London and 8-10 July in Bristol) since February when we started to book air tickets, accommodations and car rental. I tried to book rooms with Travelodge, not sure which hotel, which were initially available, after I submitted all personal and credit card information required, the page then showed the rooms I wanted to reserve were unavailable, I therefore reserved other hotels instead, and were not aware of any problem since I did not even get any email confirmation from Travelodge. Today I checked my credit card statement and found that there was a no show charge from Travelodge for 2 transactions, could you please check this error?”


พอส่งข้อความไปเสร็จ ด้วยความกังวลและอยากรู้อยากเห็น ก็กูเกิลดูว่าในอินเทอร์เน็ตภพนี้มีใครพบปัญหากับ Travelodge อย่างอิชั้นบ้าง เฮ้ย เจอเพียบเลย .... เข้าไปเช็คในหน้าแฟนเพจ facebook ของ Travelodge เอง ก็มีคนมาบ่นไว้เนือง ๆ ขนาดแอดมินเพจเธอโพสต์เรื่องเตียงใหม่เพื่อการนอนอย่างฝันหวานอะไรของเธอ มนุษย์ในอินเทอร์เน็ตภพก็ยังเข้าไปโพสต์ด่าเรื่องมีปัญหาการจอง การเรียกเก็บเงิน ฯลฯ


ใจนึงก็ขำ ใจนึงก็ยิ่งวิตก เอ .. จะโดนกับเขามั้ยว้า มันชาร์จมาเกือบ 2500 เหรียญฮ่องกง (ประมาณหนึ่งหมื่นบาท) แต่เห็นแอดมินของเพจ (ซึ่งมีหลายคน) ก็เข้ามาตอบปัญหา (หรือคำด่า) อย่างดีอยู่นะ ก็เลยโพสต์ข้อความเดียวกันกับที่ส่งไปทางเว็บไซต์ฝากไว้ทางหลังไมค์ของแฟนเพจ facebook ของ Travelodge อีกที่นึง อุ่นใจไว้ก่อน รุ่งขึ้นก็ได้รับคำตอบจากแอดมินของเพจที่มีชื่อว่า Nic บอกว่าจะตามเรื่องให้


จนวันจันทร์ตอนเช้าก็ได้รับอีเมลตอบจาก BOC ที่ส่งเอกสารการยื่น Dispute มาให้ ว่าให้อิชั้นกรอกเอกสารแล้วส่งแฟกซ์กลับไปให้ธนาคารภายใน 14 วันพร้อมแจ้งว่าการ dispute จะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 45-60 วัน อิชั้นก็ใจชื้นขึ้นแต่ยังไม่ได้ทำอะไร ตั้งใจรอฟังคำตอบจากTravelodge ก่อน


วันอังคารตอนเย็นก็ได้รับคำตอบจาก Travelodge ขอโทษขอโพยในความผิดพลาดของระบบ รับปากว่าจะทำเรื่องคืนเงินให้ภายในวันนี้ พร้อมแจ้งว่าการคืนเงินผ่านธนาคารจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3-5 วัน ก็ค่อนข้างหายห่วงแล้วหละ


พอวันนี้มาเช็คเสตทเมนต์บัตรเครดิตของตัวเอง ก็เห็นว่าทางนั้นทำเรื่องคืนเงินมาให้แล้วเรียบร้อย แต่คุณรู้ไหมว่า มันเกิดปัญหาติดขัดอะไรให้อิชั้นปวดกบาลขึ้นมาอีก???


ใช่แล้วค่ะ ... อัตราแลกเปลี่ยน (ระหว่างเงินปอนด์กับเงินฮ่องกง) ในวันที่เขาเรียกเก็บเงินกับวันที่คืนเงินมาให้มันต่างกัน โดยที่อัตราในวันคืนเงินน่ะมันน้อยกว่าอัตราในวันเรียกเก็บอยู่อีก 100 กว่าเหรียญ โอย ... ชีวิตหนอ ทำไมมันต้องเหนื่อยซ้ำ เหนื่อยซากกับเรื่องแบบนี้ด้วย ... 100 กว่าเหรียญก็คือเงินนะ และไม่ใช่เรื่องของเราที่จะต้องมารับผิดชอบด้วย


เมื่อสักครู่อิชั้นก็ส่งข้อความหลังไมค์ไปขอบคุณแอดมิน Nic ที่เพจของ Travelodge ที่ตามเรื่องให้จนได้รับคำตอบและการแก้ไขอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ส่งอีเมลอีกฉบับไปให้ทาง BOC (หวังว่าจะเป็นฉบับสุดท้าย) ให้ waive ส่วนต่างนี้ด้วย คือมันก็ไม่ใช่ความผิดของธนาคารหรอกที่มาเรียกเก็บ เพราะทุกอย่างมันเป็นดิจิตอล เป็นการทำงานของอมนุษย์ แต่ถ้ามนุษย์อย่างเราไม่เสียเวลาแย้งไป เขาก็ไม่รู้ (หรือไม่ใส่ใจนั่นเอง)


**ซึ่งล่าสุด (28 กค.) ทาง BOC ก็ตอบอีเมลกลับมาแล้วว่าจะยกเลิกให้ โดยที่ Statement ตัวจริงที่จะเรียกเก็บจริงในรอบหน้าจะไม่มีส่วนต่างจำนวนนี้ (อิชั้นดูข้อมูลการเรียกเก็บเงินทางออนไลน์อ่ะนะคะ สามารถเช็คได้ตลอดเวลาว่าเราใช้จ่ายอะไรไปบ้าง มีใครเรียกเก็บมาแล้วบ้าง ก่อนที่ธนาคารจะส่ง Statement ตัวจริงมาให้)


สุดท้ายนะ ... อิชั้นค่อนข้างดีใจที่ใช้บัตรเครดิตของตัวเองแทนที่จะเป็นของสามี มิฉะนั้นคุณสามีจะไม่มาทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ตอนที่อิชั้นตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าโดนเรียกเก็บเงินอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอบอกอิชั้นเพื่อปลอบใจว่า "ไม่ต้องห่วง ถ้าเราต้องจ่ายจริง ๆ ฉันจะเป็นคนจ่ายเอง" โอย .. อิชั้นยิ่งยั๊วะนะ "จ่ายทำไม ไม่ใช่เรื่องของเราเลยนะ!!"


และพอมาวันนี้ที่เรื่องราวค่อย ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว ก็โล่งใจที่ไม่ต้องควักแผนสำรอง ก๊อกสอง ก๊อกสามที่เตรียมการไว้แล้วมาใช้ อันได้แก่การยื่นเอกสาร dispute กับทาง BOC การร้องเรียนไปกับทางสคบ.ของ UK และการตามไปด่าที่แฟนเพจ Travelodge เหมือนฝรั่งอั้งม้อคนอื่น ๆ ต่อไป 555




Create Date : 24 กรกฎาคม 2558
Last Update : 28 กรกฎาคม 2558 11:40:08 น.
Counter : 1210 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ