++++ มามะมาพาข้ามน้ำข้ามทะเลสองพันกว่าไมล์เพื่อพบเธอ ซากุระ 2016 โตเกียว ++ part 2 ++





ความเดิมจากตอนที่แล้วคลิ๊กที่ลิ้งค์   Part1     ได้เลยค่ะ


ตื่นมาเช้าวันที่ 1 เม.ย. 2559 กินข้าวที่โรงแรมเสร็จ ออกเดินทางตอน 7.30 

ต้องให้ทันรถไฟ tobu line ไปนิกโก้รอบ 8.10น.

เราต้องฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่โรงแรม 1 คืน เพราะคืนนี้จะไปค้างที่นิกโก้

 แบ่งเสื้อผ้าใส่เป้ อาหารเช้า toyoko inn เหมือนๆกันทุกที่แต่วันนี้ชอบที่นี่จัง

มีมีทบอลด้วย แต่น่าจะเป็นเนื้อไก่รึไม่ก็เนื้อหมูนะ






อากาศดีๆยามเช้าเดินมาเรื่อยๆ เห็นต้นซากุระริมถนนเรื่อยๆเช่นกัน






ผ่านย่านร้านค้าที่ขายของก็ยังคงปิดสนิทเงียบ มีแต่คนทำงานที่เดินสวนกันไปมา 

ชอบบรรยากาศแบบนี้เหมือนกันนะ สงบดี





เดินมาจนถึงตึกสถานีรถไฟ tobu เกือบ 20 นาทีได้ค่ะ เพราะเดินไปถ่ายรูปไป

ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 เรายื่นตั๋วที่ซื้อเมื่อวานให้จนท.ดูก็ผ่านเข้าไปได้เลย

เมื่อวานนี้จนท.แนะนำให้ซื้อแบบ all nikko pass 4 วัน เหมาะสำหรับเดินทาง

ทั่วนิคโก้ คือโซนมรดกโลกและโซนทะเลสาป น้ำตกด้านบน

ราคาคนละ 4,520 เยน จะเริ่มใช้วันใหนแจ้งจนท.ได้เลยเค้าจะได้เขียนให้





รถไฟจอดรออยู่แล้ว ขบวนยาวนะ แต่ถ้าจะไปลง nikko ขึ้นได้แค่ 2 โบกี้เท่านั้น

 คือตู้ที่ 5 กับ 6 เพราะที่เหลือจะแยกจากกันที่สถานี shimoimachi 

แยกไป kinugawa onsen กับ tobu nikko เราเลือกนั่งตู้ที่ 6 






ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ก็มาถึงแล้ว nikko world heritage หนาวกว่าโตเกียวแฮะ









ลองกดดูอุณหภูมิ 9 องศาได้ บรึ๋ยส์ๆๆๆ หาอะไรร้อนๆกินดีกว่า 

ฝั่งตรงข้ามมีร้านขายซาลาเปาทอด

ในพันทิปบอกว่าอร่อยดี ตัวแป้งทำจากเต้าหู้ล่ะ ไปลองกัน





ไม่ผิดร้านแน่นอนมีตู้ซาลาเปาตั้งหน้าร้านเลย ลูกละ 200 เยนค่ะ 

สั่งไป 2 คุณป้ารินชาร้อนๆมาให้ด้วย






กินด้วยกันนะคะ






ข้ามถนนมารอรถเมล์ขึ้นไปน้ำตกริวซูกัน ขึ้น - ลง โชว์พาสให้คนขับรถดู

ภูเขาสูงมากๆค่ะ รถวนขึ้นเขาหลายรอบ เข้าใจแล้วว่าทำไมใครๆถึงมานิกโก้

ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี  เรายังจินตนาการตามเลย คงสวยน่าดู ด้วยภูมิประเทศตรงนี้

เป็นภูเขาสลับซ้อนกันหลายลูก  ช่วงใบไม้แดงต้องสวยตระการตาแน่ๆ 

นั่งมาประมาณ 1ชม.ได้ ลงป้ายที่ 35 เดินตรงไปจะเจอป้ายน้ำตก





อาจจะเพราะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว คนน้อยมากๆจนเงียบ ด้านหน้าน้ำตกริวซูจะมี

ร้านอาหารเล็กๆและเป็นร้านขายของฝากในตัว เราตัดสินใจกินข้าวกลางวันกันที่นี่

 ตอนแรกว่าจะไปกินที่น้ำตกเคกอน วิวด้านหน้าน้ำตก ตอนนี้หนาวมากๆค่ะ 

ยิ่งมีลมยิ่งหนาว..ริวซู แปลว่ามังกร น้ำตกมังกร ลองจินตนาการดูว่าคล้ายมั้ย





นิกโก้ดังเรื่องเต้าหู้โซบะค่ะ วันนี้เลยจะลองสักหน่อย เมนูมีไม่เยอะ 

แต่ใจอยากกินข้าวแกงกะหรี่จังเลย





สั่งเทมปุระโซบะ กับ ยูบะ โซบะค่ะ สั่งแล้วจ่ายเงิน ยืนรอ บริการตัวเอง 

ไปหาที่นั่งด้านหน้าดีกว่าได้วิวน้ำตกด้วย ซดโซบะ วิวน้ำตกริวซู 

ตัวเต้าหู้เย็นอร่อยดีนะ นิ่มๆ ซดน้ำร้อนๆค่อยยังชั่วหน่อย





อากาศแบบนี้ถ้าได้ดังโงะร้อนๆท่าจะดี เดินไปซื้อเซตขนมมา 2 เซต 

กัดคำแรก เซ็งเลย..เย็นชืดมากค่ะ





นั่งรถเมล์ฝั่งตรงข้ามกับที่มาตอนแรกย้อนไปลงป้ายที่ 24 ไปน้ำตกเคกอน

ตรงนี้หนาวสะท้านเลย ต้องแวะซื้อถุงมือเพราะไม่ไหวแล้วอ่ะ 

น้ำตกใหญ่มากๆค่ะ รอบข้างยังมีหิมะอยู่





แนะนำว่าให้มาทานข้าวที่จุดนี้ดีกว่าค่ะ เพราะถูกกว่าและมีให้เลือกหลายอย่างเลย





พี่ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเพื่อจะเจอกับสิ่งนี้ และอากาศที่หนาวเย็น 

ก่อนมาเช็คอุณหภูมิก็ประมาณ 10 

ไม่คิดว่าขึ้นมาด้านบนน้ำตกและทะเลสาปจะหนาวกว่านั้น





เดินไปทะเลสาปชูเซ็นจิ เพื่อนเพิ่งมาก่อนหน้า เห็นรูปแล้วสวยงาม

คล้ายสวิซเซอร์แลนด์ แต่สิ่งที่เห็น..เมฆปกคลุม อากาศมัวซัวมากกก









ยอมใจ..จับปลาตอนอุณหภูมิเลขตัวเดียวเนี่ยนะพี่!!





เดินไปรอรถเมล์กลับลงไปที่สถานี tobu nikko แล้วโทรให้คุณลุงรินโดะ

มารับเลยดีกว่า  ขาลงเราเมารถค่ะ เลี้ยวโค้งหลายเลี้ยว กว่าจะถึงด้านล่าง

นั่งพะอืดพะอมอยู่นานเลยถึงด้านล่างประมาณ 5 โมงเย็น คุณลุงบอกว่าให้เข้าไป

ที่เคาเตอร์ information แล้วให้จนท.โทรหาคุณลุงยื่นใบจองปริ้นท์จากเมล์ให้

จนท.ดู รบกวนโทรให้ด้วย จนท.คุยสักพักบอกว่าให้รอตรงนี้สัก 10 นาทีค่ะ

แล้วคุณลุงก็มารับเรา 





นั่งรถมาไม่นานเลย ถึงบ้านแล้ว ตั้งแต่เข้าบ้านครั้งแรก รู้สึกเลยว่าบ้านเค้า

สะอาดมากๆ พื้นเงาแว๊บ ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบ  คุณลุงพาขึ้นไปที่ห้องพัก

 อธิบายต่างๆ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ใช้แชร์กัน ห้องพักมีทั้งหมด 5 ห้อง

ห้องกว้างมากเลยค่ะ ชอบจัง













คุณลุงบอกว่าสัก 6 โมงเย็นจะขับรถไปส่งที่ร้านอาหารนะ อยากกินอะไร 

บอกไปว่าข้าวแกงกะหรี่ คุณลุงพามาร้านนี้ Mako ขากลับเค้าจะให้ร้านโทรไป

บอกจะได้มารับ แต่เราเกรงใจเลยบอกไปว่าจะเดินกลับเอง





สั่งข้าวหน้าแกงกะหรี่หมู่ทอดไปคนละจาน จานละพันกว่าเยนจำไม่ได้ค่ะ

รสชาติธรรมดา









กลับมาพักผ่อนเตรียมแช่ออนเซ็น ประทับใจมากๆ ไม่รู้ว่าคุณลุงคุณป้าใส่อะไร

ลงไปในน้ำที่เราแช่ น้ำเป็นสีชมพูอมม่วงๆ หอมๆ แช่แล้วรู้สึกสบายตัว 

ชอบที่สุดเลย Smiley

ดื่มชาเขียวร้อนก่อนนอน จะได้หลับสบาย





หลับยาวเลยค่ะ ฮีทเตอร์อุ่นสบาย รู้สึกตัวอีกที 6 โมงเช้า กดดูอุณหภูมิ 

omg!! 0 องศา!! โอ้ววว..ม่ายย..แล้วชั้นจะอยู่อย่างไร คิดว่าสายๆเด๋วก็อุ่นเนาะ

 ปลอบใจตัวเอง  เช้านี้เราสั่งอาหารเช้ากับที่บ้านคุณลุงค่ะ นัดเวลาทาน 8 โมง 

ที่นี่เปิดให้อาบน้ำเวลา 7 โมงนะ หนาวซะขนาดนี้ ไม่อาบอ่ะ Smiley

 ทำใจกล้า ลองไปเดินถ่ายรูปหน้าบ้าน






แล้ววิ่งเข้าบ้านไปเอาเสื้อมาใส่แทบไม่ทัน..ในบ้านจะมีบอร์ดไว้ติดการ์ด 

ของที่ระลึก ที่ลูกค้าประทับใจส่งกลับมาให้คุณลุงคุณป้า

ส่วนใหญ่เป็นคนไทยนะ แบงค์ 20 100 500 ก็มี บางคนเก่งจัง วาดรูปสวยเชียว





ลืมเล่าให้ฟัง ก่อนมาคุณสามีเค้าไปอยุธยาซื้อกระเป๋าใส่เหรียญ 

กระเป๋าช้างใบใหญ่ เพรทซ์รสลาบแล้วฝากให้เราผูกโบว์ บอกว่าจะเอาไปให้

คนญี่ปุ่นที่ช่วยเหลือเรา เป็นของเล็กๆน้อยๆ อืมๆๆ ความคิดดี Smiley

กระเป๋าใบใหญ่สีเขียวให้คุณป้ารินโดะ คุณป้าดีใจใหญ่เลย ขอบคุณหลายครั้ง

แล้วก็ให้กระเป๋าใส่เหรียญเรากลับมาด้วยเราก็ไม่อยากรับ 

แต่เกรงใจเค้าอุตส่าห์ไปหามาให้





ได้เวลาอาหารเช้า ลงมาก่อนเวลา 5 นาที เสร็จพอดี รอคุณป้าตักข้าวแป๊บนึง

แว๊บแรกที่เห็นนี่แบบว่า..นี่ของจริงเหรอ เหมือนโมเดลมากๆ ประดิดประดอย 

โอ้ยย..สุดยอดอ่ะ





อันนี้ไม่ใช่ปลาแซลมอน คุณป้าบอกว่าไม่รู้ภาษาอังกฤษเรียกว่าปลาอะไร 

แต่ก็อร่อยดีค่ะ สีเค้าจะส้มๆแบบนี้เลย






อิทาดะคิมัสสส..จะกินให้เรียบเลยครัชชช






และแล้วก็ถึงเวลาลาจาก หวังว่าจะได้พบกันอีก คงได้พบกันใหม่นะคะ 

ขอบคุณที่ดูแลอย่างดีเสมือนบ้าน คุณป้าขับรถมาส่งที่สถานี tobu nikko 

เรารอขึ้นรถเมล์สาย 2C ไปโซนมรดกโลก ขึ้นด้านหลังรับตั๋ว

พอจะลงยื่นตั๋วกับ pass ที่เราซื้อมาให้คนขับค่ะ ลงป้ายที่ 83

omotesando ต้นไม้แต่ละต้นใหญ่ๆทั้งนั้นเลยนะเนี่ย





ระหว่างทางเดินไปศาลเจ้าจะเจอวัดรินโนจิ ซึ่งยังซ่อมบำรุงไม่เสร็จ ยังคงปิดอยู่

ระยะเวลาในการซ่อมแซม 10 ปีค่ะ กว่าจะเปิดจำไม่ได้ว่าปีอะไร





เดินต่อ..ไปศาลเจ้าโทโชกุ ต้องซื้อบัตรค่าเข้าชมอยู่ที่คนละ 1,300 เยนค่ะ





ตั๋วแบ่งเป็น 3 ส่วน จนท.จะฉีกตั๋วเมื่อเราผ่านไปแต่ละจุด





ไปศาลเจ้าญี่ปุ่นมาหลายที แต่ไม่เคยเห็นที่ใหนยิ่งใหญ่เท่าที่นี่เลย 

สมแล้วล่ะที่ได้มรดกโลก กว้างใหญ่หลายชั้น หลายหลัง ที่นี่มีบริการถ่ายรูป

ให้ด้วยนะคะ เราก็ใช้บริการรูปละ 1 พันเยน เค้าเอากล้องเราไปถ่ายให้ด้วยนะ 

ภาพนี้เลยที่ปริ้นท์ออกมา ถ่ายดี๊ย์..ดี..พูดไทยได้อีกตะหาก





ไม้แกะสลักเป็นรูปลิงสามตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา cr : วิกิพีเดีย

ลิงสามตัว (ญี่ปุ่น: 三猿 san'en ซันเอ็ง หรือ sansaru ซันซะรุ; 三匹の猿 sanbiki no saru ซันบิกิโนะซะรุ) คือภาพปริศนาธรรมที่มีใจความสำคัญหลักว่าด้วย "การไม่รับรู้โดยการมองในสิ่งที่ไม่ดี การไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี และการไม่กล่าววาจาในสิ่งที่ไม่ดี" ในบรรดาลิงสามตัว ตัวที่หนึ่งเรียกว่า มิซะรุ (見猿 / 見ざる) มีลักษณะใช้มือปิดตา หมายถึงการไม่รับรู้โดยการมองในสิ่งไม่ดี ตัวที่สอง คิกะซะรุ (聞か猿 / 聞かざる) ใช้มือปิดหู หมายถึงการไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ดี ตัวสุดท้าย อิวะซะรุ (言わ猿 / 言わざる) ใช้มือปิดปาก บ่งบอกถึงการไม่กล่าววาจาในสิ่งที่ไม่ดี ในบางโอกาส สามารถกล่าวได้ว่ามีการเพิ่มลิงตัวที่สี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ลิงตัวที่สี่นั้นมีนามว่า ชิซะรุ (し猿) บ่งบอกถึงใจความสำคัญของการไม่กระทำสิ่งที่ไม่ดี ลักษณะของลิงตัวนี้คือใช้มือทั้งสองข้างปิดบริเวณท้องหรืออวัยวะเพศ หรือในบางครั้งมีลักษณะนำมือทั้งสองข้างไขว้กัน ความหมายของลิงสามตัวนี้มีการเพิ่มเติมและแปลตามลักษณะโวหารเกี่ยวข้องกับการคิดดี พูดดี และกระทำดี ในโลกตะวันตกประโยคของลิงสามตัวหมายถึงความไม่ประมาทโดยการมองในอีกมุมหนึ่ง ได้แก่การไม่ยอมรับหรือไม่รับรู้ในสิ่งนั้นๆ หรือการแสร้งที่จะไม่รับรู้ 





ถูกที่สุดเลย ปิดหู ปิดตา ปิดปาก หมดการรับรู้ในกิเลส





วันที่เราไปนั้น ประตูปิดซ่อมบำรุงหลายจุดเลย แต่ละจุดสวยๆทั้งนั้น

เช่นประตู yomeimon gate ปิดซ่อมบำรุงค่ะ





ประตูนี้ก็สวยนะ karamon gate แต่ด้านหลังซ่อมเช่นกัน





จากประตูนี้เดินตรงเข้าไปจะเจอซุ้มประตูมีรูปแมวนอนหลับอยู่

ก่อนที่เราจะเดินขึ้นไปสุสานโชกุนอิเอะยะซุ





โชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ เป็นผู้ก่อที่สร้างความเจริญอย่างมากให้ประเทศญี่ปุ่น

 สุสานเค้าตั้งอยู่บนภูเขาสูงขึ้นบันไดหลายขั้น กว่าจะถึงหอบเหนื่อยกันเลยทีเดียว





มีจุดนั่งพัก มีตู้กดชาเขียวบริการ เลือกได้ว่าจะเอาร้อนหรือเย็น 

เลือกกดแบบร้อนค่ะ





ถึงสักที ยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างจริงๆล่ะ ลูกหลานเป็นคนสร้างให้









เดินกลับลงมาด้านล่าง เพื่อที่จะเดินไปศาลเจ้า futarasan 

เห็นเสาโทริอิ แสดงว่าถึงล่ะ





ภายในศาลเจ้าไม่ใหญ่เท่าโทโกชุ เดินไปไหว้แป๊บเดียวแล้วออกมา

ไปวัดไทยูอินต่อเลยค่ะ





ค่าเข้าชม 550 เยนต่อคน เหมือนเดิม ปิดซ่อมแซม เออ..เนาะวันนี้วันไรเนี่ยยย





เดินขึ้นบันไดต่อไปจะเจอกับประตูทางเข้าด้านในค่ะ ด้านบนนี้สวยดี

 แต่บันไดเยอะมากกก จะสูงไปใหน 5555 





ด้านบนเป็นศาลาหลักที่ตั้งของอนุเสาวรีย์โชกุน iemitsu tokugawa





เริ่มหิวล่ะ นั่งรถบัสกลับมาลงป้ายที่ 7 สะพานชินเคียว

 ตรงนี้จะมีร้านอาหารเยอะ เดินข้ามถนนไปร้านแรกเลย





สั่งทงคัตสึด้ง กับ เทมปุระด้ง คนละเซต ในเซตจะมีเต้าหู้ให้ถ้วยเล็ก อร่อยนะ









อิ่มแล้วก็เดินไปเก็บรูปสะพานแดงสัญลักษณ์อีกอย่างของนิกโก้ 

พอไม่มีใบไม้แดง สะพานดูธรรมดาไปเลย





นั่งรถบัสไปลงสถานี tobu nikko ก่อนกลับแวะชิมชีสเค้กเจ้าอร่อย 

อยู่เยื้องไปทางขวามือจากสถานี





ภายในร้านหอมเบเกอรี่มั่กๆ มีขนมหลายอย่างแหน่ะ แต่ที่ดังที่สุดเป็น แรชีสเค้ก

สั่งแรชีสเค้กรสดั้งเดิมกับคาราเมลพุดดิ้ง และชาร้อนคนละถ้วย นั่งพักแป๊บ









เรากลับรถไฟเที่ยว 13.57น คนมารอกันเยอะแล้ว 

วิวขากลับระหว่างทางเจอต้นซากุระตามป้ายสถานีต่างจังหวัดสวยๆทั้งนั้นเลย





มีรถไฟอีกขบวนกำลังสวนมาพอดี วิ่งผ่านทุ่งดอกเรปซี้ด





ตอนขาไปจำได้ว่าผ่านแม่น้ำสุมิดะวิวต้นซากุระสวยงาม 

คราวนี้เลยตั้งใจรอเก็บภาพ





เย็นนี้เราจะไปดูไลท์อัพที่สวน chidorigafuchi นั่งจาก asakusa 

มาลงที่สถานี kudanshita (S05,Z06,T07)

ในสถานีมีโมจิสตรอเบอรี่ขาย แวะซื้อกินรองท้อง





ออกมาถึงกับตื่นตาตื่นใจ สวยจริงๆ แต่คนก็เยอะอีกเช่นเคยค่ะ









เดินขึ้นไปถ่ายบนสะพานลอยก่อนจะข้ามไปลงฝั่งศาลเจ้ายาสึคุนิ





โดนร้านไอติมชาเขียวดักก่อนเลย จัดไป..





เดินไม่ถึงใหนเลย เจอทาโกะยากิเจ้านี้ต่อคิวรอเลย





ลงเอยที่เวิ้งแรกเลย 5555 สั่งโอเด้ง กับ หอยยักษ์ย่างไปค่ะ









หอยยักษ์มีความเหนียวแน่น กัดไม่ขาด เอ็นลุ่ยๆๆตามกัน

ปากก็ต้องกัดตามไปด้วยนะ..เอาซี้ๆๆ ใครจะอยู่ใครจะไป





กล้วยหอมชุบไวท์ช็อคโกแลต น่ารักมุ้งมิ้ง





สายไหมญี่ปุ่นน่ารักได้อีก ใครพาลูกมาได้เสียตังค์ตรงนี้แน่ๆ





โอโคะโนมิยากิ น่ากินๆๆ 





ตรงนี้สวยมากอ่ะ เพราะอยู่ใต้ต้นซากุระเลย แต่ไม่เข้าใจทำไมไม่เปิดไฟให้สว่างๆ





สามวันแรกผ่านไปแล้ว วันต่อไป 3 เม.ย. 2559 อยู่โตเกียวค่ะ 

ไปดูซากุระที่ chidorigafuchi ตอนเช้า บ่ายๆไปสวน shinjuku gyoen

กลางคืนไปดูไลท์อัพที่ tokyo midtown ฝากติดตามด้วยค่าาา


มาต่อกันเลยที่ Part3








Create Date : 02 พฤษภาคม 2559
Last Update : 7 กรกฎาคม 2559 12:42:56 น.
Counter : 1376 Pageviews.

2 comments
  
ไปญี่ปุ่นอีกแล้วน่าอิจฉาจังค่ะ
น่ารักจังที่เอากระเป๋าสตางค์กับเพรซรสลาบไปให้ด้วย ตอนไปพกแค่กาแฟไทย , ผลไม้อบแห้ง ประมาณนี้ค่ะ เตรียมไม่ทัน แหะๆ คราวหน้าขอลอกนะคะ ^^
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:8:10:18 น.
  
ตามไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยคนคราบ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:18:57:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

life for eat and travel
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]



New Comments
พฤษภาคม 2559

3
5
6
7
8
9
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog