Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 1》 四十三


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 43


25 กุมภาพันธ์ 2551 / ปรับปรุงแก้ไข :




43-1


“ยังมีอะไรที่เจ้ายังไม่ได้บอกเราอีกไหม” ไท่โห้วโต้วตรัสถามป้านมกัว

“ไม่มีแล้วเพคะ มีอยู่แค่เท่านี้เพคะ”

“เราเห็นว่าเจ้าไม่ใช่คนอื่นคนไกล เจ้าเข้าใจที่เราพูดใช่ไหม”

“หวงโห้วไม่ได้ตรัสถามอะไรอื่นอีกเพคะ เพียงแค่ถามถึงราชบุตรเขยเฉาโซ่ว เรื่องอื่นๆก็ไม่ได้ตรัสถาม เพคะ”

“เอาเป็นว่าเราเชื่อเจ้า” จากนั้นก็ทรงตรัสเรียกขันที

ขันทีถือถาดที่เต็มไปด้วยก้อนทองคำเดินเข้ามา ไท่โห้วจึงมีรับสั่ง “ให้นำของเหล่านี้ส่งไปที่บ้านของแม่นมกัว

“อย่าเลยเพคะ..อย่า” ป้านมกัวรีบปฏิเสธ “ทองเหล่านี้ ไม่มีประโยชน์อันใดต่อหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ต้องการจะร้องขอพระเมตตาจากไท่โห้ว พระราชทานอนุญาตให้หม่อมฉันได้พบหน้าลูกเส่อเหรินด้วยเถิดเพคะ”

“เจ้าอยากพบกับกัวเส่อเหรินอย่างนั้นรึ”

ป้านมกัวทรุดเข่าลงร่ำไห้รำพัน “หม่อมฉันเป็นหม้าย(守寡)มาก็หลายปี มีลูกชายอยู่แค่เพียงคนเดียว เมื่อเค้ากระทำผิดต่อข้อห้ามของสวรรค์ก็สมควรที่จะโดนลงทัณฑ์ หากจะต้องถูกฆ่าถูกแกงก็ถือเป็นผลกรรมที่สนองตอบเค้าจากสวรรค์” ป้านมกัวพยายามทูลขอความเห็นใจ “เมื่อได้เวลาที่เค้าจะต้องดื่มนม หม่อมฉันก็ต้องป้อนนมให้กับไท่จื่อ ลูกของตัวเองแท้ๆแม้แต่นมสักหยดจากหม่อมฉันก็ไม่เคยได้ดื่มสักครั้ง เวลานี้ขอได้ทรงโปรดอนุญาตให้เค้าได้ดื่มนมจากอกหม่อมฉันสักครั้งก่อนตายด้วยเถิดเพคะ”

ได้ยินแล้วไท่โห้วโต้วก็ทรงทอดถอนพระทัย “ช่างน่าเวทนาสงสารหัวอกของคนที่เป็นแม่เสียจริงๆ ความคิดความพยายามทุกวิถีทาง(费尽心机)ที่ผู้เป็นแม่ได้กระทำก็เพื่อลูกชายของตนเอง เจ้าจงกลับไปเกลี้ยกล่อมกัวเส่อเหรินให้เค้าพูดความจริงออกมา แล้วเราจะให้พวกเจ้าสองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง”

ป้านมกัวรีบกล่าวคำขอบคุณไท่โห้วโต้ว “ขอบพระทัยหวงไท่โห้ว ขอบพระทัยเพคะ”



43-2


ระหว่างทางกลับจากจวนเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ ตงฟางซั่วรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยตามมา จึงได้เอ่ยถามว่าเป็นผู้ใด แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ ทันใดนั้นเองก็มีคนลึกลับนำกระสอบสีดำมาคลุมร่างตงฟางซั่วเอาไว้



43-3


ที่บ้านร้างหลังหนึ่ง

เสียงชักกระบี่ออกจากฝัก ทำให้ตงฟางซั่วที่ตอนนี้มองอะไรไม่เห็นเพราะมีผ้าผูกตาไว้ต้องรีบพูด “เอาล่ะๆ พวกเราเอาอย่างนี้ดีไหม ใครช่วยแก้มัดข้า ข้าจะเลี้ยงเหล้าคนนั้น อีกอย่าง ถึงข้าจะเคยทำผิดต่อพวกเจ้า หากจะคิดแก้แค้นก็ควรจะบอกชื่อแซ่ของพวกเจ้าให้ข้าได้ทราบบ้างสิ”

“พวกเรา..” ชิวฉานแกล้งพูดดัดเสียงเพื่อไม่ให้ตงฟางซั่วจำได้ “พวกเราจะเป็นใครนั้น เจ้าก็ทำนายได้ไม่ใช่หรือไง ลองทำนายเอาเองสิ”

“ให้ทำนายเอาเองรึ..งั้นก็ได้..พวกเจ้าบอกอักษรมาล่ะกัน”

เนี่ยนหนูเจียวพูดกดน้ำเสียงตนเองต่ำๆ “จะชื่อแซ่อะไร ข้าเห็นจะไม่จำเป็นต้องบอกให้เจ้ารู้ ข้าบอกได้แค่ตัวอักษรตง(东 - ตะวันออก)”

ตง(冬)ตัวเดียวกันกับตงกวา(冬瓜 - ฟัก)น่ะเหรอ” ตงฟางซั่วถาม

เนี่ยนหนูเจียวอมยิ้ม ตง(东)ตัวเดียวกันกับตงฟางซั่ว(东方朔)ชื่อของเจ้านั่นแหละ”

ตงฟางซั่วน่ะเหรอ..เฮ้อ..หมอเยียวยาอาการป่วยของตัวเองไม่ได้หรอก เจ้าเปลี่ยนตัวอักษรเถอะ”

“เจ้าพล่ามให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ ให้ทำนายอักษรตง(东)ก็ทำนายไปสิ” ชิวฉานดุใส่

“แม่หญิงผู้กล้าทั้งสองอยากให้ทำนายอักษรตง(东)ตัวนี้ มิทราบว่าอยากจะรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรล่ะ”

“หวงตี้องค์ใหม่เป็นใคร” เนี่ยนหนูเจียวถามขึ้น



43-4


“วันนี้ที่จื่อฟูช่วยเจ้าก็เท่ากับว่าได้ช่วยแผ่นดินฮั่น” ผิงหยางกงจู่ตรัสกับหลิวเช่อ

“ข้ารู้แล้วล่ะ”

“เจ้าไม่รู้หรอก เสด็จแม่ตอนนี้ยังไม่เข้าพระทัยเรื่องราวดี ทรงถูกปิดบังมาโดยตลอด เจ้ารู้ไหมว่าเสด็จแม่ทรงกลัวเสด็จย่า พูดง่ายๆก็คือกลัวเสียจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กลัวว่าจะทรงทำอะไรผิดเข้า ส่วนจื่อฟูนั้น พี่ว่าเจ้าควรจะให้นางได้พักผ่อนเสียบ้าง สักสองวันก็ยังดี” ผิงหยางกงจู่นิ่งคิดสักครู่ “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พี่จะพานางกลับไปด้วยก่อน แล้วเปลี่ยนคนอื่นมาให้เจ้าแทน”

“ไม่นะ ข้าต้องการนาง ข้าไม่ต้องการคนอื่น” ไท่จื่อรีบเอ่ยทันควัน

ผิงหยางกงจู่อมยิ้มแล้วหันไปถามความเห็นของเว่ยจื่อฟู จื่อฟู เจ้ายังไหวหรือเปล่า”

“ยังไหวเพคะ” เว่ยจื่อฟูละมือจากงานที่กำลังทำอยู่หันหน้ามาตอบอย่างไม่ลังเลใจ

“ถ้างั้นตามใจเจ้าก็แล้วกัน” ผิงหยางกงจู่หันไปกำชับน้องชาย “แต่พี่ขอเตือนอะไรเจ้าอย่าง ครั้งหน้าหากเจ้าแกล้งนางอีกล่ะก็ พี่จะไม่ให้เจ้าได้พบกับนางอีกเลย” ตรัสจบก็เสด็จออกไปจากห้อง ส่วนเว่ยจื่อฟูก็หันกลับไปทำงานตามเดิม

ไท่จื่อเรียก จื่อฟูๆ” แต่จื่อฟูแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไท่จื่อจึงเดินเข้าไปเรียกใกล้ๆ

“จะทรงทำอะไรเพคะ” เว่ยจื่อฟูถามโดยไม่หันหน้ามามอง

ไท่จื่อยิ้มแหยๆเอามือชี้ไปที่หัวก่อนจะถามออกไปว่า “ยังเจ็บหัวอยู่หรือเปล่า”

เว่ยจื่อฟูไม่ได้เอ่ยตอบแต่อย่างใดเพราะตอนนี้ตนเองรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก



43-5


ตงฟางซั่วนั่งนับนิ้ว “สี่ราศีบน 甲乙丙丁(เจี่ยอี่ปิ่งติง) สี่ราศีล่าง 子丑寅卯(จื่อโฉ่วหยินเหม่า) ธาตุทั้งห้า 金木水火土(จินมู่สุ่ยหั่วถู่ - ทองไม้น้ำไฟดิน) ทิศทั้งสี่ 东西南北(ตงซีหนานเป่ย - ออกตกใต้เหนือ)...”

“ทำนายออกแล้วหรือยัง รีบบอกมาเร็วๆเข้า” ชิวฉานเร่ง

“ออกแล้วล่ะ ว่าแต่พวกเจ้าอยากจะให้ใครขึ้นเป็นหวงตี้ล่ะ”

ชิวฉานรีบถาม “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง พวกเราอยากจะให้ใครเป็นหวงตี้ คนนั้นก็จะได้เป็นอย่างนั้นน่ะหรือ”

“แม่นแล้ว แต่ว่าในสองคนนี้พวกเจ้าสามารถเลือกได้แค่คนเดียวเท่านั้นนะ”

“หนึ่งนั้นก็คือไท่จื่อ” เนี่ยนหนูเจียวเอ่ย

“ใช่..ยังมีอีกคนที่เจ้าก็เคยเจอะเคยเจอมาแล้วด้วย คนผู้นั้นก็คืออ๋องเหลียง

ชิวฉานถือโอกาสแซวพี่สาว อ๋องเหลียงน่ะเหรอ ถ้าเป็นไท่จื่อย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้วแน่นอน ถึงแม้ว่าไท่จื่อจะอายุยังน้อยไม่รู้ความ แต่พอได้พบผู้หญิงเข้าหน่อยตางี้จ้องไม่กระพริบเลย ถ้าเทียบกับอ๋องเหลียงแล้วก็ยังเหมาะสมกว่าอยู่บ้างล่ะนะ”

“เค้าใช่ว่าจะเห็นผู้หญิงทุกคนแล้วจ้องตาไม่กระพริบหรอกนะ ในเมืองเยี่ยนชื่อมีผู้หญิงอยู่สองคนเท่านั้นที่ทำให้เค้าจ้องตาไม่กระพริบน่ะ” ตงฟางซั่วแย้ง

“สองคนรึ เป็นใครกัน” ชิวฉานแสร้งถาม

“ต้องขออภัยที่ข้าไม่กล้าที่จะเอ่ยตรงๆ(直言)”

“เจ้าไม่กล้าเอ่ยจริงเหรอ” เนี่ยนหนูเจียวยื่นหน้าไปถามใกล้ๆ

“ข้าไม่กล้าอย่างแน่นอน แม้ผู้หญิงสองคนนี้ภายนอกจะดูนุ่มนวลอ่อนโยนนิ่งเฉย(温柔娴静) แต่ความจริงแล้วกลับมีนิสัยเด็ดเดี่ยวตรงไปตรงมา ถ้าหากพวกนางรู้ว่าข้านินทาพวกนางลับหลังแล้วล่ะก็ เห็นทีข้าคงจะต้องเดือดร้อนอย่างหนักทีเดียว”

“เจ้าพูดมาเถอะ ข้ารับรองว่าเจ้าจะไม่เดือดร้อนแน่นอน” ชิวฉานให้คำมั่น

“ข้าก็กำลังเดือดร้อนอยู่นี่ไง”

“เจ้ารู้หรือว่าใครเป็นคนทำ” เนี่ยนหนูเจียวถาม

“คนหนึ่งมีนามว่าชิวฉาน ตงฟางซั่วหันไปทางชิวฉานจากนั้นก็หันไปทางเนี่ยนหนูเจียว “ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นเห็นจะไม่ต้องบอกกระมัง”

ตงฟางซั่วเดาได้ถูกอย่างนี้ เนี่ยนหนูเจียวจำต้องแก้ผ้าผูกตาให้

“ท่านเดาออกได้อย่างไรว่าเป็นพวกเรา” ชิวฉานถามด้วยความสงสัย

“สำหรับอันนี้..” ตงฟางซั่วลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยกับทั้งสอง “เป็นความลับสวรรค์(天机)ที่มิอาจแพร่งพราย(泄露)” พูดจบก็เดินออกไปนอกห้อง

“คอยดูนะ คราวหน้าข้าไม่เพียงจะดัดแค่เสียงเท่านั้นแม้แต่คู่ปรับข้าก็จะเปลี่ยนด้วย” ชิวฉานบอกกับพี่สาวแล้วทั้งสองก็เดินตามตงฟางซั่วไป



43-6


“เรียนนายท่าน ตงฟางซั่วหายตัวไปแล้วครับ” นายทหารคนหนึ่งเข้ามากระซิบบอกหลิวอี้

“ว่าไงนะ ตงฟางซั่วไปแล้วเหรอ” แล้วหลิวอี้ก็สั่งทหารให้ออกติดตามหาตัวมาให้ได้



43-7


“ข้าว่าคำทำนายครั้งนี้ถือว่าช่างมันก็แล้วกันนะ แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า พวกเจ้าสองคนหันมาให้ความสนอกสนใจเรื่องราวในราชสำนักตั้งแต่เมื่อไร”

“แล้วยังใช้ตัวอักษรตง(东)ได้อีกหรือเปล่าล่ะ” ชิวฉานถาม

ตง(东)รึ..ได้สิ..ว่าแต่ใครจะให้ทำนายก่อนล่ะ”

“ทำนายให้ข้าก่อนก็แล้วกัน” ชิวฉานบอก

“เจ้าเป็นไม้ ส่วนเค้าก็คือดวงอาทิตย์ คำโบราณกล่าวไว้ว่า ภูเขามีต้นไม้ ต้นไม้มีกิ่งก้าน ใจชอบพอบุรุษ บุรุษหาทราบไม่(山有木来木有枝 心悦君兮君不知) คำทำนายของแม่นางชิวฉานก็คือดวงแต่งงาน”

“ทำนายผิดแล้วล่ะ ทำนายอะไรก็ไม่รู้ ไม่แม่นเลยสักนิดเดียว” ชิวฉานรีบปฏิเสธแก้เขิน

“จะไม่แม่นได้อย่างไร พี่จำได้ว่าเจ้าฝันและก็ละเมอเรียกหาแต่คนชื่อหลี่หลิงนี่หน่า”

ชิวฉานอายหน้าแดง “ไม่มีสักหน่อย พี่ก็พูดเหลวไหล หากพี่ยังพูดเหลวไหลอีกล่ะก็ ข้าจะไม่พูดกับพี่แล้วด้วย”

เมื่อเห็นน้องสาวอาย เนี่ยนหนูเจียวก็ยั่วเข้าให้อีก “พี่ก็รู้มานานแล้วล่ะ ว่าเจ้าเป็นคนที่เห็นผู้ชายดีกว่าพี่(重色轻友) พอได้ใหม่แล้วก็ลืมเก่า(喜新厌旧)”

“ไม่ใช่สักหน่อย ถึงข้าจะได้ใหม่ก็ไม่เคยลืมเก่า ถึงจะรักผู้ชายก็ไช่ว่าจะลืมพี่นี่” พอชิวฉานปฏิเสธจบทั้งเนี่ยนหนูเจียวกับตงฟางซั่วต่างหัวเราะออกมา

“นี่พวกท่าน..” ชิวฉานเกิดอาการงอน “พวกท่านสองคนรวมหัวกันแกล้งข้าเหรอ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหนีความเขินอาย

เนี่ยนหนูเจียวเห็นอาการของน้องสาวแล้วรู้สึกเห็นใจ “นางกับหลี่หลิง พวกเค้าสองคนต่างก็เป็นเด็กดี หวังว่าพวกเค้าทั้งสองคงจะได้มีวาสนาต่อกัน”

“ถ้าหากว่าไท่จื่อได้ขึ้นครองราชย์ล่ะก็ หลี่หลิงก็คงได้สมความปรารถนา(如愿)เป็นแน่” ตงฟางซั่วปลอบ

“ทีนี้ถึงตาข้าบ้างแล้วล่ะ”

“เจ้านะเหรอ ถึงแม้ว่าความแค้นอันยิ่งใหญ่จะได้รับการสะสางไปแล้ว แต่ว่าพ่อของเจ้า(令尊)ก็ยังไม่ได้รับการกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา เจ้าจึงยังมีความอาฆาตแค้น(含恨)ฝังลึก(九泉)อยู่ ดังนั้นเจ้าจึงได้ฝากความหวังไว้ที่ไท่จื่อ”

“ไท่จื่อนะเหรอ ครั้งนี้ท่านคงทำนายผิดจริงๆแล้วล่ะ” เนี่ยนหนูเจียวปฏิเสธ

“ผิดจริงหรือ”

“ข้าปรารถนาอยากให้ไท่จื่อหลิวเช่อได้ขึ้นครองราชย์จริง แต่ไม่ใช่เพื่อตัวข้า”

“ถ้างั้น..เพื่อใครกันล่ะ”

“เพื่อคนที่มีความรู้ความสามารถแต่ขาดโอกาส(怀才不遇) เพื่อคนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้ายอมอุทิศตนเพื่อรับใช้ประเทศชาติต่างหากล่ะ” เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยเป็นนัยๆ

ตงฟางซั่วได้ยินแล้วถึงกับชะงัก



43-8


หลิวอี้พอได้ทราบถึงที่หลบซ่อนตัวของตงฟางซั่วแล้วก็พาทหารออกติดตามทันที



43-9


“คนๆนี้เต็มไปด้วยความรู้ความสามารถไม่ว่าจะทั้งทางด้านบุ๋นและบู๊ เค้ามีความตั้งใจที่จะนำความสงบสุขและความมั่นคงมาสู่ประเทศ(安邦定国) เค้าปรารถนาอยากจะพบกับผู้ปกครองประเทศที่ปรีชาสามารถ เพื่อจะได้คอยให้ความช่วยเหลือในการปกครองประเทศ สร้างชื่อให้ปรากฎในบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์(青史) แต่ว่าไม่มีใครสนับสนุน(举荐)เค้า พวกคนมีอำนาจ คนมั่งมีเงินทองต่างไม่เห็นเค้าอยู่ในสายตา ไม่ต่างอะไรกับหนอนแมลงในฤดูร้อนที่พอเช้าเกิดค่ำก็ตาย(朝生暮死) ไม่มีใครที่จะเข้าใจเค้าได้อย่างแท้จริง” เนี่ยนหนูเจียวพรรณาถึงคนที่นางพูดถึง

ตงฟางซั่วกล่าว ชีว์หยวน(屈原)นักกวีผู้มีใจรักชาติได้เคยกล่าวไว้นานแล้วว่า ปุถุชนล้วนร่ำสุราจนเมามาย มีแต่ข้าที่ไม่เมา”

“แต่ว่าเค้าคนนั้นไม่เหมือนกับชีว์หยวน เค้าหวังว่าจะได้พบกับโอกาสที่จะได้สั่นสะเทือนคนทั่วแผ่นดินสักครั้ง แต่โอกาสกับแผ่นดินที่ว่านี้ก็มาพบกันโดยบังเอิญ(不期而遇) นั่นก็คือการเสด็จมาอย่างลับๆของไท่จื่อกับราชบัลลังก์ของไท่จื่อ ซินแสตงฟาง..ท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วล่ะว่าคนที่ข้าพูดถึงนั้นเป็นใคร”

ตงฟางซั่วมองหน้าเนี่ยนหนูเจียวแล้วเกิดอาการนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก

“มีทหารมา” ชิวฉานส่งเสียงบอก

หลิวอี้เมื่อเห็นเป้าหมายอยู่เบื้องหน้า จึงสั่งให้ทหารบุกเข้าไปล้อมบ้านเอาไว้

“เจ้าโจรใจกล้าหน้าด้าน รีบปล่อยตัวซินแสตงฟางออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า” หลิวอี้ส่งเสียงให้คนในบ้านได้ยิน

เมื่อเห็นเงียบผิดปกติ หลิวอี้จึงบุกเข้าไปในบ้านก็เห็นตงฟางซั่วนอนอยู่บนเตียง

ตงฟางซั่วพลิกตัวกลับมาแล้วเอ่ยทัก “มากันได้ไง”

“แล้วพวกโจรล่ะ” หลิวอี้เอ่ยถาม

“น่าเสียดาย ที่ข้าไม่เห็น”

หลิวอี้หัวเสียสั่งให้ทหารกลับจวน



43-10


“ข้าเดาออกแล้ว ข้ารู้แล้วล่ะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ก้วนฟูเอ่ยกับทั้งสอง

“เจ้าเดาอะไรออกเหรอ” กัวเส่อเหรินรีบถาม

“ข้าก็เดาคำพูดปริศนาของกงจู่ออกน่ะสิ” แล้วก้วนฟูก็ยื่นหน้าไปกระซิบ “ก็ที่ผิงหยางกงจู่ตรัสแต่คำว่าตายซ้ำแล้วซ้ำอีกใช่ไหม นั่นนะหมายถึงไท่จื่อ”

“แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ” กัวเส่อเหรินยังงงอยู่

“พวกเจ้าลองคิดดูสิ ตอนแรกทรงยื่นนิ้วหัวแม่มือออกมา ซึ่งหมายถึงไท่จื่อ หลังจากนั้นก็ทรงกางนิ้วชี้ ซึ่งหมายความว่าไท่จื่อให้พวกเราสู้กับอ๋องเหลียงจนตายกันไปข้างหนึ่ง เจ้าว่าไหม”

ทั้งสองคนฟังที่ก้วนฟูพูดแล้วต่างส่ายหน้า

“พวกเจ้าอาจจะไม่เชื่อว่าเมื่อคืนวานข้าฝันเห็นอะไร ข้าฝันเห็นอ๋องเหลียงสวมเสื้อคลุมมังกร(龙袍) นั่งในตำแหน่งที่ควรจะเป็นของจิ่วเกอ เจ้าคิดดูสิว่าข้าจะยอมได้เหรอ ข้าเลยเดินเข้าไปจะต่อย นึกไม่ถึงว่าเค้าจะชักกระบี่ออกมา ทันใดนั้นเค้าก็แทงกระบี่ใส่ข้าที่ตรงนี้ ข้าก็เลยชักกระบี่ออกมาแล้วแทงใส่ที่ร่างของเค้า หลังจากนั้น..” ก้วนฟูออกท่าออกทางประกอบการเล่า

“หลังจากนั้นอะไรต่อล่ะ” หลี่หลิงถาม

“หลังจากนั้นพวกเราก็ตายด้วยกัน(同归于尽)”

“ศิษย์พี่ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ไหนๆขอข้าทดสอบดูหน่อย..อย่าขยับสิ” กัวเส่อเหรินพยายามเอื้อมมือไปจับหน้าผากของก้วนฟูแต่โดนปัดป้อง “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าอยู่ที่ไหน เค้าน่ะอยู่ในพระราชวัง(金殿) ส่วนเจ้าน่ะอยู่ที่ไหนกัน เจ้าน่ะอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอ แล้วเจ้าจะออกไปพบกับเค้าตอนไหนกัน”

“ฝันของคนเราบางครั้งก็แม่นเหมือนกัน พวกเจ้าอย่าทำเป็นไม่เชื่อหน่อยเลย”

“พี่ก้วน ท่านเอาแบบนี้สิ ท่านก็นอนตรงนี้แล้วก็ฝันต่ออีกสักหน่อยเถอะนะ” หลี่หลิงประชด

“พวกเจ้าไม่เชื่อก็ตามใจ(不信拉倒)” ก้วนฟูบ่นเมื่อเห็นทั้งสองคนไม่สนใจในสิ่งที่ตนเองพูด

ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก

กัวเส่อเหริน แม่ของเจ้ามาเยี่ยมแน่ะ” โต้วอิงเดินนำป้านมกัวเข้ามาในห้อง

“ท่านแม่”

“ลูกแม่”

ทั้งสองโผเข้ากอดกันสักพัก ป้านมกัวก็ผลักไสบุตรชาย “พวกเจ้าก็ดีแต่หาเรื่องเดือดร้อน”

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป” กัวเส่อเหรินงงกับท่าทางของมารดา

กัวเส่อเหริน หากเจ้ายังดื้อดึงไม่สำนึกผิด(执迷不悟)ล่ะก็ นี่จะถือเป็นการพบหน้าแม่เจ้าเป็นครั้งสุดท้าย” โต้วอิงพูดข่มขู่พร้อมกับเกลี้ยกล่อม “เจ้าดูอายุกับรอยเหี่ยวย่น(皱纹)บนใบหน้าของแม่เจ้าสิ เจ้าจะทน(忍心)ได้เหรอ”

“ลูกแม่ ถ้าเจ้ารู้อะไรก็พูดความจริงออกมาเถอะ”

“พวกเราไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย” หลี่หลิงรีบเอ่ยแทรก

“ท่านป้ากัว เส่อเหรินเค้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆนะ” ก้วนฟูช่วยยืนยัน

“พวกเจ้าทั้งสองหุบปากเดี๋ยวนี้เลย” โต้วอิงตวาดห้ามแล้วสั่ง “ถอยไปยืนตรงนั้น แล้วหันหน้าเข้าหากำแพงด้วย ห้ามหันหน้ากลับมา ห้ามพูดสอด และก็ห้ามส่งเสียงด้วย”

“ลูกแม่ ฝั่งหนึ่งก็หวงไท่โห้ว อีกฝั่งก็ไท่จื่อ ทั้งสองต่างก็เป็นย่าแท้ๆหลานแท้ๆกัน เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย แม่สอนเจ้าตั้งแต่ยังเล็กๆถึงการปฏิบัติตน เจ้าทำตัวแบบนี้ได้อย่างไร”

กัวเส่อเหรินร้องไห้ “ท่านแม่ ท่านลืมไปแล้วเหรอว่าไท่จื่อเติบโตมาด้วยน้ำนมของท่าน ตอนเล็กๆเค้าดื่มนมเก่งจะตายไป แม้แต่หยดเดียวก็ไม่เหลือไว้ให้ข้า แม้ว่าลูกของแม่คนนี้จะเติบโตมาด้วยนมแกะ..ก็ไม่เป็นไร..ท่านแม่ ยังไงข้าก็ไม่โทษท่านหรอก จริงๆนะ ท่านแม่..ถึงข้าจะทำผิดต่อท่าน แต่ข้าก็ไม่สามารถทำผิดต่อน้ำนมที่ไหลจากอกของท่านได้”

“เจ้าอยากตายใช่ไหม”

“ท่านแม่ โปรดอภัยให้ลูกคนนี้ด้วย ความภักดีและกตัญญู(忠孝)ข้าคงทำทั้งสองอย่างได้ไม่สมบูรณ์แล้วล่ะ”

โต้วอิงเอ่ย “เจ้ามันโง่ ท่านป้ากัวมีเจ้าเป็นลูกชายแค่คนเดียว ต่อไปหลังจากนี้ ใครจะมาทดแทนบุญคุณให้แม่เจ้าได้ล่ะ”

หลี่หลิงหันหน้ามาพูดประชด “งั้นก็คงต้องขอให้ท่านราชบุตรเขยโต้วทำแทนแล้วล่ะ”

“หุบปาก” โต้วอิงตวาดพร้อมกับตบหลี่หลิงจนหน้าหัน

“ท่านราชบุตรเขยโต้ว แต่ละคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ใครจะไปฝืนใจใครก็คงจะไม่ได้ ลูกชายสารเลว(混账)ของข้าคนนี้นับว่าเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์เลี้ยงดูมาจนโต”

“แม่!” กัวเส่อเหรินรู้สึกเศร้าใจที่มารดากรีดคำพูดออกมาเช่นนี้

“ตอนยังเล็กๆเจ้าไม่เคยได้ดื่มนมจากอกแม่ คิดไม่ถึงว่าวันนี้เจ้าก็ยังจดจำมันเอาไว้ในใจ”

“ท่านแม่ ท่านจะทำอะไร” กัวเส่อเหรินเอ่ยถามเมื่อเห็นมารดาปลดเสื้อ

“แม้น้ำนมของแม่จะแห้งไปนานแล้ว แม่ก็จะให้เจ้าได้ลองดื่มดู ให้ถือว่าชาตินี้เราได้เป็นแม่ลูกกัน เจ้าเข้ามาสิ” ป้านมกัวคว้าใบหน้าของกัวเส่อเหรินซุกเข้าไปที่อกของตัวเอง

โต้วอิงตกตะลึงยืนจ้องมองดูตาไม่กระพริบ จนหลี่หลิงต้องดุ “คนแซ่โต้ว ท่านมองอะไรน่ะ แม้แต่คนแก่เจ้าก็ยังไม่ละเว้นหรือนี่”

โต้วอิงหน้าแดงรีบปฏิเสธ “ใครมอง..เปล๊า..ข้า..ข้าเปล่ามองนะ”

“ข้าแก่จนปูนนี้แล้ว ยังจะต้องกลัวใครเห็นอีกล่ะ” ป้านมกัวพูดประชดจนโต้วอิงต้องรีบหันหน้าเข้าหากำแพง

ป้านมกัวเห็นเป็นจังหวะดีจึงก้มกระซิบบอกลูกชาย “เจ้าฟังให้ดีนะ คนของพวกเค้า...”




Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 8 มีนาคม 2551 19:38:26 น. 0 comments
Counter : 2403 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.