"เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โชว์ฟอร์มแกร่งแซง นาโปลี ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม เอฟ หลังเปิดรังเอาชนะไปอย่างงดงาม 3-1 ขณะที่ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล รั้งนำกลุ่มต่อโดยเอาชนะ "โอแอม" โอลิมปิก มาร์กเซย์ 2-0 จากผลงานสองประตูของ แจ็ค วิลเชียร์ ผิดกับฝั่งของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ที่ควงกันพ่าย...

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 5 วันอังคารที่ 26 พ.ย. เวลา 02.45 น. (ตามเวลาในไทย) มีโปรแกรมลงสนามของ กลุ่ม อี,เอฟ,จี,เอช คู่ที่น่าสนใจในกลุ่ม เอฟ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังจากลีก บุนเดสลีกา เยอรมัน อันดับ 3 ของกลุ่ม เปิดรัง ซิกนัล อิดูนา ปาร์ค รับการมาเยือนของ นาโปลี ทีมฟอร์มแรงของ กัลโช เซเรีย อา อิตาลี อันดับ 2 ของกลุ่ม

เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ ดอร์ทมุนด์ เจองานหนักเมื่อต้องพาทีมคว้าชัยในนัดนี้ให้ได้เพื่อที่จะมีแต้มทาบ นาโปลี  และไปลุ้นเข้ารอบในเกมนัดสุดท้าย ได้ เซบาสเตียน เคห์ล กลับมาร่วมทีม โดยมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ลงประจำการล่าตาข่าย ด้านทีมเยือนภายใต้การนำของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ต้องการ 3 แต้มไปการันตีโอกาสเข้ารอบ มี กอนซาโล อิกัวอิน ยืนหน้าเป้า

เริ่มเกมครึ่งแรกเพียง 10 นาทีดอร์ทมุนด์ ก็คว้าประตูขึ้นนำ 1-0 หลังมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ เฟเดริโก เฟร์นันเดซ ไปทำฟาล์ว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ในเขตโทษและก็เป็น มาร์โก รอยส์ ที่สังหารพาทีมออกนำไปก่อน

หลังจากนั้นเพียง 4 นาที "เสือเหลือง"ก็เกือบได้ประตูที่สองหลัง เฮนริคห์ เอ็มคิตาร์ยาน ผ่านบอลให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หลุดเข้าไปตวัดยิงด้วยขวาโล่งๆทว่าบอลพุ่งออกข้างไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ใน น.28 นาโปลี ก็หวิดได้ประตูตีเสมอ กอนซาโล อิกัวอิน จ่ายให้ โฆเซ มาเรีย กาเยฆอน ลากเจาะเข้ากรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะโยกหลอกแล้วซัดมุมแคบ บอลพุ่งไปกระแทกเสาแรกอย่างจัง ทำให้จบครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์ นำ นาโปลี ไปก่อน 1-0

กลับมาต่อในครึ่งหลังสถานการณ์บีบให้ นาโปลี ต้องเปิดเกมแลกทำให้กองหลังดันขึ้นสูงจนมาพลาดเสียประตูที่สองใน น.60 หลัง มาร์โก รอยส์ กระชากพาบอลหลุดเดี่ยวมาทางซ้ายก่อนจะตบเข้ากลางให้ ยาคุบ บลาซีคอฟสกี ยิงรอดขา เปเป้ เรนา เข้าประตูไปทำให้ ดอร์ทมุนด์ ขึ้นนำ 2-0

แต่ น.71 นาโปลี ก็ได้ประตูตีไข่แตกจนได้จากจังหวะ กอนซาโล อิกัวอิน ตวัดจ่ายให้ โลเรนโซ อินซิเย ตัวสำรองหลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะยิงงัดข้ามหัว ไวเดนเฟลเลอร์ ชนเสาไกลเข้าประตูไปทำให้ทีมเยือนขยับสกอร์ตามเป็น 1-2

แต่หลังจากนั้นเพียง 6 นาที "เสือเหลือง" ก็ฝังประตูที่สาม หลัง ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง ตัวสำรองแย่งบอลได้ตรงกลางสนามผ่านต่อให้ เลวานดอฟสกี ลำเลียงเข้าหน้าเขตโทษก่อนจะตบคืนให้ โอบาเมยอง หลุดเข้าไปชิพข้ามหัว เรนา ตุงตาข่ายทำให้ทีมนำห่างเป็น 3-1

ในช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้จบเกม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอาชนะ นาโปลี ไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 9 คะแนนเท่ากับ นาโปลี แต่ผลประตูได้เสียดีกว่าทำให้ขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 2 แทน

ด้านเกมที่น่าสนใจอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อันดับ 1 ของกลุ่ม เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ "โอแอม" โอลิมปิก มาร์กเซย ทีมดังจากฝรั่งเศส อันดับท้ายของกลุ่ม

ผลปรากฏว่า เริ่มเกมเพียงนาทีดียว "ปืนใหญ่" ก็คว้าประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะสวนกลับ บาการี ซานญา โยนให้ แจ็ค วิลเชียร์ ลากเข้าเขตโทษด้านขวาหักแต่งเข้ากลางยิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย พอมาถึง น.36 อาร์เซนอล ก็พลาดโอกาสที่จะใส่สกอร์เพิ่ม หลังมาได้จุดโทษ แต่ เมซุต โอซิล ที่ขันอาสาสังหารยิงไปติดเซฟของ สตีฟ ม็องดองดา ทำให้จบครึ่งแรก อาร์เซนอล ขึ้นนำ มาร์กเซย ไปก่อน 1-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง น.65 อาร์เซนอล มาบวกประตูเพิ่มเป็น 2-0 โอซิล จ่ายให้ แจ็ควิลเชียร์ กดตุงตาข่าย และนั้นก็เป็นประตูสุดท้ายที่เกิดขึ้น จบเกม อาร์เซนอล เปิดรังเอาชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนนรั้งนำกลุ่มต่อไป ขณะที่ โอแอม ยังไม่มีแต้มตกรอบเป็นที่แน่นอน

ทางฝั่งเกมในกลุ่ม อี ที่น่าสนใจ เอฟซี บาเซิล ทีมในสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 4 ของกลุ่มที่ต้องการ 3 แต้มไปลุ้นชิงรองจ่าฝูง เปิดรัง แซงต์ ยาค็อป พาร์ค รับการมาเยือนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ยอดทีมจากลีกผู้ดี ซึ่งทันทีเริ่มเกมก็เป็น บาเซิล ที่โชว์ความดุดันบุกอัดทีมเยือนก่อนแต่ก็ยังไม่มีประตูให้เห็น

จนเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง น.86 บาเซิล ก็มาได้ประตูชัยจากจังหวะที่ ฟาเบียน ชาร์ วางบอลยาวจากฝั่งตัวเองหยอดให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูดบอลลงก่อนกระชากเข้าไปยิงไม่พลาด ทำให้จบเกม บาเซิล เอาชนะ เชลซี ไป 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 5 คะแนนขยับขึ้นที่ 4 ของกลุ่ม

ขณะที่การแข่งขันในกลุ่ม เอช กลาสโกว์ เซลติก ทีมในลีกสกอตแลนด์ อันดับท้ายของกลุ่ม เปิดสนาม เซลติก พาร์ค รับการมาเยือนของ "ปิศาจแดงดำ" เอซี มิลาน  ทีมอันดับ 2 ที่ต้องการ 3 แต้มไปการันตีการเข้ารอบ ผลปรากฏว่า มิลาน ไม่พลาดเอาชนะคู่แข่งไป 3-0 จากผลงานของ ริคาร์โด กาก้า น.12,คริสเตียน ซาปาตา น.49 และ มาริโอ บาโลเตลลี น.59

ส่วน "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่ลีก ลาลีกา สเปน ที่มีลุ้นเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม พลิกล็อกบุกไป อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ทีมในเนเธอร์แลนด์ 2-1 โดยเจ้าถิ่นทำสองประตูขึ้นนำก่อนในครึ่งแรก จาก ธูลานี เซเรโร น.19  และ ดานนี โฮเซน น.41

ทว่าในครึ่งหลัง น.49 อาแจ็กซ์ฯ ก็ต้องเหลือเพียง 10 คนแถมเสียจุดโทษหลัง โจเอล เฟลท์มัน โดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากการทำฟาล์ว เนย์มาร์ ในเขตโทษ และก็เป็น ชาบี เอร์นานเดซ ที่ยิงเข้าไปพา บาร์เซโลนา ไล่ตามเป็น 1-2 แต่หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันไม่ได้ ส่งผลให้ อาแจ็กซ์ เป็นฝ่ายคว้าชัยในเกมนี้ขยับเพิ่มเป็น 4 คะแนน ขึ้นเป็นที่ 3 ของกลุ่ม

ผลการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 5

กลุ่ม อี
เอฟซี บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์) ชนะ เชลซี (อังกฤษ) 1-0
สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) เสมอ ชาลเก้ 04 (เยอรมัน) 0-0

กลุ่ม เอฟ
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) ชนะ นาโปลี (อิตาลี) 3-1
อาร์เซนอล (อังกฤษ) ชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) 2-0

กลุ่ม จี
เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) เสมอ แอตเลติโก มาดริด (สเปน) 1-1
เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) เสมอ ออสเตรีย เวียนนา (ออสเตรีย) 1-1

กลุ่ม เอช
กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) แพ้ เอซี มิลาน (อิตาลี) 0-3
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์ส) ชนะ บาร์เซโลนา (สเปน) 1-2