พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
26 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
พิษการเมืองป่วนเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน-ส่งออกท่องเที่ยวส่อทรุด!

พิษการเมืองป่วนเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน-ส่งออกท่องเที่ยวส่อทรุด!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การชุมนุมต่อต้านรัฐบาล 
ที่มีการยกระดับการชุมนุมและปฏิบัติการนำมวลชนเคลื่อนทัพดาวกระจายไปตามสถาน
ที่สำคัญต่างๆ โดย เฉพาะการเข้าไปบุกยึดพื้นที่สำนักงบประมาณ 
ในกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น 
ได้ทำให้สถานการณ์การเมืองทวีความร้อนแรงขึ้น 
จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 
ขณะที่ต่างชาติสอบถามวุ่นหวั่นบานปลาย

โดยตลาดหุ้นไทยวันที่ 25 พ.ย.
 แกว่งตัวแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ร่วงลงไปต่ำสุดที่ 1,345.02 จุด 
ก่อนมาปิดตลาดที่ 1,352.86 จุด ลดลง 6.21 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 32,181.18
 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิต่ออีก 1,469.60 ล้านบาท โดยนายเทิดศักดิ์ 
ทวีธีระธรรม  ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า 
การเมืองยังคงเป็นประเด็นหลักที่กดดันการลงทุนในตลาดหุ้น 
แต่การที่ดัชนีปรับตัวลงมามากก่อนหน้านี้ทำให้มูลค่าหุ้นเริ่มถูกลง  
ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง  
แต่ยังมองหุ้นไทยผันผวนต่อเนื่องตราบใดที่สถานการณ์การเมืองยังไม่คลี่คลาย
ในทางที่ดีขึ้น

ขณะที่ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.90 
บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นได้อ่อนค่าลงไป 31.96-31.97 บาท ก่อนมาปิดที่  
31.93  บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินบาทที่ระดับดังกล่าวอ่อนค่าลง 4.3% 
เมื่อเทียบกับต้นปี ขณะที่อ่อนค่าลง 2.57% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือน 
ต.ค.ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้ต่อเนื่อง 
จากความไม่เชื่อมั่นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ 
รวมทั้งมีการขายสุทธิในตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ  ซึ่ง 
ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท 
และพร้อมเข้าไปดูแลหากเห็นว่ามีความผันผวนที่เร็วจนเกินไป โดยนายตรรก 
บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านบริหารการเงินกล่าวว่า 
ค่าเงินบาทมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 32 บาท 
ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาทจะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความร้อนแรงทางการ
เมือง  หากเงินบาทลงไปแตะที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ 
ถือว่าเป็นการอ่อนค่าในรอบ  11  สัปดาห์ จาก  6  ก.ย. 
เงินบาทเคยอ่อนค่าไปแตะ 32.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ธปท.เกาะติดการเมือง

ผู้
สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า 
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 27 พ.ย.นี้ 
คาดว่าจะมีการเสนอให้ กนง.ปรับลดตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 56-57 ลง 
จากที่ประมาณการไว้ครั้งก่อนว่าปี 56 จะขยายตัวได้ 3.7% และปี 57 
จะขยายตัวได้ 5% โดยเป็นการปรับลดทั้ง 2 ปี 
คาดว่าการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้จะใกล้เคียงกับ 3% และปี 57 จะขยายตัว 4% 
กว่า เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวเพียง 2.7% ต่ำกว่าที่คาดไว้ 
ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศยังเปราะบาง 
และการเคลื่อนย้ายเงินทุนมีความผันผวนมากขึ้น 
รวมทั้งปัจจัยการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาก
ขึ้นเรื่อยๆจะกระทบต่อแรงส่งของเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดย กนง.ได้สั่งให้ 
ธปท.ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด

นางกรรณิกา  ชลิตอาภรณ์  
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า 
สถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น  ส่งผลกระทบต่อการบริโภคในระยะสั้น 
แต่ต้องติดตามว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อแค่ไหน 
ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ถูก 
เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว 
“หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อจะยิ่งกระทบต่อการท่องเที่ยวและการบริโภคของ
ประชาชน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ภาคเอกชนเป็นห่วงและอยากให้ยุติโดยเร็ว เพราะปี 
57 
ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและการที่สหรัฐฯจะทยอยลดมาตรการกระตุ้น
เศรษฐกิจ จะมีผลต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจปี 57 จะโตได้ 4.5% 
ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่าสถานการณ์การเมืองต้องคุยกันได้”

กระทบรายได้ส่งออก-ลงทุน

ด้าน
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) 
เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติ ได้สอบถามมายัง 
ส.อ.ท.ถึงการชุมนุมทางการเมือง ที่เกิดขึ้นว่าจะมีความรุนแรงเพียงใด ซึ่ง 
ส.อ.ท.ไม่สามารถตอบคำถามได้ แต่ยอมรับว่าจากที่เอกชนเคยกังวลในเรื่องนี้ 
ได้กลายเป็นความวิตกว่าจะเกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น จึงอยากให้ทั้ง 2 
ฝ่ายพูดคุยกันแทนที่จะทำให้สังคมแตกแยกกว่านี้ เพราะหากเหตุการณ์ยืดเยื้อ 
จะกระทบต่อรายได้การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ 
ที่หากเสียหายไปก็ยากที่จะฟื้นคืนมาได้ในเวลาสั้นๆ 
ส่วนการยุบสภาจะเป็นทางออกและคำตอบสุดท้ายหรือไม่ เพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติ 
เข้าคูหาเลือกตั้ง ตนมองว่ารัฐบาลชุดนี้ก็มาจากการเลือกตั้ง 
หากเลือกตั้งใหม่ ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลแล้วมีการต่อต้านเหมือนขณะนี้ 
ก็ยากที่จะเป็นคำตอบของการยุบสภาเช่นกัน

“เร็วๆนี้ สมาชิก 
ส.อ.ท.จะเรียกประชุมเพื่อหามาตรการแก้ปัญหาการส่งออกของประเทศ 
เพราะเหตุการณ์นี้ ทำให้คำสั่งซื้อที่จะเริ่มเข้ามา ม.ค.57 หยุดชะงักลงแล้ว
 เพราะลูกค้าไม่มั่นใจว่า หากเกิดความรุนแรงแล้ว 
ผู้ผลิตไทยจะผลิตสินค้าตามที่สั่งซื้อได้หรือไม่ 
เพื่อลดความเสี่ยงลูกค้าก็หันไปซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน 
เมื่อเป็นเช่นนี้ออเดอร์ใหม่ๆก็จะไม่กลับมาที่ไทย เหมือนหลังน้ำท่วมปี 54 
ออเดอร์บางสินค้าก็ไม่กลับมาที่ไทย 
ขณะที่เราต้องเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งเวียดนาม 
พม่า อินโดนีเซียได้เตรียมดึงนักลงทุนเข้าไปในประเทศตนเอง 
แต่เรากำลังเผชิญปัญหาการเมืองที่ทำลายบรรยากาศการลงทุน  
หากนักลงทุนเข้าไปในประเทศอื่นแล้ว 
ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่กลับเข้ามาลงทุนในไทยแน่นอน 
จะทำให้ตัวเลขจีดีพีไทยหดตัว การจ้างงานจะลดลง  เพราะรายได้ส่งออกลดลง 
แรงงานจบใหม่ก็จะตกงาน แรงงานในระบบก็จะมีรายได้ไม่พอรายจ่าย 
เกิดปัญหาเศรษฐกิจตามมา”

ต่างชาติสอบถามวุ่น

นายพรศิลป์ 
พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า 
ต้องดูว่าการประท้วงจะบานปลายเพียงใด ถ้ามีการบุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการ 
จะทำให้มีความเสี่ยงสูง และต้องดูว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการแก้ปัญหาอย่างไร 
แต่เข้าใจว่าม็อบคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง อย่างไร 
ก็ตามสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่ยืดเยื้อมากขึ้นนี้ 
ทำให้ลูกค้าต่างประเทศเป็นกังวล และสอบถามเข้ามามาก เพราะเกรงว่า 
อาจทำให้ผู้ค้าผู้ส่งออกของไทยไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้ตามกำหนด 
ซึ่งตนเป็นห่วงท่าเรือ สนามบิน และระบบขนส่งต่างๆ 
หากมีการปิดล้อมจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ “รัฐบาลต้องหาทางที่ดีสุด 
ทางเลือกตอนนี้มีแค่ 2 ทาง 
คือนายกรัฐมนตรีลาออกและปรับรัฐบาลใหม่หรือยุบสภา แต่การลาออกจะมีผลน้อย 
ม็อบยังไม่เลิกราแน่ แต่ถ้ายุบสภา อาจทำให้ม็อบมีโอกาสเลิกพักหนึ่ง 
และถ้าเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก 
ก็คงต้องหารือกับกลุ่มต่อต้านว่าจะหาทางออกอย่างไร 
หรือนโยบายไหนที่คนไม่เอา เพราะเห็นว่าไม่ดี ก็ไม่ต้องเอามาใช้ เช่น 
อาจทำสัญญาประชาคมว่าไม่เขียนกฎหมายนี้ ไม่ทำนโยบายประชานิยมแบบนี้ 
ไม่คอร์รัปชัน ไม่งั้นก็ไม่จบ แต่คิดว่าการชุมนุมน่าจะจบได้ในเร็วๆ นี้ 
เพราะเหตุการณ์อิ่มตัวแล้ว”

นายธนวรรธน์ พลวิชัย 
รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ 
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ประเมินว่ายังชุมนุมโดยสงบ 
ไม่มีเหตุรุนแรง ขณะที่รัฐบาลก็ยืนยันที่จะไม่ใช้ความรุนแรงเช่นกัน 
สถานการณ์เช่นนี้จะไม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรง หรือทำให้เศรษฐกิจเสียหายไม่เกิน
 50,000 ล้านบาท และตนเห็นว่า สถานการณ์จะจบลงในสัปดาห์นี้ 
เพราะสัปดาห์หน้าจะต้องคืนพื้นที่ให้กับกรุงเทพ มหานครแล้ว 
“จากการสอบถามนักธุรกิจและประชาชน ระหว่างงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ 
เมื่อ 22-24 พ.ย. 
ผู้ตอบส่วนใหญ่บอกว่ากังวลว่าสถานการณ์อาจเสี่ยงที่จะรุนแรงขึ้น 
ยืดเยื้อมากขึ้น ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน 
การลงทุนของภาครัฐก็ยังไม่ชัดเจน”.


Create Date : 26 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2556 5:19:46 น. 0 comments
Counter : 1304 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.