พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2556
 
22 พฤศจิกายน 2556
 
All Blogs
 
Trendy Review: Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Trendy Review: Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ตอนงานเปิดตัว Samsung Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear ที่เยอรมนีเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition นี่ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของงาน กับหน้าจอความละเอียดสูงมากบนแท็บเล็ต และมีสเปกเทียบเท่า Samsung Galaxy Note 3 ส่วนมันจะเป็นอย่างไรนั้น เรามารีวิวกันดีกว่า...

ตอนที่ผมได้ไปงานเปิดตัว Samsung Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2556 ที่ผ่านมา Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition นี่ถือเป็นเซอร์ไพรส์ของงาน เพราะว่าไม่มีวี่แววมาก่อนเลยว่าจะมีการเปิดตัวรุ่นนี้ด้วย และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนก็คือ Samsung นำหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงปรี๊ดมาใช้กับ Tablet ของตัวเองซะทีครับ เรียกว่าทำออกมาชนกับ iPad with Retina Display กันเลยทีเดียว และโดยสเปกแล้ว เจ้านี่ก็เทียบเคียงได้กับ Samsung Galaxy Note 3 ที่ออกมาพร้อมกันเลยครับ แล้วมันจะเป็นยังไงบ้าง เรามารีวิวกันดีกว่า

รูปร่างและหน้าตาของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition
สไตล์การดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition นั้น เอามาจาก Galaxy Note 3 เลยทีเดียวครับ แต่การจัดวางตำแหน่งของปุ่มกด กล้องด้านหน้า เซ็นเซอร์ และอื่น ๆ รอบตัว มันแสดงออกให้เห็นว่าเขาตั้งใจให้ใช้งานในลักษณะแนวนอนเป็นหลักครับ … ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ เดี๋ยวเราจะคุยกันต่อจากนี้แหละครับ

ด้านหน้า เป็นหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ตามที่ชื่อรุ่นเขาบอกนั่นแหละครับ เป็นหน้าจอแบบ Super Clear LCD ความละเอียด 2560×1600 พิกเซล ทำให้มีความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 299ppi ซึ่งถือว่าสูงพอที่จะทำให้เวลาเราใช้งานเจ้านี่แล้ว รู้สึกได้เลยว่าหน้าจอคมกริบทีเดียว และรองรับการสัมผัสพร้อม ๆ กันสูงสุด  10 จุด พร้อม ๆ กัน และมีกล้องดิจิตอลด้านหน้าความละเอียด 2  ล้านพิกเซล

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านหน้า

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านหน้า


ด้านหลัง เป็นวัสดุที่เรียกว่า Faux leather หรือ พลาสติกที่อัดขึ้นรูปมาให้มีผิวสัมผัสเหมือนเป็นหนัง คล้าย ๆ กับ Galaxy Note 3 นั่นแหละครับ เวลาสัมผัสแล้วรู้สึกเหมือนกับเป็นสมุดโน้ตปกหนังเล่มเขื่องเล่มนึง มีกล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามี S Pen อันเป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Note อยู่ด้วย

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านหลัง

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านหลัง


ด้านบน เป็นจุดที่อะไรต่อมิอะไรไปอยู่เยอะแยะเลย ทั้งปุ่มเปิดปิดหน้าจอ ปุ่มปรับระดับเสียง และพอร์ตอินฟราเรด ซึ่งอย่างหลังนี่ Galaxy Note 3 ไม่มีแฮะ การมีพอร์ตอินฟราเรดนี่ ทำให้เราสามารถใช้ Galaxy Note 10.1 2014 Edition เป็นรีโมตคอนโทรลได้ด้วย

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านบน

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านบน


ด้านล่างไม่มีอะไรมากครับ มีพอร์ต Micro USB 2.0 ที่เอาไว้เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และ ชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งแตกต่างไปจาก Galaxy Note 3 ที่ใช้ Micro USB 3.0 … อันนี้เข้าใจว่าเพราะเจ้านี่ไม่ได้สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้ เลยไม่จำเป็นต้องการช่องทางในการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูงละมั้ง (เดาล้วน ๆ นะครับพี่น้อง) นอกจากนี้ก็มีรูไมโครโฟนสำหรับใช้ในการอัดเสียง ไม่ว่าจะเป็นตอนถ่ายวิดีโอ หรือตอนที่จะทำพวก VoIP (การโทร.ผ่านเน็ต)

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านล่าง

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านล่าง

ด้านซ้าย มีลำโพงซึ่งเป็นแบบสเตอริโอ (นั่นหมายความว่าเดี๋ยวไปดูด้านขวาก็ต้องเห็นอีกข้าง) แล้วก็มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. … ซึ่งโดยส่วนตัว ผมชอบลำโพงแบบที่วางเอาไว้บนหน้าจอด้านหน้ามากกว่า เพราะเสียงมันจะได้เข้าหาตัวผู้ใช้งานมากกว่านะ

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านซ้าย

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านซ้าย


ด้านขวา ก็มีทั้งลำโพงสเตอริโออีกข้าง มีช่องเสียบ S Pen อันเป็นเอกลักษณ์ของ Galaxy Note มีสล็อตใส่ SIM card และ MicroSD card ครับ ซึ่งตามสไตล์ของ Samsung แล้ว การที่ใส่ SIM card ได้ ก็เท่ากับว่าเจ้านี่สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ด้วยเช่นกัน

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านขวา

Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้านขวา


ภาพรวม ก็อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ครับ ดีไซน์ออกมาในแนวของ Galaxy Note 3 แบบที่รู้สึกได้เลย เพราะทั้งของด้านข้างของตัวเครื่องที่ทำเป็นเหมือนโลหะ (โดยเฉพาะส่วนด้านหน้า ที่เป็นโครเมียม) และด้านหลังก็ทำเป็น Faux leather เหมือนกับ Galaxy Note 3 ด้วย และด้วยสเปก (ซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป) ที่เรียกว่าถอดแบบกันมาเลย เราอาจจะเรียกได้ว่า เจ้านี่คือ Galaxy Note 3 ขยายขนาดก็ว่าได้

ว่ากันด้วยสเปกและประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

อย่างที่บอกครับ สเปกของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition นี่ถอดแบบมาจาก Galaxy Note 3  เลยทีเดียว ดังนั้น สเปกหลายส่วนก็ใกล้เคียงครับ แต่ก็มีอีกบางส่วนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่า ว่าสเปกเป็นยังไงกันบ้าง

•    CPU: Exynos 5420 Octa-core (Quad-core Cortex-A15 1.9GHz และ Quad-core Cortex-A7 1.3GHz)
•    GPU: Mali-T628MP6
•    Display: Super Clear LCD 10.1 นิ้ว ความละเอียด 2560×1600 พิกเซล (299ppi) รองรับการสัมผัสพร้อมกัน 10 จุด
•    RAM: 3GB
•    Internal storage: ในไทยขายรุ่น 32GB
•    External storage: รองรับ MicroSD card สูงสุด 64GB
•    Operating System: Android 4.3
•    Connectivity
o    2G: 850/900/1800/1900MHz
o    3G: 850/900/1900/2100MHz
o    4G: ไม่รองรับ
o    WiFi: 802.11a/b/g/n/ac
o    Bluetooth: 4.0 + A2DP + EDR
o    NFC:
•    Camera: ด้านหน้า 2 ล้านเซล ด้านหลัง 8 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash
•    Battery: 8,220mAh
•    Dimensions: 243.1 มม. x 171.4 มม. x 7.9 มม.
•    Weight: 535 กรัม
•    Price: 20,900 บาท
ถ้าพูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพแล้ว ก็พอจะเดา ๆ ได้บ้างว่าจะระดับไหน เพราะน่าจะใกล้เคียงกับ Galaxy Note 3 ครับ เพียงแต่อาจจะแตกต่างไปบ้างนิดหน่อย เพราะซอฟต์แวร์แตกต่างกันเล็กน้อย และขนาดหน้าจอที่ใหญ่มีความละเอียดที่สูงขึ้น ก็เท่ากับต้องใช้พลังในการประมวลผลเพื่อควบคุมการแสดงผลบนหน้าจอที่จำนวนพิกเซลเพิ่มขึ้นด้วย … ซึ่งตรงนี้เบื้องต้นพอจะวัดกันได้ด้วย

โปรแกรม Benchmark ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ครับ
•    Quadrant Advanced และ AnTuTu Benchmark สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพในภาพรวม
•    Linpack for Android สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลของ CPU
•    3DMark สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิก 3D
•    Vellamo Mobile Web Benchmark สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานด้านเว็บ
•    Geekbench สำหรับการวัดประสิทธิภาพการประมวลผลในภาพรวม โดยแบ่งเป็น Single-core และ Multi-core

และผลที่ได้ก็คือคะแนนในตารางด้านล่างนี้ครับ

ผลการวัดประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ผลการวัดประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


ตามคาด ผลคะแนนออกมาค่อนข้างสูงทีเดียวครับ ดังนั้น ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าประสบการณ์ในการใช้งานจะค่อนข้างดี ลื่นไหลทีเดียว และคะแนนในส่วนของการประมวลผลกราฟิก 3D ก็ออกมาค่อนข้างจะดี ถ้าจะติดปัญหาไปบ้าง ก็อาจจะเป็นปัญหาเดียวกับ Galaxy Note 3 นั่นคือ เกมหลาย ๆ เกม อาจจะยังไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับกับ CPU รุ่นใหม่นี้ เลยไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่ (เช่น เกม Asphalt 8: Airborne เป็นต้น)

อย่างที่ผมบอกไปว่าเจ้านี่ได้รับการออกแบบ และมีสเปกอารมณ์ประมาณ Galaxy Note 3 ดังนั้น ผมเลยขอแซวว่ามันคือเวอร์ชั่นขยายร่างนั่นแหละครับ แต่เมื่อเอามาใช้งานกันจริง ๆ จัง ๆ แล้ว มันให้ประสบการณ์แค่ระดับ Galaxy Note 3 ขยายร่างรึเปล่า หรือว่าสามารถใช้ประโยชน์จากขนาดหน้าจอใหญ่ 10.1 นิ้ว และความละเอียดสูง 2560×1600 ได้แบบจริง ๆ จัง ๆ ล่ะ?!? เราจะไปหาคำตอบกันครับ

ประสบการณ์ในการใช้งาน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


แน่นอนว่า Samsung เขาทำได้ดีอยู่แล้วในเรื่องการออกแบบ Android tablet ให้บางและเบาในระดับที่ถือใช้ได้ไม่ลำบากนัก แม้จะมีหน้าจอขนาด 10.1 นิ้วก็ตาม และอย่างที่บอกในตอนแรกแล้วว่าด้านหลังถูกออกแบบให้เป็น Faux leather เลยทำให้เวลาจับถือแล้วมันรู้สึกเหมือนกับปกหนังของสมุดโน้ต

ปุ่มต่างๆ บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ปุ่มต่างๆ บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


ตามสไตล์ของ Samsung เช่นเคย Galaxy Note 10.1 2014 Edition นี่ยังคงทำพวกปุ่ม Menu, Home และ Back อยู่บนตัวเครื่อง และเพราะออกแบบมาให้เน้นใช้งานในแบบแนวนอนเป็นหลัก หากใครจะใช้แนวตั้ง การกดปุ่มต่าง ๆ จะรู้สึกว่าไม่สะดวกเท่าไหร่ครับ ซึ่งจะผิดกับพวกที่ไม่ได้ออกแบบปุ่มมาบนตัวเครื่อง แล้วหันไปใช้ Soft key แบบที่ Google อยากให้ทำ เพราะพวกนั้นปุ่มจะหมุนตามหน้าจอมาด้วย
ปุ่ม Menu และ Back บนตัวเครื่อง ถูกออกแบบมาให้ใช้ S Pen กดได้แล้ว เพื่อให้สะดวกเวลาใครใช้ S Pen อยู่ ก็จะได้สามารถกดปุ่มนั้นได้ แต่ก็มีคนบ่น (และผมก็เห็นด้วย) ว่าถ้าจะออกแบบมาแบบนั้น ปุ่ม Home ก็ควรจะทำให้ใช้ S Pen แตะแล้วก็เหมือนกับการกดปุ่ม Home เลย ไม่ใช่ต้องเอา S Pen กดปุ่ม Home ลงไปแรง ๆ

ปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และ ปุ่มปรับระดับเสียงของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และ ปุ่มปรับระดับเสียงของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


แต่การวางตำแหน่งปุ่มเปิดปิดหน้าจอ และปรับระดับเสียง ถือว่าทำออกมาได้ OK นะครับ จะใช้งานในแนวนอน หรือแนวตั้ง ก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่กดใช้งานสะดวก (แต่ก็ต้องเลือกข้างที่จะใช้งานในแนวตั้งด้วยอะนะ)

User Interface ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ผู้ใช้งาน Samsung Galaxy ทุกคนก็จะคุ้นเคยกันดีกับ TouchWiz UI ของ Samsung ดี … แต่หลัก ๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจาก Android ตัวอื่น ๆ หรอกครับ มันก็ยังคงประกอบไปด้วย Lock screen, Home screen และ App tray เหมือนกันนั่นแหละ

Lock screen ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Lock screen ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


Lock screen ก็เป็นแบบใหม่ ที่สามารถเพิ่ม Widget เข้าไปได้ พวก App บางตัวที่รองรับคุณสมบัตินี้ จะช่วยให้เราเพิ่ม Widget เพื่อแสดงข้อมูลให้เราได้ตั้งแต่อยู่บนหน้า Lock screen ช่วยประหยัดเวลาเรา ไม่ต้องปลดล็อก ก็สามารถดูข้อมูลบางอย่างได้เลย เช่น Timeline ของ Social media อย่าง Twitter/Google+, ราคาหุ้น, อีเมล์ ฯลฯ

Home screen ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Home screen ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


Home screen ได้อานิสงส์จากขนาดหน้าจอใหญ่ของ Tablet และความละเอียดของหน้าจอที่สูง ทำให้ใส่โน่นนี่นั่นในหน้าจอ Home screen หน้าจอเดียวได้มากกว่า และพวกไอคอนของ App ต่าง ๆ ก็ยังดูดี อาจเป็นเพราะเดี๋ยวนี้นักพัฒนาเขาทำไอคอนความละเอียดสูงมาให้แล้ว เลยยังดูดี ไม่เบลอ เวลาที่ดูบนหน้าจอความละเอียดสูง … การเพิ่มหน้าจอ Home screen การใส่ Widget ก็สามารถทำได้สะดวก แค่แตะค้างบนหน้า Home screen แล้วเลือกเพิ่มได้เลย

App tray ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

App tray ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


App tray ก็ยังคงเป็นตามสไตล์ของ Android อยู่หลายส่วน ถ้าไม่อยากให้มี App tray หลายหน้า ก็สร้างโฟลเดอร์ขึ้นมา แล้วเอาไอคอนต่าง ๆ มารวมกันได้ … ไม่มีอะไรเป็นพิเศษสำหรับหน้าจอนี้ครับ

Notification bar ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Notification bar ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


Notification bar ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition จริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างมาจาก Galaxy Note 3 หรอกนะครับ ความแตกต่างจริง ๆ ที่เห็นได้ชัดคือ แทนที่จะต้องปัดหน้าจอเพื่อเลื่อนดู Quick settings ต่าง ๆ ก็มาเป็นเห็นหมดแทบทุกอย่างในหน้าจอเดียว เพราะความละเอียดของหน้าจอที่สูงกว่า และขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่านั่นเอง

ลูกเล่น และ Apps ต่าง ๆ ที่ Samsung เขาเตรียมมาให้กับ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

จากที่ได้รีวิว Android devices ต่าง ๆ ของ Samsung มาก็ไม่น้อย ก็พอจะเดา ๆ ได้ว่า อะไรหลาย ๆ อย่างจะต้องคล้าย ๆ กับ Samsung Galaxy Note 3 ที่ออกไปก่อนหน้าแน่นอน … พวกฟังก์ชันต่าง ๆ อย่าง Air view, Air command, Multi window อะไรพวกนี้ก็มากันครบถ้วนดี ที่ขาดไปก็รู้สึกจะมีแค่ Air gesture ที่ให้เราสั่งงานบางอย่างได้ โดยใช้มือปัดผ่านเซ็นเซอร์บนหน้าจออ่ะนะ

Multi window บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Multi window บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


ที่น่าสนใจคือ ฟีเจอร์อย่าง Multi window ที่ค่อนข้างใช้สะดวกบน Galaxy Note 3 เวลามาอยู่บน Galaxy Note 10.1 2014 Edition แล้ว มันสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่และความละเอียดสูงได้อย่างเต็มที่ ทำให้ฟีเจอร์นี้ใช้สะดวก และดูมีประโยชน์มากกว่าตอนอยู่บน Galaxy Note 3 อีก
ที่เพิ่มมาจาก Galaxy Note 3 อีกอย่างก็คือ Smart Remote ที่แปลง Galaxy Note 10.1 2014 Edition ให้กลายเป็นรีโมตคอนโทรลควบคุมพวกอุปกรณ์มัลติมีเดียภายในบ้าน ซึ่งได้รับการเพิ่มเนื้อหาของประเทศไทยเข้าไปด้วย เช่น แสดงข้อมูลรายการเคเบิ้ลทีวีของ truevisions อะไรแบบนี้ การตั้งค่าต่าง ๆ ทำได้ไม่ยาก แต่สำหรับคนที่ไม่ถนัดเรื่องไอทีเท่าไหร่ ก็อาจจะยังรู้สึกงง ๆ อยู่ (ส่วนหนึ่งเพราะใช้ภาษาอังกฤษเป็น User Interface ด้วย)

Smart Remote บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Smart Remote บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


พวก App ส่วนใหญ่บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition นั้น ก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรแตกต่างไปจาก Galaxy Note 3 ครับ แต่อาศัยว่าขนาดหน้าจอใหญ่กว่า ความละเอียดสูงกว่า ทำให้ User Interface ถูกปรับไปใช้ประโยชน์จากจุดนี้เต็มที่ ในฐานะ Tablet เลยใช้งานสะดวกกว่าซะมากกว่าครับ

S Note บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

S Note บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


อย่างเช่น S Note เนี่ย พอหน้าจอใหญ่ขึ้นแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่า User Interface ใช้งานสะดวกขึ้น พวกตัวเลือกในการเปลี่ยนหัวปากกา และเข้าสู่โหมดต่าง ๆ  ก็ทำได้ง่ายขึ้นมาก หน้าจอที่ใหญ่ ก็ให้พื้นที่ในการขีด ๆ เขียน ๆ วาด ๆ เยอะขึ้นกว่าด้วยครับ

Easy chart ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Easy chart ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


Easy chart ที่เป็นฟีเจอร์บน S Note ก็สะดวกขึ้น รู้สึกได้เลยว่า หน้าจอใหญ่ขึ้น ความละเอียดหน้าจอสูงขึ้น มันทำให้การเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ สะดวกขึ้นเยอะเลยครับ

เช่นเคย แม้ว่า Samsung จะยังคงให้ App มาใช้ฟรี ๆ หลายตัวทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ติดตั้งมาให้ก่อนนะครับ ออกแนวอยากใช้เมื่อไหร่ค่อยดาวน์โหลดมากัน ข้อดีคือไม่รกเนื้อที่เก็บข้อมูล แต่ก็มีข้อเสียตรงที่หากไม่ทันนึกถึง ตอนจะใช้งานจริง ๆ ต้องมานั่งรอดาวน์โหลดมันก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ … ฉะนั้น คำแนะนำของผมก็คือ พอซื้อมาแล้ว ก็ไปเช็กเลยว่ามี App อะไรที่เราคิดว่าเราจะได้ใช้แน่ ๆ แล้วก็ไปดาวน์โหลดรอไว้ก่อนเลย

Galaxy App Center บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

Galaxy App Center บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


นอกจาก Apps ต่าง ๆ ที่ Samsung จัดมาให้แล้ว ก็ยังมีพวก 3rd Party apps อย่าง SketchBook for Galaxy, Dropbox, Flipboard, Evernote อะไรแบบนี้ แล้วก็มีพวก App และ Content ที่ Samsung เตรียมมาเพื่อผู้ใช้งานในประเทศไทยโดยเฉพาะด้วย … แต่น่าเสียดาย App พวกนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มี User Interface สำหรับใช้งานบน Tablet เท่าไหร่ เลยไม่ได้ใช้ประโยชน์จากขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นมากนัก

ด้วยความที่สเปกพอ ๆ กันกับ Galaxy Note 3 ก็เลยทำให้แทบจะเอาออกว่าผลจะออกมาเป็นยังไง (ฮา)​ และก็น่าเสียดาย ที่ Samsung เลือกนำเขารุ่นที่เป็น Exynos 5420 เพราะว่าหน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว และความละเอียดหน้าจอ 2560×1600 พิกเซลแบบนี้ มันน่าจะเอามาดูคลิป 4K (2160p) เสียนี่กระไรล่ะ พอใช้ Exynos 5420 และยังไม่มีวี่แววข่าวว่าจะอัพเกรดให้รองรับการประมวลผลระดับ 4K ก็เลยทำให้ไม่สามารถใช้ศักยภาพของมันได้เต็มที่

เอา Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition มาดูหนังฟังเพลงดู

ด้วยสเปกของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ที่วางจำหน่ายในไทย ณ ตอนนี้ ยังไม่สามารถดูคลิปความละเอียดสูงที่ควรคู่กับความละเอียดหน้าจออย่างระดับ 4K ได้ แต่สเปกก็แรงเอาเรื่องทีเดียวเมื่อคิดว่าจะเอาไปดูคลิป 1080p ครับ … แต่เพราะขนาดหน้าจอใหญ่ และความละเอียดของจอสูงกว่าระดับ 1080p อยู่พอสมควร เวลาดูใกล้ๆ ผมเลยแอบรู้สึกว่า ภาพแอบแตกอยู่เล็กน้อย (เพราะต้อง Scale up)

ดูคลิป 1080p บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ไม่ใช่ปัญหาเลย

ดูคลิป 1080p บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ไม่ใช่ปัญหาเลย


ด้านคุณภาพเสียงเป็นยังไงบ้างล่ะ?!? เสียงที่ได้จากลำโพงแบบ Stereo คู่นี้ ให้เนื้อเสียงที่ดี มีมิติ แสดงย่านสูงที่ฟุ้งปลายนิด ๆ ทำให้รู้สึกเพราะและนุ่มนวลไม่แหลมแทงหู แม้มวลเสียงโดยรวมจะมีความแน่น แต่เสียงกลางที่ออกจะกลวงนิด ๆ และย่านต่ำจะลงไม่ลึกนัก ทำให้พวกเสียงต่ำที่ไม่ค่อยมีเสียงกลาง อย่างเช่นเบสไลน์ในเพลงทั่วไปไม่ค่อยโผล่ออกมานัก ต้องมิกซ์มาแบบให้กลางเด่น ๆ ถึงจะได้ยินชัด อย่างเพลง Treasure ของ Bruno Mars เป็นต้น

ทดลองใช้งานในการดูไฟล์ประเภทภาพยนต์ รู้สึกดีกว่าตอนฟังเพลง น่าจะเป็นเพราะอรรถรสในการเสพแตกต่างกัน และลักษณะการมิกซ์เสียงของภาพยนต์จะแบ่งเป็นเสียงหลัก (พูด/Special Effects) กับเสียง Background อื่น ๆ ซึ่งเหมาะสมพอดีกับการใช้งานกับลำโพงในแบบนี้ มากกว่าบทเพลงที่ผู้ฟังจะคาดหวังรายละเอียดมากกว่า เมื่อฟังจากหูฟัง เสียงที่ได้ยังคงมิติที่ดี และลักษณะของความนุ่มนวลเอาไว้ อีกทั้งแสดงย่านเสียงกลางและต่ำได้ดี แม้ย่านเสียงยังปน ๆ ทับ ๆ กันอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่ฟังดูดี ไม่นัว ไม่บวม

เล่นเกมบน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

ทีนี้ลองเอามาเล่นเกมดูบ้างครับ … เป็นไปตามคาด CPU Exynos 5420 และ GPU Mali-T628MP6 นี่ เกม Asphalt 8: Airborne ยังไม่รองรับ ผลก็คือกราฟิกปรับได้แค่ระดับคุณภาพ Low เท่านั้นเอง รายละเอียดกราฟิกและเอฟเฟกต์ต่าง ๆ หายไปเพียบเลย (เกม Asphalt 8: Airborne นี่ กราฟิกระดับ Low กับ Medium นี่แตกต่างกันหลายขุมมาก ๆ เลยนะ ในความเห็นของผม) และแม้ว่าจะเล่นได้ลื่นไหล ไร้กระตุก แต่กราฟิกระดับนี้ ไม่ได้ให้ประสบการณ์ที่ดีซักเท่าไหร่นัก

เกม Asphalt 8: Airborne บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition เล่นได้แค่ระดับ Low quality เท่านั้นเอง

เกม Asphalt 8: Airborne บน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition เล่นได้แค่ระดับ Low quality เท่านั้นเอง


เลยลองเอามาเล่น Asphalt 7: Heat แทน ปรากฏว่า เหมือนประสิทธิภาพจะดีเกินไปอีก ผลก็คือเกมไปเร็วมาก จนควบคุมแทบไม่ทัน หากเราเลือกรถที่ขับเร็ว ๆ … และสังเกตได้ว่าการเล่นมันดูแปลก ๆ ไปบ้าง เช่น ตอนที่เข้าสู่ Adrenaline mode แล้วชนรถคู่แข่ง มันจะปลิวไปไกลมากเลยทีเดียว แบบว่าเวอร์เลย

ในภาพรวม หากจะเอา Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition อาจจะต้องเลือกเกมหน่อย และสำหรับบางเกม ก็อาจจะต้องรอให้ผู้พัฒนาเขาอัพเดตเกมเพื่อให้รองรับครับ

ทีนี้มาลองดูการถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอด้วย Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition กันดูบ้าง

User Interface ของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ยังคงเป็นสไตล์ Samsung อยู่ครับ เผิน ๆ เหมือนกับพวก UI ของกล้อง แต่ก็มีปุ่มเลือกโหมดถ่ายภาพในแบบที่ใช้กันบน Android 4.2 ของ Samsung เรื่อยมา การเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ ทำได้ไม่ยาก และค่อนข้างจะโอเค ที่แตกต่างไปจาก Galaxy Note 3 คือ ไม่มี Smart stabilization มาให้ แต่มี Auto night detection มาแทน

User Interface กล้องของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

User Interface กล้องของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition


กล้องของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition นี่เป็นระดับความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และแม้จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังไม่อาจเทียบชั้นกล้องของพวกสมาร์ทโฟนได้อยู่นะ ในความคิดของผม แต่อย่าเพิ่งคิดว่าคุณภาพไม่ดีนะครับ ลองดูรูปตัวอย่างที่ผมถ่ายจากภายในห้าง ที่มีแสงพอสมควรดูก็ได้ครับ จะเห็นว่าภาพออกมาก็โอเคอยู่นะครับ


แน่นอน ดูแบบไม่ซูมภาพขยายบนจอ ก็จะไม่รู้สึกอะไรครับ แต่ถ้าซูมเข้ามา ก็จะรู้ได้ว่าตามสไตล์ของ Samsung เขาจะเกลี่ยพิกเซลให้ดูเนียน ๆ หน่อย ผลที่ได้ก็คือ พอซูมแล้วจะรู้สึกได้ว่าขาดความคมชัดไป แต่จุดที่ Samsung ยังไม่ปรับปรุงซะทีก็คือ Tap-to-Focus ที่ทำได้แค่ปรับโฟกัส แต่ไม่สามารถวัดแสงและปรับ Exposure ของภาพ ตามตำแหน่งที่แตะไปบนหน้าจอ ที่แบรนด์อื่น ๆ เขาก็ทำกันมาเยอะแล้ว (แต่ Samsung ไม่ทำซะที)

การถ่ายภาพในที่แสงน้อย จะเห็น Grain ค่อนข้างชัดเจนเลย และหากแสงน้อยมาก ๆ ภาพก็จะมืดไปเลย แต่งวดนี้ Samsung เขาใส่แฟลชมาให้ด้วย ฉะนั้นวางใจไปได้เปลาะนึงว่าอย่างน้อยถ่ายสิ่งที่ต้องการถ่ายติดด้วยแสงแฟลชแน่ แต่ต้องทำใจว่าสีสันของภาพก็จะผิดธรรมชาติไปบ้าง

การถ่ายวิดีโอ 1080p ถือว่าทำได้คุณภาพดีครับ ไม่ถึงกับเลิศมาก แต่ก็ OK อยู่ แต่ก็อีกเช่นเคย การที่ไม่สามารถแตะที่หน้าจอแล้วปรับแสงได้เนี่ย ทำให้มันไม่ค่อยสะดวกเวลาจะถ่ายวิดีโอเท่าไหร่ จะปรับเองก็ทำไม่ได้อีกหากกำลังถ่ายวิดีโออยู่ ต้องรอปรับแบบออโต้สถานเดียว

บทสรุปของการรีวิว Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่า Samsung เขาวางตำแหน่ง Galaxy Note 10.1 2014 Edition นี่ไว้เป็น Tablet ที่ใช้ในระดับตามบ้านก็ได้ หรือจะไปใช้เป็น Tablet ในที่ทำงานก็ได้ โดยมี App พื้นฐานที่รองรับการใช้งานกึ่งทำงานกึ่งเล่นอยู่แล้ว อย่างเช่น S Note งี้ แล้วไหนจะ Multitasking อย่าง Multi window อีก แล้วมี S Pen ด้วย … นี่ยังไม่นับถึง KNOX ที่ช่วยสร้างอีกหนึ่งตัวตนบนเครื่อง เอาไว้สำหรับทำงานโดยเฉพาะ เพราะข้อมูลในนั้นจะไม่ไปปะปนกับข้อมูลส่วนตัวของเราเลย และยังใช้ฟังก์ชันบางอย่างไม่ได้ เช่น การเก็บภาพหน้าจอ ซึ่งจะทำให้ระดับองค์กรมั่นใจได้อีกขั้นละ

ข้อจำกัดของ Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition ก็เห็นจะเป็นเรื่องค่าตัว 20,900 บาท ที่ทำให้มันถูกจัดเป็น Android tablet ระดับไฮเอนด์ได้เลย และความที่รุ่นที่วางจำหน่ายในเมืองไทยเป็นชิพ Exynos ที่นักพัฒนาเกมหลาย ๆ เกมยังไม่ได้อัพเดตให้รองรับ ก็เลยทำให้ Galaxy Note 10.1 2014 Edition ไม่ใช่ Android tablet อเนกประสงค์แบบสมบูรณ์ เพราะดูหนัง ฟังเพลง ทำงาน โอเคแล้ว แต่เล่นเกมยังขาด ๆ อยู่ … อย่างไรก็ดี ยังดีว่าประเด็นที่เป็นข้อจำกัดนี้ มันเป็นข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ หากมีการอัพเดตแล้ว อะไร ๆ ก็น่าจะดีขึ้น




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2556 11:20:46 น. 0 comments
Counter : 2873 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.