นักวิจัยจาก CIRP ระบุ แอปเปิลใช้ไอโฟน 5C ในการดันให้ผู้ใช้งานหันไปซื้อเครื่องไอโฟน 5S ที่มีราคาสูงกว่า เพื่อให้ยอดราคาขายเฉลี่ยของไอโฟนในภาพรวมสูงขึ้น...
เว็บไซต์ recode.net เผยรายงานการศึกษาล่าสุดของ CIRP: Consumer Intelligence Research Partners ที่ชี้ว่า ไอโฟน 5C (iPhone 5C) สมาร์ทโฟนสำหรับตลาดใหม่ของค่ายแอปเปิล ทำส่วนแบ่งยอดจำหน่ายได้ไม่มาก เหมือนที่ไอโฟน 4S ทำได้เมื่อปีก่อน ทั้งที่ทำออกมาเพื่อจับตลาดขนาดกลาง แตกต่างจากเครื่อง ไอโฟน5S (iPhone5S) ที่สร้างยอดขายและมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าที่ไอโฟน5 เคยทำได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี
จากการศึกษาของ CIRP กับกลุ่มตัวอย่าง 500 รายที่ซื้อสมาร์ทโฟนของแอปเปิลในช่วงเดียวกัน พบว่ายอดขายของ ไอโฟน 5S ในเดือน ต.ค.-ธ.ค.2556 มีสูงถึง 59% เมื่อเปรียบเทียบกับไอโฟน 5 รุ่นท็อปของปีก่อน ที่มียอดขายที่ 50% ขณะที่ ไอโฟน 5C มียอดขายอยู่ที่ 27% น้อยกว่าที่ไอโฟน 4S ทำได้ 32% เมื่อปีก่อนหน้านี้ และเป็นตัวที่จับตลาดระดับกลางเช่นเดียวกัน
จอช โลวิทซ์ นักวิเคราะห์จาก CIRP กล่าวว่า การอัพเดตดีไซน์มันใช้งานได้สำหรับแอปเปิล ลูกค้าที่จะซื้อไอโฟน 5 ในราคาระดับกลางยอมเปลี่ยนใจไปซื้อรุ่นเด่น อย่างไอโฟน 5S ที่ราคาสูงกว่า ไม่รู้ว่า ไอโฟน 5C จะประสบความสำเร็จในแง่ของการดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ แอปเปิลสามารถเพิ่มยอดราคาขายเฉลี่ยของไอโฟนทั้งหมดให้สูงขึ้นได้
หากไอโฟน 5 รุ่นเก่าได้เป็นรุ่นที่จับตลาดระดับกลาง เราคาดว่าไอโฟน 5 น่าจะทำยอดขายได้ดีกว่าระดับราคากลางๆ อย่างที่ไอโฟน 5C ทำอยู่ในตอนนี้ เพราะเหมือนกับว่า ไอโฟน 5C ออกแบบมาเพื่อดันให้ลูกค้าหันไปซื้อ ไอโฟน 5S ที่มีราคาแพงกว่า
เช่นเดียวกับแนวโน้มที่เกิดกับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป ที่ผู้ใช้งานหันมาสนใจในเรื่องความจุของสตอเรจ เพราะมีคนเลือกที่จะจ่ายเพิ่มอีก 100-200 เหรียญสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อเป้นเจ้าของรุ่นที่มีความจุสูงๆ.
ที่มา : recode