ที่มาจาก //www.kumarntalk.com/topic/452
วิธีจับพลังกุมารมีหลากหลายวิธี แล้วแต่ว่าใครจะถนัดวิธีไหน การจับพลังนี้ไม่ต้องใช้คาถาใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่ใช้สมาธิที่แน่วแน่ก็เพียงพอ
๑. นั่งท่าสมาธิ ใช้มือทั้งสองข้างกาลูก
กุมารทองไว้ในมือ แล้วหลับตา มือของเราที่กำลูกกุมารทองอยู่จะค่อย ๆ ลันเองไปเรื่อย ๆ มือของเราจะสั่นเอง หรือเบา ก็ขึ้นอยู่กบจิตของลูก
กุมารของเราว่า แข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน ถ้าถึงขั้นนั่งอยู่แล้วเหมือนจะกระโดดขึ้นได้นั่นก็คือ จิตของลูกกุมารเราแก่กล้ามาก
๒. แบมือแล้วนำลูกกุมารทองของเรา วางไว้บนฝ่ามือ เพ่งมองไปที่ ลูกกุมารทองบนฝ่ามือ มือเราจะค่อย ๆ ขยับขึ้นลงเอง หรือมือจะวนไปมาเอง ถ้าจิตลูกกุมารทองของเราแรง มือของเราจะวนไปมา และขยับขึ้นลงเร็วมาก จนเหวี่ยงลูกกุมารทองของเราตกจากฝ่ามือไป
๓. ยืนขึ้น แล้วกำลูกกุมารทองไว้ในมือข้างใดข้างหนึ่ง แล้วหลับตา ต้องใช้สมาธิหน่อย ซักพักแขนของเราจะขยับไปเอง เหมือนว่าแขนของเรา ถูกเชิด หรือถูกซักใยขยับไปมาเหมือนเด็กได้เอง หรือมือเราหมุนๆ ไปเอง แปลว่าเขาสื่อให้เราได้รู้ว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่ หรือเราลองทำแล้วเราอาจจะ ยืนกำหมัดอยู่เฉยๆ ก็ได้ เหมือนรูปหุ่นกุมารทองที่ได้ยืนกำหมัดอยู่
ถ้าฝึกวิธีนี้ ขาของเราจะสามารถขยับไปเองได้ แบบว่าเดินไปมาเอง กระโดดเอง เหมือน เด็ก เป็นการสื่อจากลูกกุมารทองของเราว่าเขาอยากให้เราได้รู้ว่า เขาทำอะไรอยู่ วิธีนี้สามารถไปถึงขั้นที่เรียกว่า เรียกกุมารทองเข้าร่างตัวเอง เสียงของเรา ก็จะเล็ก ๆ แหลม ๆ แล้วพูดไปเอง พูดเป็นคำพูดของลูกกุมารนั่นแหละ ส่วนตัว เราจะครบคุมได้หรือเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับสมาธิของเรา บางคนจิตอ่อนแล้วแก่ วิธีนี้ กุมารทองมาเข้าร่างอย่างง่าย ๆ เลยเอาร่างเราไปเที่ยวเลย เราไม่รู้ตัว เพราะสลบอยู่ ถึงได้บอกว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวจะควบคุมเขาได้หรือไม่ได้เวลา เขาเข้าร่างเรานั้น ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิของเรา
๔. วิธีนี้ขั้นตอนง่ายมาก แค่เพ่งมองไปที่ลูกกุมารของเรา แล้วเราจะ รู้สึกถึงอารมณ์ของเขา ว่าเขาอารมณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร สนุกสนานร่าเริงไหม หรือเศร้าสร้อยเหงาหงอยอยู่
๕. วิธีนี้จะคล้าย ๆ วิธีแรกคือ เราจะนั่งสมาธิ แล้วจับลูกกุมารทอง ไว้ในมือ แล้วหลับตา วิธีนี้ผลลัพธ์น่าประทับใจมาก แต่ก็ต้องใช้สมาธิ นิดหน่อย นั่งซักพักเราจะได้ยินเสียง แกรก ๆ เหมือนมีใครเอามือมาเคาะมาหรือแกะ อะไรซักอย่างตามมาด้วย จะได้ยินเสียงคนเดินไปมารอบ ๆ ตัวเรา แล้วเราจะรู้สึกถึงไออากาศรอบ ๆ ตัวเราว่ามันร้อน ๆ อุ่น ๆ เย็น ๆ บ้าง เสร็จแล้วจะรู้สึก เหมือนมีใครมานั่งใกล้ ๆ เรา แล้วจะได้ยินเสียงหายใจ
๖. วิธีนี้ก็ต่อจากวิธีข้อ เหมือนกัน แค่เห็นและได้ยินเสียงอย่างเดียว มันไม่พอ สำหรับคนไม่เคยพอคือ ถ้าเราเห็นนิมิตกุมารทองของเราอยู่ที่ชายทะเล เราจะรู้สึกถึงลมเย็นได้ จากชายทะเลที่มองเห็นตอนหลับตา ถ้ามีแดดออก เราจะรู้สึกถึงแดดที่ร้อนได้ ถ้าฝึกไปเรื่อย ๆ จะรู้สึกแบบนี้ได้
๗. วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีสุดท้ายแล้ว เรานั่งสมาธิไป เราจะมองเห็นตัวเอง นั่งสมาธิอยู่ วิธีนี้เรียกว่า การแบ่งจิต หรือที่เรียกว่า การถอนจิต หรือการถอดร่าง จะคล้ายๆ กับการถอดวิญญาณ แต่การถอดวิญญาณจะไม่สามารถควบคุมร่างกายที่เป็นมนุษย์ได้ แต่การแบ่งจิต เราสามารถควบคุมร่างกายที่ เป็นมนุษย์ได้ นั่นก็คือ เราก็รู้ตัวว่านั่งสรทธิอยู่ ส่วนอีกจิตหนึ่งของเรา หรือร่างของเราที่ได้แบ่งออกไป เราก็ควบคุมร่างนั้นได้ก็เพราะเป็นคนๆ เดียวกัน ตัวเราก็นั่งสมาธิอยู่ก็ปล่อยให้ตัวเองนั่งต่อไป
ส่วนตัวเราอีกตัวที่ได้แบ่งจิต หรือแยกร่าง เราก็เดินไปไหนก็ได้นั่นแหละ แต่ผมไม่เคยเดินทะลุกำแพงนะครับ แค่ผมเห็นตัวเองอยู่ในห้องนั่งสมาธิอยู่ แล้วแค่คิดว่าอยากออกนอกบ้านตัวเองก็ไปโผล่ข้างนอกบ้านเลย ตัวเราที่ได้แบ่งจิตไปเราก็มองเห็นวิญญาณนั่นแหละครับ และเราก็จับสัมผัสได้ด้วย ถ้าเราเห็นกุมารทองของเรา เราก็เดินไปอุ้มเขาเล่นก็ได้ แต่วิธีนี้ต้องใช้สมาธิหน่อยถึงจะทำได้นะครับ
วิธีทั้ง ๗ นี้จะกระทำใดโดยง่าย หากเรามีจิตใจที่มุ่งมั่น แน่วแน่ มีสติ และสมาธิ มีการสั่งสมบุญบารมีอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเราประสานจิตต่อกันได้ การสื่อสารกับกุมารทองที่เราเลี้ยงมาเองก็ไมใช่เรื่องยากอีกต่อไป