ขับขี่ทดสอบทางไกลด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงเพียงแค่ถังเดียวจากกรุงเทพฯ ไปกระบี่ กับ New Mercedes Benz E-Class E300 BlueTEC Hybrid AMG Dynamic ตอนที่ 1 กับการรีวิวอุปกรณ์ ระบบขับเคลื่อน เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง ระบบความปลอดภัยและราคาค่าตัว...

บริษัท Mercedes Benz Thailand Co,ltd. จัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์ “Thenew E-Class Family Test Drive” นำสื่อมวลชนสายยานยนต์ลงควบ New E-Class สัมผัสประสบการณ์การขับขี่ในระยะทางไกลกับสุดยอดยนตรกรรมหรูอัจฉริยะประหยัด พลังงาน ให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัย ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่สี่สูบแบบ BlueDIRECT และเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID

คมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท Mercedes Benz Thailand Co,ltd. กล่าวว่า “กิจกรรม The new E-Class Family Test Drive เส้นทางกรุงเทพฯ–กระบี่ จัดขึ้นเพื่อเป็นการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในตระกูล The new E-Class ในรุ่นต่างๆ ได้แก่ E 200 Executive, E 300 BlueTEC HYBRID Executive, E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic, E200 Coupe AMG Dynamic และ E 200 Cabriolet AMG Dynamic

รถ New E-Class วางรูปแบบของตัวถังในรหัส W212 Facelift โดยใช้งานดีไซน์ใหม่หมดจดตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงสัดส่วนด้านท้าย การออกแบบที่มีความเชื่อมโยงกับการขับขี่แบบสปอร์ตให้มากขึ้น พร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เครื่องยนต์ใหม่ที่มีให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลไฮบริดสมรรถนะสูง ซึ่งสื่อมวลชนจะได้ทำการขับขี่ทดสอบในการทดลองวิ่งระยะทางไกล ควบคู่กับระบบความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรม BlueTEC HYBRID ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดีเซลไฮบริดครั้งแรกในประเทศไทยที่เป็นสุดยอดแห่งการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องยนต์แบบดีเซลไฮบริดสมรรถนะสูงที่ให้แรงบิดระดับเดียวกับรถสปอร์ตพลังสูง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.81 กิโลเมตรต่อลิตร (เคลมโดยวิศวกรของ Mercedes Benz)

เทคโนโลยีล่าสุดของระบบขับเคลื่อนจะส่งผลให้ The new E-Class ยังคงครองความเป็นผู้นำตลาดรถหรูในเซ็กเมนต์นี้และที่สำคัญยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็น Mercedes Benz ใน 3 ด้านหลัก คือ
ความสมบูรณ์แบบ (perfection)
ความงดงามน่าหลงใหล (fascination)
ความรับผิดชอบ (responsibility)

The new E-Class: สุดยอดยนตรกรรมหรูอัจฉริยะโฉมใหม่
Mercedes Benz The new E-Class ยนตรกรรมหรูที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายในเน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น รูปลักษณ์ภายนอกด้านหน้าที่ปรับเปลี่ยนมากที่สุดคือ แผงกระจังหน้าและโคมไฟคู่หน้าด้วยการนำไฟแบบ LED มาใช้อย่างเต็มรูปแบบโดยไฟหน้าในรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID และรุ่น E 200 Executive เป็นแบบ LED Intelligent Light System (full LED) และแบบกึ่ง LED (Partial-LED) ตามลำดับ ไฟท้ายแบบ LED fibre-optic โคมไฟคู่หน้าได้รับการออกแบบใหม่หมดโดยผนวกเอาชุดไฟ LED ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน นับเป็นครั้งแรกของค่ายตราดาวที่โคมไฟแบบ LED ได้รับการออกแบบใหม่หมดจด โดยดีไซน์ให้อยู่รวมในกรอบเดียวกันและยังคงเป็นการสื่อถึงไฟคู่หน้าแบบ “สี่ตา (four-eyed)” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมของ E-Class ไว้เหมือนเดิม

มิติตัวถังในรุ่นซีดาน 4 ประตู มีความกว้าง 1,854 มิลลิเมตร ยาว 4,879 มิลลิเมตร และสูง 1,474 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อหน้า 1,598 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อหลัง 1,614 มิลลิเมตร ระยะห่างระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง 2,874 มิลลิเมตร รถคันทดสอบในรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic ยังมีซันรูฟหลังคาแบบพาโนรามิค ติดตั้งมาให้จากโรงงาน รวมถึงชุดแต่งของ AMG เช่น ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางรันแฟลตคุณภาพสูงของ Bridgestone รุ่น Potenza RE 050 Run flat ขนาดไซส์ล้อหน้า 255/40R18 ส่วนยางล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนมีขนาด 265/35R18 นอกจากนั้น มุมมองภายนอกยังประกอบไปด้วย สปอยเลอร์หน้า-หลังจาก AMG กาบบันได ท่อระบายไอเสีย เบาะ พวงมาลัย โทนสีและการตกแต่งภายในห้องโดยสารเหนือกว่ารุ่นปกติจากชุดแต่งเสริมความโหด ด้านมุมมอง

ภายในห้องโดยสารของ E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic คันทดสอบ มีการปรับให้มีความผสานกลมกลืนสวยงามเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไปโดยการคัดสรรวัสดุชั้นดีมีคุณภาพสูงมาใช้ให้ดูหรูหราขึ้น โดยทำการปรับโทนสีและรูปแบบของอุปกรณ์ตกแต่งให้มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากรุ่นปกติ นอกจากนั้น New E-Class W212 Facelift ทุกๆ รุ่น ยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ควบคุมการทำงานของวิทยุและ CD/MP-3 สามารถเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต พร้อม Controller และระบบนำทาง (navigation system) ในรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID Executive, E300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic, E 200 Coupe AMG Dynamic และ E 200 Cabriolet AMG Dynamic เพื่อให้ความเพลิดเพลินรื่นเริงบันเทิงใจขณะขับขี่ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ เพื่อให้ความสะดวกสบายในการสื่อสารและควบรวมความปลอดภัยสูงสุดขณะที่กำลังขับขี่

The new E-Class วางเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยแบบล้ำอนาคต ระบบขับเคลื่อน ระบบช่วยทรงตัว และระบบความปลอดภัยขั้นก้าวหน้าที่ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยขณะขับขี่เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเรียกว่าระบบ Mercedes-Benz Intelligent Drive เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ The newE-Class เป็นยานยนต์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดคันหนึ่งในเซ็กเมนต์นี้ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียว ระบบดังกล่าวมีทำงานที่สอดประสานเชื่อมโยงกันทั้งหมดผ่านเซนเซอร์ที่ออกแบบ ให้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) โปรแกรมการควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® พนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บกรณีที่ถูกชนจากด้านหลัง ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

นอกจากนั้นยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) ระบบช่วยเบรก (BAS) ระบบเบรก (ADAPTIVEBRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ระบบช่วยเตือนการขับให้อยู่ในช่องทาง (LaneKeeping Assist) และกล้องแสดงภาพด้านหลัง (reversing camera) มีในเฉพาะรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID Executive และ E300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic

ขุมกำลังอย่างโหด ด้วยเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเทอร์โบแบบใหม่ล่าสุด : เน้นประสิทธิภาพในการขับใช้งาน สมรรถนะ ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง The new E-Class มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่ BlueDIRECT แถวเรียง 4 สูบ ที่ทรงพลังเต็มไปด้วยสมรรถนะและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยวางระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบล่าสุด ด้วยหัวฉีดชนิดพิเศษ Piezo ซึ่งฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง เป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่ใช้กับเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายตราดาว โดยได้นำมาใช้กับเครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น โดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 15 – 18 กม. /ลิตร หรือคิดเป็น 2.14 - 2.56 บาท/กม. ในรุ่นปกติ (คำนวณจากราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 95 ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2556) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ประมาณ 130 - 148 กรัม/กม.

สำหรับรุ่น E 300 BlueTEC HYBRID นับเป็นครั้งแรกในไทยสำหรับรถยนต์พรีเมียมเครื่องยนต์ไฮบริดดีเซลที่สะอาดและประหยัดมากที่สุด ยนตรกรรม E 300 BlueTEC HYBRID เป็นยานยนต์แบบซาลูนขนาดกลางที่เน้นความหรูหรา ควบคู่ไปกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สามารถคงความประหยัดพลังงานได้มากที่สุดในโลก และเป็นครั้งแรกของรถยนต์หรูที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด ซึ่งเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งเป็นการผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง การออกสตาร์ตที่เงียบและช่วยลดการสันดาปของเครื่องยนต์ แต่ยังคงให้พละกำลังเช่นเดิม โดยองค์ประกอบต่างๆ ของระบบไฮบริด เช่น ระบบไฟฟ้าในห้องเครื่องยนต์สามารถผสานรวมกับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้โดยตรง

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 23.81-24.39 กม./ลิตร หรือคิดเป็น 1.23-1.26 บาท ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร (คำนวณ จากราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2556) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ 107-110 กรัม/กม. สำหรับเครื่องยนต์ทั้งแบบเบนซินและดีเซลไฮบริดถ่ายทอดผ่านกำลังเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC-PLUS) พร้อมด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stop โดยใช้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย แบบ DIRECT SELECT

The new E-Class ราคาค่าตัว
E 200 Executive 3,390,000 บาท
E 300 BlueTEC HYBRID Executive 3,690,000 บาท
E 300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic 4,090,000 บาท *คันทดสอบ
E 200 Coupé AMG Dynamic 3,790,000 บาท
E 200 Cabriolet AMG Dynamic 3,990,000 บาท

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 ที่ลดลงส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในปัจจุบัน บริษัท Mercedes-Benz ได้ทำการผลิต E -Class รุ่นใหม่ล่าสุดกับการวางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ Hybrid สามารถลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกับการปล่อยของเสียซึ่งมีค่าทางวิศวกรรมที่ดีขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับ E-Class ในรุ่นที่ผ่านๆ มา สำหรับสมรรถนะของ E300 BlueTEC HYBRID สามารถเร่งความเร็วจาก 0 - 100 กิโลเมตรได้ในเวลา 7.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดประมาณ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นล่าสุดปริมาตรความจุ 2.1 ลิตร รุ่นเดียวกับ E250 CDI โดยวางระบบขับเคลื่อนเสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กและน้ำหนักเบา แต่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนเสริมแรงร่วมกับกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านทางระบบส่งกำลังแบบใหม่ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด หรือ 7G-TRONIC-PLUS

มอเตอร์ไฟฟ้าใน 300 BlueTEC HYBRID มีประสิทธิภาพสูงจากการพัฒนา สามารถผลิตกำลังในรูปของแรงม้าได้ถึง 20 แรงม้าด้วยขนาดที่เล็กเพียงนิดเดียว น้ำหนักที่เบาขึ้นของระบบ Hybrid ทำให้เครื่องยนต์ดีเซลไม่ต้องรับภารกรรมในรูปของน้ำหนักที่เพิ่มเติมเข้ามามากกว่ารุ่นปกติไม่มากนัก สำหรับการเร่งความเร็ว เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบและมอเตอร์เสริมแรงจะทำงานไปพร้อมๆ กัน รถ E300 BlueTEC HYBRID ยังมีความพิเศษเนื่องจากสามารถวิ่งได้ด้วยการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่ย่านความเร็วไม่เกิน 36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังจากเครื่องยนต์แต่อย่างใดทั้งสิ้น เมื่อวิ่งที่ความเร็วต่ำแบบการขับขี่ใช้งานภายในเมืองใหญ่ รถ New E-Class จะไม่มีการปล่อยของเสียใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงมลภาวะทางเสียงจากการหยุดทำงานของเครื่องยนต์ด้วยการควบคุมที่แม่นยำ ของระบบ Hybrid

เมื่อแล่นด้วยความเร็วคงที่ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการรักษาความเร็วสำหรับการขับเคลื่อนตามสภาพการจราจรไปจนกว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดกำลังไฟฟ้า เมื่อผู้ขับต้องการจะเร่งความเร็ว เครื่องยนต์ดีเซลและระบบ Hybrid จะเริ่มต้นการทำงานแบบผสมผสานได้อย่างราบรื่นจากการออกแบบที่คำนึงถึงการเชื่อมโยงกันระหว่างระบบขับเคลื่อนทั้งสองรูปแบบ เมื่อวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ย่านความเร็วต่ำเพียงอย่างเดียว รถ Mercedes-Benz E -Class 300 BlueTEC HYBRID จะมีความเงียบมากกว่ารถยนต์ปกติมาก ในความเป็นจริง มอเตอร์ของระบบ Hybrid ถูกพัฒนามาเพื่อการตอบสนองในระดับสูงสุด และเข้ามาเสริมให้เครื่องยนต์ดีเซลมีสมรรถนะด้านความประหยัดกับอัตราเร่งที่ดีขึ้น ตอบสนองทุกครั้งเมื่อผู้ขับขี่ต้องการกำลังในรูปของแรงบิดที่ผสานกันของทั้งสองระบบ ด้วยความรวดเร็วและเป็นไปแบบอัตโนมัติทั้งหมด

Mercedes Benz E300 BlueTEC HYBRID AMG Dynamic
ประเภทเชื้อเพลิง..................................................................ดีเซล
เครื่องยนต์............................................................................ดีเซลเทอร์โบ แถวเรียง 4 สูบ
วาล์ว.....................................................................................4 วาล์ว ต่อสูบ = 16 วาล์ว
ระบบอัดอากาศ.....................................................................เทอร์โบคู่ compound Turbocharging
ปริมาตรความจุกระบอกสูบ...................................................2143 ซีซี
แรงม้า สูงสุด...........................................................................150 กิโลวัตต์ 204 แรงม้า ที่ 4200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...........................................................................500 นิวตันเมตร ที่ 1600-1800 รอบต่อนาที
มอเตอร์ไฟฟ้า..........................................................................20 กิโลวัตต์ 27 แรงม้า
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า........................................................280 นิวตันเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง..........................................7.5 วินาที
ความเร็วสูงสุด..........................................................................242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย...................................................นอกเมือง = 18.1 กิโลเมตร/ลิตร
ความจุถังเชื้อเพลิง...................................................................80 ลิตร
พื้นที่เก็บสัมภาระ.....................................................................505 ลิตร
ระบบ ส่ง กำลัง........................................................................... เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G Tronic Plus) แบบ Dirct Select พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-Wheel Gearshift Paddles)
ล้อและยาง
ล้อ หน้า.................................................................................... อัลลอย 18 นิ้ว ยาง Bridgestone Potenza RE 050 Run-flat 255/40R18
ล้อ หลัง.................................................................................... อัลลอย 18 นิ้ว ยาง Bridgestone Potenza RE 050 Run-flat 265/35R18 z
ระบบกันสะเทือน
ด้าน หน้า................................................................................... แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง
ด้าน หลัง................................................................................... มัลติลิ้งค์ สปริง โช้คอัพ เหล็กกันโคลง
มิติตัวถัง
ความกว้าง..............................................................................1854 มิลลิเมตร
ความยาว.................................................................................4879มิลลิเมตร
ความสูง...................................................................................1474 มิลลิเมตร
ฐานล้อหน้า...............................................................................1598 มิลลิเมตร
ฐานล้อหลัง...............................................................................1614 มิลลิเมตร

ระบบความปลอดภัย
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE System
ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างป้องกันศีรษะ
ถุงลมนิรภัยบริเวณสะโพก 2 ตำแหน่ง
ระบบตัดการทำงานถุงลมนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
เข็มขัดนิรภัย 3 จุด 5 ที่นั่ง แบบผ่อนแรงดึงกลับและรั้งกลับแบบอัตโนมัติ
พนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO head restraints
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบช่วยเบรก BAS
ระบบเบรก Adaptive Brake พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน Adaptive Brake Light
ระบบรักษาความเร็ว cruise control และระบบจำกัดความเร็ว SPEEDTRONIC
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ ASSYST PLUS
ระบบแจ้งเตือนระดับผ้าเบรก
ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง tyre Pressure loss warning system
ระบบเตือนคนขับเมื่อเกิดอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST
เซนเซอร์ช่วยนำรถเข้าที่จอด PARKTRONIC
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ Active Parking Assist
ระบบเตือนรักษาช่องทางจราจร Lane Keeping Assist
กล้องแสดงภาพด้านหลัง ขณะถอยรถ reversing camera
สัญลักษณ์สามเหลี่ยมเตือนภัยและชุดปฐมพยาบาล