อาทิตย์ก่อน แด๊ก บิ๊กแอส ไปออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ เคลียร์หมดทุกประเด็นทำไมถึงออกจากวงบิ๊กแอส จวกยับถูกหักหลัง พูดแรงถึงขั้นไม่เผาผี ด้านเพื่อนในวงบอกยังไงก็เพื่อนกัน จะไม่พูดถึงเพื่อนในแง่ลบ เชื่อต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง ยันไม่เกี่ยวกับเสียงของแด๊กที่เปลี่ยนไป เลยทำให้เกิดเรื่องนี้
หลังจากที่ แด๊ก อดีตนักร้องนำวงบิ๊กแอส ได้ไปเปิดใจในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ถึงประเด็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองออกจากวง เป็นการจบไม่สวย เพราะแด๊กได้เผยว่าตนเองถูกบีบให้ออกจากวง ก่อนหน้านั้นสมัยยังเป็นเพื่อนกัน ทางวงก็เคยบอกว่าถ้าไม่ใช่ 5 คนนี้ก็จะไม่ใช่บิ๊กแอส ซึ่งหลังจากที่แด๊กออกจากวงไป เพื่อน 4 คนที่เหลือก็ได้หานักร้องนำคนใหม่ และยังใช้ชื่อบิ๊กแอสเหมือนเดิม ตอนนี้ทั้งแด๊กและเพื่อนในวงก็ไม่ได้คุยกันแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ถึงขั้นบอกเลยว่าอาจจะไม่มีการได้เผาผีกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นขึ้นมา เพราะหลังจากที่แด๊กออกจากวงไปก็ไม่เคยได้พูดหรือได้เคลียร์ต่อหน้าสื่อเลย และเมื่อรายการนี้ออกอากาศไปก็กลายเป็นที่วิจารณ์กันขึ้นมา ล่าสุดได้เจอวง บิ๊กแอส ในงานแถลงข่าวเปิดตัวแอพได้คู่เอ็กซ์คลูซีฟคอนเสิร์ต ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 21 อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ซึ่งวงบิ๊กแอสได้มาเปิดคอนเสิร์ตสุดพิเศษแบบใกล้ชิด สื่อมวลชน ได้ร่วมสนุกไปพร้อมกัน หลังจากเสร็จงานแล้ว เพื่อนสมาชิกในวงบิ๊กแอส ประกอบไปด้วย อ๊อฟ-หมู-กบ-โอ๊ค-เจ๋ง ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงเรื่องที่แด๊กออกมาพูดอีกด้วย
กับที่แด๊กไปออกรายการ?
อ๊อฟ : ก็มีโอกาสได้ดูนะครับ ก็แปลกใจที่มันเกิดขึ้นวันนี้ จริงๆ ถ้ามันจะเกิดมันควรจะเกิดขึ้นนานแล้ว แด๊กก็เป็นเพื่อนผม เป็นเพื่อนพวกเราทั้งหมด ทุกคนน่าจะรู้ว่าตอนที่เราออกอัลบั้มใหม่ๆ เราก็พูดเสมอว่าเราจะไม่พูดถึงแด๊กในด้านลบ เราจะพูดถึงเพื่อนเราในด้านดีเสมอ เพราะเพื่อนเรายังไงก็คือเพื่อนเรา ณ วันนี้เราก็สัญญาเหมือนเดิมว่าเราจะไม่พูดถึงเขาในแง่ลบ สิ่งที่ออกในทีวีอาจจะดูแรง แด๊กเองเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว เราก็ไม่ได้คิดอะไร
เขามีความน้อยใจ?
อ๊อฟ : ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกการแยกทาง ทุกการเปลี่ยนแปลงมันไม่มีอะไรที่ดี ผมคิดว่าทุกคนก็เดินหน้าในสิ่งที่ตัวเองเลือก
ก่อนที่จะจากกันได้คุยกันถึงเรื่องทำวงบิ๊กแอสต่อรึเปล่าว่าจะทำต่อหรือไม่ทำต่อ หลังจากที่แด๊กตัดสินใจออก?
กบ : จริงๆ เราได้บอกทุกอย่างไปตั้งแต่จะมีอัลบั้มใหม่ของพวกเราด้วยซ้ำไป ผมว่า ณ วันนี้ความเป็นจริง แด๊กเองเขาก็บอกว่าเขามีความสุข เราก็กำลังทำงานอย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ผมเองบอกตรงๆ ว่าประหลาดใจนะ เราควรจะข้ามเรื่องนี้ไปดีกว่า และทำหน้าที่ของตัวเอง ความจริงมันอยู่กับพวกเราห้าคนครับ
เขาพูดถึงขั้นว่าไม่มีการเผาผีกัน?
อ๊อฟ : ผมว่ามันเป็นธรรมชาตินะครับ แฟนกันคบกันมา 3-4 ปี บางคนก็แย่กว่านี้อีก เราอยู่กันมา 10 กว่าปี มันเป็นธรรมชาติมากๆ มันเป็นเรื่องของผู้ชาย 5 คนที่ใช้ชีวิตกันมาตั้งแต่อายุ 14 -15 ปี จนตอนนี้เกือบจะ 40 ปีกันแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ เราอยู่กันมานาน มันไม่ง่ายที่จะเกิดการแยกทางขึ้นแล้วอะไรมันจะเรียบง่าย เพียงแต่ว่าชีวิตมันก็ต้องเดินหน้าต่อไปในสิ่งที่เราเลือก
ในส่วนของชื่อวงที่เขาบอกในเมื่อวันนี้ไม่มีเขาแล้ว เขาก็ไม่อยากให้ใช้ชื่อบิ๊กแอสซึ่งเป็นชื่อที่สร้างไว้ด้วยกัน?
อ๊อฟ : บิ๊กแอสมันเป็นของทั้ง 5 คน แด๊กเองก็ใช้แด๊กบิ๊กแอสได้ไปตลอดทั้งชีวิต ไม่มีใครไม่มีสิทธิ์ในชื่อนี้ เพราะชื่อนี้มันให้ชีวิตกับพวกเราทั้ง 5 คน จากเด็กตัวเล็กๆ ที่หัดเล่นดนตรีจนมาอายุเท่านี้แล้ว เราภูมิใจในชื่อนี้ และเชื่อว่าแด๊กเองก็ภูมิใจในชื่อนี้เหมือนกัน
กับที่เขาบอกว่าเขาถูกบีบให้ออกจากวง?
กบ : ผมว่ามันเป็นเรื่องของการเดินทางไปถึงจุดๆ หนึ่งมากกว่า การที่เดินทางมาถึงจุดที่ต้องแยกทางกันมันไม่มีใครบีบใครได้อยู่แล้ว มันแค่เดินทางมาถึงจุดที่ต้องแยกทางกันเท่านั้นเอง
ก่อนที่จะแยกกันได้เตรียมนักร้องใหม่คือพี่เจ๋งไว้?
อ๊อฟ : (หัวเราะ) อยากจะบอกว่าตอนนั้นเรา 4 คนไม่รู้จะทำอะไรด้วยซ้ำไป มันมืดมนมาก ไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ เรารู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดที่วงดนตรีวงหนึ่งจะทำ ไม่มีใครเขาทำกันหรอกครับ เปลี่ยนนักร้อง สถานการณ์ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนหรือจะยุบ จะเลิก หรือเราจะทำอะไรต่อ เรารู้แต่ว่ามันเดินทางมาถึงจุดที่เราต้องแยกทางกันแล้วก็แค่นั้นเอง เรา 4 คนก็นั่งมองหน้ากันว่าจะเอายังไงกันดี เหตุการณ์ต่างๆ มันก็พามาเรื่อยๆ ก็มาเจอเจ๋ง มันเป็นเรื่องของการเดินทาง
ที่แด๊กออกไปตอนนั้นเพราะเสียงด้วยรึเปล่าที่ทำให้ต้องพักวงไปก่อน?
โอ๊ค : พวกเรายืนยันเสมอว่าเราตายคาเวทีกับเสียงของแด๊กได้ แด๊กเขาร้องเพลงมา 10 กว่าปีนะครับ เป็นรถยนต์นี่ซ่อมแล้วซ่อมอีก มันแน่นอนว่ามันต้องมีเสียมีอะไรอยู่แล้ว มันจะเห็นแก่ตัวมากเลยถ้าเราต้องแยกกันด้วยสาเหตุนี้ เสียงเป็นเรื่องที่เป็นองค์ประกอบเท่านั้นเอง แต่เหมือนที่บอกว่าเราลงลึกอะไรมากไม่ได้ แฟนกันมันยังเจาะไม่ได้เลยว่าทำไมเธอผิด ฉันถูก
ระหว่างที่เราออกอัลบั้มใหม่แล้วได้มีการเคลียร์กับแด๊กไหม เพราะเขาอาจจะน้อยใจได้ที่เรากลับมาทำงาน แต่เขากลับไม่มีผลงาน จึงเกิดการเข้าใจผิด?
อ๊อฟ : ไม่ได้คุยกันเลยครับ ก็เห็นเขาก็อยู่กับชาวแก๊งอะไรของเขานี่ครับ
โอ๊ค : ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาบนเส้นทางดนตรีอีกครั้ง เพราะที่คุยกันไว้คือแด๊กเขาอยากจะไปทำรายการมอเตอร์ไซค์อะไรของเขา ตอนนั้นเราก็คิดว่าการคุยครั้งนั้นก็ถือว่าจบด้วยดี แด๊กเองก็รู้ว่าไปแล้วเขาจะทำอะไรต่อ
พอมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อยากจะเคลียร์กับเขาไหม?
อ๊อฟ : เราทำทุกอย่างด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ณ วันนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีใครผิดหรือมีใครถูก หรือมีใครไม่จริง ทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่ต้องให้เกียรติ เราก็อยากจะให้เกียรติเขามากที่สุด ให้เกียรติเจ๋ง ให้เกียรติแฟนเพลงทุกคน ผมไม่อยากให้เกิดการกระพือแล้วมาทะเลาะกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่น่าจะคิดเลย มันน่าเสียใจที่จะต้องมาเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกันผ่านสื่อ ผมว่าเราให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมว่าน่าจะดีที่สุดสำหรับเวลาและสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้
โอ๊ค : ก็แปลกใจ ไม่ตกใจครับ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้อยู่แล้ว
มันมีผลกระทบกับวงหรือว่าแฟนเพลงไหม?
หมู : กับวงคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ ส่วนแฟนคลับเองก็คงเข้าใจ น้องๆ ที่เข้ามาทุกคนก็ให้กำลังใจ
โอ๊ค : ผมว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเข้าใจว่าเราผิดหรือเราถูกมันเป็นเรื่องของความคิดส่วนตัว มันห้ามกันไม่ได้เพราะอาจจะมีคนไม่ชอบในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เรียกว่าเราก็ทำในสิ่งที่เราทำอยู่ให้ดีที่สุด แด๊กเขาก็คงจะทำในสิ่งที่เขารักและทำให้ดีที่สุด
ตกลงว่าวันที่จากเป็นการจากกันด้วยดี ไม่ได้มีอารมณ์ตึงกัน?
อ๊อฟ : ถ้าไม่ดีมันก็คงจะไม่มีวันนี้ได้ เพราะเราเองก็วางอัลบั้มใหม่กันมาปีกว่าแล้ว
ในฐานะคนที่ต้องมาแทนที่รู้สึกยังไง?
เจ๋ง : ผมว่ามันเป็นเรื่องของการให้เกียรติกันมากกว่า ผมไม่สามารถพูดอะไรได้เยอะมาก ผมก็พูดในฐานะที่ผมเป็นนักร้องคนหนึ่ง ผมเข้ามาในแบบที่เราทำวงกันใหม่เท่านั้นเอง ส่วนในมุมมองอื่นนั้นเราไปห้ามความคิดใครไม่ได้จริงๆ ครับ ผมว่าการให้เกียรติกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
มีอะไรจะฝากบอกไปถึงแด๊กไหม?
อ๊อฟ : ก็เห็นเขาอ้วนท้วน สมบูรณ์ดี (หัวเราะ) ลูกแด๊กน่ารักมาก
จะมีเคลียร์กันไหม?
โอ๊ค : ผมว่ามันเป็นเรื่องของเวลานะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ณ ตอนนี้ ถ้ายังไม่สบายใจผมว่าเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เราก็ทำงานในสิ่งที่เราทำอยู่ เพราะวันหนึ่ง ผมเชื่อว่าถ้าเรามีการเข้าใจ หรือคุยกันมากกว่านี้ ยังไงแด๊กก็เป็นเพื่อนผมตลอดไปครับ ความรู้สึกนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง.